Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
6 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

อันซีน"ยโส" โบสถ์คริสต์สุดอลังการ ไหว้พระประธานหยกขาวใหญ่สุดในไทย

ท่องเที่ยว เมืองไทย
ขบวนแห่มาลัยข้าวตอกวันมาฆบูชา

เมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมา"ตะลอนเที่ยว"ได้ไปทำบุญไกลถึงเมืองยโสธร ที่เขามี "ประเพณีแห่มาลัย"
ซึ่งเป็นมาลัยข้าวตอกที่ชาวบ้านนำเอาข้าวเปลือก (ข้าวเหนียว) มาคั่วให้แตกเป็นข้าวตอก
แล้วนำข้าวตอกนั้นมาร้อยเป็นสายยาวและร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ทำเป็นมาลัยทั้งขนาดใหญ่และเล็กเพื่อเป็นพุทธบูชา
แล้วจัดขบวนแห่มาลัยข้าวตอกนี้ไปถวายที่วัด และแขวนไว้ในวัดไว้ตลอดทั้งปี จนถึงวันมาฆบูชาครั้งใหม่

เมื่อได้ไปไกลถึงเมืองยโสฯ หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันดีในชื่อ "เมืองบั้งไฟ" ก็ไม่ให้เสียเที่ยว
เพราะเรายังได้เดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดยโสธรด้วย และพบว่ามีหลายแห่งทีเดียวที่น่าสนใจ
น่าไปเที่ยวไม่น้อย อย่างเช่นในตัวเมืองยโสธร ที่ "บ้านสิงห์ท่า" ย่านเมืองเก่ามีเสน่ห์น่าเดินเล่น
ที่ว่าเป็นเขตเมืองเก่านี้ก็ถือว่าเก่าจริงๆ
เพราะบริเวณนี้ ถือเป็นจุดที่สร้างบ้านสร้างเมืองยโสธรตั้งแต่ยุคแรกเริ่มเลย ทีเดียว

ท่องเที่ยว เมืองไทย
บ้านเก่าแก่อิทธิพลศิลปกรรมยุโรปที่บ้านสิงห์ท่า

เมืองยโสธรนั้นมีความเป็นมาตั้งแต่สมัยทวารวดี มีบันทึกไว้ว่า พระเจ้าราชวงศา (พระวอ)
เสนาบดีแห่งเมืองเวียงจันท์ รวมถึงขุนนางต่างๆและไพร่พล ได้อพยพไปอาศัยกับเจ้านครจำปาศักดิ์
เมื่อเดินทางมาถึงดงผีสิงก็เห็นว่า มีทำเลเหมาะที่จะตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน จึงสร้างเมืองขึ้นที่บ้านสิงห์ท่า
และยกฐานะขึ้นเป็นเมืองยโสธร ต่อมาความสำคัญของเมืองยโสธรก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอีกหลายครั้ง
จนล่าสุดในปี 2456 ยโสธรกลายเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี
ก่อนจะถูกยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดยโสธรในปี 2515 ถือเป็นจังหวัดที่ 71 ของประเทศ

ท่องเที่ยว เมืองไทย
ลวดลายอันมีเสน่ห์ของบ้านเก่าเมืองยโส

บรรยากาศของบ้านสิงห์ท่าในวันนี้ มีเสน่ห์ด้วยความงดงามของตึกแถวโบราณและบ้านเรือน
ในแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสซึ่งมีให้เห็นอยู่หลายหลังด้วยกัน ยิ่งหากไปเยี่ยมชมชุมชนในตอนเช้าตรู่
ก็จะได้เห็นชาวบ้านออกมายืนรอพระสงฆ์ เพื่อตักบาตรอยู่หน้าบ้านหลังเก่าสไตล์ ยุโรปยุคอาณานิคม
ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านในช่วงเริ่มต้นวันใหม่ ที่น่าชมมากทีเดียว

และในย่านเมืองเก่านี้ก็มีวัดที่น่าสนใจที่ไม่ควรพลาด อย่าง "วัดสิงห์ท่า" ที่เป็นวัดในยุคเริ่มแรกของการสร้างเมือง
ต่อมามีการขุดพบสิงห์หินและพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ในดง จึงสถาปนาวัดนี้ขึ้นเป็นวัดสิงห์ท่า
ส่วนพระพุทธรูปที่พบนั้นก็นำมาประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ

พระธาตุพระอานนท์
พระธาตุพระอานนท์ที่วัดมหาธาตุ

วัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งในย่านนี้ก็คือ "วัดมหาธาตุ" ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญอย่างพระพุทธบุษยรัตน์
หรือพระแก้วหยดน้ำค้าง พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนคู่บ้านคู่เมืองยโสธร
อีกทั้งที่นี่ยังมีพระธาตุองค์สำคัญคือ "พระธาตุพระอานนท์" พระธาตุศิลปะลาว
ซึ่งภายในบรรจุอัฐิธาตุของพระอานนท์ ผู้เป็นพระอุปัฎฐากของพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังมีหอพระไตรปิฎกกลางน้ำ
เป็นที่เก็บคัมภีร์โบราณ และตู้เก็บพระคัมภีร์ลายรดน้ำเก่าแก่อีกด้วย

บริเวณคุ้มบ้านสิงห์ท่านี้ยังมีบ้านทำบั้งไฟ
ผลิตบั้งไฟล้านสำหรับใช้จุดในงานประเพณีบุญบั้งไฟช่วงเดือนพฤษภาคม อีกทั้งยังมีร้านทำปลาส้ม
ของกินขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดชิม ใครที่อยากชมบรรยากาศก็ต้องลองมาเดินเล่นถ่ายรูปกัน
หรือจะใช้บริการนั่งรถรางชมเมืองของทางเทศบาลก็ได้เช่นกัน

ธาตุก่องข้าวน้อย
ธาตุก่องข้าวน้อยที่บ้านตาดทอง

พูดถึงยโสธร นอกจากเรื่องบั้งไฟแล้วหลายๆคนก็อาจจะนึกถึงตำนานเรื่อง "ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่"
ที่เป็นเรื่องราวลูกชายที่ฆ่าแม่ด้วยอารมณ์โมโหหิวเพียงวูบเดียว เมื่อสำนึกว่าได้ทำบาปอย่างมหันต์เสียแล้ว
จึงสร้างธาตุเพื่อเป็นการไถ่บาป คนส่วนมากเชื่อว่าธาตุองค์นั้นก็คือ "ธาตุก่องข้าวน้อย" หรือ "ธาตุตาดทอง"
ที่บ้านตาดทอง ในอำเภอเมืองยโสธร ซึ่งเป็นธาตุสถาปัตยกรรมล้านช้าง
มีเรือนธาตุเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม มีซุ้มจระนำอยู่ทั้งสี่ทิศ

ธาตุลูกฆ่าแม่ ที่วัดทุ่งสะเดา
ธาตุลูกฆ่าแม่ ที่วัดทุ่งสะเดา

แต่มีอีกเรื่องเล่าหนึ่งที่เล่าถึงที่มาอันแตกต่างกันว่า ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้นำเอาของมีค่าต่างๆ
รวบรวมใส่ถาดทองคำเพื่อจะนำไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนม แต่องค์พระธาตุพนมสร้างเสร็จเสียก่อน
ชาวบ้านจึงได้สร้างธาตุตาดทองและนำของมีค่ามาบรรจุไว้ในนี้แทน ส่วน "ธาตุลูกฆ่าแม่"
ที่เชื่อว่าสร้างตามตำนานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่นั้น จริงๆ น่าจะอยู่ที่ "วัดทุ่งสะเดา" ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 2 ก.ม.
เป็นสถูปเจดีย์ 2 องค์ตั้งอยู่ใกล้กัน องค์หนึ่งเหลือแต่ฐานราก
อีกองค์หนึ่งมีฐานและเรือนธาตุเป็นรูปแปดเหลี่ยมมียอดเรียวแหลม สันนิษฐานว่าสร้างมาแล้วกว่า 200 ปี

พระประธานหยกขาว วัดพระพุทธบาทยโสธร
พระประธานหยกขาววัดพระพุทธบาทยโสธรขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย

คราวนี้ออกนอกเมืองมาดูแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ กันบ้าง ที่ "วัดพระพุทธบาทยโสธร" ในอำเภอมหาชนะชัย
ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำหลักจากหินทราย พระพุทธรูปศิลาแลงปางนาคปรก
และศิลาจารึกหินทรายซึ่งอักษรที่จารึกลบเลือนจนไม่สามารถอ่านได้
มีบันทึกไว้ว่าพระมหาอุตตปัญญาและสิทธิวิหาริก (ผู้ศรัทธาหรือลูกศิษย์) นำมาจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ.1378

เจดีย์ 8 เหลี่ยม ในวัดพระพุทธบาทยโสธร
เจดีย์ 8 เหลี่ยมในวัดพระพุทธบาทยโสธร

สิ่งก่อสร้างที่วัดพระพุทธบาทยโสธรนี้ มีความงดงามแบบศิลปะประยุกต์ เน้นความเรียบง่ายของสถาปัตยกรรม
ตัวอาคารทุกหลังทาด้วยสีขาวล้วน "ตะลอนเที่ยว" เข้าไปภายในพระอุโบสถเพื่อไปกราบพระพุทธโลกนาถ
ซึ่งเป็นพระประธานที่สร้างขึ้นจากหยกขาวขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
อีกทั้งยังได้เข้าไปในเจดีย์ 8 เหลี่ยมทรงระฆังคว่ำสร้างขึ้น เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ที่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาว
หุ่นขี้ผึ้งพระเกจิอาจารย์สำคัญของทางอีสาน และพระบรมสารีริกธาตุไว้ให้กราบไหว้
ส่วนรอยพระพุทธบาทนั้นถูกนำไปประดิษฐานในมณฑปที่กำลังสร้างขึ้นใหม่
แต่ก็สามารถขึ้นไปกราบสักการะได้เช่นกัน

ท่องเที่ยว เมืองไทย
โบราณสถานดงเมืองเตย

ส่วนในอำเภอเขื่อนคำแก้ว ไม่ไกลกันนั้น ก็เป็นที่ตั้งของ "โบราณสถานดงเมืองเตย" เมืองโบราณ
ซึ่งเป็นชุมชนยุคโลหะ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เรื่อยมาจนถึงสมัยทวารวดี ภายในเมืองมีพุทธสถาน
เนื่องในศิลปะทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 12 เห็นได้จากลายจำหลักอิฐที่ตัวโบราณสถานและหินทรายแดง
นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลศิลปะลพบุรีเข้ามาเกี่ยวข้องในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ด้วย

โบสถ์คริสต์ซ่งแย้
โบสถ์คริสต์ซ่งแย้ โบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

คราวนี้เดินทางมายังแหล่งท่องเที่ยวที่สุดท้าย ถือเป็นการปิดท้ายที่น่าประทับใจ
เพราะที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ในจังหวัดยโสธร นั่นก็คือ "วัดอัครเทวดามิคาแอล"
หรือ "โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" ที่อำเภอไทยเจริญ ที่มีประวัติน่าสนใจ โดยในอดีตกว่า 100 ปีที่แล้วนี้
บ้านหนองซ่งแย้ยังเป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางป่า เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ
5 ครอบครัวมาอยู่รวมกันที่นี่ จึงโดยชาวบ้านที่อยู่มาก่อนทำร้ายและขับไล่ออกจากหมู่บ้าน
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางไปหาบาทหลวงฝรั่งเศสเดชาแนล และออมโบรซีโอที่อำเภอป่าติ้วมาขับไล่ผีปอบ
ที่สิงอยู่กับตนและครอบครัว บาทหลวงทั้งคู่จึงเดินทางมาช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านหนองซ่งแย้
หลังจากนั้นชาวบ้านที่นี่จึงเข้ารีตเป็นชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
และต่อมามีคนอพยพมาอยู่มากขึ้นจนเป็นชุมชนชาวคริสต์ขนาดใหญ่

ท่องเที่ยว เมืองไทย
ความงดงามภายในโบสถ์คริสต์ ซ่งแย้

เมื่อมีบาทหลวงและชาวคริสต์ ก็ย่อมต้องมีโบสถ์คริสต์เป็นธรรมดา
โบสถ์หลังแรกๆ ที่สร้างนั้นยังเป็นเรือนไม้ธรรมดาๆ ซึ่งต่อมาก็ได้ผุพังไป แต่โบสถ์หลังปัจจุบันซึ่งเป็นหลังที่ 4 นี้
ได้สร้างขึ้นอย่างงดงามและใหญ่โต จนถือเป็น "โบสถ์ไม้ใหญ่ที่สุดในประเทศ"
ที่สร้างขึ้นมาด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชน
ที่ช่วยกันตัดไม้ ลากไม้มาสร้างขึ้นเป็นโบสถ์แบบศิลปะไทย มีความกว้าง 16 เมตร และยาวถึง 57 เมตร
ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุงหลังคามากถึง 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่างๆ กันถึง 360 ต้น
ส่วนไม้ที่เหลือจากการสร้างวัดนั้น ก็ยังได้นำไปใช้สร้างโรงเรียนบ้านซ่งแย้ ทิพยาอีกด้วย

* * * * * *

สอบ ถามรายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดยโสธรได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี (ดูแลพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ)
โทร.0-4524-3770, 0-4525-0714


ที่มา : //www.manager.co.th




 

Create Date : 06 เมษายน 2553
1 comments
Last Update : 6 เมษายน 2553 13:30:38 น.
Counter : 2196 Pageviews.

 

น่าไปเที่ยวมากคะ

 

โดย: อร IP: 210.213.38.178 30 เมษายน 2553 10:34:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.