The Counterfeiters นักปลอมชะตากรรม




The Counterfeiters
นักปลอมชะตากรรม

พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 23 มีนาคม 2551


*The Counterfeiters หรือ Die Falscher เป็นหนังนอกสายตาที่เพิ่งเข้าป้ายหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์หนล่าสุดในฐานะตัวแทนจากออสเตรีย มีเนื้อหาเกี่ยวกับค่ายกักกันชาวยิว เอาชนะคู่แข่งอีก 4 เรื่อง ได้แก่ 12 จากรัสเซีย Beaufort จากอิสราเอล Katyn จากโปแลนด์ และ Mongol จากคาซักสถาน ที่ล้วนแต่พูดถึงสงครามและความรุนแรงระดับเชื้อชาติเผ่าพันธุ์เช่นกัน

ผลงานกำกับฯ-เขียนบทของ สเตฟาน รูโซวิตซ์กี้ นักทำหนังชาวออสเตรียน จากหนังสือบันทึกความทรงจำของ อดอล์ฟ บูร์เกอร์ ช่างพิมพ์ชาวสโลวัก-ยิวที่ถูกจับฐานต่อต้านนาซีก่อนจะถูกส่งมายังค่ายแซกเซนเฮาเซนเพื่อร่วม “ปฏิบัติการเบิร์นฮาร์ด” กับนักโทษชาวยิวอีกจำนวนหนึ่ง

“ปฏิบัติการเบิร์นฮาร์ด” เป็นแผนการลับของนาซีระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อตั้งโดย เบิร์นฮาร์ด ครูเกอร์ เจ้าหน้าที่หน่วยเอสเอส มีเป้าหมายปลอมธนบัตรปอนด์มูลค่ามหาศาลส่งเข้าไปในระบบเพื่อทำลายเศรษฐกิจของอังกฤษ ว่ากันว่าปฏิบัติการนี้สามารถผลิตธนบัตรปลอมได้มากถึง 134 ล้านปอนด์ ทั้งยังมีแผนที่จะผลิตเงินดอลลาร์ด้วยแต่ยังไม่คืบหน้ามากนักตอนที่เยอรมนีแพ้สงคราม

หนังเล่าถึงปฏิบัติการนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนยุติ ผ่านชะตากรรมของซาโลมอน โซโรวิตช์ หนุ่มใหญ่นักปลอมแปลงฝีมือฉกาจแห่งเบอร์ลิน ตอนแรกหนังพาไปยังมอนติคาร์โลในช่วงเวลาที่สงครามยุติแล้ว ซาโลมอนในเครื่องแต่งกายภูมิฐานหอบหิ้วกระเป๋าใส่เงินจำนวนมากเข้าฝากธนาคาร เขาเล่นไพ่ได้เงินอีกก้อนใหญ่ และได้สาวฝรั่งเศสมาเชยชม เมื่อหญิงสาวทักเรื่องรอยสักตัวเลขบนแขนซึ่งบ่งบอกถึงอดีตในค่ายกักกันชาวยิว ภวังค์สำนึกได้พาซาโลมอนย้อนกลับไปสู่คืนวันอันโหดร้ายอีกครั้ง

เบอร์ลินปี 1936 ซาโลมอนเป็นนักปลอมเงินและพาสปอร์ตผู้หยิ่งทะนงและสนใจแต่เรื่องตัวเอง กระทั่งเขาถูกตำรวจจับและถูกควบคุมในค่ายแรงงานซึ่งต่อมากลายเป็นค่ายกักกัน ซาโลมอนใช้ความสามารถในการวาดรูปช่วยให้เขามีความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่ไม่นานเขาก็ถูกส่งมาที่แซกเซนเฮาเซนเพื่อให้เป็นหัวหน้าควบคุมงานของปฏิบัติเบิร์นฮาร์ดในฐานะที่เขามีความเชี่ยวชาญการปลอมธนบัตรเป็นพิเศษ ซึ่งผู้ที่คอยกำกับดูแลแผนการลับนี้ก็คือ แฮร์โซก ตำรวจที่จับซาโลมอนนั่นเอง

นักโทษที่ถูกส่งตัวมาพร้อมกันมี บูร์เกอร์ ช่างพิมพ์หนุ่มหัวแข็งซึ่งไม่เต็มใจทำงานนัก เพราะเขามองว่าเหมือนช่วยให้นาซีชนะสงคราม อีกคนคือ โคลยา เด็กหนุ่มเชื้อสายรัสเซียนหัวอ่อนซ้ำยังเป็นโรคร้าย ซาโลมอนจึงต้องคอยควบคุมไม่ให้บูร์เกอร์ก่อปัญหา และต้องหาทางช่วยโคลยาก่อนจะอาการหนักไปกว่านี้

เมื่อการปลอมธนบัตรปอนด์ประสบความสำเร็จ แฮร์โซกจึงเร่งให้ปลอมธนบัตรดอลลาร์โดยขู่ว่าถ้าไม่เสร็จตามกำหนดจะฆ่าบางคนทิ้ง แม้ซาโลมอนจะรู้ว่าบูร์เกอร์คือต้นเหตุที่ทำให้การปลอมดอลลาร์ล่าช้าและไม่สำเร็จสักที แต่เขาก็ยินดีและไม่คิดจัดการบูร์เกอร์ ขณะเดียวกัน ซาโลมอนก็ตระหนักว่างานปลอมดอลลาร์ช่วยให้คนส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่ละวัน แม้ในท้ายที่สุดจะช่วยให้นาซีชนะสงครามก็ตาม

คนที่เคยคิดถึงแต่ตัวเองอย่างซาโลมอนจึงต้องแบกรับและคิดหาหนทางให้ทุกปัญหาคลี่คลายในทางที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชีวิตตนเอง ชีวิตเด็กหนุ่มอย่างโคลยา ชีวิตเพื่อนร่วมชะตากรรมในแซกเซนเฮาเซน และในฐานะของชาวยิวที่ไม่ต้องการเป็นเครื่องมือให้นาซี แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ซาโลมอนต้องแบกรับนี้เกินกว่าที่เขาจะจัดการได้ทั้งหมด

*ค่ายกักกันและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว-นาซี-ฮิตเลอร์-สงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวเหล่านี้ดูจะเป็นเรื่องเล่าไม่รู้จบที่เหมาะแก่การนำมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ มีแง่มุมใหม่ๆ น่าสนใจรอการถูกค้นพบอยู่เสมอ แม้บางครั้งจะมีรูปแบบความเป็นไปของเรื่องราวคลับคล้ายกันก็ตาม

The Counterfeiters ก็เช่นกัน เรื่องราวของคนที่ต้องรักษาตัวรอด พร้อมกันนั้นก็ต้องโอนอ่อนต่อมโนธรรมที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ คือพล็อตที่เคยเห็นในหนังอย่าง Schindler’s List (1993) ของสตีเว่น สปิลเบิร์ก หรือเป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง The Pianist (2002) ของโรมัน โปลันสกี้ (ทั้งยังใกล้เคียงกับ The Lives of the Others ผู้ชนะออสการ์สาขาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่ฉากหลังของเรื่องนี้เกิดในยุคเยอรมนีตะวันออก) อยู่ที่ว่าหนังจะมีรายละเอียดของเรื่องราว-ตัวละครแปลกใหม่และดึงดูดความสนใจได้แค่ไหน ประกอบกับการนำเสนอว่าทำได้ดีเพียงใด

ในระดับหนึ่งเรื่องราวชะตากรรมชาวยิวในแง่มุมเกี่ยวกับปฏิบัติการเบิร์นฮาร์ดเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยปรากฏในภาพยนตร์ จึงถือเป็นความน่าสนใจในเบื้องต้น และหนังได้นำเสนอโดยผูกโยงไปกับชะตากรรมของตัวละครได้อย่างดี

ชาวยิวที่ได้รับมอบหมายงานปลอมธนบัตรมีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีที่นอน ห้องน้ำ มีอาหารกินไม่ขาด ไม่ต้องใช้แรงงานหรือกังวลว่าจะถูกพาไปฆ่าเมื่อใด ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้เป็นชาวยิวที่ตกเป็นเหยื่ออีกแล้ว แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกนาซี นี่จึงไม่ใช่แค่การปลอมธนบัตร แต่พวกเขาได้ปลอม “ตัวตน” ของตนเองจากสิ่งไร้ค่าให้กลายมีค่าขึ้นมา

สำหรับซาโลมอน...การปลอมธนบัตรให้เหมือนจริงไม่ต่างจากการเสแสร้งแกล้งทำเพื่อเอาตัวรอดในแต่ละสถานการณ์ และคุณค่าของอะไรบางอย่างกับความไร้ค่าอาจจะใกล้เคียงกันจนไม่อาจตัดสินได้อย่างผิวเผิน ไม่ต่างจากธนบัตรและการกระทำของเขา

ฉากสุดท้ายที่ซาโลมอนเต้นรำริมชายหาด พร้อมกับบอกแก่หญิงสาวหลังจากเสียเงินจำนวนมากในเกมพนันว่าเขาทำเงินได้อีกเสมอ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลับไปปลอมแปลง แต่หมายถึงเขากำลังพาตัวเองหลุดพ้นจากอดีตอันเจ็บปวด และเงินไม่มีค่าเท่ากับการมีชีวิตรอดหลังจากความเลวร้ายได้สิ้นสุดลง

นอกเหนือจากการถือกล้องถ่ายด้วยมือโดยที่มองไม่เห็นจุดประสงค์ว่าเพื่ออะไร เพราะหนังไม่ได้นำเสนอแบบสมจริงถึงขนาดให้ผู้ชมเข้าถึงแบบใกล้ชิด และคาร์ล มาร์โควิกส์ ผู้แสดงเป็นซาโลมอนยังมีแรงดึงดูดไม่มากพอแล้ว ภาพรวมของหนังถือว่าทำออกมาได้ดี แต่ละฉากดูหนักแน่น จริงจัง น่าติดตามตลอดความยาว 98 นาที

มีฉากสะเทือนใจและฉากเร่งเร้าอยู่พอสมควรโดยไม่บีบคั้นจนเกินไป มีฉากบังคับของหนังทำนองนี้อย่างฉากเหยื่อชาวยิวโดนยิงต่อหน้าตัวละคร ฉากลุ้นความอยู่รอด และตัวละครผู้คุมขาโหด เสียงเพลงฮาร์โมนิก้าสไตล์ละตินก็ดูจะเหมาะเจาะกลมกลืนกับหนัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อ The Counterfeiters เป็นหนังที่ได้รับเลือกว่าดีที่สุดจากจำนวน 63 เรื่อง 63 ประเทศ ที่ส่งประกวด ทำให้ผู้เขียนเรียกร้องว่าน่าจะมีอะไรพิเศษมากกว่าความดีงามในเกณฑ์มาตรฐานกับเค้าโครงเรื่องราวและวิธีการนำเสนอที่คุ้นเคย

อย่างน้อยเมื่อเทียบกับหลายเรื่องที่เคยผ่านตาและไม่ผ่านแม้กระทั่งรอบ 9 เรื่องสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น I Served the King of England จากสาธารณรัฐเช็ก The Edge of Heaven จากเยอรมนี 4 Months, 3 Weeks and 2 Days จากโรมาเนีย หรือ Persepolis จากฝรั่งเศสที่ถูกเลือกให้เข้าชิงในสาขาหนังแอนิเมชั่น

ทุกเรื่องที่กล่าวมาดูจะเหนือกว่าผู้ชนะทั้งนั้น




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2551
10 comments
Last Update : 9 พฤษภาคม 2551 11:17:21 น.
Counter : 2749 Pageviews.

 


ช่วงนี้ทำเหมือนว่างเลย
อัพบล็อกเป็นว่าเล่น



 

โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ 9 พฤษภาคม 2551 5:56:13 น.  

 

กำลังช็อกที่เรื่องนี้ได้ฉายสกาล่าครับ 555+
iron man โดนถีบไปลิโด้เฉยเลย (เพราะโรงสยามก็โดนโตเกียวทาวเวอร์ยึดอยู่)

 

โดย: nanoguy IP: 125.24.127.237 9 พฤษภาคม 2551 6:56:35 น.  

 

ไปดูมาแล้ววววว

หดหู่ใจทุกทีที่ดูหนัง นาซี/ยิว

 

โดย: renton_renton 9 พฤษภาคม 2551 10:08:14 น.  

 

ฟังดูหดหู่จัง

 

โดย: haro_haro 9 พฤษภาคม 2551 10:41:24 น.  

 

สวัสดีครับ
ยังเป็นนักดูหนังชั้นเทพเหมือนเดิมนะครับ
อิจฉาคนมีเวลาได้ทำในสิ่งที่ชอบเยอะๆจัง

 

โดย: jonykeano 9 พฤษภาคม 2551 10:51:09 น.  

 

อยากดูจังค่ะ ชอบหนังแนวนี้

 

โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 125.25.117.198 9 พฤษภาคม 2551 11:49:18 น.  

 

เพิ่งไปดูมาครับ

ผมว่าพระเอกไม่ดึงดูดอย่างที่พี่ว่า แต่การแสดงของเขาค่อนข้างน่าสนใจ ในการแสดงความแห้งแล้งออกทางสายตา แต่ก็แสดงความสับสนของตัวละครออกมาได้ดี

ส่วนหนึ่งเสียดายที่หนังเหมือนกับ "ยังไม่สุด" แต่มนก็ดันได้รางวัลมาเสียแล้ว หนังน่าจะออกมาดูดีกว่านี้ได้มาก เพราะที่เป็นอยู่นี้ยังตามสูตรอยู่เยอะ (และผมไม่ชอบช่วงท้ายของหนังเอาเสียเลย ตั้งแต่หนังตัดกลับมาเหตุการณ์ในบ่อน) จากตัวละครพระเอกที่ดูน่าสนใจมากๆ พอตอนจบ เขาเลยเป็นตัวละครธรรมดาไปซะงั้น

 

โดย: nanoguy IP: 125.24.127.237 9 พฤษภาคม 2551 19:40:55 น.  

 

เรื่องนี้จะพยายามหาเวลาไปดูที่สกาล่าให้ได้ หนังระดับนี้ไม่พลาดอยู่แล้ว

 

โดย: joblovenuk 10 พฤษภาคม 2551 9:17:07 น.  

 

ชอบ speed จัง...

 

โดย: beerled IP: 203.154.188.177 12 พฤษภาคม 2551 17:06:11 น.  

 

รบกวนหลังไมค์ด้วยฮะ

 

โดย: ... IP: 58.8.240.244 14 พฤษภาคม 2551 8:42:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.