Mongol เจงกิสข่านคาซักสถาน
Mongol เจงกิสข่านคาซักสถาน
พล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 6 เมษายน 2551
จั่วหัวว่าคาซักสถาน เนื่องจาก Mongol คือหนังที่คาซักสถานเลือกเป็นตัวแทนชิงรางวัลออสการ์หนังภาษาต่างประเทศครั้งที่ผ่านมาและสามารถทะลุไปถึงรอบสุดท้าย แต่ตามจริงแล้ว Mongol มีสถานะเป็นหนังนานาชาติมากกว่า เพราะร่วมสร้างโดยบริษัทหนังหลากสัญชาติทั้งคาซักสถาน รัสเซีย เยอรมนี มองโกเลีย ใช้สถานที่ถ่ายทำหลักในประเทศจีนบริเวณมองโกเลียในและในคาซักสถาน ผู้กำกับฯเซอร์เก โบดรอฟ เป็นชาวรัสเซียนซึ่งปัจจุบันอาศัยในสหรัฐอเมริกา
ที่พิเศษสุดคือเจงกิสข่านเวอร์ชั่นนี้สวมบทโดย ทาดาโนบุ อาซาโนะ นักแสดงมากฝีมือชาวญี่ปุ่นซึ่งคนไทยรู้จักดี อย่างน้อยก็จากหนัง 2 เรื่องของ เป็นเอก รัตนเรือง
เบื้องหลังที่แน่นปึ้กทำให้ Mongol ดูอลังการได้มาตรฐานสมกับเป็นชีวประวัตินักรบผู้ยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกัน งานสร้างระดับอินเตอร์ก็ทำให้ไม่อาจเห็นถึงความเป็น หนังคาซักสถาน จากหนังเรื่องนี้
หนังใช้ภาษามองโกเลียน ความยาว 120 นาที จับช่วงชีวิตของเจงกิสข่านหรือเตมูจินตั้งแต่วัย 9 ขวบ ซึ่งเกิดจุดพลิกผันสำคัญในชีวิต จนถึงช่วงเวลาเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ในฐานะ ข่าน ของชาวมองโกลทั้งมวล เปิดเรื่องขณะที่เตมูจินถูกจับขังเป็นนักโทษในอาณาจักรของพวกตุนกุส ก่อนจะเล่าย้อนไปถึงวันแรกที่เตมูจินในวัย 9 ขวบ ได้พบกับ บอรเต เด็กหญิงวัยแก่กว่า 1 ปี ซึ่งบอกเตมูจินว่าเขาควรเลือกเธอเป็นเจ้าสาว
เตมูจินทำตามนั้น เขาเลือกบอรเตเป็นเจ้าสาวและให้คำมั่นว่าอีก 5 ปีจะกลับมารับตัว แม้จะขัดกับความตั้งใจของอีซูเกผู้เป็นพ่อที่ต้องการให้เขาเลือกหญิงชาวเมียร์กิตเพื่อลบความขัดแย้งในอดีตหลังจากที่พ่อเคยลักตัวหญิงชาวเมียร์กิตมาเป็นเมีย ซึ่งก็คือแม่ของเตมูจิน
ระหว่างเดินทางกลับเผ่า อีซูเกถูกชาวตาตาร์วางยาพิษจนเสียชีวิต บรรดาลูกน้องของพ่อนำโดยทากูไตไม่ยอมรับเด็กอย่างเตมูจินขึ้นเป็นผู้นำเผ่าคนใหม่ พวกมันยึดทรัพย์สมบัติและจับเตมูจินเป็นทาสเพื่อรอเวลาประหารชีวิต แต่เด็กน้อยผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมได้วิ่งหนีไปทั้งที่มีขื่อตรวนติดคอ
ตัดข้ามมาในวัยหนุ่มฉกรรจ์หลังเอาชีวิตรอดจากความยากลำบากมาได้ เตมูจินกลับไปรับตัวบอรเตมาเป็นเจ้าสาวและคิดจะลงหลักปักฐานกับแม่และคนในครอบครัวที่พลัดพรากกันมานาน แต่วันเวลาแห่งความสุขต้องสิ้นสุดลงเมื่อชาวเมียร์กิตซึ่งยังมีรอยแค้นฝังลึกยกพวกมาทำร้ายเตมูจินและลักพาตัวบอรเตไป
หนึ่งปีต่อมาเตมูจินบุกไปช่วยบอรเตได้ด้วยความช่วยเหลือของจามูกา เพื่อนสนิทที่นับถือกันเป็นพี่น้องร่วมสาบานและเป็นหัวหน้าเผ่าขนาดใหญ่ แต่แล้วระหว่างเตมูจินกับจามูกาก็มีเหตุให้เกิดความบาดหมางใจ การสู้รบด้วยกำลังคนที่ต่างกันทำให้เตมูจินพ่ายแพ้และถูกขายเป็นทาส กระทั่งมาเป็นนักโทษอยู่ที่อาณาจักรของพวกตุนกุส
เรื่องราวต่อไปคือการหนีออกมาจากที่คุมขัง กลับไปอยู่กับครอบครัว รวบรวมกำลังพลชาวมองโกลโดยมีศัตรูคนสำคัญอย่างจามูกาขวางทางอยู่ จากนั้นก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งเตมูจินได้อีก
ที่ผ่านมาช่วงชีวิตวัยเยาว์ของเตมูจินที่มีการศึกษาเผยแพร่มีอยู่จำกัด แหล่งข้อมูลอันน้อยนิดก็มักจะขัดแย้งกันเอง จึงเป็นช่องทางที่เปิดกว้างในการแต่งเติมเรื่องราวตามจินตนาการ อย่างไรก็ดี เหตุการณ์หลักที่รับรู้กันทั่วไปอย่างการเลือกเจ้าสาวในวัย 9 ขวบ พ่อถูกวางยาพิษระหว่างเดินทางกลับ หรือบอรเตถูกชาวเมียร์กิตลักพาตัวไป ยังเป็นเหตุการณ์สำคัญในหนังที่ขาดไม่ได้ ขณะที่บางเหตุการณ์อาจถูกขยับขยาย รวบร่น หรือดัดแปลงให้ต่างออกไป เพื่อใส่เรื่องราวที่ผู้สร้างแต่งเติมและต้องการเสริมเน้น
ภาพลักษณ์ของเตมูจินหรือเจงกิสข่านในการรับรู้ของคนทั่วไปถ้าไม่ใช่ความเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ก็มักฝังแน่นกับความเหี้ยมโหดแข็งกร้าว แต่เตมูจินวัยเด็กจนถึงช่วงเริ่มต้นรวบรวมชาวมองโกลในหนังเสมือนการปูพื้นเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของความเป็นวีรบุรุษในอุดมคติ นั่นคือมีความกล้าหาญ มุ่งมั่น อดทน หากยังมีคุณธรรม มีเมตตา และรักษาสัจจวาจา
พูดง่ายๆ ว่าบุคลิกของเตมูจินถอดแบบมาจากพระเอกรุ่นคลาสสิค ไม่ว่าจะในหนังจีนกำลังภายในหรือในหนังสัญชาติไหนๆ
หลายฉากสะท้อนถึงภาพลักษณ์ดังกล่าว คือนอกจากจะนำเสนอการต่อสู้อย่างห้าวหาญ ความมานะอุตสาหะ และอดทนต่อความยากลำบากอันเป็นคุณสมบัติของนักรบแล้ว หนังยังนำเสนอภาพของนักปกครองผู้มีคุณธรรม เช่นฉากเตมูจินยกทรัพย์สมบัติที่ยึดได้หลังการรบแก่ลูกน้อง ปกป้องและช่วยเหลือผู้อยู่ในอาณัติหรือผู้ที่อ่อนแอกว่าแม้ตนเองต้องเดือดร้อน การรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับพระสงฆ์ว่าจะไม่ทำลายวัดวาอาราม(ตรงจุดนี้หนังเน้นเป็นพิเศษโดยใส่ไว้ในข้อความท้ายเรื่อง) และปล่อยจามูกาเป็นอิสระเพราะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง
ภาพลักษณ์อย่างหลังนี่เองที่หนังชี้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เตมูจินอยู่เหนือข่านทั้งมวล ก่อความเคารพศรัทธาจนสามารถรวบรวมเผ่าชนชาวมองโกลได้เป็นหนึ่งเดียว มิใช่ความโหดร้ายเด็ดขาดหรืออำนาจบาตรใหญ่
และเหตุที่เตมูจินตั้งตนเป็นใหญ่เพราะต้องการขจัดความเสื่อมทรามโหดร้ายที่แผ่ลามปกคลุมชาวมองโกลอยู่ในเวลานั้น
อีกภาพลักษณ์หนึ่งที่หนังนำเสนออย่างโดดเด่นคือความรักของเตมูจินต่อบอรเต เป็นรักที่คงมั่นยาวนาน เป็นเสมือนภารกิจแรกที่เขาต้องทำให้สำเร็จลุล่วงก่อนจะคิดการอื่นใด ไม่ว่าจะหลังการระหกระเหินเร่ร่อนอยู่นานหลังจากพ่อเสียชีวิต เมื่อบอรเตถูกลักพาตัวไป หรือเมื่อรอดพ้นจากคุกของพวกตุนกุส
กระทั่งเราได้ยินคำพูดอ่อนหวานจริงใจจากปากของเตมูจินว่า ข้าอยู่โดยปราศจากเจ้าไม่ได้
ใช่เพียงเป็นหญิงสาวผู้เป็นรักแท้ของเตมูจินเท่านั้น มีหลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่าบอรเตมีอิทธิพลต่อเตมูจิน เธอคือหญิงสาวผู้แข็งแกร่ง สละตัวเพื่อช่วยชีวิตเขาถึง 2 ครั้ง ทั้งยังมองเห็น หยั่งรู้ และเข้าใจสังคมมองโกลหรือโลกที่ผู้ชายเป็นใหญ่ได้อย่างดี จนบางครั้งเธอคือผู้ชี้นำการตัดสินใจของเขา
บทบาทของบอรเตในหนังจึงสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเตมูจิน
จุดหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือหนังชี้ชัดว่า โจฉิ ลูกชายคนแรกของเตมูจินไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา แต่เกิดจากชาวเมียร์กิตที่ลักพาตัวบอรเตไป ที่ผ่านมาเรื่องราวตรงส่วนนี้มักเล่าขานกันแบบตั้งข้อสงสัย ไปจนถึงชี้ว่านี่คือสาเหตุที่โจฉิไม่ใช่ผู้สืบทอดของเจงกิสข่านทั้งที่เป็นลูกชายคนโต และทำให้พ่อ-ลูกคู่นี้บาดหมางกัน แต่หนังได้แสดงให้เห็นว่าเตมูจินรักและภูมิใจในลูกชายคนนี้มาก แม้แต่ลูกสาวซึ่งเกิดจากพ่อค้าชาวตุนกุส เขาก็ประกาศอย่างหนักแน่นว่าเธอคือลูกสาวของเขา เพื่อให้เห็นถึงจิตใจสูงส่งและการให้ความสำคัญกับครอบครัวของเตมูจิน
หนังมีร่องรอยแฟนตาซีอยู่พอสมควร เช่นในส่วนที่เกี่ยวกับเทพเจ้าเต็งกรี และญานสัมผัสของบอรเต รวมไปถึงพายุในฉากสงครามครั้งใหญ่ แต่ฉากดังกล่าวถือเป็นข้อด้อยได้เช่นกันเนื่องจากฉากรบเรียกน้ำย่อยก่อนหน้านั้นทำได้ยอดเยี่ยมและสวยงามอย่างยิ่ง แต่เมื่อถึงการสัประยุทธ์ครั้งใหญ่กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันและจบลงง่ายดายจนอารมณ์ที่ถูกส่งขึ้นสูงถูกปล่อยให้ตกลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากความสำเร็จของ Mongol แล้วคาดว่าจะมีภาค 2 และ 3 ตามมา เพราะหนังถูกวางให้เป็นภาคแรกในไตรภาคว่าด้วยประวัติชีวิตเจงกิสข่าน
ถ้าทำสำเร็จด้วยมาตรฐานเดียวกับภาคแรกคงต้องถือเป็นไตรภาคที่ยิ่งใหญ่อีกเรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์
Create Date : 17 มิถุนายน 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 22:27:11 น. |
Counter : 3017 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Hello IP: 58.64.66.188 26 มิถุนายน 2551 19:11:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................
พญาอินทรี
ศราทร @ wordpress
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อยากรู้ว่าอาซาโน่จะเป็นเตมูจินแบบไหน