คุยเรื่องศิลปะกับศิลปินแห่งชาติ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (31พฤษภาคม 2557) ผมได้มีโอกาสไปฟังงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการกับศิลปินแห่งชาติ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในงาน อลังการผสานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ จัดโดยห้างสรรพสินค้าซีคอน บางแค ร่วมกับหออัครศิลปิน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม โดยเป็นการบรรยายของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ในปี 2554 ผมได้ฟังแล้วก็ลองสรุปสาระความรู้เกี่ยวกับเรื่องศิลปะที่ได้รับจากการฟังบรรยายในวันนั้นออกมา โดยผมอาจจะเก็บรายละเอียดไม่ครบถ้วนและถูกต้องทั้งหมด แต่ผมก็พยายามจดจำและนำกลับมาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้อ่านดังนี้ครับ
(ถ้ามีข้อมูลจากการบรรยายในส่วนใดคลายเคลื่อนหรือผิดพลาดไปบ้างผมก็กราบของอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)
โลโก้ที่เป็นลายเซ็นประจำตัวของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
แฟนคลับของอาจารย์เฉลิมชัยที่ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่เลยครับ
@อ.เฉลิมชัย บอกว่าปกติเวลาที่ท่านจะจัดงานนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะ ท่านจะต้องออกการ์ดเชิญด้วยตัวเองประมาณ 5 หมื่นใบเพื่อเชิญแขกผู้มีเกียรติให้มาเยี่ยมชมงาน แต่ในวันนี้ไม่ได้ออกการ์ดเชิญเลยเพราะว่าทางห้างซีคอน บางแคได้เชิญท่านมาพูด ท่านเห็นมีทั้งลูกศิษย์และคนที่สนใจเข้ามาร่วมฟังกันอย่างมากมาย อ.เฉลิมชัย เลยแจ้งข่าวว่าในปีนี้จะมีการจัดงาน วาดทำบุญ ครั้งที่ 4 ขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2557 นี้ ใครที่สนใจก็ให้รีบเตรียมตัวไว้ได้เลย
@อ.เฉลิมชัย เริ่มการบรรยายโดยเล่าให้ฟังว่า ท่านตั้งใจที่จะเป็นศิลปินมาตั้งแต่เด็กแล้ว ท่านวางแผนการดำเดินชีวิตด้วยตัวเองมาโดยตลอด โดยไม่ได้พึ่งพาใครแม้กระทั่งพ่อแม่ เชื่อมั่นในตัวเองมาตลอดว่าจะเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ พยายามปูพื้นฐานของตัวเองให้กลายมาเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ของโลกให้ได้ จนกระทั่งในปัจจุบันได้มาสร้างวัดร่องขุ่นด้วยตัวเอง
@อ.เฉลิมชัย ยกย่องไมเคิล แองโจโล่ ว่าเป็นศิลปินใหญ่ของโลก เพราะว่าเป็นศิลปินที่มีผลงานอันยิ่งใหญ่ครบทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม แต่ว่าไมเคิล แองโจโล่ ยังไม่อาจจะถือว่าเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะว่าเขาเป็นศิลปินที่รับจ้างทำงานศิลปะแลกกับเงิน โดยเป็นลูกจ้างของคริสตจักรแห่งกรุงโรม เขารับเงินในการสร้างผลงานศิลปะจากโป๊ป
@งานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้วัดกันที่ขนาด แต่วัดกันที่ความประณีตในเนื้องาน วัดกันที่ความวิจิตรพิสดารมากกว่า ซึงวัดร่องขุ่นถือว่าเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ชิ้นเอกของโลกเช่นกัน อีกทั้งวัดร่องขุ่นเป็นสถานที่ซึ่งรวมรวบเอาผลงานศิลปะที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่ของชาติเอาไว้ ในการที่จะสร้างผลงานศิลปะที่เป็นงานสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่นั้นจำเป็นต้องนำศิลปินจำนวนมากมาสอน โดยสอนกันเป็นสกุลช่างในสาขาหรือแขนงต่าง ๆ สอนกันเป็นเวลานานกว่าที่จะสร้างเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้
@งานศิลปะเป็นงานที่คนพิเศษเท่านั้นจึงจะสร้างขึ้นมาได้ งานศิลปะเป็นผลงานที่ศิลปินถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกข้างใน ซึ่งสูงสุดของมนุษย์คือการเข้าถึงจิตวิญญาณและถ่ายทอดมันออกมา
@งานศิลปะเป็นสิ่งที่มีค่าของมนุษย์ เป็นสิ่งที่อวดรสนิยมของคนในชาตินั้นได้ การเรียนรู้ศิลปะจึงทำให้คนเกิดมีความละเอียดอ่อนในอารมณ์ จึงพัฒนาต่อไปเป็นรสนิยมในการใช้ชีวิต แล้วต่อเนื่องไปเป็นการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ
@ประเทศด้อยพัฒนาเสพวัตถุ แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วเสพอารมณ์ที่สุนทรี
@สุนทรียภาพ + ความงาม ทำให้มนุษย์มีความประณีตทางอารมณ์มากขึ้น ดังนั้นมนุษย์จึงต้องสังเกตและเฝ้ามองสิ่งที่ดีสิ่งที่มีสุนทรียภาพอยู่เสมอ
@การท่องเที่ยวคือการไปซึมซับในสิ่งที่ไม่เคยพบเห็น เพื่อนำกลับมาสร้างเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีเยี่ยมออกมาได้ ดังนั้นการท่องเที่ยวจึงเหมือนกับเป็นการเติมพลังให้แก่ชีวิต
@ศิลปะคือรากฐานสำคัญของมนุษย์ ที่ทำให้มนุษย์สามารถคิดค้นศาสตร์ในสาขาอื่นตามขึ้นมาได้
@สิ่งสำคัญที่สุดที่ผลงานศิลปะต้องมีก็คือความงาม โดยความงามนั้นประกอบไปด้วย 1.รูปทรง 2.เส้น 3.สี 4.พื้นผิว ซึ่งทั้ง 4 อย่างนี้รวมกันเรียกว่า ธาตุทางศิลปะ (อีลีเม้นท์)
@องค์ประกอบของความงาม คือ 1.สวยเพราะรูปทรงสวย 2.สวยเพราะมีสัดส่วนที่งดงาม 3.ดูแล้วให้อารมณ์ความรู้สึก
@งานศิลปะไม่ใช่เพียงแค่การวาดภาพเหมือน แต่งานศิลปะต้องแสดงอารมณ์ออกมาด้วย
@ศิลปินแต่ละท่านจะมีสไตล์หรือเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ผลงานศิลปะที่แสดงออกมานั้นจึงเสมือนมีลายเซ็นของศิลปินท่านนั้นปรากฏอยู่ด้วยเสมอ
อาจารย์เฉลิมชัยมีลีลาการพูดในสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร
@อ.เฉลิมชัย รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถที่จะวาดรูปให้ดีสู้ต่างประเทศได้ อ.เฉลิมชัย จึงพยายามรวมเอาศิลปะทั้ง 3 แขนงอันได้แก่ จิตรกรรม , ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม มาสร้างเป็นวัดร่องขุ่นที่ถือว่าเป็นผลงานศิลปะอันยิ่งใหญ่ สามารถสร้างสิ่งกระทบที่เป็นบรรยากาศและอารมณ์ให้แก่ผู้ที่พบเห็นได้
@อ.เฉลิมชัย พยายามอธิบายให้ฟังว่า วัดพระแก้วในมุมมองของชาวต่างชาตินั้นถือว่าเป็นผลงานศิลปะที่ตกค้างมาจากยุคสมัยอยุธยา ถึงแม้จะสวยเก๋แต่ก็ดูธรรมดา สวยแต่เรียบเพราะว่าเป็นผลงานที่สร้างขึ้นสำหรับกษัตริย์ อ.เฉลิมชัย ยังบอกต่ออีกว่าผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้ล้วนแต่สร้างโดยสถาบันกษัตริย์ทั้งสิ้น เพราะว่าผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องใช้บารมีและเงินจำนวนมหาศาลในการสร้าง
@ผลงานศิลปะของไทยในสมัยโบราณนั้นได้รับอิทธิพลมาจากประเทศศรีลังกาเป็นส่วนใหญ่ โดยเริ่มเข้ามาในสมัยสุโขทัยแล้วก็พัฒนาต่อเนื่องจนกระทั่งมารุ่งเรืองที่สุดในสมัยอยุธยา ดังนั้นงานศิลปะในช่วงสมัยอยุธยาถือว่าเป็นผลงานที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งทั่วโลกยังต้องยกย่องและยอมรับ แต่น่าเสียดายที่ผลงานศิลปะที่งดงามในสมัยอยุธยานั้นถูกเผาทำลายไปเกือบหมดตั้งแต่ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว ศิลปินผู้เป็นช่างสร้างงานศิลปะในยุคนั้นก็ถูกกวาดต้อนจนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนไม่อาจจะซ่อมแซมหรือสร้างศิลปวัตถุที่งดงามขึ้นมาได้ใหม่อีก
@ในยุคปัจจุบันนี้วัดร่องขุ่น หรือที่ฝรั่งเรียกว่า ไวท์เทมเปิ้ล นั้น ถือว่าเป็นวัดที่มีบรรยากาศงดงามและมีสุนทรียภาพดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งบรรยากาศนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอีกประการของงานศิลปะเช่นกัน
@การเข้าใจถึงสุนทรียภาพก็คือการเข้าใจถึงอารมณ์ ดังนั้นเมื่อมนุษย์มีสุนทรียภาพแล้วมนุษย์ก็จะเป็นคนดี
@การคิดพร้อมทั้งจินตนาการ คือการคิดด้วยสติปัญญาที่ลึกซึ้ง
@คนไทยมองไม่เห็นคุณค่าและความงาม เพระว่าคนไทยยังขาดความรู้และความเข้าใจในศิลปะ จึงยังไม่สามารถเข้าถึงสุนทรียภาพของความงามได้
@ความงามคืออาหารทิพย์ ความงามมีอยู่ 2 อย่างคือ 1.ธรรมชาติที่งดงาม 2.ศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้น
@ศิลปะที่บริสุทธิ์ หรือ เพียวอาร์ต (Pure Art) คืองานศิลปะที่ศิลปินคิดและสร้างขึ้นมาเอง โดยเป็นงานศิลปะที่เกิดจากความรู้สึกลึก ๆ (จินตนาการ) ข้างในของศิลปิน
หลังจากจบการบรรยายมีการถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหารห้างซีคอน บางแค
แฟนคลับรุมขอลายเซ็นเพียบ ผมขอถ่ายภาพกับท่านอาจารย์เฉลิมชัย แต่ด้วยความตื่นเต้นก็เลยลืมขอลายเซ็นท่านครับ
ท้ายสุดนี้ผมต้องขอชี้แจงว่า ตัวผมเองนั้นไม่ได้เรียนจบมาทางด้านศิลปะ และไม่มีความรู้ทางด้านศิลปะที่ลึกซึ้งแต่อย่างใดเลย ดังนั้นข้อสาระที่ผมเขียนสรุปข้างต้นนี้ผมเขียนขึ้นมาจากการที่ผมได้ฟังบรรยายแล้วพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาด้วยความรู้ที่ผมพอจะมีอยู่บ้าง สำหรับท่านที่เป็นแฟนคลับของท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ นั้นคงทราบดีว่าในการบรรยายแต่ละครั้งนั้น ท่านมีสไตล์การพูดที่เป็นเอกลักษณ์แบบเฉพาะตัว แต่ที่ผมเขียนสรุปมาให้อ่านกันนี้โดยผมได้ตัด ไอ้เหี้ย , ไอ้ห่า , พ่อง , แม่ง , ด่าโน้น , ด่านี้ ฯลฯ และลีลาท่าทางของท่านอาจารย์เฉลิมชัยออกไป แล้วผมพยายามเรียบเรียงออกมาเป็นข้อความที่สามารถอ่านกันได้ทั่วไป ผมยอมรับว่าในการบรรยายนั้นท่านอาจารย์เฉลิมชัยเน้นเอาฮาและเน้นเอาขำเป็นหลัก แต่สิ่งที่ซ่อนเร้นแฝงอยู่ในความบันเทิงที่อาจารย์นำเสนอนั้นก็มีเรื่องความรู้ที่เป็นประโยชน์อยู่มากมายครับ หวังว่าข้อสาระที่ผมเขียนสรุปไว้ในบล็อกนี้คงมีประโยชน์สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ก็แล้วแต่ว่าใครจะมีสุนทรียภาพในการอ่านมากน้อยขนาดใด ก็แล้วแต่ตัวท่านเองครับ (ฮาไหมเนี่ย?)
อิอิ
Create Date : 03 มิถุนายน 2557 |
|
28 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2557 22:03:45 น. |
Counter : 4592 Pageviews. |
|
|
|
อ่านข้อเขียนที่เรียบเรียงจากการบรรยายของ อ.เฉลิมชัยแล้ว คิดว่าคนที่ได้ไปฟังจริง ก็คงได้องค์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานศิลปะไปบ้างตามสมควรนะครับ แต่ถ้าได้ฟังแบบสดๆ คงจะมันส์กว่านี้ เพราะลีลาและสำนวนการพูดของอาจารย์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ .....
ปล. สำหรับเรื่องที่หลังไมค์มาถาม ตอบให้แล้วนะครับ .....