|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ร่วมกิจกรรม"ถนนสายนี้...มีตะพาบ" โจทย์ประจำหลักกิโลเมตรที่ 133 "วันฝนพรำ"
"ประติมากรรมซ้ำใจในคืนฝนพรำ"
ฤดูฝนคราวนี้แล้งผิดคาดมาก ปีนี้ฝนตกกว่าน้อยกว่าทุกปีจนน่าใจหาย ฝนไม่มาแสดงว่าวิปริตผิดฤดู เมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลจึงดูเหมือนว่าบรรยากาศโดยรอบก็จะแห้งเหี่ยวตามไปด้วย
ผมจำได้ว่าผมไม่เคยชอบฤดูฝนเลย สาเหตุก็คงมาจากประการหลักเกี่ยวกับสุขภาพของผมนั้นเอง ในตอนที่ผมเป็นเด็กผมมักจะเป็นไข้หวัดเสมอในเวลาที่โดนน้ำฝน เพียงแค่ละอองฝนเย็น ๆ ที่พัดมาปะทะหน้าก็ทำให้ผมไม่สบายเป็นไข้ได้ทุกครั้งเช่นกัน ดังนั้นในเวลาฝนตกผมจึงถูกห้ามออกไปเล่นน้ำฝน ผมได้แต่ยืนหลบฝนอยู่ในบ้าน คอยเฝ้าฟังเสียงฝนตกสลับกับเสียงร้องเฮฮาของพวกพี่ ๆ ที่ออกไปวิ่งเล่นน้ำฝนกันอย่างสนุกสนาน ผมจึงกลายเป็นเด็กที่ดูเศร้าและเหงาหงอยทุกครั้งที่ฝนพรำ ผิดกับพวกพี่ ๆ ของผมที่มักจะทำตัวเป็นเขียดตะปาดและอึ่งอ่างคางคก แข่งกันส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนานกลบเสียงสายฝนเสมอ
ผมโตขึ้นมาก็เลยเป็นคนที่เกลียดสายฝน ไม่ชอบเสียงฝนตก และไม่อยากเปียกน้ำฝนด้วย โดยเฉพาะเวลาฝนตกตอนที่ผมกำลังอยู่นอกบ้านนั้นน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด ยิ่งฝนตกในยามค่ำคืนด้วยแล้วผมยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ เสียงฝนตกกระทบหลังคาบ้านและฟ้าร้องในตอนค่ำคืนฟังแล้วหลอกหลอนไม่ใช่เล่น
แต่ว่าในตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว หลังจากฝนพรำเมื่อคืนก่อน
ผมออกจากที่ทำงานตอนค่ำที่มืดสนิทแล้ว พอนั่งรถเมล์มาเกือบจะถึงบ้านฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมนั่งรถเมล์ไปใจก็หวั่น ๆ กลัวว่าคืนนี้ต้องเปียกฝนอีกแน่ ๆ แล้วถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาพรุ่งนี้ผมคงไปทำงานไม่ได้ด้วย ยังพอโชคดีที่ผมมีร่มอยู่ในกระเป๋าเอกสารของผม แต่ว่าเป็นร่มพับคันเล็กที่ไม่แน่ใจว่าจะต้านทานพายุฝนที่กำลังตกหนักนี้ได้ไหม?
เมื่อรถเมล์จอดป้ายผมก็รีบวิ่งตามผู้โดยสารคนข้างหน้าตรงเข้าไปหลบฝนใต้หลังคาป้ายรถเมล์ โชคดีที่ป้ายนี้มีหลังคาเล็ก ๆ สำหรับกั้นฝนด้วย แต่ว่าชายคาที่ยื่นออกมานั้นอาจไม่กว้างพอจะกั้นฝนที่ตกหนักได้ แล้วฝนเริ่มเพลาลงบ้างกลายเม็ดฝนพรำที่พอมองเห็นได้ ผมจึงหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาเตรียมจะเปิดเอาร่ม แต่แล้วผมก็เหลือบมองไปเห็นผู้โดยสารคนที่วิ่งลงรถเมล์มาก่อนหน้าผม ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกับผมนั้นเป็นหญิงสาวในวัยทำงานเหมือนผม เธอใส่เสื้อขาวบาง ๆ ใส่กระโปรงสีดำเข้มเหมือนสาวออฟฟิตทั่วไป ผมมองเห็นใบหน้าด้านข้างของเธอผ่านปรอยผมที่เปียกโชกแต่ดูนุ่มไสว ดวงตาของเธอกลมโตดูแวววาว ใบหน้าเธอเหมือนจะไม่ได้แต่งเติมเครื่องสำอางใด ๆ เลย หรืออาจจะเป็นเพราะโดนฝนชะล้างไปหมดแล้วก็ได้
ญาญ่าแน่ ๆ เลย ผมคิดในใจพร้อมปล่อยมือที่ถือกระเป๋าเอกสารลงข้างลำตัว
เธอสวย ช่วงนี้ผมเห็นผู้หญิงสวยผมก็คิดว่าเป็นญาญ่า อุรสยาไปหมด เธอคนที่ยืนหลบฝนอยู่ไม่ห่างจากผมนี้ดูสวยมีเสน่ห์มาก ๆ ใบหน้าของเธอดูผ่องใสเอิบอิ่มเหมือนคนที่กำลังมีความสุข แก้มขาวนวลของเธอดูเหมือนเปล่งรัศมีออกมาได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองเม็ดฝนที่หล่นลงมาจากฟ้าผ่านโคมแสงไฟถนน เธอคงเห็นน้ำฝนตกลงมาเป็นเส้นยาว ๆ เหมือนหอกเรียวเล็กพุ่งลงมาเป็นแน่ เธอช่างแตกต่างจากผมอย่างสิ้นเชิง เธอคงชอบสายฝนในขณะที่ผมเป็นคนอมทุกข์ในยามฝนตกเสมอ แต่ในครั้งนี้ผมกลับรู้สึกแปลกไปกว่าเดิม ผมเริ่มรู้สึกว่าละอองสายฝนที่พัดมาปะทะใบหน้าผมนั้นเย็นฉ่ำ ผมก้าวขยับตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อที่จะได้บังวิถีละอองฝนไม่ให้พัดผ่านไปถึงเธอได้ ผมหันไปมองเธอเหมือนเธอรู้ว่าผมกำลังยืนบังฝนให้ เธอเลยส่งยิ้มมาให้ผมทำให้หัวใจผมเริ่มเต้นเร็วขึ้น
เหมือนว่าท้องฟ้าสว่างจ้าทั้ง ๆ ที่เป็นเวลากลางคืน เหมือนว่ามีความสุขในระหว่างที่เปียกฝน ใบหน้าและลำตัวครึ่งด้านของผมเริ่มซึมชื้นด้วยละอองฝน ในตอนนั้นผมเริ่มไม่อยากให้ฝนหยุดตกแล้ว ผมพยายามจะลืมไปแล้วว่าผมมีร่มคนเล็ก ๆ อยู่ในกระเป๋าถือ ผมไม่ต้องการร่มเพราะผมไม่ต้องการเดินฝ่าสายฝนออกไปในตอนนี้ ผมอยากยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์นี้นาน ๆ อยากยืนอยู่เคียงข้างเธอคนนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้าตลอดคืนได้ยิ่งดี เมื่อผมหันหน้าไปมองเธอผมก็เห็นเธอส่งยิ้มสบตาผมทุกครั้ง แค่นี้ก็ทำให้ผมยืนนิ่งแข็งเป็นหุ่นปูนปั้นประจำป้ายรถเมล์ไม่เคลื่อนที่ไปไหนแน่
ในใจผมเริ่มคิด ผมพยายามรวมรวมความกล้า ผมไม่ค่อยจะพูดคุยกับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะหญิงสาวแล้วผมยิ่งห่างเหินแทบจะไม่เคยได้คุยกับใครเลย แต่ในครั้งนี้ผมต้องกล้าที่จะเอ่ยปากพูดออกไป พูดอะไรก็ได้ที่เป็นคำถามให้เธอตอบ ผมได้แต่คิดอย่างนั้นตลอด ผมหันไปมองเธออีกครั้งก็เห็นเธอยิ้มให้ผมอีก ยิ่งทำให้ผมเริ่มจะมีความกล้ามากขึ้นเพียงแต่ผมยังคิดคำพูดไม่ออกว่าจะพูดอะไรกับเธอดี
ฝนกลับตกลงมาหนักเม็ดขึ้นอีกครั้ง ในใจผมตอนนี้ยิ้มเริงร่าแจ่มใสเป็นอย่างมาก ในขณะที่ผมหันไปมองเธอก็เห็นเธอยิ้มให้ผม แล้วเธอก็เป็นฝ่ายพูดกับผมก่อน
คุณมีร่มไหมค่ะ?
เพียงแค่เธอถามผมก็ยกกระเป๋าเอกสารผมขึ้นมาเปิดเพื่อหยิบร่มส่งไปให้เธอในทันที โดยปกติผมเป็นคนที่คิดอะไรออกรวดเร็วเสมอ แต่ในครั้งนี้ผมกลับคิดคำพูดอะไรไม่ออก ยังที่ผมยังไม่ทันจะพูดอะไรตอบเธอไป เธอก็รับร่มผมไปกางออก
เธอยื่นร่มของผมที่กางออกแล้วส่งมาให้ผม ซึ่งผมก็รับร่มนั้นไว้แล้วก็เหมือนว่าเธอกำลังพาผมเดินออกไปจากป้ายรถเมล์นี้ด้วยกัน ในตอนนี้ผมกับเธออยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน เป็นร่มพับคันเล็ก ๆ เสียด้วย แล้วฝนก็กำลังตกหนักมากขึ้น ฝนกระหน่ำลงมาเหมือนจะเป็นบททดสอบสำหรับตัวผม ผมและเธอภายใต้ร่มคันเล็กที่ต้องเดินเบียดชิดสนิทกัน เราก้าวเดินออกไปข้างหน้าได้ประมาณ 5 ก้าวก็ถึงขอบฟุตบาทริมถนน ในจังหวะนั้นเองก็มีรถยนต์หนึ่งคันซึ่งผมจำไม่ได้ด้วยว่าสีอะไร รถคันนั้นจอดชิดขอบฟุตบาทแล้วประตูรถก็เปิดออก เธอรีบพุ่งตัวออกจากร่มเล็ก ๆ เข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว เธอปิดประตูรถโดยไม่ได้หันมาเอ่ยคำใดแก่ผมเลย
แล้วรถคันนั้นก็วิ่งทะลุห่าฝนหายไปในความมืด ผมได้แต่มองตามหลังรถนั้นไปจนหลับตา
หลังจากนั้นผมจำได้ว่าฝนหยุดตกอย่างสนิทเหมือนเทวดาปิดก๊อกน้ำฝน แทบจะไม่มีละอองฝนหล่นลงมาจากฟากฟ้าอีกเลย แต่ผมยังคงยืนกางร่มคันเล็ก ๆ อยู่ที่ริมขอบฟุตบาท ผมยืนอยู่นานมากเท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้ ผมคงกลายเป็นประติมากรรมซ้ำใจเคลื่อนที่ได้ ร่างกายผมยังเคลื่อนไหวแต่ในใจสงบนิ่ง ผมแทบไม่มีความรู้สึกนึกคิดใด ๆ อีกแล้ว ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่า ผมอยากให้ฝนตก อยากให้ฝนตกลงมาหนัก ๆ อีกครั้ง ผมคงชอบสายฝนขึ้นมาแล้วก็เป็นได้
นับตั้งแต่คืนนั้นมาจนถึงคืนนี้ยังไม่มีฝนตกลงมาอีกเลย คืนนี้ทั้งแห้งและแล้งสนิท คงเหมือนกับใจซ้ำ ๆ อันแห้งเหี่ยวของผม ที่รอให้น้ำฝนที่เย็นฉ่ำตกลงมารดหัวใจให้ชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง
ถ้าคืนนี้ฝนตก ... คุณช่วยบอกผมด้วยนะ
  
Create Date : 08 กรกฎาคม 2558 |
|
37 comments |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2558 0:07:47 น. |
Counter : 2095 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: โอพีย์ (Opey ) 8 กรกฎาคม 2558 10:06:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 8 กรกฎาคม 2558 12:05:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 9 กรกฎาคม 2558 0:04:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 9 กรกฎาคม 2558 9:11:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: PZOBRIAN 9 กรกฎาคม 2558 15:42:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 11 กรกฎาคม 2558 13:23:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 12 กรกฎาคม 2558 20:53:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: kae+aoe 14 กรกฎาคม 2558 9:32:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนินน้ำ 14 กรกฎาคม 2558 12:16:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 14 กรกฎาคม 2558 18:23:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 14 กรกฎาคม 2558 19:11:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 17 กรกฎาคม 2558 20:51:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าเก๋า (ชมพร ) 1 สิงหาคม 2558 23:20:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: haiku 12 สิงหาคม 2558 23:48:00 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]

|
อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า อาคุงกล่อง เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ
ปัจจุบัน อาคุงกล่อง เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม อาคุงกล่อง จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย
"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"
ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)
akungklong@gmail.com
|
|
|
|
|
|
|
...
เขียนดีจังเลยคุณกล่อง