|
|||
ดิวไปด้วยกันนะ (อาเล็กไปด้วยกันไหม)
เรื่องของเรื่องก็คือวันนี้ได้ไปดูหนังกับแม่เรื่อง ดิวไปด้วยกันนะ ที่อยากดูเรื่องนี้ก็เพราะมันเป็นแนว Y (ชายรักชาย) และก็มีเวียร์เล่น #ไปดูวายไปดูเวียร์ กว่าจะได้เจอเวียร์เกือบจะครึ่งเรื่องไปละ เราก็นั่งลุ้นอยู่เวียร์จะออกมาตอนไหนว้า เรื่องนี้มันมีประเด็นเรื่องชายรักชายที่สมัยก่อนยังไม่เป็นที่ยอมรับ กับเรื่องกลับมาชาติเกิด ซึ่งเราสนใจเรื่องกลับชาติมาเกิดนี่แหละ เพราะปัจจุบันสังคมก็เปิดกว้างเรื่องชายรักชายเยอะละ เรื่องกลับชาติมาเกิดมันเป็นอะไรที่เหลือเชื่ออะ ยังไงก็หนัง แต่มันทำให้คิดถึงเรื่องของเรา คือ เราไม่ได้กลับชาติมาเกิดนะ แต่เราคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะตอนเราป่วยเราเห็นภาพ และมีเรื่องราวอะไรในหัวเยอะมาก ซึ่งภาพต่างๆ เราก็เห็นจริง ซึ่งเราคิดว่าถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาได้เนี่ย เราและประเทศของเราจะเป็นยังไง ภาพที่เราเห็น สิ่งที่เราคิด มันคือในอนาคตอีก 8 ปีข้างหน้า มันทำให้เราอยากวาร์ปไปอนาคตเลยว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ไหม เอาเรื่องของเราก่อน ไม่ต้องไปเอาเรื่องของประเทศ อย่างเรื่องของเรา เราจะได้แต่งงานกับแบงค์(หัวหน้าห้องของเรา สมัยม.ต้น)ในอีก 6 ปีข้างหน้า ซึ่งไม่มีทางเป็นจริงได้ เพราะปัจจุบันเรากับแบงค์ไม่ได้คุยกันเลย แต่มีกดไลก์กันบ้าง(แค่กดไลก์เท่านั้น) ส่วนในอีก 2 ปีถัดไป คือ 8 ปีถัดไปจากปีนี้ เราจะได้แต่งงานกับอาเล็ก(คุณสีเมจิก) มันจะเป็นเรื่องจริงได้เหรอ เราไม่เคยคุยกันในบล็อกเลยนะ แล้วพี่เสือล่ะจะเป็นยังไง เราจะได้อยู่กับพี่เสือไหม เราก็อยากรู้ นอกจากเรื่องของเรา ยังมีเรื่องของคนในบล็อกอีกด้วย อีก 8 ปีข้างหน้า บ้านพี่อุ้มจะไฟไหม้ พี่ก๋าจะมีลูกคนที่สอง ซึ่งอันนี้เราไม่รู้ แต่เราก็อยากรู้มากๆ กับพี่อุ้ม เราไม่ได้แช่งนะ แต่มันเกิดจากความคิดของเรา ก็เราป่วยไง เราถึงคิด แต่เราก็อยากจะรู้จริงๆ ว่าอีก 8 ปีข้างหน้ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หนังเรื่อง ดิวไปด้วยกันนะ ที่มีเรื่องกลับชาติมาเกิด มันทำให้เราคิดถึงเรื่องของเราตรงนี้ ภาพต่างๆ ที่เราเห็นอย่างชัดเจนมันจะเกิดขึ้นไหม แต่เรื่องที่จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ คือ เรื่องนักเรียนแปลงร่างที่ต่อไปสอน อันนี้มันล้ำไป 8 ปีไม่มีทางเป็นไปได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ เรายังไม่รู้ ถ้าพี่อุ้มเข้ามาอ่าน ก็คงด่าเราแล้วล่ะ แต่เรารู้พี่อุ้มไม่อ่านของเราหรอก เพราะของคนอื่นที่ดังๆ เขียนดีๆ เขายังไม่ตั้งใจอ่านเลย งานเขียนของเรา เขาจะมาอ่านเหรอ เขาไม่สนใจเราหรอก แต่เราสนใจพี่อุ้มนะ เราอยากบอก อยากรู้ว่าบ้านพี่เขาจะไฟไหม้หรือเปล่า ส่วนพี่ก๋าเราไม่ได้สนใจละ เราไม่ได้อ่านงานเขามาหลายวันละ คือ เขาจะมีลูกอีกคนหรือเปล่าก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนเรื่องของเรา เราก็อยากรู้เรื่องของอาเล็ก (แต่เราก็รักพี่เสือนะ) เอาจริงๆ เราว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก เรากับอาเล็กเนี่ย ทุกอย่างมันก็เป็นเพียงจินตนาการ เป็นภาพในหัวตอนที่เราป่วยเท่านั้น ถ้าเรื่องกลับชาติมาเกิดไม่สามารถเกิดขึ้นจริงในโลกแห่งความเป็นจริงได้ สิ่งที่เราคิดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 8 ปีข้างหน้า มันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก พี่อุ้มสบายใจได้ (แต่หนักใจบ้างก็ดีนะ) ส่วนอาเล็ก เราก็ไม่มีอะไรอยากบอก แค่อยากถามว่า ไปด้วยกันไหม ไปดูวายไปดูเวียร์ด้วยกัน เราดูหลายรอบได้นะ ถ้าสนใจก็ไปด้วยกันได้ ก็มาเขียนบันทึกไว้แค่นี้แหละ ใครเข้ามาอ่าน อ่านแล้วก็วางๆ ไว้ อย่าไปคิดว่ามันจะเป็นจริงล่ะ มันไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก แต่ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาได้ เราจะเปิดสำนักดูดวงไปซะเลย น่าจะรายได้ดีอยู่ สุดท้าย ก็ฝากไว้ด้วยแล้วกัน ใครว่างๆ อยากดูหนัง ก็แนะนำ เรื่อง ดิวไปด้วยกันนะ เป็นหนังดี เป็นหนังสนุก แต่ก็เป็นหนังแนวชายรักชาย ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ก็ผ่านไปได้ แต่สำหรับเรา เราชอบ ไปดูอีกรอบก็ยังได้ ไปดูเวียร์ก็คุ้มละ ฝากไว้ด้วยแล้วกัน #ดิวไปด้วยกันนะ แล้วอาเล็กล่ะไปด้วยกันไหม ![]() ![]() ![]() เบื่อ = ปกติ
เมื่อวานไปพบหมอมา แน่นอนหมอก็ถามเรื่องของบล็อก เราก็ได้บอกกับหมอว่าตอนนี้ค่อนข้างเบื่อ หมอก็ถามต่อว่าแล้วช่วงนี้ซึมเศร้าไหม ยังทำงานอื่นๆ ได้เป็นปกติหรือเปล่า เราก็ตอบไปว่าทำงานอื่นๆ ได้เป็นปกติ แต่กับบล็อกเรารู้สึกเบื่อๆ หมอก็บอกว่าเป็นเรื่องปกติ เราบอกหมอว่าช่วงที่เราหมกมุ่น เราจะมีอาการ หมอก็บอกว่าใช่ คนที่หมกมุ่นมากๆ จะมีอาการ คนไข้ของหมอหลายคนก็เป็นแบบนี้ อย่างเคสของเราจะหมกมุ่นเรื่องการเมืองและการเอาปัญหาต่างๆ มาคิด เราก็จะมีอาการเดินวน (เดินวนรอบบ้าน) และตอนที่เราเดินวน ก็คิดอะไรเยอะแยะมากมาย มีการเปลี่ยนแปลงในประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัย ภาพที่เราเห็นมันยิ่งใหญ่จนน่าตื่นเต้นและน่าตื่นกลัว ตอนที่เราเดินวนรอบบ้าน เราก็ไม่รู้ตัวเลยว่านี่คืออาการป่วย เราเห็นทุกอย่าง และคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง เห็นนวัตกรรมอะไรต่างๆ ที่ไม่มีทางเป็นจริงได้ เห็นความโหดร้ายรุนแรงที่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ประเทศไทยต้องดังแน่ๆ มันบ้าบออะเอาจริงๆ เรานี่แหละบ้า แต่เราไม่ทุกข์นะ ตอนที่นั่งรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาลตอนที่ป่วยหนักนั่น เรายังยิ้มหัวเราะอยู่เลย เพราะเรื่องของต่อ (ต่อ บล็อกแก๊ง) ทำให้เราหัวเราะได้ ต่อได้ไปเจอกับนักเรียนที่แปลงร่างได้ โคตรจี้เลย ได้สอนนักเรียนที่เป็นตัวการ์ตูนต่างๆ อย่างฮา แปลงร่างพึ่บพั่บๆ กันได้ทั้งห้อง (บ้ากว่านี้มีอีกไหม) ตอนก่อนเข้าโรงพยาบาลว่าประหลาดแล้ว ตอนออกจากโรงพยาบาลยิ่งประหลาดใหญ่ มีหลายเรื่องที่เราคิด แต่เราโชคดีที่ว่าเราเป็นคนบ้าดาราไง มันเลยดูไม่ค่อยรุนแรง แต่ถ้าใครรู้ความคิด ยังไงก็ต้องบอกว่าบ้าแน่นอน บ้าอย่างไร เราก็เคยเขียนให้ได้อ่านกันแล้ว ลองไปอ่านบันทึก(ไม่)ลับ ฉบับคนบ้าของเราได้ มีทั้งเรื่องดารา เรื่องการเมืองปะปนกัน แล้วเพลงที่เราชอบฟังที่สุดในตอนนั้นนะ ก็คือ เพลง หยุดตรงนี้ที่เธอ เราถือไมค์แดง (จริงๆ เราไม่ได้ชอบแดง แต่ต้องมาแดง) ส่วนอาเล็กหรือคุณสีเมจิกก็ดีดกีตาร์ (บางทีเขาก็เหลือง บางทีเขาก็ฟ้า) และเราทั้งหมดก็มาจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาดนตรีสากล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม คือ มันมีเรื่องราว มีสตอรี่ที่เราคิดขึ้นมาเอง จริงๆ มันสนุกมากนะ ตอนป่วยแล้วยังไม่หายอะ สนุ้กสนุก พออาการดีขึ้นและคิดว่าน่าจะหายแล้วในปัจจุบัน มันก็ดูเหงาๆ เงียบๆ ไม่มีเรื่องสนุกๆ ให้คิดเหมือนเมื่อตอนยังป่วย ตอนนี้เรากลายเป็นเบื่อบล็อก ซึ่งจริงๆ มันดีตรงที่เราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น แต่ไม่ดีตรงที่มันไม่สนุกแล้ว ตอนยังป่วย เรามีหลายบทบาท เราได้เรียนหลายมหาวิทยาลัย ซึ่งในชีวิตจริงคงจะไม่ได้ไปเรียนอะไรเยอะขนาดนั้น แต่อาการป่วยมันทำให้เราไปไกล และยาก็ช่วยดึงเรากลับมา ตอนนี้เรากลับมาเป็นตัวเราเองที่ก็ไม่ได้วิเศษเลิศเลอ เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ เราก็ยังคงอยู่ในบล็อกต่อไป แต่นานๆ เข้าที ไม่เข้าถี่เหมือนเมื่อก่อน และไม่ได้ติดตามคนที่เราติดตามประจำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่ได้อ่านเลย เรียกว่าอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แต่มันก็มาได้แฮะ ควรจะต้องขอบคุณโรค ขอบคุณยา ขอบคุณหมอ ที่ทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่รู้จักใคร หรือสนใจใครเลยได้ กับคุณสีเมจิกหรืออาเล็ก เราก็ไม่ได้คิดถึงนะ เพราะจริงๆ เราก็ไม่เคยคุยกัน เขาเข้ามาในช่วงที่เราป่วย เข้ามาในจินตนาการ แล้วเขาก็ผ่านไป ตอนนี้ความรักของเรา คนรักของเราจริงๆ ก็คือ พี่เสือ ที่เรารู้จักกันนอกบล็อก เราก็จะพยายามดูแลความรักครั้งนี้ให้ดี ขณะเดียวกันก็ดูแลตัวเองไปด้วย เราจะพยายามรักษาระดับให้ตัวเองอยู่ได้ในระดับนี้ตลอดไป หมอนัดอีกทีครั้งหน้าวันที่ 5 ธันวาคม เพราะฉะนั้นในเวลา 1 เดือน (เดือนพฤศจิกายน) นี้ เราก็จะพยายามดูแลตัวเองให้มากขึ้น ดูแลสภาพจิตใจ ดูแลร่างกาย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะได้ไม่ต้องพบหมออีกต่อไปแล้ว สำหรับคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ก็อย่าลืมดูแลร่างกายและจิตใจตัวเองด้วยนะ โดยเฉพาะจิตใจอยากให้ดูแลให้มาก เพราะเราก็ไม่สามารถไปดูแลหรือลดเรื่องราวที่จะกระทบจิตใจใครได้ ต่างคนต่างต้องดูแลตัวเอง ก็ฝากไว้เท่านี้ด้วยความเป็นห่วงจ้ะ Cr. Youtube :: หยุดตรงนี้ที่เธอ - Aun, The Positive สำรวจตัวเองก่อนไปพบหมอ (พบหมอวันที่ 31 ตุลาคม)
สิ่งที่หมอจะถามก็คือเรื่องเกี่ยวกับในบล็อกแน่นอน เพราะเราเป็นโรคทางจิตเวช (โรคหวาดระแวง) เหตุเกิดก็มาจากบล็อก ก็อยากจะบอกว่าในตอนนี้เราไม่ค่อยเอาใจจดจ่อเหมือนเมื่อก่อนแล้ว บล็อกบางบล็อกที่เมื่อก่อนเราเคยเข้าประจำ ตั้งใจอ่าน เข้าวันละหลายรอบ เราก็ไม่ค่อยได้เข้าแล้ว ใจมันไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นแล้ว (วันนี้บล็อกนั้นเราก็ไม่ได้เข้านะ) ไม่รู้มันเป็นเพราะเบื่อ หรือเป็นเพราะยา แต่ยามันก็ไม่น่าจะช่วยอะไรขนาดนั้น น่าจะเป็นเพราะเบื่อ ความสนใจมันเลยเป็นศูนย์ ตอนนี้ที่เราทำอยู่ ณ ปัจจุบัน เมื่อเสร็จจากงานบ้าน หรือว่างจากการดูแลยาย เราก็มาเขียนนิยาย ตอบปัญหาในพันทิปบ้าง และที่เราโพสต์บล็อกอยู่ในปัจจุบัน ก็จะเป็นในส่วนของความรักของเรา เราเองหันมาดูแลให้ความสนใจในเรื่องตรงนี้มากขึ้น เพราะคนที่เรารักก็ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชเหมือนกัน เราจึงอยากให้กำลังใจ และอยากบอกว่าเราอยู่เคียงข้าง เราอยู่ตรงนี้เสมอ ถึงเราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกันนักเพราะต่างคนต่างมีภารกิจและป่วยด้วยกันทั้งคู่ ก็อยากบอกว่าเรายังอยู่ตรงนี้เสมอ ถ้าเราจะทำอะไรให้ได้ เราก็จะทำ เรื่องบล็อกในส่วนอื่นๆ หรือส่วนที่มีคนอยากให้เราช่วย เราก็อยากบอกว่าเราช่วยอะไรไม่ได้ละนะ เพราะเราต้องรักษาใจเราเอง เพื่อจะได้ดูแลคนรอบข้างในชีวิตของเราต่อ คนในบล็อกก็ยังไม่ใช่คนที่เราอยู่ด้วยจริงๆ เราเองก็คิดว่าเราช่วยมามากแล้ว (เพราะช่วยนี่แหละถึงป่วย) เราจึงคิดว่าแต่ละคนก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง เรื่องอะไรที่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม และมันก็ยังไม่ยุติธรรมอยู่ ก็ปล่อยๆ มันไปเถอะ มันทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่าสังคมเราเป็นแบบนี้ สังคมนอกบล็อกกับสังคมในบล็อกมันก็เหมือนกันๆ ล่ะ มันคือสังคม สังคมที่เราจะต้องเรียนรู้ เรียนรู้ว่ามันมีอย่างนี้ด้วย เรียนรู้แล้วก็วางเฉย ใครอยากแก้ก็แก้ไปแล้วกัน เราไม่ไหวละ ต้องปล่อยวางละ และจริงๆ ถ้าเราไม่อกหัก เราก็ไม่มาที่นี่ด้วย ถ้าไม่อกหัก ไม่มีความรัก ป่านนี้เราก็คงอยู่ในห้องกลอน คงไม่ได้มาเรียนรู้ มาพบเจอ หรือมาป่วยอะไรจากตรงนี้ เพราะฉะนั้น คนที่อยู่ตรงนี้ต้องเป็นคนแก้ ถ้าอยากแก้ มันไม่ใช่หน้าที่เรา เราเพียงแค่ผ่านมา และวันหนึ่งอาจจะผ่านไป ก็อยากบอกไว้ตรงนี้ว่าเรื่องบล็อก เราปล่อยวางแล้ว เราเข้าน้อยลงด้วย ไม่ยึดติดแล้ว ตอนนี้เราอารมณ์เฉยๆ ถ้าหมอถามก็คงจะบอกว่า “เฉยๆ กับบล็อกแล้วค่ะ” ค่อนไปทางเบื่อด้วย ก็คงประมาณนี้ ตอนนี้ไม่ทุกข์ ไม่สุข อารมณ์มันอยู่กลางๆ ก็พยายามรักษาอารมณ์ให้อยู่ในระดับนี้เพื่อจะได้ดูแลคนอื่นในชีวิตจริงต่อไป คิดถึงคุณลุงชาติ (งานตะพาบครั้งที่ 239)
งานตะพาบครั้งที่ 239 นี้ โจทย์คือ กลับมานะคิดถึง ให้เขียนถึงคนที่หยุดเขียนบล็อกไปแล้ว แล้วเราอยากให้เขากลับมา สำหรับเรา เราคิดถึงคุณลุงชาติ สมาชิกหมายเลข 3016924 loongchat.bloggang.com เราชื่นชมในการถ่ายภาพของคุณลุง เรารู้สึกว่าคุณลุงมีความอดทนมากในการถ่ายภาพแต่ละภาพ โดยเฉพาะภาพแมลง เพราะต้องใช้เวลาในการเฝ้ารอกว่าที่มันจะเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงตัวมันเอง ถ้าไม่ใช่คนที่อดทน ใจเย็น ก็คงไม่สามารถทำงานนี้ได้ คุณลุงชาติยังสอนวิธีการใช้ Photoshop ในการปรับแต่งรูปภาพ เราจำได้ว่าในตอนนั้น เราได้บุ๊กมาร์กหน้านั้นไว้ด้วย แล้วก็บอกคุณลุงชาติว่า ถ้าว่างๆ หนูจะลองฝึกทำ แต่มาจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่ได้ลองฝึกทำเลยค่ะคุณลุง จะบอกว่าไม่มีเวลาก็คงไม่ใช่ มันก็พอมีเวลาอยู่บ้าง แต่หนู(เรา)ก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ในปี 59 – 60 เรายังไม่ได้ปิดคอมเมนต์ ดังนั้น เมื่อเราไปเยี่ยมบล็อกใคร เขาก็จะมาคอมเมนต์ตอบ คอมเมนต์ที่เราชื่นชอบและรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ก็ยังเป็นคอมเมนต์จากคุณลุงชาติ เรารู้สึกว่าคุณลุงเป็นผู้ชายที่อบอุ่นนะ รู้สึกสบายใจที่ได้คุย ไม่มีเรื่องให้เครียด หรือเป็นเพราะเราก็ไม่เคยคุยเรื่องเครียดๆ กันก็เป็นได้ ในวันที่คุณลุงประกาศหยุดการเขียนบล็อก วันนั้นเราก็ใจหายนะ และก็บอกกับคุณลุงว่าเราจะตามไปดูคุณลุงต่อ ไม่ว่าคุณลุงจะไปเขียนที่ไหน ซึ่งเราก็ตามไปดูต่อจริงๆ นะ แต่ก็จะเป็นในช่วงนั้น หรือช่วงเวลาที่คิดถึงคุณลุง แต่ในปีนี้ เรายังไม่ได้ตามเลย ไม่รู้ว่าคุณลุงเป็นยังไงบ้าง แต่เราก็คิดว่าคุณลุงน่าจะสบายดี และคุณลุงก็คงจะมีความสุขในการทำสิ่งที่ตัวเองรัก เราก็ไม่ได้อยากขอให้คุณลุงกลับมาหรอก ถ้าคุณลุงกลับมาแล้วคุณลุงจะไม่สบายใจ เราว่าให้คุณลุงอยู่ในที่ทางที่คุณลุงมีความสุขกว่านั่นแหละดีแล้ว บางครั้งการที่เราเขียนบล็อกเงียบๆ คนเดียวโดยไม่มีใครรู้จักก็เป็นความสุขดี เพราะมันทำให้เราสงบกาย สงบใจ พักจิต พักใจเราไปด้วย ไม่ต้องวุ่นวายกับใครมาก ก็ดีไปอีกแบบ เราเองปิดคอมเมนต์ก็เพราะแบบนี้แหละ ยิ่งป่วยทางใจด้วยแล้ว ยิ่งต้องพักใจมากๆ คุณลุงชาติคงไม่รู้แน่ๆ ว่าตอนนี้เราป่วยอยู่ หนูป่วยเพราะบล็อกค่ะคุณลุง หนูอยากฟ้องจังเลย หนูคิดถึงคุณลุงนะคะ แล้วบางทีหนูก็รู้สึกว่าหนูอยากหายไปแบบคุณลุงด้วย แต่หนูยังไม่สามารถ ถ้าหนูเด็ดขาดแบบคุณลุงได้คงดี ตอนนี้เรื่องโหวตที่คุณลุงเขียนถึงในบล็อกสุดท้าย มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่นะคะคุณลุง มันไม่มีทางเปลี่ยนได้ ก็ได้แต่ทำใจยอมรับมันนะคะคุณลุง ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป มันก็ยังเหมือนเดิม หนูก็ได้แต่มองดู และทำใจวางเฉยค่ะ สุดท้ายนี้อยากบอกอีกครั้งหนึ่งว่าหนูคิดถึงคุณลุงมากๆ แต่หนูจะไม่ชวนให้คุณลุงกลับมานะคะ คุณลุงจะได้ไม่ต้องหนักใจ เพราะถ้าคุณลุงอยากจะกลับมา คุณลุงก็คงจะกลับมานานแล้ว หนูเองก็อยู่ตรงนี้ด้วยใจที่เฉยชา มันชินจนชาไปแล้วล่ะค่ะคุณลุง ถ้าวันไหน หนูมีภาระที่มากขึ้น หนูก็คงจะหายไปจากบล็อกเหมือนกัน เพราะถ้าเหนื่อย มันก็ถึงเวลาพักนะคุณลุง และการเลิกเล่นบล็อก มันก็คงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด สุดท้ายท้ายสุด ขอให้คุณลุงมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน มีความสุขในการทำสิ่งที่ตัวเองรัก และได้แบ่งปันอยู่ในพื้นที่ที่คุณลุงรู้สึกมีความสุขตลอดกาล ตลอดไปนะคะ ถึงจะไม่มีโอกาสได้เจอกัน แต่หนูรัก เคารพ และคิดถึงคุณลุงเสมอค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะคุณลุง จาก... แตงเองค่ะ แม่ส่งมาให้เมื่อวานนี้ (21 ต.ค. 62)
![]() Cr. Youtube :: เจออะไรใจอย่าทุกข์ - พระไพศาล วิสาโล Cr. Youtube :: พระพุทธเจ้า | อมรภัทร เสริมทรัพย์ | คอนเสิร์ตคุณพระช่วยสำแดงสด ๖ |
comicclubs
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Group Blog All Blog
Friends Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |