No. 685 บล๊อกประจำ จันทร์ - พฤหัสบดี |
|
|
โชคดีที่ได้ทำงาน กับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ได้รับมอบหมายงาน ไม่แตกต่างกันมากนักจากงานที่เคยทำ |
ระยะแรกที่เข้าทำงาน อยู่ในสาย เลขานุการ เป็นลูกกะเป๋งเขานะครับแล้วก็ |
|
ถูกดึงไป ทำงานอยู่ในฝ่ายกฏหมาย คอยดูเอกสาร สัญญา ตรวจเอกสารที่ฝ่ายตรวจสอบ |
รายงานมาว่า ยังไม่ได้รับชำระ จากผู้กระทำผิด ฐานยักยอก หรือลักทรัพย์ |
คอยเช็ดดูว่า เอกสารพอดำเนินคดีได้ เร่งรัดหนี้สิน เร่งหาหลักทรัพย์ มิให้คนทำผิดเบี้ยว |
รายใดจะขาดอายุความอาญา ก็เสนอต่อ ผจก.ฝ่ายกฏหมาย |
ดูแล้ว ทำงานสบาย เป็นฝ่ายล่า หรือ บังคับ |
(งานช่วงนี้แหละที่คาดว่า ทำบาปมาก หุ หุ) |
|
ต่อมาบริษัทให้ รับทำงานด้าน กำกับสาขาทั้งหมด งานด้านนี้จะเป็นด้าน บริการให้ความรู้ |
แก่ พนง.สาขา รวมทั้งตรวจสอบกิจการ ดูดีมาก ๆ เพราะให้คุณ ให้โทษ |
ในตัว... มีทั้งคนชอบ ไปไหนมีคนต้อนรับอย่างจริงใจ บางที่ บางครั้ง มีคนคอยต้อนรับแบบ |
ดีมาก ๆ จนผิดปกติ 555 |
|
ต่อมาบริษัทเปลี่ยนผู้บริหารงานใหม่หลายคน แรก ๆ ก็ดูดี มีระบบงานใหม่ |
ให้รองรับงานเพิ่มได้มาก ผมกับ ผจก.ฝ่ายต่าง ๆ ก็ทำงานหรือเข้าประชุม เหมือนเดิม |
ต่อมามีนโนบายใหม่ เน้น หาลูกค้าใหม่ เพิ่ม |
|
บริษัทเริ่ม ริดรอนสิทธิต่าง ๆ ของฝ่ายขายระดับภาค หรือระดับสาขา กระทบกับเพื่อน ๆ |
|
ทำตามนโนบายใหม่ ได้เพียง 4 เดือน ยอดขายตก แบบดิ่งจนแทบจะติดพื้น |
เข้าประชุมครั้งใด ผู้บริหารชุดใหม่เครียด ผมกับเพื่อน ผจก.ฝ่ายพลอยถูกกระแทกแดกดัน |
ไปด้วย เซ็ง... แต่ก็ต้องอดทน |
แต่รายได้จากลูกค้าเก่าหมุนเวียนอยู่มาก ยังคงที่เรียกว่านำจะพอไปได้ |
|
วันหนึ่ง เข้าประชุมได้รับทราบ ว่าบริษัทจะตัดรายจ่าย ด้านบริการเก็บเงิน ให้ลูกค้าไปชำระเอง |
ดูแล้วบริษัทต้องการให้ ฝ่ายขายไม่ต้องสนใจลูกค้าเก่า ให้หาลูกค้าใหม่อย่างเดียว |
|
ผจก.ฝ่ายการตลาด และ ผจก.ฝ่ายขาย ขอให้บริษัททบทวน เพราะลูกน้องใช้เงิน % ค่าเก็บ |
เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปหาลูกค้าใหม่ด้วย แต่บริษัท ไม่ยอม |
|
เวลาผ่านไปสองเดือน รายได้จากลูกค้าเก่า ตกดิ่งอีก ตัวเลขด้านรายรับ ทั้งเก่า ใหม่ |
ฝ่ายผมต้องรายงานบริษัท ตามปกติเลยเร่งทำรายงาน พร้อมขีดเส้นใต้ นำตัวเลขเก่าทำสถิติ |
มาเปรียบเทียบ |
ที่ประชุมเห็นตัวเลขก็สะดุ้ง |
คุณไวน์ ขีดเส้นทำไม แค่นี้ผมก็เห็น ไม่ต้องเปรียบเทียบ คนเก่าทำได้ดีกว่า ก็ไปอยู่กับเขาซิ |
ไม่ต้องยุ่งเรื่องนโยบาย คุณทำฝ่ายบริการลูกค้าที่คุณดูแลด้วยให้ดีก็แล้วกัน |
ใบเรียกเก็บเงินไปทางไปรษณีย์ทันหรือเปล่า |
ทันครับ เพราะเราทำมาหลายปีแล้ว จดหมายตีคืนมีน้อยมาก ลูกค้าคงได้รับแต่ |
ลูกค้าคงขี้เกียจเดินไปสาขา หรือบริษัท |
เฮ้ย..ลูกค้าเขาต้องรักษาสิทธิ เอง... ผมเคยทำงานด้านการตลาด ลูกค้าไปซื้อสินค้าเอง |
ไม่เห็นต้องส่งคนขายไปถึงบ้าน |
|
ผมว่าเราเสีย 2 % คุ้มค่ากว่านะครับขอเลื่อนการใช้ไปอีก 1 ปี พอได้หรือเปล่าครับท่าน |
ไม่ได้ ต้องทำตามที่ผมออกคำสั่ง |
ตั้งแต่นั้นมา เข้าประชุมทีไร ก็ถูกเร่งรัดงาน ถูกด่าประจำ ว่า ต่อต้านนโยบายบริษัท |
ทนทำงานได้ เพราะมีกิจการค้าผ้าของตัวเองด้วย |
ส่วนเพื่อนรุ่นพี่ ที่อยู่ฝ่ายขาย ผจก.ภาค ผจก.สาขา ต่างทะยอยกันลาออก ไปทำงานที่อื่น |
มี ผจก.ภาคที่สนิทกับผมคือ พี่ประยงค์ มาขอปรึกษาหลายครั้งอยากจะ ค้าผ้าแบบผม |
|
พี่ยงค์ ลองทำดูควบคู่ไปก่อนนะพี่ อย่าลงทุนมาก ผมก็แนะวิธี หาซื้อสินค้าจากโรงงานผลิต |
หรือแหล่งสินค้า ค้าส่งให้ และบอกว่า ตลาดผ้านี้เริ่มลดความนิยม เพราะเสื้อผ้าสำเร็จรูปเข้ามาตีแล้วนะพี่ |
|
ส่วนผมทนแรงบีบคั้นจากบริษัท ได้อีกปีกว่า |
ผมเลยลาออก ไปลงทุนเช่าที่ดินเสือมโทรม บนดอยในภาคเหนือ ปลูกขิง 50 กว่าไร่ รับซื้อกระเทียม
ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน
ข้างล่างเป็นภาพจริงที่ ถ่ายไว้
|
ปลูกเผือก ทำงานบนดอย เหงา..รายได้กำไรไม่เห็น นาน ๆ ได้กลับบ้านที่กรุงเทพ ปล่อย |
ให้ภรรยาอยู่กับลูกที่กำลังเรียน ทุกข์ใจมากที่สุด
|
ทำได้ปีกว่า ทราบข่าวว่า พี่ประยงค์ คนที่ริเริ่มขายผ้า กับสินค้าเงินผ่อน ไปลงทุนมาก |
เปิดร้านที่ พันทิปพลาซ่า ขายไม่ดีคือพี่เขาหวังลูกค้า เดินเข้าร้านซื้อแบบ ร้านทั่วไป การเงิน |
แย่ลง ทะเลาะกับภรรยาพี่เขาบ่อย |
ต่อมาทราบว่า พี่ประยงค์ผูกคอเสียชีวิต เพื่อนอีกคนที่อยู่สาขาอื่น ฆ่าตัวตายอีกคน |
เพราะถูกบีบอย่างแรง อีกหลายคน ลาออก ตกงานกว่า 40 คน |
ใจผมเริ่มคิดแล้วว่า กรรมของพวกเรามั้งที่ทำบาปมาด้วยกันในชาติก่อน |
|
อีกเดือนต่อมา MD คนที่บีบพวกเรา เส้นสมองแตก ตายไปอีกคน |
|
นั่งวิเคราะห์ดู นโยบายที่แข็งกร้าว ไม่ยอมฟังใคร เชื่อมั่นในตนเองสูง พาคนอื่นเดือดร้อน |
หลงไหลคำ ถูกครับท่าน ดีครับท่าน พากัน ล่มจมมามากแล้ว |
|
เดิมทีผมเสียดาย งานที่ทำ สิบกว่าปีสูญเปล่า เสียดายที่ลาออก แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว |
ดีแล้วที่ ลาออก ไม่งั้นเราคงไม่พบกับสิ่งดี ๆ ในชีวิต ทำให้เราแกร่งขึ้น |
|
การลงทุนทำไร่ เจ๊ง ก็ไม่เป็นไร หาเงินทดแทนได้ โชคดีถูกเรียกตัวเข้าทำงานที่กรุงเทพอีก |
และเริ่มเปิด ทำสำนักงานบัญชี ควบคู่กันไป |
ตอนนี้พออยู่ได้สบาย ๆ แล้วครับ |
ฮัด เช่ย.. แหะ ๆ นำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ฝุ่นฟุ้ง ขอบคุณนะครับที่มาช่วยอ่าน
โจทย์ตะพาบชื่อเต็ม ความทุกข์ที่ไม่มีวันลบลืม |
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
Last 1,275,678 |
st. ผู้เข้าชม 1,273,335 |
= 2,341 |
งานเขียนประเภท Diarist |
|
เรื่องจริงที่ไม่ได้อิงนิยาย
So sad จริงๆ
ที่จริงพออ่านจบ อ้อเม้นท์ไม่ออกนะคะ
มันเบลอ ไม่รู้จะกล่าว
หรือร้องเพลงอะไร