Don't Worry, Be Happy

<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
5 มกราคม 2550
 

Title: พื้นที่แคบๆ ในตลาดนัด


เสียงเพลงลูกทุ่งดังกึกก้องไปทั่วลานกว้าง
ผู้คนมากมาย...เดินจับจ่ายซื้อของกันขวักไขว่
ทุกพื้นที่ถูกจับจองไปด้วยร้านรวงต่างๆมากมาย
ตั้งแต่สินค้าอุปโภค...จนถึงสินค้าบริโภค

หนุ่มๆสาวๆ เดินจับมือกัน เดินดูเสื้อผ้าสวยๆ
เด็กๆวัยรุ่นจูงมือเพื่อนฝูงมาดูของเสริมสวยน่ารักๆ
พ่อบ้านแม่บ้านมาเดินซื้อของสด กับข้าว ผลไม้
เพื่อจะนำกลับไปรับประทานต่อที่บ้าน

ที่นี่คือตลาดนัด
ที่นี่คือแหล่งรวมทุกสรรพสิ่งของชาวบ้าน นอกจากห้างสรรพสินค้า
และที่นี่มีมิตรภาพมากกว่าซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต
ที่เราต้องรองรับหน้าตาบูดๆจากพนักงานกินเงินเดือนของที่นั่น

สินค้าในตลาดแห่งนี้...สามารถต่อรองได้
ในราคาที่ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย(อาจ) ยอมรับ

วันนี้ผมเลิกงานเร็ว...และไม่มีอะไรเร่งด่วนที่จะต้องกลับไปทำ
ผมตัดสินใจ จอดรถ...และพาตัวเองเข้าไปในตลาด
(ผมพบข้อดีของการเปลี่ยนจากขับรถมาขี่มอเตอร์ไซด์
นอกจากการประหยัดน้ำมันแล้วว่า...ยังหาที่จอดรถได้ง่ายมาก
ขอแค่ที่ว่างเล็กๆ ก็นำรถไปจอดได้เลย อย่างไม่เคอะเขิน)

ในจังหวะที่ผมแวะดูร้านขายวีซีดีภาพยนตร์อยู่นั้น
สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างใครคนหนึ่ง
นั่งคุดคู้อยู่ในพื้นที่เล็กๆของทางเดิน
เป็นคุณยายคนหนึ่งครับ ที่ผมคะเนอายุแล้วน่าจะเกิน 80 ปี
แกหาบของมาขายด้วยครับ
ของที่แกขายก็มีพวกพริกสวน มะนาว และถั่วต้ม



มีหลายคนเหมือนกันครับ ที่ช่วยแกซื้อของเพราะความสงสาร
ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น...และถั่วต้มก็เป็นหนึ่งในของโปรดของผม
ผมเลยไม่ลังเลใจที่จะอุดหนุนยายแกเสียหน่อย

ยายแกตักถั่วต้มให้ผมด้วยท่าทางกระย่องกระแย่ง ดูเหมือนไม่มีแรง
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความชราภาพของแกแล้วด้วยก็ได้

ผมลองนึกย้อมมองดูตัวเอง
หากคนที่กำลังตักถั่วต้มนี้เป็นแม่ของผมเองล่ะ
ผมคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้เลย
ที่ปล่อยให้แม่ต้องมาลำบากแบบนี้
และไม่อยากให้ใครมองแม่ของผมด้วยสายตาที่เวทนาอย่างนี้ด้วย

เฮ้อ...ผมรับถั่วต้มมาจากมืออันสั่นเทาของคุณยาย
ผมไม่กล้าถาม...ทำไมยายถึงต้องยังมาเหนื่อยขายของอยู่อย่างนี้อีก
ผมนึกตำหนิไปถึงลูกหลานของแก...พวกเค้าไปทำอะไรอยู่นะ
ถึงปล่อยให้บุพการีของตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้ด้วย
อย่างไม่กล้านึกต่อ ผมปล่อยให้ขาของตัวเองนำผมออกมาจากตลาดนัดแห่งนั้น

สตาร์ทรถ...กลับบ้าน
ผมเห็นแม่ของผมนั่งยองปลูกต้นไม้อยู่หน้าบ้าน
ผมนึกในใจ...เอาอีกแล้ว...แม่ออกแรงเยอะๆอีกแล้ว
เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป จะทำยังไงล่ะเนี่ย

ทันทีที่เห็นหน้าผม แม่ก็ชิงพูดออกมาก่อนเลย
“อยู่ในบ้านเฉยๆมันอึดอัด มันต้องหาอะไรทำซักหน่อย
อย่าเพิ่งว่าเลย...เอ้อเอาของวาง แล้วช่วยแม่ยกกระถางไปตรงนั้นหน่อยสิ”

อืม...
หากมองโลกในแง่ดี

บางที...คุณยายคนนั้น...
คงไม่อยากจะนอนอยู่บ้านเฉยๆ เหมือนแม่ของผมล่ะมั้ง
ถึงได้ชอบหาเรื่องให้ตัวเองเหนื่อยอย่างนี้...

“อึ๊บบบบ...หนักชิบเป๋งเลยแม่”
“เออ ก็หนักไง ถึงรอให้แกกลับมายกให้”

“...”
“ดีแล้วจ้า...”




Create Date : 05 มกราคม 2550
Last Update : 5 มกราคม 2550 23:02:10 น. 7 comments
Counter : 2644 Pageviews.  
 
 
 
 





เคยเจอค่ะ เวลาคนแก่ขายลูกอมหรือของจำพวกพวงกุญแจ เราก็จะให้เงินแล้วบอกว่า ยายหนูให้ยายไว้กินข้าวน่ะค่ะ

ไม่ใช่เอาหน้าหรืออะไรน่ะค่ะ นึกถึง คุณย่าคุณยายที่บ้านแล้วบอกตรงๆสงสารค่ะ เพราะเป็นเรา ๆ คงไม่ปล่อยให้มาทำแบบนี้หรอกค่ะ

 
 

โดย: icebridy วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:23:44:04 น.  

 
 
 


น่าสงสารนะครับ คนอายุเยอะแล้วยังต้องทำงาน ถึงแม้ว่าไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ต้องพักผอ่นได้แล้วครับ ยังไง ๆ ส่วนมากคนไทยก็มีน้ำใจสนับสนุนคนแก่อยุ่แล้วครับ
 
 

โดย: ^_^ (nahc_CM ) วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:23:44:09 น.  

 
 
 

ซื้อถั่วต้มเป็นประจำเหมือนกันค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นยายมานั่งขายแล้ว อาจจะเป็นค่าโดยสารขึ้นราคาก็ได้ค่ะ มาขายของในตลาดแล้วไม่คุ้มกับค่าโดยสาร
 
 

โดย: แซนด์ซี วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:0:02:46 น.  

 
 
 

Photobucket - Video and Image Hosting

คิดสิ่งให้ สมปราถนานะค่ะ

มีสุขภาพ แข็งแรง

ตลอดไปนะค่ะ

หวัดดีค่ะ แวะมาเยี่ยมเยียน น่าสงสาร แต่ยังไงคนไทยไม่ทิ้งกันค่ะ

หลับฝันดีค่ะ

 
 

โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:0:05:52 น.  

 
 
 
สาธุ กับความใจบุญของคนไทย

เคยคิดแบบพี่ยางฯแหละ เวลาเจอคนแก่ขายของ รู้สึกแย่ๆ
ที่หน้ามาลัยอัญน่ะ มีคุณตาแก่ๆคนนึงมานั่งขอทาน เดินผ่านทีไรก็ให้ทุกที แต่ที่น่าเศร้าที่สุด คุณตาคนนี้มีเด็ก(ที่คาดว่าจะเป็นหลาน) ขับมอเตอร์ไซด์ พามาส่งแล้วก็มารับ บ้านแกอยุ่ใกล้ๆหมาลัยค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมลูกหลานถึงยอมให้คุณตาทำแบบนี้ได้ --มันน่าเศร้านะ--
 
 

โดย: ปลาน้อยฯ IP: 125.24.142.113 วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:14:02:00 น.  

 
 
 
อ่านแล้วเศร้าอ่ะคะ คิดเหมือนกันว่า เห็นคนแก่หลายๆคน ที่ถูกทอดทิ้ง อยากรู้จังว่าลูกหลานหายไปไหนกันหมด คิดในแง่กลับกัน หรือว่าตอนเค้าเลี้ยงลูก เค้าเลี้ยงไม่ค่อยดี ลูกจึงไม่ใส่ใจกลับ (คิดโหดร้ายไปไหม) แต่คิดอีกแง่ ลูกทรพีก็มีมากมาย สักวันพวกเค้าคงจะรู้สึกอ่ะคะ ว่าที่ทำกับพ่อแม่ไว้ มันจะสนองคืน...
คุณยางมะตอยฯ เขียนคำได้เก่งอ่ะคะ อิอิ ข้าเจ้าคงเขียนไม่ได้แบบนี้ (ต้องจบเอกภาษาไทยมาก่อนป่าว) ขออนุญาตแอ๊ดบล๊อกคุณยางมะตอยในบล๊อกของหนึ่งหน่อยนะคะ จะติดตามบล๊อกคุณยางมะตอยค่า...
 
 

โดย: mariko (GottaBeMary ) วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:9:14:47 น.  

 
 
 
ขอขอบคุณทุกความเห็นมากๆเลยครับผม ที่เข้ามาอ่าน รวมทั้งบางท่านที่ไม่ได้ฝากถ้อยความไว้ด้วยนะครับ

คุณ icebridy - คุณเป็นคนที่ใจบุญมากๆครับ การกระทำของคุณไม่ใช่การเอาหน้าหรอกครับ เป็นเพราะจิตใจที่ดีของคุณต่างหาก ที่สั่งให้คุณทำอย่างนั้น ^_^

คุณ Nahc_CM - ใช่ครับ ผมก็ยังคงเชื่อลึกเช่นกัน ว่าคนไทยเป็นคนมีน้ำใจแต่สังคมบีบบังคับให้คนเมืองหันหน้าออกจากกันมากกว่า

คุณแซนด์ซีครับ - คนแก่ขึ้นรถเมล์ ก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ

คุณ STAR ALONE - ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับผม

น้องปลาน้อยฯ - ลูกหลานตงไม่มีปัญญาทำมาหากินอย่างอื่นมั้ง ถึงได้เกาะตาแกกินไปวันๆ

คุณหนึ่ง mariko ครับ - ขออภัยที่ทำให้อ่านแล้วเศร้านะครับ แต่ก็รู้ว่าอดไม่ได้ ^_^ ผู้เขียนยังเป็นเลยนี่นา ส่วนความคิดเห็นที่คุณถามว่าคิดโหดไปไหม ขอตอบว่าไม่ครับ เพราะมันคือสิ่งที่เราพบเห็นกันอยู่ทุกๆวัน แล้วก็ขอขอบคุณที่ชมนะครับ เขินจัง แต่ผมยังคงต้องฝึกฝนต่อไปอีกเยอะเลยครับ แล้วผมก็ไม่ได้จบเอกภาษาไทยมาก่อนด้วย ฮ่าๆ ให้โอกาสทายใหม่อีกที สุดท้ายยินดีครับผม ผมก็ขออนุญาตแอดบล๊อคคุณเช่นกันนะอยากรู้ว่าการทำงานของคุณเป็นอย่างไร จะเก็บไปเขียนเรื่องสั้นอ่ะ ^_^
 
 

โดย: ยางมะตอยสีชมพู (ยางมะตอยสีชมพู ) วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:22:31:41 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยางมะตอยสีชมพู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด
ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้

ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ
ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน



ลายปากกา


ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^
ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู) ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม (ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
[Add ยางมะตอยสีชมพู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com