Don't Worry, Be Happy

<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 กรกฏาคม 2553
 

Title: วันช้าๆ


ผมตื่นแต่เช้า เป็นการตื่นเช้าที่ไม่มีความเร่งรีบในรอบเดือนที่ผ่านมา

ผมลืมตาตื่นเมื่อเวลา 6 นาฬิกาพอดิบพอดี แต่หลังจากนอนบิดตัวไปมา ก็ปาไป 6 โมง 15 นาทีแล้ว
ผมลุกขึ้นจากที่นอนอย่างช้าๆ จัดแจงเตรียมกล้องคู่ใจใส่กระเป๋ากล้อง สมุดโน้ตที่ขาดไม่ได้ และหนังสือดีๆ ซักเล่ม ผมเลือกคำสาปในร้านเบอเกอรี่ของ ฮารูกิ มูราคามิเป็นเพื่อนเดินทางไปด้วย เดินลงบันไดอย่างช้าๆ เปิดประตูห้องน้ำอย่างเนิบๆ นั่งลงที่ชักโครกอย่างสบายใจ

หลังจากเสร็จกิจธุระทั้งหมดทั้งปวงแล้ว ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาตามความคุ้นชิน เข็มสั้นเดินเลยเลข 6 มาเล็กน้อย และเข็มยาวจ่ออยู่ที่เลข 8 ผมเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้เชียวหรือ หากเป็นวันปกติผมคงจะต้องเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนที่เข็มยาวจะเดินทางมาถึงเลข 4 ด้วยซ้ำ

ผมขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านมาอย่างช้าๆ และคิดหาโจ๊กใส่ไข่ร้อนๆ กินซักถ้วยก่อนออกเดินทาง น่าแปลกเหมือนกันที่เหมือนก่อนผมตื่นเช้ากว่านี้ แต่ไม่มีเวลาแม้แต่จะแวะทานโจ๊กข้างทาง ผมดำเนินชีวิตด้วยความเร่งรีบ รีบตื่น รีบเดินทางไปทำงาน รีบทำงานส่งให้ลูกค้า หรือเข้านาย รีบกลับบ้าน รีบทำธุระส่วนตัว และรีบเข้านอน วงจรชีวิตผมดำเนินอยู่บนเข็มไมล์วัดความเร็วอยู่ตลอดเวลา และบางทีมันอาจจะเป็นนิสัยไปแล้วก็ได้ และนั่นทำให้ผมรู้ตัวว่าความละเอียดลออในการใช้ชีวิตของผมหายไป ผมไม่มีเวลามานั่งคิด พิจารณาอะไรใดๆ ชีวิตผมขาดซึ่งความละเมียดละไม และคิดแต่ผลอย่างเดียว มากกว่าเหตุ และทั้งหมดนี้คือต้นเหตุที่ผมอยากจะลองลดความเร็วของตัวผมเองลง ผมอยากเดินช้าลงบ้าง แม้ว่าจะมีเวลาแค่วันเดียวก็ตาม


นรถเมล์สายเงียบ

แน่นอนว่าวันนี้เป็นวันหยุด รถราภายในเมืองฟ้านามว่ากรุงเทพฯ ก็ลดลงอย่างน่าใจหาย ผมขึ้นรถเมล์ด้วยความสบายใจที่ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใคร รถเมล์คันใหญ่ กับผู้โดยสารไม่เกิน 5 คน มันทำให้ผมคิดไปเลยว่าผมคือเจ้าของรถเมล์คันนี้

จริงๆ แล้วครั้งแรกผมตั้งใจจะเดินทางไปหัวหิน แต่มั่นใจได้เลยว่าคนเยอะแน่นอน แต่ทำไงดี สถานที่ที่ผมจะเดินได้อย่างเนิบช้ามันมีอยู่ที่ไหนบ้าง ผมจึงตัดสินใจตีตั๋วรถไฟชั้น 3 ในราคา 20 บาทเพื่อนเดินทางไปอยุธยา แน่นอนที่นี่ฝูงชนน่าจะเยอะเช่นเดียวกัน แต่ก็น่าจะพอไหวสำหรับการเดินทางเพียงแค่ไม่กี่นาที


ชานชาลา หลากผู้คน

ที่ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟไม่มีเหตุผลอะไรมากนอกจากคำว่า “คิดถึง” ผมไม่ได้ขึ้นรถไฟมาหลายปีมาก ขณะที่ผมรับตั๋วมาผมยังแอบคิดอยู่เลยว่า ขนาดตั๋วรถไฟยังมีพัฒนาการขนาดนี้ แล้วเราล่ะ ที่ผ่านมามีพัฒนาการอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง


เส้นทางที่ทอดยาว

“รถไฟมาเที่ยว 9 โมง 5 นาทีครับ”
เจ้าหน้าที่ขายตั๋วบอกเวลาที่รถไฟเทียบชานชาลา ผมหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลา 7 โมง 55 นาที มีเวลาอีกเยอะที่ผมจะทำตัวอ้อยสร้อยที่สถานีรถไฟดอนเมืองแห่งนี้ ผมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 10 นาที เพื่อถ่ายรูปเรื่องราวต่างๆ ใน
สถานี เพียงไม่นานนักเวลาชั่วโมงกว่าก็หายไปในพริบตา ผมได้ยินเสียงประกาศ รถไฟกำลังเทียบชานชาลา

รถไฟวิ่งเข้ามาอย่างเนิบช้า


การรอคอย


ความหวัง??

ชานชาลา = ชานชรา...
ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปหรือเปล่า แต่การกระทำเนิบช้าแบบนี้ ผมคิดไปถึงความชราของมนุษย์
แน่นอนเวลาผ่านไปเร็ว และผมรู้ตัวแล้วว่าผมมีอายุมากขึ้นทุกวัน


อดีตที่เคยรุ่งเรือง

บางที...

ความชรามันอาจเดินทางเข้ามาอย่างเนิบช้า โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ก็ต่อเมื่อมีคนมาบอกมัน เหมือนนายสถานีกำลังประกาศเมื่อรถไฟเทียบชานชรา...แล้วก็ได้


เส้นทางของเราถูกกักขังไว้หรือเปล่า

รถไฟชั้น 3 ไม่มีที่นั่ง

วันนี้ผู้คนมากกว่าที่ผมคิด แม้ว่าภาพที่ผมคิดจะนั่งรถไฟอย่างสบายอารมณ์อาจจะผิดไปนิดนึง แต่ก็ยังรู้สึกดีเหมือนเดิมเมื่อได้ขึ้นรถไฟ อากาศร้อนๆ ผู้คนเบียดเสียด แต่มากด้วยไมตรี ต่างแบ่งปันพื้นที่ยืนให้แก่กัน

แตกต่างกับรถไฟในกรุงเทพฯ

...ผมไม่มีแม้แต่ที่จะยืน...


ทุกที่มักมีความสวยงามซ้อนอยู่เสมอ

ใช้เวลาประมาณ 50 นาที รถไฟเทียบชานชาลาสถานีอยุธยา...


บางทีคนเราก็ถูกทิ้ง

คนขับรถกระป๊อ ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เรียกลูกค้านักท่องเที่ยวให้ขึ้นรถของตัวเอง ตามกลไกการตลาดง่ายๆ ที่มันควรจะเป็น ผมเลือกที่จะนั่งรถสองแถววิ่งวนรอบเมือง ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะวิ่งไปทางไหน แต่...ไอ้การที่เดินทางโดยไปคิดเอาดาบหน้านี่แหล่ะ ผมว่ามันคือเสน่ห์ของการเดินทาง แม้จะเป็นการเดินทางสั้นๆ แต่นิสัยการเดินทางไปเรื่อยๆ แล้วไปคิดต่อเอาข้างหน้า เป็นนิสัยของผมไปแล้วล่ะ


ในความยุ่งเหยิง ก็ยังมีความเรียบง่าย

ใช้เวลาไม่นานรถสองแถวก็เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าตลาด ผมตัดสินใจลง เดินเล่นในตลาด และแวะกินก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาซักหน่อย จริงๆ แล้วผมอยากจะถ่ายรูปผู้คนในตลาดมากเหลือเกิน ผมคิดว่านี่แหล่ะคือชีวิต ชีวิตที่ต้องดำเนินไปตามปัจจัยที่มีเงื่อนไขแตกต่างกัน แต่ผมเลือกเก็บภาพชีวิตเหล่านั้นใส่เมมโมรี่แห่งความทรงจำในสมอง มากกว่าบันทึกมันผ่านปุ่มชัตเตอร์ลงสู่เมมโมรี่ขนาด 4 GB ที่ไม่มีความรู้สึกอะไร ... หัวใจกับเครื่องมือ มันต่างกันตรงนี้นั่นเอง


ชีวิตยังต้องดำเนิน

ผมเดินเล่นในตลาดไปเรื่อยๆ ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด ใช้ชีวิตให้ช้าที่สุดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ผมได้รับมา หลังจากนั้นผมไม่สามารถลืมความรับผิดชอบที่รออยู่ที่เมืองฟ้าได้นานมากนัก ผมจึงตัดสินใจเดินทางกลับหลังจากที่ผมคิดว่า... ผมสบายใจ และใช้ชีวิตได้ช้าอย่างเพียงพอแล้ว


สีสันแห่งชีวิต

ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ดำเนินชีวิตอย่างช้าๆ แบบนี้อีก แต่ผมตั้งใจว่าเมื่อผมกลับมายืนอยู่ที่จุดเดิม ผมจะลดความเร็วลง และมองคนรอบข้างให้มากขึ้น ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องรีบมากกว่านี้แล้ว

เรามาทำชีวิตให้เดินทางไปเรื่อยๆ กันดีกว่าครับ





Create Date : 27 กรกฎาคม 2553
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 19:33:28 น. 4 comments
Counter : 4294 Pageviews.  
 
 
 
 
อ่านแล้วได้บรรยากาศมากเลยค่ะ เข้าใจอารมณ์คุณยางมะตอยฯเลยเรื่องที่การรีบเร่งใช้ชีวิตทำให้เรามองข้ามสิ่งดีๆไปหลายอย่าง แถมบางทีจะมีส่วนทำให้แก่เร็วด้วย (เกี่ยวมั้ย? เกี่ยวนิดหน่อยละกันเนอะ) ครั้งสุดท้ายที่เราได้ขึ้นรถไฟที่ไม่ใช่ BTS กับ MRT ก็เมื่อปลายปี 08 ตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ละมั้ง อ่านกระทู้ตอนนี้แล้วอยากตีตั๋วนั่งรถไฟไปไหนสักที่ขึ้นมาเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันประสบการณ์นะคะ
 
 

โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:00:11 น.  

 
 
 
ตามคุณตอยไปเที่ยวอยุธยาในวันช้าๆ ครับ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตด้วยความรวดเร็วและประสิทธิภาพสูงๆ อยู่ตลอดเวลา การได้ผ่อนคันเร่งลงมาบ้างคงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีค่าเชียวแหละ (แม้เพียงชั่วครู่)

ตอนนี้ชีวิตผมมันช้ามากๆ เกือบทุกวันเลยแฮะ ทำไงให้มันมีเนื้อมีหนังขึ้นมาได้มั่งล่ะน้อ กร๊าก
 
 

โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:26:01 น.  

 
 
 
คุณ bellbomb - ยินดีมากเลยครับ แล้วก็ขอบคุณมากด้วยที่เข้ามาอ่าน ลองหาเวลาไปนั่งรถไฟเล่นกันนะฮะ ^ ^

คุณพีท - อิจฉาจังเลย ทุกวันนี้ผมยังคงต้องเร่งรีบอยู่เหมือนเดิม แม้จะพยายามลดสปีดลงแล้วก้ตาม ยังไงคงต้องมีซักวันล่ะเนาะ ^ ^
 
 

โดย: ยางมะตอยฯ IP: 124.122.223.158 วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:40:52 น.  

 
 
 
เกิดมายังไม่เคยนั้งรถไฟเลยอยากนั้งอยู่เหมือนกัน
แต่ไม่รู้จะไปไหนดี...ส่วนวันช้าๆ
ก็พอมีแต่ใน 6 วันทำงานที่แสนเหนื่อย ก็คงต้องชดเชยให้ตัวเอง เพื่อนก็ไปคนละทิศละทาง
กันหมด
ถ้าพี่มาเที่ยวแถวนี้บอกได้นะ พาเที่ยวเลย
:-)
 
 

โดย: อิ๋ว IP: 1.47.96.156 วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:13:10:22 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยางมะตอยสีชมพู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด
ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้

ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ
ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน



ลายปากกา


ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^
ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู) ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม (ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
[Add ยางมะตอยสีชมพู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com