Don't Worry, Be Happy

 
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
12 กันยายน 2549
 

Title: จินตนาการในร้านก๋วยเตี๋ยวไก่


เช้านี้เป็นวันที่สุดแสนจะยุ่งเหยิงที่สุดของผมทีเดียวเชียวล่ะ...เพราะอะไรเหรอครับ

วันนี้ผมมีนัดกับลูกค้าคนสำคัญเวลา 9 โมงครึ่ง แต่เวลา ณ ตอนนี้นะเหรอครับ เหอะๆ ปาเข้าไป 9 โมงแล้ว เพิ่งจะตื่น ผมนึกในใจ “ชิบหายแล้วกู...!!” ผมสบถในใจกับตัวเองอยู่อย่างนี้เป็นสิบๆ รอบในขณะที่มือก็กดโทรศัพท์มือถือโทรหาเจ้านายเพื่อบอกว่า... “กูไปไม่ทันแล้วโว้ยยยยยย”


ผมจะต้องฝ่าการจราจรเฮงซวยในกรุงเทพฯอีก 2 ชั่วโมงเต็ม (เผลอๆอาจมีเกิน) แถมยังต้องคอยรับโทรศัพท์ฟังเสียงบ่นจากเจ้านายเจ้าอารมณ์อีกต่างๆ นานา มากมาย หลายแหล่ เฮ้อ....ผมแอบถอนหายใจเบาๆ ขณะเดียวกัน ก็มองเห็นวัยรุ่น หนุ่มสาว 2 คน ขึ้นมาบนรถเมล์ แล้วก็ขยับมานั่งที่ข้างๆผม

อ้อ...ลืมบอกไปครับ วันนี้ผมได้นั่งที่ด้านหลังสุด ของรถเมล์ มินิบัส ขับห้อตะบึง ไม่ว่ามึงจะถึงหรือไม่ถึง กูก็จะเหยียบให้มิดคัน...

อ่า....ผมยังเล่าค้างไว้อยู่นี่เนอะ ว่ามีวัยรุ่นหนุ่มสาวขึ้นมาบนรถเมล์คันนี้และมานั่งข้างๆ ผมทั้งคู่ เท่าที่ผมสังเกตดูถือว่าใช้ของที่มีราคาน่าดูชมเชียวล่ะ ทั้งนาฬิกา เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับเสริมบารมีต่างๆมากมายรวมทั้งโทรศัพท์มือถือ...รุ่นใหม่ล่าสุดเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้จนผมอดไม่ได้ที่จะมองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง...

มือถือรุ่นนี้มีหลอดดูด
หัวปูดแน่ถ้าปา...โดนหัวหมา
มือถือเราเก่าชิบ น่าเวทนา
อนิจจาปนสมเพชมือถือกู


เด็กพวกนี้มันเอาเงินจากไหนไปซื้อมาวะ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่มันตามใจ...

เมื่อผมเดินทางฝ่ามลพิษ และ ควันดำ มาได้ค่อนทาง ผู้คนที่ขึ้นรถเมล์สายนี้ยิ่งเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนบั้นท้าย (คำต่อไปขออนุญาตใช้คำว่าตูด) ของชายคนหนึ่งแทบจะทิ่มเข้าที่หน้าใสๆ ของผม ครับ...วันนี้นอกจากรถจะแน่น...อึดอัดกับความแออัดยัดทะนานของคนบนรถเมล์ รำคาญกับเสียงกระเป๋ารถเมล์ที่คอยตะโกนอยู่ทุกเวลาให้ชิดในๆๆๆๆๆ เผชิญกับสายตาดูถูกเหยียดหยามจากเด็กที่มันยังหาเงินใช้เองไม่เป็น ผมยังต้องคอยใช้สายตาอันเฉียบคมคอยมองตูดชายผู้นั้น พร้อมกับโยกหลบเวลาที่ก้นของเขามันกระดกเข้าที่หน้าผม เปรียบดั่งอีแวนเดอร์ โอลิฟิลด์ โยกหลบหมัดแย็บ ของพี่ไมค์ ไทสันก็มิปาน

สายตาคอยจดจ้องไม่กระพริบ
ว่าตูดมันจะขมิบหรือกระดกกระเด้งใส่
ต้องคอยหลีกโยกหลบให้เร็วไว
เช่นนั้นไซร้หน้าเราจะจูบตูดเอา


กว่าผมจะฝ่าวิบากกรรมในช่วงเช้านี้มาจนถึงออฟฟิศได้ก็ปาไป 11 โมงพอดีเป๊ะเลยครับ ผมเดินเข้าออฟฟิศ ตอกบัตรเข้างานอย่างอ่อนระโหยโรยแรง พร้อมกับคำต่อว่า ปนด่าจากหัวหน้าอีก 2 ยก...กว่าจะได้เริ่มทำงานก็เที่ยงพอดี...ผมทำงานต่อโดยที่ไม่ออกไปทานข้าว...ทำไงได้ล่ะวันนี้ผมมาสายนี่หว่า จนเวลาผ่านไปไม่นานนักท้องผมก็เริ่มร้อง

นั่นสินะ...เรายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยนี่...

โชคดี...ที่ผมมีบะหมี่ครึ่งๆ กลางๆ (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป) เก็บไว้ในลิ้นชักทำงานของผม สรุปว่า...มื้อเช้าและ กลางวันนี้ ผมจัดการโซ้ยบะหมี่ครึ่งๆ กลางๆ ไป 2 ห่อ


ผมนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากว่า 2 ชม.แล้วโดยที่ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยซักอย่าง

นั่งอึนมึนนั่งเอ๋อนั่งเพ้อเจ้อ
ถอนใจเฮ้อ...เธอ เฮ้ย เราเอาไงดี
งานเต็มโต๊ะคิดไม่ออกไหงเป็นงี้
โอ้ชีวีเรานี่หนอลำบากใจ


วันนี้สมองของผมมันมึน มันทึบ มันช่างตีบตันสิ้นดี ผมหาทางออกให้ตัวเองโดยการลุกไปชงกาแฟซักแก้ว ผมคิดในใจ...กาแฟร้อนๆ ซักถ้วยน่าจะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นบ้างล่ะ

ผมดื่มกาแฟร้อนไป 2 ถ้วยแล้ว...ผมก็ยังนั่งมึน คิดงานไม่ออกอยู่เหมือนเดิม วันนี้เป็นอะไรวะ...สมองไม่แล่นเลย ผมบ่นในใจ จนเวลาผ่านไปจนถึงเวลาเลิกงาน...ผมก็ยังคิดอะไรไม่ออกอยู่ดีผมตัดสินใจ...เก็บของ...กลับบ้าน


ผมเดินออกจากออฟฟิศเพื่อจะไปที่ป้ายรถเมล์...สิ่งที่คุ้นชินตาสำหรับคนกรุงเทพนั้นก็คือ....ใช่ครับ นั่นคือรถติด แต่วันนี้ปัญหาก็คือมันไม่ได้ติดแบบธรรมดาน่ะสิครับ...มันติดแบบ ไชยา มิตรชัยเลยล่ะ...!!

แบบว่า...รถมันติดแบบไม่ธรรมดา ชะเอิ๊บๆ ไม่ธรรมดา สเปเชี่ยล พิเศษใส่ไข่ 2 ฟองเลยล่ะครับ ผมจึงตัดสินใจ......เดินทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ คิดงานเผื่อวันรุ่งขึ้น

รถมันติดทำไงได้ต้องลงเดิน เอ้อ...อาจเพลินเดินเรื่อยๆไร้จุดหมาย
เดินๆ ไปคิดงานออก ดีจะตาย โธ่...ไอ้ควาย...งานยังคิดไม่ออกเลย


ครับ...ผมเดินจนเหงื่อท่วม...ก็ยังมึน...คิดงานไม่ออก อยู่เหมือนเดิม

เวลาล่วงเลยไปจนถึงหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว...หลังจากที่ผมออกจากที่ทำงานมาเวลา 6 โมง ชั่วโมงครึ่ง..!! นี่เราเดินมาชั่วโมงครึ่งเลยเหรอเนี่ย ประกอบกับรถราบนถนนก็เริ่มอยู่ในสภาพคล่องแล้ว ผมหยุดเดิน...และคิดหาอะไรกิน ก่อนที่จะขึ้นรถกลับบ้าน

พลัน!! กลิ่นหอมจางๆ ก็ลอยมาเตะจมูก...มันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ

หอมกลิ่นลอยละล่องเตะจมูก
ร้านนี้ถูกใจใช่เลยก๋วยเตี๋ยวไก่
น้ำซุปข้น มะระอร่อยได้ใจ
เจ๊ให้ไวชามที่สองห้ามขาดตอน


ผมซัดก๋วยเตี๋ยวไก่มะระในร้านนั้นไป 2 ชามครับ

อาจจะเป็นเพราะหิว...ที่วันนี้มีแต่เส้นบะหมี่ครึ่งๆ กลางๆ อยู่ในท้อง
อาจจะเป็นเพราะอร่อยจริง

หรืออาจจะเป็นเพราะบรรยากาศที่นั่งแล้วชวนให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูก จึงทำให้ผมอยากนั่งเล่นที่ร้านนี้นานๆ ด้วยการจัดร้านแบบร้านข้างทางทั่วๆไป เป็นเพิงเล็กๆ มีโต๊ะเก้าอี้อยู่ประมาณ 5 ชุดไม่มีอะไรโดดเด่น...

แต่บรรยากาศที่นี่...กลับดึงดูดให้ผมมีความรู้สึกอยากนั่งอยู่ที่นี่ ที่ตรงนี้นานๆ ผมรู้สึกเย็นทั้ง กาย และใจ ผมรู้สึกผ่อนคลายกับลมโชยอ่อนๆที่พัดผ่าน ผมนั่งหลับตาพริ้ม...จินตนาการไปเองว่า....

นอนเกลือกกลิ้งเอนกายกลางทุ่งหญ้า
อีกจันทราส่องสกาวพราวสดใส
อีกดวงดาวระยิบระยับกลางดวงใจ
อีกเสียงใสจักจั่นร้องระงม

ทั้งหรีดหริ่งเรไรขับบรรเลง
เป็นเสียงเพลงเสนาะหูพาสุขสม
รับความสุขทิ้งเอาไว้ความทุกข์ทม
ปล่อยอารมณ์ให้เคลิ้มไปตามใจเรา



วันนี้ผมเดินทางกลับบ้านอย่างมีสุขแตกต่างจากตอนเช้าอันยุ่งเหยิงของผมอย่างสิ้นเชิง คิดไปคิดมา...เห็นทีต่อไปนี้ คงต้องเป็นขาประจำ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระร้านนั้นแล้วล่ะ



Create Date : 12 กันยายน 2549
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 21:22:57 น. 1 comments
Counter : 701 Pageviews.  
 
 
 
 
อ่านแล้วทำให้ท้องร้องเลยอ่ะคะ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pinkyangmatoy&group=3&month=09-2006&date=12&blog=5
 
 

โดย: รักการ์ตูนทิงทัย วันที่: 13 กันยายน 2549 เวลา:0:08:18 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยางมะตอยสีชมพู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด
ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้

ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ
ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน



ลายปากกา


ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^
ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู) ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม (ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
[Add ยางมะตอยสีชมพู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com