Don't Worry, Be Happy

<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 ธันวาคม 2550
 

Title : เพื่อนซี้ในความทรงจำ




ความผูกพันที่ก่อเกิดขึ้นมา
แม้เวลาจะผ่านไปซักกี่ 10 ปี
ความทรงจำดีๆ ก็ยังมีอยู่...มิลบเลือน


ตั้งแต่ผมจำความได้
เพื่อนคนแรกของผม...อืม หรือจะเรียกว่าตัวดีนะ มีเป็นสิบตัวได้
พวกมันชอบมาเล่นกับเด็กตัวเล็กๆ เดินเตาะแตะอย่างผม
ล้อมหน้า ล้อมหลัง แลบลิ้น กระดิกหาง
บางทีเมื่อสบโอกาส มันก็งับขนมจากมือ
เอาไปกินเล่นอย่างสบายใจเฉิบ
ผมโตขึ้นมา โดยมีพวกมันคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอด

จากรุ่นทวด สู่รุ่นปู่ ไปรุ่นพ่อ ต่อมารุ่นลูก จนกระทั่งปัจจุบัน
เจ้าเพื่อนซี้ของผมคงเลยรุ่นโหลนไปแล้วมั้ง
ครอบครัวของมัน ก็เหมือนครอบครัวของผม
เราอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันมานานนับ 20 ปี ได้แล้ว

ครอบครัวของผม พ่อกับแม่ จะตั้งชื่อลูก
ให้ขึ้นต้นด้วย ป.ปลา ทุกคน
และยังคงคอนเซปต์นี้กับเจ้าตูบในบ้านด้วย

เช่น ป๋อง แป๋ง แป้ง เปา ปื๊ด ปุ๊ก ปิ๊ก ปั่น ปุก ปี๊บ ปุ๊ย ปุ้ย ปุ๋ย ปุย ฯลฯ
จวบจนมาถึงรุ่นปัจจุบัน พวกเราก็หมดปัญญา
ในการตั้งชื่อให้คงคอนเซปต์ เหมือนเดิม
พวกหลานๆๆรุ่นปัจจุบัน ก็มีชื่อที่หลากหลายไปแล้ว
เช่น เซียนตึ๊ง ป๋อหลอ ถุงทอง จูเนียร์ ชิโร่ ฯลฯ
ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่ 2 ตัว ในบ้านเท่านั้น
คือเจ้า ป๋อหลอ และจูเนียร์

เมื่อก่อนบ้านผมจะเป็นคล้ายๆกับบ้านสวน
จะมีพื้นที่ให้พวกมันวิ่งเล่นกันอย่างสบาย
ประตูรั้วบ้านจะเปิดไว้ตลอด ซึ่งมันจะไปไหนก็ไปได้
และเป็นต้นเหตุของการตายจากการถูกรถทับนับสิบตัว
พื้นที่บ้านสวนเก่าของผม จึงเป็นสุสานของพวกมันไปโดยปริยาย

จากที่จำความได้ มีอยู่ตัวหนึ่งชื่อไอ้เปา
สาเหตุของชื่อนี่มาจาก ด้วยความที่ส่วนหัวของมัน
มีขนสีดำปกคลุมทั้งหัว แต่ส่วนตัวจะขาวจั๊วะไปหมดทั้งตัว
ประหลาดหมาเป็นอย่างยิ่ง ในบรรดามาที่ผมเลี้ยงมา
มีไอ้เปานี่แหล่ะที่ดุกว่าเพื่อน พอที่จะฝากความหวังในการเฝ้าบ้านไว้ได้
ขณะที่ตัวอื่นได้แต่เห่า พอเจอของจริงกลับหงอไม่เป็นท่า

แต่ถึงจะดุยังไง ก็ยังแพ้ล้อรถอยู่ดี
น่าแปลก ที่การตายของหมาๆ ในบ้านผม
มาจากรถคันเดิมเกือบทุกครั้ง
ทั้งๆที่ ถนนทางเข้าบ้านผมก็แคบ
แต่รถคันนี้กลับห้อตะบึง ไม่กลัวจะชนคน ชนหมา

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเผลอปล่อยลูกหมาวัย 3 เดือนออกไปวิ่งที่ถนน
ไอ้รถคันนั้นก็วิ่งมาทับมันต่อหน้าต่อตา แต่ผมช่วยอะไรมันไม่ได้
มันไม่ได้ตายทันที ผมรีบวิ่งเข้าไปอุ้มมัน โดยช่วยกันกับแม่
จับมันใส่กาละมัง เพราะจับตัวมันไม่ได้ ถ้าจับแล้วมันจะกัด
ตอนนั้นผมยังเด็กนัก และไม่มีใครสนใจที่จะพามันไปหาหมอ
พี่ผมบอกว่า ถ้าถึงขนาดที่กระอักเลือดแล้ว ยังไงก็ไม่รอด

แต่ผมอยากจะช่วยมัน
ผมลงทุนขี่จักรยานเฟสสันคู่ชีพบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากพ่อ
ที่แยกทางกับแม่ไปแล้ว ให้ช่วยขับรถพามันไปหาหมอหน่อย
ระหว่างทางที่ไป ผมลูบหัวมันตลอดทาง
เหมือนกับการให้กำลังใจ
“อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วนะ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็หาย”
ผมมองหน้ามัน มันหลับตาพริ้ม...
แล้วผมก็เห็นน้ำตาของมัน...ไหลออกมา

มันยังทนรอผมจนถึงเช้าอีกวัน
ก่อนผมไปโรงเรียน ผมเข้าไปลูบหัวมันเบาๆ
เสียงแม่แว่วมาข้างหลัง
“ถ้าทนไม่ไหวก็ไปเถิดนะ..อย่ามาทรมาณเลย”
ผมไม่อยากให้มันไปจากผม แต่เมื่อผมมองแผลของมัน
เสียงครางอิ๋งๆ ของมันทั้งคืน ผมก็ได้แต่ทำใจ
ผมลูบหัวมันเป็นครั้งสุดท้าย
น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่แล้ว ไหล หยดลงมาบนหัวของมัน
ท่าทางมันจะรับรู้ความรู้สึกของผม
มันเลียที่มือผม เอาหัวลูบไล้มือของผมช้าๆ
แล้วพริ้มตาหลับ...ผมเห็นน้ำตาของมันอีกครั้ง
สุดท้าย เมื่อตอนสายวันเดียวกันนั้น
มันก็จากผมไป...

ปัจจุบันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ครอบครัวผมย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร
มีรั้วรอบขอบชิต หมาๆของผม จึงอยู่แต่ในบ้านตลอด
อัตราการตายจากการถูกรถเหยียบน้อยลง

3 ตัวล่าสุดที่ตายไปมาจากการแก่ตายทั้งสิ้น

อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่ง ผมเคยที่จะพยายามคลุกข้าวให้พวกมันด้วยนะ
แต่มันไม่ยอมกิน ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก
เป็นใครมันก็ไม่กิน หรือกินน้อย
คนที่คลุกข้าวให้พวกมันกินอย่างอร่อย จนข้าวหมดกาละมังนั้น
มีแม่ผมคนเดียว...ที่สามารถ

จากเมื่อ 20 ปีก่อน
บ้านผมเลี้ยงหมาเป็นจำนวนสูงสุด 20 กว่าตัว
มาจนถึงตอนนี้เหลือเพียง 2 ตัว
และพวกเราตกลงใจกันแล้วว่า
ควรทำหมันพวกมันเสีย ไม่ให้มันขยายพันธุ์อีก

เนื่องจากเนื้อที่บ้านในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเลี้ยง
เสียงเห่า หอน ของมัน สร้างความรำคาญให้แก่เพื่อนบ้าน
จนเคยมีเรื่องมีราวถึงตำรวจมาแล้ว

และอีกประการ...ผมไม่อยากเสียใจ และไม่อยากเห็นภาพ
จากการเสียเพื่อนรัก...เพื่อนซี้ 4 ขา อย่างพวกมันไปอีก

ทุกวันนี้ ก่อนผมออกจากบ้านไปทำงาน
ผมจะลูบหัวพวกมันก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
ซึ่งพวกมันก็รู้ดี มารอผมอยู่หน้าบ้าน เวลาเดิม ทุกเช้า
เพื่อส่งผม...

ผมรู้ดีว่า อีกไม่กี่ปีมันก็ต้องจากผมไป
ผมมีโควตาน้ำตาที่จะเสียให้กับพวกมันอีก 3 ปี๊บ
เมื่อถึงเวลานั้น คงจะมีแต่ประตูรั้วเปล่าๆ ที่ไร้เงาเรียงแถวของพวกมัน

ผมคงจะเหงาน่าดู...



Get this widget | Track details | eSnips Social DNA



Create Date : 12 ธันวาคม 2550
Last Update : 14 ธันวาคม 2550 0:59:34 น. 3 comments
Counter : 635 Pageviews.  
 
 
 
 
แง..เศร้าอ่า เราเลิกเลี้ยงสัตว์ไปเลยหลังจากแมวสุดรักตายไป เราไม่ได้กลัวการพรากจากแต่กลัวการผูกพัน

ไม่อยากร้องไห้อีก
 
 

โดย: ด.ญ.ปิยวรรณ IP: 125.27.166.44 วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:8:56:01 น.  

 
 
 
อยากเลี้ยงหมาอะลุง
โดยเฉพาะเจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ หุหุ
 
 

โดย: silarin IP: 203.131.212.75 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:21:58:43 น.  

 
 
 
มีแมวที่บ้านค่ะ . .
เสียน้ำตาเหมือนกัน

ไม่เคยไปซื้อหาที่ไหน
เป็นแมวหลงมาจากที่อื่น
ให้ข้าวให้น้ำบางตัวพอโตก็หายไป
บางตัวก็....ตายไป
เคยคิดจะไม่เลี้ยงงงงอีกแล้วหลายครั้ง
แต่พอมีหลงเข้ามาก็เหมือนเดิม
ให้ข้าวให้น้ำ
 
 

โดย: หมูปิ้งไม้ละ 5 บาท วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:8:48:00 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ยางมะตอยสีชมพู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นมนุษย์เงินเดือน รับใช้การตลาด
ต้องคิดงานให้เกินคาด แล้วจะได้ตังค์ใช้

ชอบดนตรี เสียงเพลงเป็น ชีวิตจิตใจ
ตัวอักษรนั้นไซร้ กัดแทะได้ ทุกวี่วัน



ลายปากกา


ของเค้าดีจริง เข้าไปเยี่ยมชมกันได้ครับ ^ ^
ถึงแม้ว่าผมอาจจะยังไม่ใช่นักเขียน ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่มีคุณสมบัติแม้ที่จะคิดเขียน และถึงแม้ว่า เรื่องที่ผมเขียนนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม แต่ว่ามันก็ออกมาจากมันสมองอันน้อยนิดของผม ขอร้องเถิดครับ กรุณาอย่าเอาไป คัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนี่งส่วนใดหรือทั้งหมดของงานเขียนของผมเลย (ยางมะตอยสีชมพู) ผมขอสงวนสิทธิ์ตามกฏหมาย ซึ่งหากฝ่าฝืนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว จะมีโทษ ปรับตามกฏหมายตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือนำเรื่องไปเสนอสำนักพิมพ์ ถือเป็น การเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 800,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ยังเข้าใจ และเห็นใจคนชอบเขียนห่วยๆอย่างผม (ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ. กฏหมายลิขสิทธิ์)
[Add ยางมะตอยสีชมพู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com