Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
8 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
ตอนที่ 31-ผมไม่คิดว่า..นี่คือความบังเอิญ

***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนต้นฉบับเขียนขึ้น อย่าได้ปะปนหรือสับสนกับคำพูดหรือเนื้อหาของรายการฯ***

ที่ทางเข้าหมู่บ้านบูแรมิทีมงานถ่ายทำกำลังเตรียมตัวจะกลับ แต่ละคนก็ช่วยกันยกข้าวของขึ้นเก็บในรถแวน ฮยอนจุงยกกีตาร์ของเขาไปเก็บที่ท้ายรถคันที่เขานั่งมาตอนเช้ากับฮวางโบ ส่วนเธอยืนมองเขาด้วยสีหน้าซึ่งยากที่จะบอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

พีดีหันมาถามคู่ผักกาดว่า “เรื่องรถน่ะ คุณสองคนจะกลับกันยังไงครับ”

ฮวางโบหันหน้าไปอีกทางแล้วพูดว่า.”อืมม..พวกเราจะ...”

ฮยอนจุงพูดแทรกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “พวกเราจะนั่งรถกลับไปด้วยกันเหมือนตอนมาฮะ.เพราะบูอินแพ้พนันผม ดังนั้นเธอจึงต้องขับรถกลับฮะ”

พีดียิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็แล้วแต่ล่ะกัน ว่าแต่พวกคุณกลับกันเองได้น่ะครับ”

ฮวางโบกลับมีท่าทางกระวนกระวายเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ “เอ่อ..”

ฮยอนจุงรีบบอกไปว่า “ฮะ..ไม่ต้องห่วงพวกเราน่ะฮะ..ผมจะส่งบูอินให้ถึงประตูบ้านเลยฮะ”

“งั้น ก็โอเค..แล้วเจอกันน่ะ” พีดีกล่าวลา

ทีมงานต่างแยกย้ายขับรถกลับ ฮวางโบยืนมองหลังรถที่กำลังเคลื่อนห่างออกไปด้วยใสีหน้า ที่สับสน

ฮยอนจุงเห็นท่าทางของเธอก็คิดในใจ <นี่คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าน่ะ> แต่ก็เอ่ยพูดกับเธอว่า “ไปกันเถอะฮะ”

ฮวางโบซึ่งมีท่าทางเหมือนคนใจลอย “โอ๊ะ”

เขาเห็นสีหน้าตกใจของเธอก่อนถามไป “ให้ผมขับให้มั้ยฮะ”

เธอยังคงตกอยู่ในภวังค์ยัง.”หา..โอ๊ะ..ไม่ต้องจ้ะ..เดี๋ยวชั้นขับให้เอง”

เขาเริ่มกังวลกับท่าทางแปลกๆของเธอ <นี่คุณเป็นอะไรไปน่ะ เมื่อกี้ยังดูมีความสุขดีอยู่เลยนี่นา...คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่> เขาเอ่ยปากเรียกเธอเพื่อและถาม “เฮ้”...แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อเธอก็พูดขึ้นมา

“ขึ้นรถสิ” แล้วเธอก็เข้าไปนั่งประจำที่ด้านฝั่งคนขับ ส่วนเขาก็ได้แต่งุนงงและเดินขึ้นไปนั่งในรถเช่นกัน

“วันนี้ดูท่าทางเธอคงจะเหนื่อยมากน่ะ..ทำไมไม่ไปนั่งข้างหลังล่ะ เธอจะได้นอนยาวไปได้เลย” เธอหันไปบอก

ทันทีที่ได้ยินแล้วเขาก็เกิดอาการอึ้งและคิดในใจ <นี่มันอะไรกัน คุณเป็นห่วงผมขนาดนั้นจริงๆเหรอ? หรือว่ามีเหตุผลอื่นกันแน่..?>

เมื่อคิดได้ดังนั้น หน้าเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที “ไม่ฮะ ผมจะนั่งอยู่ข้างๆคุณนี่ล่ะ ถ้าผมง่วงผมก็แค่ปรับเบาะลงไปนอนได้เหมือนกันฮะ”

เธอตอบโดยที่ไม่หันไปมองหน้าเขา “โอเค อย่าลืมรัดเข็มขัดนิรภัยด้วยล่ะชั้นจะไม่รับผิดชอบถ้ามีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นน่ะ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ดึงเข็มขัดขึ้นมาคาดทันทีโดยไม่พูดอะไร
***************************************************
คู่ผักกาดนั่งอยู่ในรถที่มุ่งหน้ากลับโซล โดยที่บรรยากาศในรถนั้นเต็มไปด้วยความเงียบอันแสนจะอึดอัด

ฮยอนจุงนั่งคิด< ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ได้? ผมทำอะไรผิดพลาดไปเหรอ? วันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในวันที่พวกเรามีความสุขกันมากที่สุดน่ะ แล้วนี่ ทำไม?...ทำไม?>

ฮวางโบนั่งเงียบๆตามองไปข้างหน้าสนใจอยู่กับการขับรถเพียงอย่างเดียว..10 นาทีแห่งความเงียบผ่านไป ภายในรถที่กำลังแล่นไปด้วยความเร็วสูง เขาเริ่มทนไม่ไหว สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนพูดออกมา

“มีอะไรรึเปล่าฮะ?”

”อะไรน่ะ?”

”ผมทำอะไรผิดไปรึเปล่า?”

”ก็เปล่านี่”

”งั้น..ทำไมฮะ?”เขายังคงซักเธอต่อ

เธอนิ่งเงียบ..ไม่ตอบ

ตอนนี้เขาเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดแล้ว “ก่อนหน้านี้ไม่นาน เรายังสนุก..แล้วก็มีความสุขด้วยกันอยู่เลย...แล้วทำไมคุณถึง...”

เธอยังคงคิดในใจว่า <นี่มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาด...ผิดพลาดมากจริงๆ...ชั้นปล่อยให้เรื่องมันดำเนินไปอย่างไม่ระมัดระวัง...ขอโทษนะ..ชั้นขอโทษจริงๆ...ที่ทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่...ใช่แล้วล่ะ...วันนี้เป็นวันที่ดีมากๆ..แต่ว่า..>

”ทำไมตอนนี้คุณถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะฮะ?” น้ำเสียงของเขาเริ่มอ่อนโยนลง
เขาชำเลืองมองเธอแล้วคิดในใจว่า <เหตุผลมันคืออะไรฮะ คุณอย่านิ่งเงียบแบบนี้สิ ผมใจคอไม่ดีเลย> “ทำไมล่ะฮะ?”

เธอตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ชั้นเหนื่อยน่ะ...เธอช่วยเบาเสียงลงหน่อยได้มั้ย”

เขาถึงกับอึ้งกับคำพูดของเธอ < ใช้น้ำเสียงแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน...งั้นตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ คุณแค่แสดงละครเพื่อรายการโชว์เท่านั้นเหรอ การแสดงออกของคุณที่ทำท่าเขินอายแล้วก็ซาบซึ้งใจนั่นน่ะมันเป็นแค่....เพื่อโชว์เท่านั้นรึไง.> “นี่คุณพูดจริงหรือพูดเล่นๆฮะ”

”ตอนนี้ชั้นเหนื่อยเกินกว่าที่จะพูดเล่นกับเธอแล้วล่ะ”

คำตอบที่เขาได้รับถึงกับทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว เขารีบเบือนหน้าหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยความเสียใจ

<ได้โปรดเถอะ...เรานั่งรถกลับกันไปเงียบๆแบบนี้จะดีกว่า...ก่อนที่พวกเราจะถลำลึกลงไปเกินกว่าจะหันหลังกลับได้...ตอนนี้เรามาคิดกันแค่ว่า ที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่ความฝัน จะดีกว่าน่ะ> เธอนั่งคิดอยู่ในใจ

ระหว่างที่เขามองวิวนอกหน้าต่าง เขานึกถึงช่วงพักการถ่ายทำและทั้งสองนั่งอยู่บนรถกันสองคน <ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ถ่ายทำอยู่นี่นา...แล้วตอนเช้าที่นั่งรถมาก็ด้วยนี่...พวกเรายังคุยกันสบายๆอยู่เลยนี่นา แล้วนี่ เกิดอะไรขึ้น?>

<อย่าไปคิดถึงเรื่องอะไรทั้งนั้น ฮวางโบ เฮจุง แค่ขับรถไปก็พอแล้ว> เธอพยายามบอกตัวเอง

<ทำไมจู่ๆคุณถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ> เขาอดรนทนไม่ไหวหันไปจ้องเธอ
ตอนนี้เธอเริ่มกระวนกระวายเมื่อรู้สึกว่าเธอกำลังถูกสายตาของเขาจับจ้องอยู่ ใบหน้าของเธอค่อยๆแดงขึ้น แดงขึ้น ในขณะที่เขายังคงนั่งจ้องหน้าเธออย่างไม่ลดละ แต่เธอพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจสายตาจ้องจิกของเขา ยังคงตั้งใจขับรถต้องขบกรามตัวเองอย่างแรงเพื่อช่วยควบคุมความรู้สึกพลุ่งพล่านที่อยู่ภายใน ซึ่งตอนนี้ทั้งสองต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

ไม่นานฮยอนจุงจึงเปิดประเด็นขึ้นมา “ผมรู้ว่าคุณกำลังพูดโกหกอยู่...มันเห็นได้ชัดเลยน่ะ”

เธอถึงกับตกใจที่ได้ยินเขาโพล่งออกมาเช่นนี้

”เหตุผลมันคืออะไรฮะ”

เธอขมวดคิ้วแล้วตอบเขาไปว่า “ชั้นไม่ได้โกหก อะไรทำให้เธอคิดว่าเป็นแบบนั้นเหรอ?”

”ก็พฤติกรรมของคุณตอนนี้...หรือว่าไม่ใช่ฮะ?” <ก็สีหน้าท่าทาง..น้ำเสียง..แล้วก็แววตาของคุณอีกล่ะ>

เธอยิ่งขบกรามตัวเองแน่นเข้าไปอีก แต่ก็ตอบกลับไปว่า “ชั้นก็แค่รู้สึกเหนื่อยแล้วก็เพลียน่ะ..เท่านั้นเอง...ไม่ต้องสนใจชั้นหรอกน่ะ”

”คุณเหนื่อยหรือฮะ งั้นผมจะขับให้เอง จอดรถสิฮะ”

”ชั้นไม่ได้เหนื่อยขนาดขับรถไม่ไหวหรอกน่ะ..ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...เธอนอนพักผ่อนไปเถอะน่ะ”

เขายิ่งปรี๊ดแตกหนักขึ้นไปอีก “นอน?....นี่คุณบอกว่าให้ผมนอนงั้นเหรอฮะ?”

ตอนนี้เธอพยายามจะไม่แสดงให้เขาเห็นว่ารู้สึกผิด “ก็เธอเหนื่อยมาทั้งวัน แล้วก็ยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวาน”

เขาถอนหายใจออกมาอย่างแรง แล้วพูดว่า “จอดรถสิฮะ”

”ให้ชั้นขับไปแบบนี้แหละดีแล้ว” เธอยังคงยืนยัน

เขาทำหน้าตึงสุดๆ และพูดเสียงดังว่า “จอดรถเดี๋ยวนี้”

เธอถึงกับผงะเมื่อเห็นท่าทางของเขาแต่ยังคงขับรถอยู่ <เธอคงโกรธมากสินะ...แต่..ช่วยไม่ได้...ชั้นขอโทษจริงๆน่ะT-T>

ตอนนี้ความโกรธของเขาเริ่มจะเก็บไม่อยู่แล้วจึงแผดเสียงออกมาดังกว่าเดิม
“ผม บอก ให้ คุณ จอด รถ~~~~!!!!”

เธอรู้สึกตกใจ ชำเลืองมองเขาแล้วในที่สุดก็ยอมจอดรถข้างทางที่ริมถนนเปลี่ยวสายนึง

”ลงมาสิฮะ” เขาออกคำสั่ง

”ผมจะขับเอง คุณลงมาเถอะฮะ” แล้วตัวเขาก็เดินลงจากรถและเดินอ้อมมาที่ด้านคนขับ

<ชั้นจะทำยังไงดี เขาดูโกรธมากจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว > เธอยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง

เขาเดินไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วบอกเธอว่า “ลงมาสิฮะ”

เธอยังคงนั่งก้มหน้านิ่ง

<ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ แต่ผมก็พยายามฝืนตัวเองอยู่...ผมไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร..แต่คุณก็ไม่ควรทำแบบนี้...อย่าแบกรับทุกอย่างเอาไว้ที่ตัวเองคนเดียว มีอะไรทำไมคุณถึงไม่บอกผม> “ลงมาเร็วๆฮะ ผมจะขับเอง”

เธอลงมาจากรถอย่างไม่ค่อยเต็มใจแล้วเดินไปที่ประตูด้านหลัง และเมื่อเขาเห็นเธอกำลังจะนั่งด้านหลัง เขาถึงกับมีสีหน้าบึ้งตึงแล้วก้าวเข้าไปขวางประตูไม่ให้เธอขึ้น แต่เดินไปเปิดประตูด้านหน้าคู่กับคนขับแทน แล้วพูดว่า

“ถ้าบูอินไปนั่งข้างหลัง...ผมอาจจะง่วงนอน..มานั่งข้างหน้าด้วยกันผมจะได้ไม่หลับ”

เธอรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจผิด <ชั้นควรจะกลับไปกับพวกทีมงานนะ> เธอชำเลืองมองเขาครู่นึงก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถ เขามองเธอด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ปิดประตูรถให้เธอแล้วเดินกลับมานั่งประจำที่คนขับ

ระหว่างทางที่กำลังเดินทางกลับบ้าน ฮยอนจุงขับรถออกไปด้วยความเร็วสูงและภายในรถก็ยังคงเงียบสงัด

เธอนั่งหลับตาและหันหน้าออกไปทางกระจกข้างรถ เขาคอยชำเลืองมองเธอเป็นระยะ แต่เธอยังคงนิ่งเงียบไปตลอดทาง หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน เขาก็เริ่มพูดขึ้นมาว่า..

”คุณรู้มั๊ยฮะ..วันนี้...ผมมีความสุขมากจริงๆน่ะ”

เธอยังคงนั่งเงียบแต่คิดในใจว่า <ขอโทษนะ..ชั้นไม่ควรปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาแบบนี้เลย >...”หลังจากที่ผมเข้าวงการนี้มา มันก็ไม่ใข่ว่าผมจะไม่เคยมีเรื่องกังวลเกี่ยวกับอาชีพการงานของผม.”

”เมื่อปีก่อนๆ...จู่ๆผมก็เกิดมีความคิดแบบนี้ขึ้นมา...”

เธอยังคงฟังอย่างเงียบๆ

”ว่า...ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมผมต้องคอยวิ่งไล่ตามอยู่เสมอ ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อน มีแต่เพียงงานที่คอยตามไล่ล่าอยู่ตลอดเวลา...ผมกำลังทำอะไรอยู่น่ะ...นี่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการจริงๆหรือเปล่าน่ะ ผมถามตัวเองอยู่เสมอ?”...

<..นี่มันเป็นกับดักของอาชีพในวงการนี้...เหตุผลที่เราไม่สามารถจะเลิกได้ถึงแม้ว่ามันจะ... เป็นเพราะเสพติดอาชีพ หรือว่าความกังวล ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน> เธอนั่งตอบเขาในใจ

”หน้าที่ของผมก็เพียงแค่ทำตามที่บริษัทฯ บอกให้ผมทำ...กินในสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้...ตื่นนอนเมื่อตอนที่เขาปลุกผมขึ้นมา.”

”แต่ยังไงก็ตาม..สองปีหลังจากผมเดบิวต์..ผมก็มีเงินก้อนโตพอสมควรในบัญชี...ฃึ่งมันก็ทำให้..รู้สึกสะดวกสบายแล้วก็อุ่นใจ”

<ฮุฮุ> เธอแอบขำ

”แต่..ผมก็เริ่มคิดว่า...ผมจะหาเงินมากๆไปทำไม เงินพวกนี้มีค่ากับผมมากซักแค่ไหนกัน?”

รอยยิ้มเล็กๆเริ่มปรากฎไปทั่วหน้าของเธอโดยไม่รู้ตัว

”ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะตั้งเป้าหมายของชีวิต…”

”ว่าเมื่อไหร่ที่ผมหาเงินได้มากพอ ผมจะไปทำดนตรีในแบบที่ผมอยากจะทำจริงๆ......”

”สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้ใกล้เคียงกับมันเลยแม้แต่น้อย..แต่เมื่อไหร่ที่ผมมีเงินมากพอ.”เขายิ้มแล้วพูดต่อ “เหมือนกับรุ่นพี่โซแทจิ ผมอยากจะทำดนตรีแบบที่ผมชอบจริงๆ”

เธอรู้สึกประทับใจกับความความคิดของเขา< ใช่จ้ะ เธอจะต้องทำมันได้ดี...ได้ดีจริงๆน่ะ..>

”ผมชอบเล่นกีตาร์มากจริงๆน่ะ...ถึงแม้ตอนนี้ผมยังทำงานเป็นนักร้องไอดอล...แต่สิ่งที่ผมอยากจะทำจริงๆก็คือ...การเล่นกีตาร์...”

เธอยังคงหันหน้าไปอีกด้านนึง และยิ้มเศร้าๆออกมา

”ผมชอบเล่นกีตาร์มาตั้งแต่ยังเด็กๆ...แล้วที่ผมเข้ามาทำงานในวงการนี้ได้..ก็เพราะมัน..”

จู่ๆน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาสัมผัสที่ริมฝีปากซึ่งมีรอยยิ้มจางๆของเธอ

”และ...” เขาพูดพลางกับสะอึกกับก้อนอะไรบางอย่างในลำคอ

”ตอนนี้..ผมก็มีความฝันอีกอย่างนึง”

“มาจนถึงตอนนี้..เพราะว่าผมน่ะรักดนตรีมากๆ...ผมเคยคิดว่าตัวเองสามารถจะอยู่ได้โดยมีเพียงแค่เสียงดนตรีก็พอ..”

”แต่ตอนนี้ผมต้องการคนๆ หนึ่ง...มาอยู่เคียงข้างผม...”

เธอหลับตาและพยายามกลั้นน้ำตาไว้

”ผมรู้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย...”

เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

”ถ้าคุณทำแบบนี้เพราะผมเป็นสาเหตุแล้วล่ะก็....”

เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะกล้ำกลืนน้ำตาลงไป

”ที่ผมทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่ได้ไตร่ตรองหรือเพราะว่ายังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ..”.

น้ำตาของเธอตอนนี้มันกลั้นไม่อยู่แล้ว

”ได้โปรดเถอะฮะ...อย่าทนทุกข์อยู่คนเดียวแบบนี้...อย่ากังวลใจอยู่คนเดียว..และอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่าคุณจะทนรับมันไว้ได้ทั้งหมดด้วยตัวเองคนเดียว…”

ตอนนี้เธอเริ่มสะอึกสะอื้นเพราะทำนบน้ำตามันไหลทะลักออกมา เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

ตอนนี้หัวใจของเขาเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อเห็นเธอร้องไห้จนตัวสั่นแบบนั้น “ผมขอโทษฮะ..”

<ทำไมเธอต้องขอโทษด้วยล่ะ ชั้นน่ะเป็นคนที่ผิดมากกว่านะ...ที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปจนกระทั่งมันสายจนเกินไป>

”ผมเชื่อจริงๆน่ะฮะว่า..เรื่องต่างๆระหว่างเรามันจะเป็นไปได้ด้วยดี...”

”คุณรู้มั้ยฮะ”

”...เดิมที..ผมไม่ใช่คนที่มองโลกในแง่ดีแบบนี้หรอกน่ะฮะ...”

”ผมเป็นคน..อ่อนไหว ผมก็ไม่รู้ตัวหรอก แต่ว่าคนอื่นๆ มักจะพูดกันแบบบั้น.”

น้ำตาของเธอยังคงไหล..แต่ะเธอพยายามจะกลั้นไว้ไม่ให้เขาเห็น

”ผมมักจะ..ขี้กลัว...มีหลายๆอย่างที่ผมไม่ยอมลงมือทำมันก็เพราะว่า..ผมกลัวไปก่อนล่วงหน้า.”

เธอกัดริมฝีปาก.<.ถึงแม้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไป...แต่ทำไมคำพูดของเธอมันถึงฟังดู..อบอุ่นแล้วก็สบายใจแบบนี้นะ.>

”ถ้าการที่ได้พบกับคุณ...เป็นสิ่งที่ผมเลือกได้เอง...ผมอาจจะไม่ได้พบคุณเลยก็ได้..”.

”ต้องขอบคุณและโชคดีมากๆ..ที่มันเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถจะเลือกได้..”.

<ถูกต้อง ถ้าชั้นมีสิทธิเลือกได้ ชั้นก็คงจะไม่ได้เจอเช่นกัน..>

”ถึงแม้ว่าการได้รู้จักคุณจะไม่ได้มาการเลือกด้วยตัวผมเอง..แต่ผมรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ.” จบคำพูดนี้เขาหันไปมองหน้าเธอ

<ชั้นก็อยากจะรู้สึกขอบคุณด้วยเหมือนกันนะ แต่ว่า> ในขณะที่เธอเองไม่หันไปสบตากับเขา

”บางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ.”..

เขาเงียบไปพักนึงก่อนจะพูดต่อว่า “หรือเป็นเพราะพรหมลิขิต”

เธอรู้สึกซาบซึ้งสุดๆ <จริงๆนะ มีหลายคำพูดมากเลยที่มันทำให้ชั้นใจสั่นจนแทบบ้า...พรหมลิขิตเหรอ.>

”ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน..นั่นมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ”
”แต่ผมไม่คิดว่า...มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ” เขาพูดพลางกับหันไปมองถนนที่อยู่ตรงหน้า

รอยยิ้มค่อยๆเริ่มปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของเธอ< ฮวางโบ เฮจุง สมองของเธอไม่เคยเอาใจชนะหัวใจได้เลยซักครั้งใช่มั้ย ทำไมถึงได้เป็นคนโง่แบบนี้นะ.>.ใจของเธอเริ่มสั่นอีกแล้วล่ะสิ...

เขารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นใบหน้าของเธอที่ดูผ่อนคลายขึ้นมาก เธอหันมามองไปทางด้านหน้ารถด้วยใบหน้าที่ดูเรียบเฉย
******************************************************************
ที่ด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ฮยอนจุงลดกระจกลงเมื่อเข้าใกล้ช่องเก็บเงิน พนักงานที่ช่องเก็บเงินพูด

“2,800 วอนครับ”

เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ตัวเองออกมาดู แล้วหันไปพูดกับฮวางโบว่า

“โยโบ-ที่รัก หยิบเงินให้ผมหน่อย”.

เธอสะดุ้งเมื่อได้ยินเขาเรียก หันไปมองเขาแบบงงๆ...

ฮยอนจุงตกใจที่เห็นสีหน้าของเธอ <นี่ชั้นพูดอะไรผิดไปรึเปล่าเนี่ย>

”ทั้งหมด 2,800 วอนครับ” พนักงานพูดย้ำอีกครั้ง

เขาเริ่มกดดัน หันไปบอกเธอว่า “เร็วๆหน่อยสิฮะ รถรอต่อท้ายเยอะเลยน่ะฮะ”

เธอก็ตื่นเต้นเช่นกัน รีบหยิบกระเป๋าออกมาแล้วส่งเงินให้เขา.. เมื่อจ่ายเงินเสร็จเขารีบเร่งเครื่องออกไปจากช่องเก็บเงินอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางเธอนั่งตื่นเต้น
ไปตลอดทาง < เขาเรียกชั้นว่า โยโบ อีกแล้วนะ>

ส่วนฮยอนจุงนั่งขับรถตัวเกร็ง ตามองไปข้างหน้าอย่างเดียว…และเธอเองก็คอยชำเลืองมองดูเขา...

เขายิ่งรู้สึกเกร็งสุดๆ แอบชำเลืองมองเธอเช่นกัน...แล้วสายตาของทั้งสองคนมาประสานกันพอดีในขณะที่ต่างคนต่างแอบมองกัน ซึ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดแปลกๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฮวางโบนึกในใจ <นี่มันช่าง...> แล้วเริ่มหลุดขำ “ฮุฮุ”

ฮยอนจุงขมวดคิ้วแล้วชำเลืองดูเธออีกครั้ง...

และในที่สุดเธอก็ไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้เริ่มหัวเราะออกมา” ฮุ อุ๊บส ฮุฮุ”

ฮยอนจุงนั่งงงว่าเธอหัวเราะเรื่องอะไร...เธอก้มหน้าลง พยายามอย่างหนักที่จะกลั้นหัวเราะ อุ๊บ..อุ๊บ..ฮุฮุ..

เขาถึงกับพูดออกมาแบบเคืองๆว่า “โอ๊ย..ก็หัวเราะออกมาเลยแล้วกัน~~~~~.”.
คราวนี้เธอหยุดไม่อยู่แล้ว “อา..ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า~~~~~~~~”

เขาเองก็พยายามทำหน้าเหมือนยังเคืองอยู่ แต่แล้วก็.. “ฮุฮุ.”.

ตอนนี้เธอเอามือขึ้นมากุมท้องแล้วหัวเราะไม่หยุด ส่วนเขาก็ไม่แพ้กันหัวเราะออกมาเสียงดังยิ่งกว่าเธอซะอีก... ~~~~~~~~”

โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ ตอนต่อไป

คำอธิบายท้ายบท

1. โซแทจิ เป็นนักร้องนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในตำนานวงการเพลงของเกาหลี เขาเป็นไอดอลในใจและเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ฮยอนจุงชอบดนตรี โซแทจิโด่งดังอย่างรวดเร็วจากเพลงแร็บในช่วงต้นทศวรรษ 90 แต่ไม่นานนักเขายุบวงสไตล์บอยแบนด์ของเขาไป และหลังจากนั้นเขาก็หันมาแต่งเพลงและทำดนตรีที่ออกแนวสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเปลี่ยนไปจากสไตล์เดิมอย่างสิ้นเชิง เมื่อใดก็ตามที่เขามีผลงานออกมาวางตลาด มันมักจะกลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการเพลงเกาหลีอยู่เสมอ

2. “โยโบ ขอเงินหน่อย” จากคำบอกเล่าของหนึ่งคนดูในสตูดิโอ ถึงแม้ส่วนนี้จะถูกตัดไปไม่ได้ออกอากาศ ฮยอนจุงได้พูดประโยคนี้จริงๆตอนจะจ่ายค่าผ่านทาง ช่วงที่ขับรถไปหมู่บ้านบูแรมิ แต่ผู้เขียนได้เปลี่ยนลำดับเหตุการณ์เพื่ออรรถรสของฟิคเรื่องนี้

ตอนนี้มันกระแทกอารมณ์ของคนกำลังป่วยได้อย่างง่ายดายจริงๆ
ยาย(นาจา)
7/5/10






Create Date : 08 พฤษภาคม 2553
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 20:35:07 น. 13 comments
Counter : 687 Pageviews.

 
ว๊าว.... ชอบมากเลยคะตอนนี้
ขอบคุณนะคะ มีความสุขมาก สมกับที่รอนานคะ

รักนะคะ


โดย: ning IP: 124.120.234.241 วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:51:37 น.  

 
น่ารักมากเลยค่ะ น่าสงสารฮวางโบอ่ะ เหมือนมีเรื่องให้คิดเยอะ TT'


โดย: เลดี้ IP: 58.11.36.205 วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:02:23 น.  

 
น้ำตาจะร่วงตามโบได้แล้วนะค่ะเนี่ยตอนนี้

คนไม่ป่วยก็โดนกระแทกอารมณ์อย่างแรงเหมือนกันค่ะยาย


โดย: แพร IP: 58.64.85.204 วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:56:25 น.  

 
”บางคนอาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ.”..

“หรือเป็นเพราะพรหมลิขิต”

*-*แต่เอ๋ว่ามันเป็นเพราะพรหมลิขิตรมากกว่า เพราะว่าคนเราถ้าไช่เนื้อคู่กัน ก็คงไม่ได้มาเจอะเจอกันหรอก แต่ว่าช้า / เร็วก้อเท่านั้นเอง *-*

อ้าวๆๆๆไปโน่นเลย..ว่าไปแล้วสงสารโบอ่ะยาย..แต่ตอนนี้ไม่เศร้าแหล่ะเพราะความจิงรู้ๆๆกันอยู่ 555+

ยาย..ขอบคุณม๊าก มาย ที่ลงฟิคให้อ่านแก้เหงา.. มีความสุขจัง (หายป่วยยัง..ดูแลตัวเองน่ะจ๊ะ)


โดย: aeka(เอ๋กะดึก) IP: 124.122.240.19 วันที่: 8 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:56:30 น.  

 
ทำมาย จุงต้องตะโกนเสียงดังด้วย แสดงว่าขี้โมโห เหมือนกันนะ
นอกจากขี้หึงแล้วยังจะขี้โมโหอีกนะ โบจะไหวไหมเนี่ย


โดย: wa..wa IP: 124.120.43.214 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:20:23 น.  

 
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆ ในวันที่อากาศร้อนๆ


โดย: สิงโตหัวโต วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:09:41 น.  

 
ยาย......!!!
ตอนแรกๆอ่าน อีจุงไมมันโหดแบบนี้นี่ ตอนที่ให้โบจอดรถอ่ะ แต่อ่านต่อมาอีกนิด จุงมันพูดได้ดีเลยนะนี่ ขนาดเราเป้นคนอ่านยังน้ำตาซึมเลย โบจ๋าอย่าได้แคร์สื่อเลย รับรักจุงของเราเหอะ กิกิ ยายชอบมากๆๆๆ ขอบคุณนะค่ะ สำหรับฟิคและทุกๆอย่าง Fighting fighting


โดย: lookomm IP: 118.172.1.135 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:25:09 น.  

 
ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน..นั่นมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ”
”แต่ผมไม่คิดว่า...มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

หรือเป็นเพราะพรหมลิขิต”
ใช่แล้วจ้าเป็นเพราะพรหมลิขิตอยู่แล้ว

ยิ่งอ่าน ยิ่งซึ้ง ทำงัยดี ยาย(นาจา) อ่านแล้วใจเต้นแทนโบเลย คำพูดจุงซึ้งจริงๆ

ขอบคุณ ยาย(นาจา) ที่แปลให้อ่าน รักจริงๆ นะเออ


โดย: noyhnasangchu2010 IP: 125.26.12.222 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:36:49 น.  

 
มันเศร้าจังเลย มีทั้งซึ้งและทำให้ร้องไห้นะ แต่ทำไมจุง ขี้โมโหจังเลย จะเป็นแบบนี้เฉพาะคนที่จุงรักหรือเปล่านะ
สู้สู้สู้ นะค่ะ ยายจะคอยเป็นกำลีงใจให้ค่ะ พักผ่อนบ้างนะค่ะ


โดย: hunny IP: 124.122.102.207 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:00:54 น.  

 
ยายตอนนี้
อ่านแล้วน้ำตาซึมอ่ะ
เป็นกำลังใจให้ยายนะ
สู้ๆๆๆๆๆๆๆ
อย่าได้แคร์
บอกโบด้วย.....อย่าได้แคร์



โดย: joy&yoo IP: 222.123.242.190 วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:13:54 น.  

 
”แต่ตอนนี้ผมต้องการคนๆ หนึ่ง...มาอยู่เคียงข้างผม...”

เธอหลับตาและพยายามกลั้นน้ำตาไว้


อย่างเศร้าอ่าค่ะ


โดย: nonnie~ IP: 10.16.1.204, 58.137.199.116 วันที่: 12 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:04:15 น.  

 
พี่หน่ามันก้เศร้าหมดแระที่จุงพูดมาทั้งหมดอ่ะ
ก็บอกแล้วว่าเรื่องนี้คนที่น่าสงสารที่สุดคือจุงไง
สามีหนูอ่ะน่าสงสารตลอดเวลน่ะค่ะ

..น้ำตาไหลนิดหน่อยแต่ไม่มากมายเท่าตอนที่เอานกใส่แคปชูล มันแบบว่าบีบหัวใจจริงๆๆน่ะ...


โดย: 1985pumpui IP: 125.25.69.110 วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:17:17:18 น.  

 
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ซึมนะน้ำตาหนูนะแต่มันไหลเป็นทางเลยค่ะยาย
สงสารทั้งโบและจุงมากๆ สงสัยหนูจะอินมากจริงๆ ไม่รุทำไมปวดใจจริงๆ
จุงน่าสงสานจังบูอินอย่าใจแข็งนะเลยน่ะ
สามีน่ะน่ารักนะ
แต่2 คนนี้นับวันนิสัยยิ่งเหมือนกันเข้าไปทุกทีเหมือนเบบี้เคยบอกไว้เลยคริคริ
ไม่รุทำไมแค่ได้ยินเสียงหัวเราะที่คนอื่นไม่รุสาเหตุว่าเพราะอะไร
แต่เค้าสองคนแค่มองหน้ากันก็หัวเราะอย่างมีความสุขแล้ว
ยังกะอยู่ในโลกส่วนตัวเลยที่มีแค่เราสองคนเลย เฮ้อ! รักจะตายอยู่แล้วน่ะ55


โดย: kanjabo IP: 192.168.182.178, 124.122.247.124 วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:29:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.