|
ตอนที่ 92 – ผมอยากแต่งงานแล้วน่ะ
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****
ในโรงแรมที่มาเก๊า ห้วงเวลาที่เขาทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน
“ชั้นอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้” หญิงสาวกระซิบเบาๆข้างหูชายหนุ่ม
“ตอนนี้ ผมอยากจะทำในสิ่งที่ผมต้องการทำ” เสียงกระซิบสั่นเครือตอบกลับเช่นกัน
ที่แห่งนั้นเงาตะคุ่มของคนที่อยู่ในความรักสะท้อนกระจกผ่านกระจกบานนั้น
แต่แล้วฮวางโบก็ผละอกของฮยอนจุงอย่างเบาๆพร้อมกับพูดว่า “เดี๋ยวก่อนน่ะ”
ฮยอนจุงลืมตาขึ้นมาในขณะที่กำลังเคลิบเคลิ้ม “ฮะ”
เธอค่อยๆลืมตาและลังเลอยู่ชั่วครู่ ส่วนเขานิ่งรอฟัง
“คือว่า..ฉันขอโทษน่ะ”ฮวางโบกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกเสียใจ เธอจะบอกกับได้อย่างไรว่า เรื่องนี้มันยังไม่ถึงเวลา
เขาขมวดคิ้วหน่อยๆเมื่อได้ยินที่เธอพูด...
“เข้าใจชั้นหน่อยน่ะ ได้โปรดเข้าใจชั้นด้วยน่ะ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เธอไม่มีความสุข แต่นี่คือความเชื่อส่วนตัวของชั้น” เธอพยายามบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูสั่นๆ
“หา” (อีกแล้วหรือฮะ) ชายหนุ่มเหมือนโดนดับฝันกลางอากาศ
เธอหลับตาลงแล้วพูดออกมาอีกครั้ง “ชั้นขอโทษ”
เขาก้มหน้าลงซุกกับหมอนด้วยความผิดหวัง <โธ่..อีกกี่ตอนเนี่ย นี่มันใกล้จะจบภาคแรกแล้วน่ะ ทำไมชั้นถึงยังไม่ได้เดบิวต์ซ่ะที>
เธอนอนมองดูเขาเงียบๆทั้งๆที่หัวใจของเธอยังเต้นแรง
และจู่ๆฮยอนจุงก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงแล้วร้องออกมา “อ๊ากสสส !!!!!”
เธอเอามือขึ้นปิดหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ชั้นขอโทษจริงๆ”
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างแรง และเดินพล่านไปทั่วห้องราวกับคนบ้า ฮวางโบลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงและ มองดูเขาอย่างไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร
“โอ้ว นี่มันกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้าไปแล้ว ตอนนี้เครื่องของผมมันร้อนจนผมอยากจะดับเครื่องชนแล้วน่ะฮะ ”ชายหนุ่มพูดไปพร้อมกับยกมือขึ้นมาทึ้งผมตัวเอง
เธอเข้าใจความรู้สึกของเขาดี <ใจเย็นๆน่ะ>
เขาก้มหน้าลงและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเธอขึ้นมาว่า “ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้มั๊ยฮะ”
“หา อะไรนะ?” เธอตอบเขาไปโดยที่มือยังจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น
“ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยได้มั๊ยฮะ ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ไม่ได้”
เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป “ที่เรายังทำแบบนั้นไม่ได้ นั่นเป็นเพราะว่า เอ่ อ ..”
“เพราะอะไรสิฮะ ช่วยบอกให้ผมรู้หน่อยได้มั๊ย”
“เอ่อ เพราะเรายังไม่ได้แต่ง-.กัน..”
“โอเค งั้นสิ่งแรกที่จะทำในวันพรุ่งนี้คือ ไปแต่งงานกัน”
“นี่ เธอพูดอะไรของเธอเนี่ย”
“ก็ไปแต่งงานกันไงฮะ”
“เราจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?”เธอถามด้วยความสงสัย
“ถ้าเราไม่แต่งงาน แล้วเมื่อไหร่เราถึงจะได้อยู่ด้วยกัน แล้วไม่อย่างงั้นเรามีวิธีอื่นอีกหรือฮะ?”
“การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเพียงแค่ คนสองคน...”
ฮยอนจุงนั่งจ้องหน้าเธอเพื่อรอคำตอบ
“การมีครอบครัวของเรา และ ก็คนอื่นๆอีก”
“…………………”
“เราจะทำแบบนั้นได้ยังไง มันออกจะกระทันหันเกินไป?”หญิงสาวพูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“…………………”
“แล้วยังจะเรื่องวงของเธออีก... เธอควรจะต้องอยู่กับพวกเขา เพระาว่าเธอได้สัญญากับพวกเขาไว้แล้วว่าเธอจะไม่แต่งงาน”
ฮยอนจุงยังคงนิ่งเงียบ
“เธอยังคงต้องอยู่กับวงของเธอต่อไป คือชั้นหมายถึงว่า ตราบใดก็ตามที่เธอยังคงอยู่กับวงของเธออยู่...เธอจะ...”
“สิ่งที่คุณกำลังพูด ก็คือว่าเรื่องแต่งงานไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ ถ้าผมยังอยู่ในวงใช่หรือเปล่า”
“ชั้นไม่ได้พูดว่าอย่างงั้นน่ะ ก็แค่...”
“แล้วอะไรคือเหตุผมที่คุณแต่งงานกับผมไม่ได้ ถ้าผมยังอยู่ในวงน่ะ?”
“ก็เธอเคยให้สัญญาไว้กับพวกเขาไม่ใช่เหรอ จำไม่ได้เหรอที่เธอเคยสัญญาไว้กับประธานบริษัทฯน่ะ”
“แล้วท่านประธานต้องการแบบนั้นมันเพื่ออะไรหรือฮะ”
“เพราะว่า มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงวงของเธอ แล้วความนิยมก็อาจจะลดลงไปเลยก็ได้ ถ้าเธอแต่งงาน”
“แล้วทำไมความนิยมต้องลดลงด้วยล่ะ ถ้าผมแต่งงาน”
“ก็เพราะแฟนคลับของเธอไม่ต้องการให้เธอแต่งงานไง”
“งั้นเราก็อย่าทำให้พวกเขารู้สิฮะ”
“เธอว่าอะไรน่ะ?”
“เราจะแต่งงานกันโดยที่แฟนคลับไม่มีวันรู้”
“นี่ เราจะแอบแต่งงานกันแบบเงียบๆแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“บูอิน คุณลองตอบผมสิ การแต่งงานหมายถึงอะไร” เขาพูดพลางดึงมือเธอขึ้นมากุมไว้
“การแต่งงานน่ะเหรอ” หญิงสาวฉุกคิด ไม่มีใครปฏิเสธได้หรอกว่าการแต่งงานคือการที่ให้คนหลายคนยอมรับและรับรู้การแต่งงาน แต่สำหรับไอดอลที่กำลังโด่งดังในตอนนี้มันช่างเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก และเธอก็คงไม่สามารถอธิบายได้
“ฮะ การแต่งงานหมายถึงอะไร คุณช่วยตอบให้ผมหน่อยได้มั๊ยฮะ”
หญิงสาวนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “การแต่งงานหมายถึง ผู้หญิง ผู้ชาย ที่รักกัน และ ก็สร้างครอบครัวด้วยกัน”
“ผมไม่ได้พูดถึงชีวิตการแต่งงานน่ะ ผมหมายความว่า อะไรคือสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการแต่งงาน ผมหมายถึงการจะเป็นสามีภรรยากันน่ะ”
“คนสองคนให้สัญญากัน” หญิงสาวพูดถึง คนสองคนที่สัญญาจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยกันอย่างมีความสุข แม้มันจะมีอุปสรรคขวากหนามบ้าง แต่ก็ได้เตรียมใจที่จะฟันฝ่าและเตรียมใจที่จะรับปัญหาเหล่านั้นแล้ว
“คือการให้สัญญาต่อกันใช่มั๊ยฮะ”
“ใช่จ้ะ”
“เขาสัญญาอะไรกันฮะ”
ฮวางโบมองตาฮยอนจุงครู่หนึ่งแล้วตอบ “ให้สัญญากันว่าจะใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน และอยู่ด้วยกันตลอดไปจนแก่เฒ่า”
“แล้วคุณต้องการอะไรเพื่อที่จะให้คำสัญญาแบบนั้น?”
“อะไรน่ะ”
“คุณต้องการอะไรเพื่อที่จะให้สัญญากับผมว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกันตลอดไป?”
“…………………”
“เพราะนั่นมันคือ หัวใจรักของเราสองคนที่มีให้แก่กันและกันไงฮะ”
เขาจ้องหน้าเธอเงียบๆ ในขณะที่เธอเองก็เริ่มซึ้งขึ้นมาอีกครั้ง
“…………………”
เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “การแต่งงานคือ...”
“คือ...” เธอมองหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอ ณ ขณะนี้
“การให้คำสาบาน ซึ่งมันจะศักดิ์สิทธิ์กว่าการให้สัญญา เพื่อให้คำสาบานของเรามีความศักดิ์สิทธิ์และทรงพลัง เราควรจะต้องสาบานต่อหน้าใครสักคน”
“ใครบางคนงั้นเหรอ?”
“พระเจ้าที่คุณเชื่อ และ ผมก็เชื่อ”
เธอยืนตะลึงมองหน้าเขา แต่ในใจเริ่มรู้สึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก
“พระเจ้าที่ได้ทำให้คุณและผมได้มาอยู่ที่ที่เดียวกันและในเวลาเดียวกัน ถูกต้องมั๊ย”
“ใช่จ๊ะ”
“ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่การแต่งงานจะต้องได้รับคำอวยพรจากผู้คนมากมาย แต่ผมรู้ว่า สิ่งที่คุณเชื่อมั่นมากที่สุดก็คือพระเจ้า ไม่ใช่พวกคนเหล่านั้น”
“…………………”
“ตอนนี้ สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้และเป็นวิธีที่ดีที่สุด ก็คือ ผมจะต้องเก็บการแต่งงานไว้เป็นความลับ ถ้างั้นตอนนี้เราสองคนก็ควรจะแต่งงานกันโดยที่ไม่ต้องไม่ต้องให้ใครรู้จะดีกว่าน่ะฮะ”
ฮวางโบถึงกับช๊อคและตะโกนทันที “นี่...”
“หรือจะเรียกว่าแอบแต่งงานแบบเงียบๆก็ได้”
ในขณะนั้น ฮวางโบรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
“แต่ผมคิดว่าเราต้องการเพียงคำอวยพรจากใครคนหนึ่งคนเดียวเท่านั้น... ถ้าพระองค์ทรงอวยพรให้กับการแต่งงานของเรา”
“…………………”
เขามองตาของเธอแล้วถาม “ว่าไงฮะ?”
“แต่ยังไงก็ตาม”
“แต่ยังไง..อะไรฮะ คุณไม่อยากแต่งงานหรือฮะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“คุณคิดว่าผมกำลังพยายามหลอกตัวเองอยู่หรือฮะ?
(หา!)...
เขาสูดลมหายใจลึกๆอีกครั้ง “ถ้าคุณไม่อยากให้ผมตายตั้งแต่ยังหนุ่มคุณก็ควรจะตัดสินใจตอนนี้ และ เดี๋ยวนี้ด้วย”
“นี่ มันดูแหมือนกับเรื่องที่เด็กๆเขาทำกันเลยน่ะ”
ชายหนุ่มตะโกนใส่ “เรื่องเด็กๆเหรอ นี่คุณไม่รู้หรือว่า ผมต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน ที่จะต้องพยายามสะกดกั้นตัวเองให้มาก ผมก็มีขีดจำกัดเหมือนกันน่ะฮะ”
“นี่ พูดอะไรของเธอเนี่ย”
เขาจ้องหน้าเธอแล้วพูดต่อไปว่า “มันคือการสาบานต่อหน้าพระเจ้า ไม่ใช่ต่อหน้าคนอื่น”
หัวใจของเธอแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังอย่างมากของเขา...
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่นน่ะ”
“…………………”
“ผม..ถึงกระทั่งตอนนี้ ผมอยากตะโกนให้ทุกคนในโลกรับรู้ว่า คุณคือผู้หญิงของผม ดังนั้นไม่มีใครสามารถจะมาแตะต้องคุณได้”
“ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วหล่ะ ว่าชั้นเป็นของใคร”
เขาหลับตาลงพร้อมๆกับน้ำใสๆไหลออกจากตา “จะไม่มีใครสามารถมาทำให้คุณต้องเจ็บปวด..และจะไม่มีใครมาพูดอะไรที่แย่ๆกับคุณได้อีก ผมสัญญา เพราะถ้าเขาทำให้คุณเจ็บปวด มันก็เท่ากับผมก็เจ็บปวดด้วย บางทีอาจจะมากกว่าคุณด้วยซ้ำ เพราะผมไม่สามารถปกป้องคุณได้”
เธอตกใจมากที่เห็นเขาเป็นอย่างนั้น “นี่ ฮยอนจุง เธอกำลังจะทำให้ชั้นเคลิ้มน่ะ?”
เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “คุณรู้มั๊ยฮะ มีผู้หญิงคนเดียวในโลกเท่านั้น ผู้หญิงเพียงคนที่ชื่อ ฮวางโบ ฮเยจุงที่สามารถเป็นผู้หญิงของผม ฮวางโบ ฮเยจุงคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นภรรยาของผม”
เธอรู้สึกซาบซึ้งกับคำพูดของเขาและเริ่มมีน้ำตาคลอ...
“ใครกัน อนุญาตให้พวกเขามาตัดสินคนที่จะมาเป็นผู้หญิงของผม? พวกเขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน? พวกเขาไม่รู้หรือว่า ผู้หญิงที่ผมรัก มีเพียงคุณ..... คุณ คือคุณคนเดียวเท่านั้น”
เธอค่อยๆเช็ดน้ำตาที่คลออยู่ของเขา “ฮยอนจุง”
“แล้วทำไม” เสียงสะอึกสะอื้นออกมาพร้อมน้ำตาด้วยความขมขื่น ว่าเพราะเหตุใดไอดอลวัยหนุ่มอย่างเขาถึงจะมีคนรักที่คอยให้กำลังใจในยามที่ต้องให้ความสุขกับแฟนเพลงได้ “ทำไมพวกเขาถึงยอมรับไม่ได้ แล้วทำไมพวกเขาถึงได้มาตัดสินใจแทนผมด้วยเล่า”
สิ้นเสียงของฮยอนจุง ฮวางโบถึงกับน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเช่นกัน ด้วยเพราะน้อยใจในโชคชะตาที่ต้องนำพาให้มาเจอรักที่มีอุปสรรคมากมายเช่นนี้...
“ทำไมเราถึงต้อง.... ไม่สิ คุณถึงต้องไปฟังคำพูดที่แสนโหดร้ายเหล่านั้นด้วย” เขาพูดพร้อมกับพยายามสะกดกั้นตัวเองให้หยุดร้องไห้ เพราะเขาไม่สามารถปกป้องเธอได้
“ฮยอนจุง ได้โปรด” หญิงสาวพูดพลางรู้สึกสงสารทั้งเขาและเธอกับโชคชะตาที่กำลังเจอ
“แม้แต่สิ่งที่ผมต้องการจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ผมรักคุณ และ ผมก็ไม่สามารถอยู่ได้ ถ้าไม่มีคุณ ผมคิดอยู่อย่างนั้นจริงๆนะฮะ ตอนนี้ผมยังไม่สามารถจะตะโกนบอกโลกให้ก้องฟ้าได้เลย”
ฮวางโบเดินไปหาและกอดเขาไว้แน่น ในขณะที่ฮยอนจุงเองก็พยายามที่จะกลั้นน้ำตาไม่ไห้ไหลออกมา
“…………………”
“ผมขอโทษจริงๆที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เพื่อคุณจริงๆ ทั้งๆที่ใจของผมอยากจะปกป้องคุณจนใจแทบขาด” พูดยังไม่ขาดคำน้ำตาของเขาก็เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง
“แต่เธอก็ทำอะไรให้ชั้นตั้งมากมาย...จนบางทีมันออกจะมากเกินไปด้วยซ้ำ...
“นี่คือสิ่งเดียวที่ผมสามารถทำให้คุณได้ ในตอนนี้...”
“……………….” หญิงสาวเริ่มสงสัยในคำพูด เพราะสิ่งที่เธอได้รับจากเขามันมากเพียงพอที่ไอดอลคนหนึ่งพึงจะให้กับคนที่เขารักได้
“ซึ่งก็คือคำสาบานของผม ที่ว่าผมจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณและปล่อยให้คุณต้องอยู่ตัวคนเดียว...”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแต่แฝงไปด้วยความจริงจังของเขา
“ผมขอโทษที่ไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกมาดังๆต่อหน้าคนอื่นได้...แต่ผมกำลังจะทำมันต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า...ผู้ที่ผมจะต้องรักษาคำสัญญาที่มีต่อท่านไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...”
“เธออยากทำแบบนี้จริงๆเหรอ”
“ผมหวังว่าคุณคงจะทำแบบเดียวกับผมเช่นกัน”
น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาอีกครั้ง ด้วยซาบซึ้งกับคำพูดและการกระทำของเขา
“สาบานว่าคุณจะไม่เก็บความทุกข์ใจเอาไว้เพียงคนเดียว คุณจะไม่มีวันทอดทิ้งผมไป และคุณจะไม่ร้องไห้กับตัวเองคนเดียว...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในภายหน้า”
เธอกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกที่ท่วมท้นอยู่ในใจ...
“โปรดอยู่เคียงข้างผมแม้จะในยามยาก หรือ แม้กระทั่ง..ตายจากกัน”
เธอรู้สึกซึ้งใจกับคำพูดที่กินใจของเขา
“ผมรักคุณ”
“ชั้นก็รักเธอ”
ฮยอนจุงสวมกอดเธอไว้แน่นและจูบเธออย่างเนิ่นนานทั้งน้ำตา “ชั้นขอโทษที่ทำให้เธอต้องมารักคนอย่างชั้น”
“บูอิน ผมขอโทษน่ะฮะ ที่ทำให้คุณลำบากใจ ผมขอโทษที่ทำให้แฟนคลับบางคนของผมไม่รักคุณ แต่เชื่อเถอะน่ะว่ามีแฟนคลับไม่น้อยที่รักคุณรักคุณมากจนบางทีก็อาจจะมากกว่าผมก็ได้ “
“ไม่หรอก เธออย่าคิดอย่างนั้น”
“ถ้างั้นคืนนี้ผมจะทำความดีเพื่อไถ่โทษนะฮะ” ชายหนุ่มพูดพลางดันร่างของเธอลงบนเตียง
“เอ่อ ชั้นยังไม่ได้..”
“ไม่เป็นไร คืนนี้ผมจะนอนกอดคุณเฉยๆละกันนะ ผมจะอดใจรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ วันที่เราสองคนแต่งงานก่อน ผมจะคิดบัญชีให้เต็มทีเลยฮะ” ชายหนุ่มพลางหอมเข้าที่หน้าผากเธอ
“นอนเถอะนะ ชั้นง่วงแล้ว” เธอเอ่ยพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลเปื้อนทั้งสองแก้ม และเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อมือชายหนุ่มเริ่มยุ่มย่ามมากขึ้นทุกที
“ก็ได้ แต่คุณต้องให้รางวัลผมก่อนน่ะ ที่คืนนี้ผมเป็นเด็กดีและเชื่อฟังคุณ” เขาพูดพร้อมยื่นแก้มมาใกล้ๆ หญิงสาวจึงหอมแก้มเขาทีหนึ่งก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วนอนหลับตาลง ชายหนุ่มมองแล้วแอบยิ้มออกมา เขาเอามือไปปิดไฟแล้วซุกตัวลงข้างๆ แล้วดึงเธอเข้ามากอดก่อนจะหลับไปอย่างเหนื่อยล้ามาทั้งวัน
รุ่งขึ้นเช้าวันใหม่ หญิงสาวตื่นมารู้สึกถึงลำแขนที่ทอดผ่านเอวของเธอ เธอพลิกกายเพื่อหันหน้าไปอีกทาง แต่ต้องตกใจเมื่อชนกับใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาไม่กี่คืบ ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาริรรดผ่านดวงหน้าขาวผ่องของเธอจนขึ้นสี เธออดใจเต้นไม่ได้จึงยกแขนเขาออกพร้อมกับก้าวลงจากเตียง ขณะนั้น ชายหนุ่มรู้สึกตัวจึงตวัดแขนโอบกอดเอวของเธอไว้ เธอตกใจพร้อมกับแรงดึงของเขาทำให้เธอล้มลงบนตัวชายหนุ่มอย่างจงใจ
“นี่ ปล่อยชั้นนะ ชั้นจะไปอาบน้ำ” เธอโวยวายอย่างมาอย่างขัดเขินพร้อมก้มหน้าที่เริ่มแดงก่ำ
“ผมก็จะอาบน้ำเหมือนกัน งั้นเราไปอาบด้วยกันเลยนะ” ชายหนุ่มพูดพลางหอมแก้มของเธอ
“บ้าเหรอ งั้นเธอไปอาบก่อนเหอะ เดี๋ยวชั้นค่อยอาบทีหลัง”
“ถ้างั้น คืนนี้เราค่อยอาบพร้อมกับน่ะฮะ” เขาพูดพลางพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที
ที่หน้าโรงแรม พวกเขาทั้งสองพากันเรียกรถแท๊กซี่และมุ่งหน้าออกจากเกาะมาเก๊า ฮยอนจุงสวมเสื้อเชิ้ตที่ดูเป็นทางการผูกไทค์ ส่วนฮวางโบอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวยาวคลุมเข่า และในมือถือช่อดอกไม้สีแดงสวยสดใส
“นี่เราจะไปไหนกันเนี่ย?”
“คุณพ่อของผมท่านรู้จักบาทหลวงสอนคนหนึ่งในเกาหลีและตอนนี้เขาก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยฮะ”
“บาทหลวงเหรอ?”
“ใช่ฮะ ยังไงนี่คืองานแต่งงานของเราน่ะฮะ อย่างน้อยก็ควรจะต้องขอให้บาทหลวงช่วยเพื่อทำพิธีให้กับงานแต่งของเรา
เธอก้มหน้าและยิ้มอย่างเอียงอาย
ฮยอนจุงยิ้มอย่างมีความสุขให้ฮวางโบ “นี่ไง”
ฮวางโบเงยหน้าขึ้นมอง “อะไรเหรอ”
เขายื่นแขนเข้าไปใกล้ๆแล้วบอกว่า “บูอิน เอาแขนของคุณคล้องผมสิฮะ”
เธอมองอยู่ชั่วครู่แล้วค่อยๆเอามือสอดเข้าไปคล้องแขนของฮยอนจุง “ฉันคิดว่านี่คือครั้งแรกเลยน่ะที่เราได้ทำแบบนี้”
“เพราะว่าวันนี้มันเป็นวันพิเศษสำหรับเราไงฮะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรานะฮะ”
“หุหุ”
“เราควรจะเดินควงกันเข้าโบสถ์ประกอบพิธีแต่งงานเลยดีมั๊ยฮะ”
“พิธีแต่งงานเหรอ” เธอกระซิบถามเบาๆ
“ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีแขกมาร่วมงาน” เขาหันไปมองเธอแล้วพูดต่อ” แต่ที่นี่มีก็เราสองคน และท่านบาทหลวง ซึ่งจะเป็นผู้ทำพิธีให้เรา”
เธอหันไปมองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก
“เอาไว้หลังจากนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราค่อยไปจัดพิธีแต่งงานต่อหน้าคนอื่นกันอีกครั้ง จริงๆนะฮะ ผมต้องการให้แน่ใจว่าคุณจะได้สวมชุดเจ้าสาวที่น่ารักและสวยงามกว่านี้...”
เธอตอบเขายิ้มๆว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่จำเป็นหรอกน่ะ?”
“หา สำหรับผมไม่ได้หรอกฮะ ดูอย่างเซเว่น หรือแจงดองกันสิฮะ ผมจะให้บูอินน้อยหน้าคนอื่นได้ไงกัน”
“ตราบใดก็ตามที่เธอไม่สวยไปกว่าชั้น” เธอพูดราวกับไม่แคร์กับคนรอบข้าง มากกว่าสนใจเจ้าบ่าวที่เกรงว่าจะสวยกว่าเธอ
“หุหุ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันน่ะ ว่าจะรับประกันเรื่องนั้นได้รึเปล่า ^^...”
เธอกระทุ้งข้อศอกใส่เขาเบาๆาทันที “อะไรกัน?”
“โอ๊ะ แล้วคุณก็ได้แสดงสัญญาณให้เห็นว่าคุณคือภรรยาที่ชอบความรุนแรง”
“หุหุ” เธออดขำคำพูดของเขาไม่ได้
เธอจ้องเขาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ฮยอนจุงหัวเราะไปกับเธอด้วย ทั้งสองหัวเราะกันไปตลอดทางในขณะที่อยู่บนรถซึ่งมุ่งหน้าไปยังสถานที่ประกอบพิธีซึ่งจะทำให้ทั้งสองกลายเป็นหนึ่งเดียวจากนี้ไปชั่วนิรันดร์....
โปรดติดตามคู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ตอนที่ 93 – เราแต่งงานกันแล้ว(น่ะ)
ป.ล. เริ่มสนุกแร้วนะคะ ช่วงนี้ขอมาลงติดกัน เพราะตั้งแต่วันที่ 2 - 4 อาจจะไม่ว่างเนื่องจากติดภารกิจขึ้นบ้านใหม่(จิงๆ) ของยายนะคะ
สำ หรับผุ้สั่งหนังสือใครที่ยังไม่ได้รับ อดใจรอหน่อยนะคะ ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ ทั้งงานราษฎ์และหลวง แต่ขอบอกว่า เพื่อต้อนรับบุอินของชิลลาง จะพยายามให้ประทับใจไม่น้อยกว่าชิลลางเหมือนกับตอนที่มาเมื่อต้นปีแน่นอน
รหัสรับสำหรับบ้านเรา ซางชู เฮ้
Create Date : 30 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 21:07:27 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1018 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คิมยองบิ IP: 182.232.7.122 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:0:17:37 น. |
|
|
|
โดย: noyhnasangchu2010 IP: 125.26.15.24 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:8:00:37 น. |
|
|
|
โดย: ตอง IP: 119.31.53.85 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:12:07:24 น. |
|
|
|
| |
|
"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"
|
|
|
|
|
|
|
|