Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
11 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
ตอนที่ 15 - เช้าที่วุ่นวาย และ การอำลา

***ฟิค (แปล) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนต้นฉบับเขียนขึ้น อย่าได้สับสนกับคำพูดหรือเนื้อหาของรายการฯ ที่แพร่ภาพให้ชม***


เช้าวันต่อมาภายในห้องนอนของฮยอนจุง ฮวางโบหลังจากยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าสำหรับฮยอนจุงและน้องๆมาตั้งแต่เช้าในขณะที่พวกเค้ายังหลับกันอยู่ ก่อนหน้านี้เธอพยายามจะปลุกเค้าแต่ไม่สำเร็จ คราวนี้เธอได้รับคำแนะนำจากจากคยูจงว่าให้ปลุกโดยการจั๊กจี้ตรงสีข้างเค้า และกำลังจะลองเข้าไปปลุกเค้ารอบที่สอง



เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดปลอบตัวเองว่า<ชั้นคงจะไม่ถูกเขาถีบออกมาถ้าไปปลุกเค้าหรอกน่ะ> เธอแล้วค่อยๆขยับเข้าไปใกล้เตียง สูดหายใจอีกรอบแล้วค่อยๆดึงผ้าห่มออก

ฮยอนจุงเริ่มขยับตัว คราง อืออออ...และหันหลังให้เธอแล้วขดตัวติดแน่นกับเตียงไม่สนใจ

เธอขมวดคิ้วคิดว่าจะเอาไงดีแล้วก็ตัดสินใจเอานิ้วมือไปไว้ใต้ชายโครงจากนั้นก็เริ่มปฎิบัติการณ์จั๊กจี้เค้า

เธอคิดในใจว่า< นี่ชั้นคงบ้าไปแล้วแน่ๆที่ทำแบบนี้>

ฮยอนจุงที่พยายามจะนอนต่อ สะดุ้งโหยงหลังจากรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย พึมพำอะไรออกมา แล้วหันกลับมาหาเธอ

ตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ เริ่มลังเลว่าจะจั๊กจี้ต่อดีมั้ย รีบเรียกให้เค้ารุ้สึกตัว “ชิล...ชิลลาง”

ฮยอนจุงซึ่งตายังคงปิดสนิทอยู่ ฉวยข้อมือเธอมาจับไว้จนแน่นโดยไม่รู้ตัว

โบตอนนี้เริ่มตื่นตระหนก <ชั้นจะทำยังไงดีล่ะ เค้าแข็งแรงมากซะด้วยสิ >รีบตะโกนเสียงดังว่า “ฮยอนจุง... ชั้นเจ็บนะ~~~~~!!!

ตอนนี้เค้าเริ่มได้สติหลังจากได้ยินเสียงร้องของเธอ ลืมตามองไปรอบๆตัว แล้วรีบปล่อยข้อมือเธอทันที “เกิดอะไรขึ้น”

ฮวางโบซึ่งกำลังลูบข้อมือของตัวเองที่ยังเต้นตุ๊บๆอยู่ ชำเลืองมองหน้าเค้าแล้วถามว่า “ตอนนี้เธอตื่นแล้วใช่มั๊ย”

ฮยอนจุงยังงงๆอยู่ แต่เค้ายังรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าที่มือ คิดในใจว่า นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย> รีบตอบเธอไปว่า “ฮะ”

“ฮวางโบพยายามฝืนยิ้มแล้วบอกเค้าว่า “งั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาข้างนอกนะ” พูดจบก็เดินตัวสั่นออกไปจากห้องก่อนจะไปหาหน่วยสนับสนุน
***************************************************
ฮวางโบรีบกลับมาที่ห้องครัว เธอยืนมองหม้อเคี่ยวที่เดือดปุดๆอยู่บนเตาอย่างเฉยเมย ขาเธอรู้สึกอ่อนแรงเลยต้องเอนไปพิงกับอ่างล้างจานเพื่อช่วยพยุงตัว แต่ในขณะเดียวกันหัวใจของเธอกลับเต้นแรง

“ชั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำไมตัวถึงได้สั่นขนาดนี้ล่ะ” พยายามผ่อนคลายด้วยการหลับตาลงแล้วสูดหายใจลึกๆ

ในห้องนอน ฮยอนจุงนั่งอยู่บนเตียงมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เอวของเขายังคงรู้สึกจั๊กจี้อยู่เล็กๆ เขารู้สึกผิดที่ทำอะไรตืนยากจนทำให้ฮวางโบต้องมาปลุกด้วยตัวเอง เขาคิดเช่นนั้นก่อนจะสำนึกผิดแล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ

ทางด้านในครัว ที่หน้าเตา ฮวางโบกำลังยืนคนซุปอยู่ ฮยอนจุงเดินเข้ามถึงจึงถามว่า

“คุณทำอะไรเป็นอาหารเช้าเหรอฮะ”

ฮวางโบสะดุ้ง จึงหันมามองเค้าแล้วบอกว่า “โอ ซุปไก่ทอดจ้ะ แต่ชั้นต้องเคี่ยวมันต่ออีกนิดน่ะ” เธอคิดในใจว่า <ชั้นปลุกเธอเช้าเกินไปรึเปล่านี่ ขอโทษด้วยนะ>

ฮยอนจุงหาวออกมาดังๆก่อนจะถามเธอว่า “จะให้ผมช่วยทำอะไรมั้ยฮะจะได้เสร็จเร็วๆ ผมหิวแล้ว”

ฮวางโบยิ้มแล้วตอบเค้ากลับไปว่า “ชั้นจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะ เธอไม่ต้องมาช่วยตรงนี้ก็ได้”


ฮยอนจุงมองหน้าเธอก่อนจะตอบว่า “อย่างนั้นก็ได้ฮะ” แล้วก็หันหลังเดินไปออกจากครัวเดินไปสำรวห้องของสมาชิกต่อ

ฮวางโบคิดในใจว่า <จริงๆแล้วชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรนะถ้าเธอจะอยู่เป็นเพื่อนชั้นตรงนี้น่ะ >

***************************************************
หลังจากนั้นไม่นาน จองมิน-คุณแม่สามีตัวดีก็เดินเข้ามาในครัว

จองมินเริ่มถามเธอ “พี่ทำไข่ไว้หรือเปล่าฮะ พวกเด็กๆเค้าชอบกินอ่ะ”

ฮวางโบบอกกับตัวเองว่า จงอดทนไว้ แล้วค่อยๆยิ้มก่อนตอบไปว่า “ชั้นไม่ได้ทำ แต่ชั้นทำไข่ม้วนไว้แทน”

“ผมรู้ว่าพี่คงพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว”

เธอตะลึงกับคำพูดของแม่สามี ได้แต่กลอกตาไปมาก่อนจะร้องเสียงหลงออกมา

แต่จองมินก็ยังไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆหรอก เขาชำเลืองมองหม้อซุปไก่ทอดแล้วถามว่า “ซุปไก่ใกล้สุกหรือยังฮะ”



“เสร็จแล้วจ้ะ อยากจะลองชิมมั้ยล่ะ”

”โอ ผมจะไปรู้เรื่องรสชาติได้ยังไงกัน” แต่ไปหยิบช้อนมาเตรียมไว้ในมือ

ฮวางโบคิดในใจว่า< ไม่ธรรมดาเลยนะ คุณแม่สามี> แต่ก็พูดไปว่า “ช่วยชิมหน่อยแล้วกันนะคะ”

จองมินตักซ๊อสในหม้อขึ้นมาชิม ตวัดลิ้นไปมาเล็กน้อย ส่วนฮวางโบมองเค้าอย่างระวังแล้วบอกว่า “ชั้นทำรสออกจะหวานนิดนึงนะ”

จองมินยิ้มออกมาอย่างไม่จริงใจแล้วพูดว่า “พี่ใส่ซอสมะเขือเทศลงไปด้วยใช่มั้ยฮะ เป็นเพราะว่าพี่เห็นพวกเรายังเป็นเด็กอยู่รึเปล่า”

<ฉลาดเป็นกรดจริงๆเลยนะ> “ชั้นใส่ลงไปแค่นิดเดียวเอง มันจะช่วยกำจัดกลิ่นน่ะแล้วก็ช่วยเพิ่มรสหวานหอมด้วย”

"ทำไมไม่ใส่หัวหอมลงไปด้วยละ" จองมินได้ทีสอนวิชาการเรือน

"พอดีชั้นซื้อมาแค่ หัวเดียวเอง" พูดจบเธอถึงกับหน้าเสียทันที

“แล้วพี่หุงข้าวรึเปล่าฮะ ไม่ใช่ซื้อแบบสำเร็จรูปมานะ”

<อ้าก อยากจะบ้าตาย> “คือว่า...ชั้นไม่เห็นว่าที่นี่มีหม้อหุงข้าวก็เลย”...

จองมินตอบกลับไปอย่างจริงจังว่า “งั้นพี่ก็หุงด้วยเตาสิฮะ”

โอ ช้นขอโทษ ชั้นไม่ทันคิดอ่ะ”

จองมินมองไปรอบๆครัวอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปก็พูดกับเธอว่า “ฮะ ผมก็พอจะเห็นว่าพี่ได้ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว”

<นี่มันอะไรกันเนี่ย อีตานี่ ชั้นเป็นรุ่นพี่นะ แต่กลับทำตัวเหมือนเป็นแม่สามีจอมจู้จี้เลย >
***************************************************



ทุกคนมานั่งล้อมวงรอบโต๊ะและเตรียมตัวจะกินอาหารเช้า ขาดแต่ยองแซงเท่านั้นที่ยังนอนอุดอู้อยู่

จุนเบบี้และคยูจง พูดกับเธอว่า “ขอบคุณมากฮะสำหรับอาหารเช้า”

จองมินเสริมว่า “ใช่ฮะ ขอบคุณที่ทำงานหนักฮะเพื่อพวกเรา”

ฮวางโบยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “จ้ะ ทานกันให้อร่อยเลยนะ”

ฮยอนจุงยื่นมือมาคีบแฮมเป็นอย่างแรก

จุนเบบี้เรียกเสียงดัง “พี่ฮยอนจุง”

เค้าก็ยังไม่รู้ตัว “หา มีอะไรเหรอ”

จุนเบบี้พูดต่อ “ทำไมพี่ไม่ชิมจานที่พี่สะใภ้ทำก่อนล่ะฮะ” ว่าแล้วจุนเบบี้ก็ใช้สายตาชี้ไปที่จานซุปไก่ทอด

ฮยอนจุงรู้สึกอายเล็กๆแต่ก็ยังทำเป็นนิ่ง “ทำไมล่ะ”

ฮวางโบรู้สึกเสียหน้าแต่ก็บอกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ปล่อยเค้าเถอะ”

ฮยอนจุงรู้สึกเสียใจที่ทำให้เธอรู้สึกแย่แต่ก็ยังทำหน้าตายแล้วพูดออกมาว่า “เดี๋ยวชั้นก็จะกินไก่นี่ต่อจากแฮมไง”

ฮวางโบชำเลืองมองเขา

คยูจงเคี้ยวไก่ตุ้ยๆแล้วพูดว่า “ว้าว อร่อยจังฮะ”

จุนเบบี้รีบชิมบ้าง “อืม อร่อยจริงๆด้วย”

จองมินจีบปากจีบคอพูดชมออกมาว่า “ใช่ รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว”

ส่วนฮยอนจุงหลังจากได้ชิมไก่ที่เธอทำก็ร้องออกมาว่า “อืม อร่อยดี อร่อยมากเลยฮะ”

<เธอหมายความอย่างนั้นจริงๆใช่มั้ย >”จริงเหรอ”

”ฮะ มันอร่อยมากจริงๆ” ฮยอนจุงชมในขณะที่ปากเต็มไปด้วยไก่

เธอค่อยรู้สึกโล่งใจและบ่นพึมพำว่า <ขอบคุณพระเจ้า>

แล้วจู่ๆฮยอนจุงก็หันมาพูดกับเธอว่า “มาอยู่ด้วยกันเถอะฮะ”

ฮวางโบทำตาโตด้วยความตกใจ) “เธอพูดอะไรน่ะ”

”คุณจะได้อยู่ทำอาหารให้พวกเราที่นี่ไงฮะ’

“เธอนี่เหลือเชื่อจริงๆ”

หลังจากมื้อแห่งความอร่อยและความสุข จุนเบบี้เอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้แล้วพูดออกมาว่า

“ผมรู้สึกเศร้าจังฮะ”

”ทำไมล่ะ” ฮวางโบอดสงสัยไม่ได้

จุนเบบี้ตอบว่า “ก็ถ้าพี่สะใภ้กลับไปแล้ว เราคงไม่ได้กินของอร่อยๆแบบนี้อีก...”

ฮวางโบรู้สึกเสียใจกับพวกเค้า และคิดในใจว่า < ชั้นก็อยากจะอยู่ที่นี่กับพวกเธอนะ>..แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ฮยอนจุงยิ้มกว้างแล้วพูดกับเธอว่า “มันคงจะดีมากเลยฮะถ้าคุณมาอยู่ที่นี่กับพวกเรา สามีภรรยากันก็ควรจะอยู่ด้วยกัน ว่ามั๊ย”

ฮวางโบแอบดีใจและคิดในใจว่า< ในที่สุดเธอก็เริ่มรู้ถึงคุณค่าของชั้นแล้วสินะ>

***************************************************
เวลาต่อมาที่ห้องอัดเสียงแห่งหนึ่งในโตเกียว ฮยอนจุงใช้เวลาสั้นๆแนะนำฮวางโบให้รู้จักกับทีมงานที่ญี่ปุ่น จากนั้นเค้าก็เดินเค้าไปในห้องบันทึกเสียงเพื่ออัดเพลง (Let's Break Away)สำหรับอัลบั้มใหม่ ในขณะที่ฮวางโบนั่งรออยู่ด้านนอก เค้ามุ่งมั่นกับการร้องเพลงมากจนไม่รู้ตัวว่าเข้าไปอยู่ในนั้นนานมากแล้ว

หลังจากนั่งรอเค้ามานานพอสมควร พอได้จังหวะที่เค้าหยุดพักสั้นๆ เธอรีบเรียกเค้าทันที “ชิลลาง”..

”อืมม ว่าไงฮะ”

”เดี๋ยวอีกแป๊บนึง ชั้นต้องไปแล้วล่ะ”

”คุณต้องไปด้วยเหรอฮะ”

”ใช่ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”

เค้าหยุดคิดนิดนึง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องอัด แล้วพูดกับโปรดิวเซอร์ค่ายเพลงว่า “ขอโทษนะฮะ ขอผมหยุดพักซักครู่ได้มั้ยฮะ เดี๋ยวภรรยาของผมจะต้องกลับไปแล้ว”

โปรดิวเซอร์ค่ายเพลงยิ้มและพยักหน้าให้เค้า “ได้เลย ตามสบายน่ะ”

ฮยองจุงเดินมานั่งข้างๆเธอที่เก้าอี้ยาว เธอคิดในใจว่า< มันดูอึดอัดมากขึ้นยังไงก็ไม่รู้ที่เรานั่งใกล้กันซะขนาดนี้ > แล้วถามเค้าว่า

“เพลงที่เธอกำลังอัดอยู่...เนื้อร้องมันเกี่ยวกับอะไรเหรอ...ชั้นไม่ค่อยเข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลยน่ะ”

“อืมม...ก็ประมาณว่ากำลังกระซิบพูดคำหวานๆให้คนที่คุณรักฟังอยู่น่ะฮะ

”ชั้นว่า...ชั้นได้ยินเธอร้อง ว่า Kiss dasio มันเกี่ยวอะไรกับการจูบบ้างมั้ยน่ะ”

”ฮะ คำนั้นก็ประมาณว่า มาจูบชั้น หลอมละลายชั้น แล้วท่อนต่อไปก็...มารักชั้น”...

”หา หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวเหรอ”

ฮยอนจุงยิ้มแล้วบอกเธอว่า “คุณเข้าใจใช่มั้ยฮะ ประมาณว่าหลอมละลายจากความรักอันร้อนแรงอ่ะ.”..

เธอพยักหน้าแล้วก็ยิ้ม “อ๋อ~~ เข้าใจแล้วจ้ะ ชั้นว่าชั้นน่าจะจำคำนี้เผื่อเอาไว้ใช้บ้างนะ Kiss dasio”

เขายิ้มให้เธอเช่นกันก่อนจะตอบว่า “ฮะ...แต่ว่าปกติคนทั่วไปเค้าไปไม่ใช่คำพูดแบบ “หลอมละลาย” กันหรอกนะฮะ ถ้าคุณเกิดไปพูดแบบนั้นกับใครเข้า เค้าต้องคิดว่าคุณเป็นพวกทะลึ่งแน่ๆเลย” พูดจบก็หัวเราะคิกๆ

ฮวางโบหัวเราะไปกับเค้า “นั่นสินะ เธอพูดถูก”

จากนั้นความเงียบอึดอัดก็กลับมาอีกรอบ ฮวางโบเหลือบมองนาฬิกาบนกำแพง อีกสิบนาทีชั้นต้องไปแล้วล่ะ

เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ “สิบนาทีเหรอฮะ? งั้น..”

”อะไรเหรอ”

เขายิ้มก่อนจะเสนอไอเดียกับเธอว่า “ในเมื่อบูอินก็เป็นนักร้อง...อืม คุณว่าจะดีมั้ยฮะถ้ามาร่วมร้องในเพลงของผมน่ะ”

เธอคิดในใจว่า <โอ๊ะ เธอคิดเหมือนชั้นด้วยเหรอเนี่ย> “จริงๆชั้นก็อยากจะทำเหมือนกันนะ...แต่ว่าชั้นพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยได้...”

”คุณร้องเป็นภาษาอังกฤษก็ได้นี่ฮะ”

เธออดขำไม่ได้ “ภาษาอังกฤษเหรอ? ร้องยังไงอ่ะ”

”คุณก็ร้องคำอะไรง่ายๆอย่าง โอว.. อ๊า หรือว่า เยสส์..” เขาทำเสียงเซ็กซี่เป็นต้นแบบให้เธอ

เธอระเบิดหัวเราะออกมาอย่างดังหลังได้ยินคำแนะนำของเขา “ฮ่า ฮ่า...อะไรเนี่ย”

“คุณทำได้มั้ยฮะ มันคงใช้เวลาไม่นานหรอกฮะ” พูดจบแล้วก็เหลือบมองนาฬิกาอีกรอบ

”นี่เธออยากให้ชั้นร้องจริงๆเหรอ”

”เดี๋ยวนะฮะ” เขาหันไปส่งภาษาญี่ปุ่นกับทีมงาน “อืม... ผมขอรบกวนอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ยฮะ”

โปรดิวเซอร์หันกลับมา “ว่าไง มีอะไรเหรอ คิมซัง”

”คือภรรยาของผมเค้าก็เป็นนักร้องที่เกาหลี...ผมอยากให้เธอได้ร่วมร้องในเพลงของผมจะได้มั้ยฮะ”

โปรดิวเซอร์อึ้งได้มองตาแป๋ว ส่วนเขายังคงยิ้มแล้วพูดต่อไปว่า “ไม่ใช่เอาไปลงในอัลบั้มจริงๆหรอกฮะ แค่อัดเอาไว้ฟังเป็นที่ระลึกสำหรับเราสองคน”

ได้ยินเช่นนี้โปรดิวเซอร์ก็ยิ้มออกทันที “โอเค ถ้าแบบนั้นก็ได้เลย”

เขามีสีหน้าเบิกบานมีความสุข “โอ๊ะ จริงๆเหรอฮะ ขอบคุณมากฮะ”

จากนั้นก็หันมาบอกเธอว่า “โปรดิวเซอร์โอเคแล้วฮะ เรามาเริ่มกันเลย”

”จริงเหรอ” เธอถามด้วยความประหลาดใจ
***************************************************

2-3 นาทีต่อมา ฮวางโบเข้าไปอยู่ในห้องอัด ในขณะที่ฮยอนจุงนั่งอยู่ข้างหน้ามอนิเตอร์คอยกำกับเธอ

”บูอิน” เขาเรียกเธอผ่านมอนิเตอร์

”จ้ะ ชิลลาง” เธอตอบพร้อมกับโบกมือทักทาย

”คุณรู้ใช่มั้ยฮะว่าต้องทำยังไง..ก็แค่ร้องแทรกไประหว่างท่อนน่ะฮะ ทำเสียงแบบแหบๆ เซ็กซี่ๆ ด้วยนะฮะ”

”โอเคจ้ะ ชั้นจะลองดู”

พอเสียงดนตรีเริ่มขึ้นเธอก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย นับจังหวะอย่างระมัดระวังและร้องเสียงแบ๊คกราวน์แทรกเข้าไปในช่วงระหว่างเสียงร้องของเค้า แล้วก็พยายามยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความอึดอัด

เค้าฟังที่เธอร้องแล้วยิ้มออกมา “บูอิน”

”ว่าไง” เธอตอบอีกครั้ง

”คุณร้องให้มันดูเซ็กซี่ แล้วก็ให้ความรู้สึกหวิวๆมากกว่านี้ได้มั้ยฮะ แบบว่าทำเสียงลมหายใจแผ่วๆน่ะ อ๊าซซซ”

<แปลกจัง เป็นเด็กเป็นเล็กไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนเนี่ย > “อืมม.. เสียงแบบใช้ลมหายใจแผ่วเหรอ”.

”ใช่ฮะ ลองดูอีกครั้งนะ”

ฮวางโบพยายามซ่อนความอายแล้วร้องใหม่อีกครั้ง ส่วนฮยอนจุงหลังจากได้ยินที่เธอร้องรอบที่ 2 ไปซักครู่ก็ส่ายหัว



แล้วจู่ๆเขาก็หลุดปากเรียกเธออีกครั้ง “โยโบ!!! (ที่รัก)”

”หา อะไรนะ”<หูชั้นฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย> ว่าแล้วเธอก็ลงไปหัวเราะกองอยู่กับพื้น

เขายกมือปิดตาเพื่อปิดบังความอายของตัวเอง <เฮ้ยนี่เราพูดอะไรออกไปน่ะ > แล้วก็ก้มหน้าหัวเราะออกมาด้วยความอายสุดขีดอีกครั้ง

เธอลุกขึ้นยืนแล้วถามเค้าว่า “เมื่อกี๊เธอเรียกชั้นว่าอะไรนะ”

เขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาแต่ยังคงหัวเราะต่อ “ผมว่า ผมคงอยากจะอยากเรียกคุณแบบนั้นมานานแล้วล่ะฮะ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ~~~~~~” เธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขสุดๆ

หลังจากได้คำแนะนำจากเค้า การอัดเสียงของเธอก็สำเร็จไปด้วยดี เธอเดินออกมาจากห้องอัด พยายามซ่อนความอายแล้วถามเค้าว่า “เป็นไงบ้าง ใช้ได้มั้ย”

เขาเดินมาและไฮไฟว์กับเธอ “คุณทำได้ดีมากฮะ มันใช้ได้เลยล่ะ”

ยิ้มแล้วคิดในใจว่า < ต่อไปเธอคงเป็นโปรดิวเซอร์ที่ดีได้แน่ๆในอนาคต>

เค้าหันไปพูดกับโปรดิวเซอร์ด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนหน่อยๆว่า “ช่วยไรท์ลงซีดีให้ผมได้มั้ยฮะ”

โปรดิวเซอร์ผู้ใจดียิ้มก่อนจะตอบ “ได้สิ แล้วชั้นจะทำให้นะ”

เขารู้สึกพอใจและหันมาพูดกับเธอว่า “เค้าจะไรท์ซีดีให้ผมฮะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม แต่ผมก็จะมีซีดีเอาไว้ฟังเองเล่นๆได้”

<นี่เธอจะเก็บเอาไว้ฟังเองจริงๆเหรอ> “งั้นเธอช่วยก๊อบปี้ให้ชั้นชุดนึงด้วยนะ”

“ได้เลยฮะ”

“อ้อ ชั้นเกือบลืมไป เธอช่วยบอกคุณแม่สามี ไม่ใช่สิ จองมินให้ไรท์วีดีโอที่เค้าอัดไว้เมื่อคืนให้ชั้นด้วยนะ ชั้นจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ” เธอนึกถึงวีดีโอที่จองมินอัดไว้ตอนปาร์ตี้เมื่อคืน

“ได้ฮ่ะ ผมก็จะเปิดดูเหมือนกันเวลาที่ผมคิดถึงบูอินเหมือนกัน”


ด้านนอกสตูดิโอ ฮวางโบหันมาพูดกับฮยอนจุงที่เดินออกมาส่งเธอว่า

“ ตั้งใจทำงานนะ แล้วก็อย่าลืมกินข้าวเย็นด้วยล่ะ”

จู่ๆเค้าก็โพล่งออกมาว่า “คุณอยู่ที่นี่กับผมไม่ได้จริงๆเหรอฮะ”

เธอหัวเราะแล้วถามเขาว่า “ทำไมเธอชอบพูดแบบนี้อยู่เรื่อยนะ”

”ไม่มีอะไรฮะ ผมล้อเล่นน่ะ”

ใบหน้าจากที่รู้สึกดีใจแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกเศร้าทันที “อืม ชั้นไปล่ะนะ”

”ฮะ แล้วผมจะโทรไปหาคุณนะฮะ ตอนที่กลับไปถึงเกาหลี”

“จริงเหรอ เธอมีเบอร์โทรชั้นด้วยรึ”

”ไม่มีฮะ”

”งั้นเธอจะโทรหาชั้นได้ยังไงล่ะ”

”คุณก็ให้เบอร์ผมตอนนี้เลยสิฮะ”

”ได้สิ” <สองเดือนผ่านไป ในที่สุดเราก็ได้แลกเบอร์โทรกันซะที>
**************************************************************************

บนเครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้ากลับเกาหลี ฮวางโบนั่งอยู่ริมหน้าต่างกำลังนึกถึง ทริประยะสั้นๆ ในโตเกียวที่เพิ่งจบลงทั้งหมดที่ผ่านมานี่คงจะกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำในวันนึง เธอพูดออกมาด้วยความรู้สึกสับสนและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

***************************************************

ที่ห้องพักในโตเกียว สมาชิกวง SS501 ต่างเหนื่อยล้าหลังจากทำงานกันมาตลอดทั้งวัน

จุนเบบี้มองไปที่ห้องครัว พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆว่า “พี่สะใภ้ไม่อยู่แล้ว..”.

ฮยอนจุงมองไปที่ครัวเช่นกัน แล้วบอกจุนเบบี้ว่า “วันนี้เค้าต้องไปที่อื่นเพื่อทำธุระน่ะ”

จองมินไม่พูดอะไร เดินหงอยๆเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ

คยูจงบ่นออกมาว่า “หิวจังเลย”

ฮยอนจุงเลยถามไปว่า “นายอยากกินราเมนมั๊ย ชั้นจะทำราเมนให้นายกิน รู้สึกว่ายังมีแฮม แล้วก็ไก่ ที่บูอินทำทิ้งไว้ให้พวกนายน่ะ”

คยูจงส่ายหัว “ไม่ล่ะฮะ..ผมว่าผมไปนอนดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องไป

ทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องนอนตัวเอง เหลือแค่ฮยอนจุงที่ยังอยู่ในห้องนั่งเล่นนั่งมองห้องครัวด้วยสายตาว่างเปล่า ความรู้สึกที่มีต่อบูอินก็ผุดขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้ <..มันคงจะดีกว่านี้ถ้าตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันน่ะ..>

สักพักเค้าก็เดินเข้ามาในห้อง ล้มตัวลงบนเตียง นอนมองเพดานทั้งๆที่มือถือหนังสือการ์ตูนอยู่

ยองแซงซึ่งนอนอยู่เตียงข้างๆหันมาถามว่า “พี่เค้ากลับไปถึงเกาหลีเรียบร้อยดีใช่มั้ย”

”อืม ชั้นคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น”

”นี่นาย”

”หืมม.” ฮยอนจุงตอบ.

ยองแซงเงียบไม่พูดต่อ

”มีอะไรเหรอ นายมีอะไรจะถามชั้นเหรอ”

ยองแซงหลับตาลง “ไม่มีอะไรหรอก พักผ่อนได้แล้วล่ะ”

เขาหันหน้ามาทางยองแซง “ว่าไง มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ”

”นายเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอว่า มันดีแล้วที่เธอเป็นพี่นายตั้ง 6 ปี นายจะได้ไม่รู้สึกอะไรกับเธออ่ะ”

”ชั้นพูดเหรอ เมื่อไหร่กัน”

“ลืมไปแล้วเหรอ งั้นก็ดีแล้วล่ะ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร” ยองแซงพูดแทงใจดำ

ฮยอนจุงไม่ไม่พูดอะไร ได้แต่จ้องหน้าและมึนงงกับคำพูดปริศนาของยองแซง

โปรดติดตาม“คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์” ตอนที่ 16 ตอน 2 อาทิตย์ที่รอคอย

*ฟิคเรื่องนี้คิดค่าบริการจากท่านผู้อ่านทุก ท่านเพียงคนละ 1 คอมเม้นท์เท่านั้น ขอบคุณค่ะ~ *

ท้ายบทจากยาย

เห็นมั๊ยค่ะ ในที่สุดมินนี่ของยายก็ไม่ได้เลวร้ายซักหน่อย ถือว่าเป็นคนสร้างสีสรรซ๋ะด้วยซ้ำ ตอนนี้แปลแร้วอดอมยิ้มไม่ได้ว่า ในชีวิตตอนที่ทั้งคุ่ถ่ายเนี่ยจะรู้สึกแบบนี้จริงๆหรือเปล่าน้า หวังจัยว่าจุงคงจะรู้สึกใจหายอยุ่ๆมีคนมาคอยดูแลเอาจัยใส่ ถึงแม้จะแค่วันเดียวแต่ก็อาจจะทำให้คิดถึงไปตลอดเวลาที่อยู่ในญี่ปุ่นก็เป็นได้ หากได้ดูวีดีโอที่มินนี่ถ่ายไว้อ่ะ

ขอบคุณที่รักกัน
ยาย(นาจา)


ท้ายบท

1. ไข่ม้วน อาหารเครื่องเคียงยอดนิยมในเกาหลี คล้ายกับไข่ยัดไส้? แต่ของเกาหลีจะตัดเป็นชิ้นยาวๆเวลาเสริฟ

2. ซัง เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียก ‘คุณ’ แบบสุภาพ

3. โยโบ = ที่รัก เป็นคำที่คนเกาหลีใช้เรียกคนรัก (แต่โดยทั่วไปมักจะใช้เรียกกันระหว่างคู่สามีภรรยา) คล้ายๆกับ Dear และ Honey ในภาษาอังกฤษ




Create Date : 11 เมษายน 2553
Last Update : 11 เมษายน 2553 20:57:28 น. 10 comments
Counter : 1084 Pageviews.

 
**มาจ่ายค่าฟิคให้ยาย..ผู้น่ารัก สู้ๆๆ**
....อ่ะแน่นอนยาย..จุงก้ออาจจะคิดบ้างแหล่ะ..มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตและทำทุกอย่างให้ถึงแม้มันจะแค่เพิ่งเวลาสั้นๆ
ขนาดเราเองป็นผู้หญิงยังคิดเลยว่าโบสุดยอด..ทำให้ทุกอย่างแถมทั้งสวยและก้อดีด้วย..(มีหลอจิตใจจุงจะไม่หวั่นไหวบ้างอ่ะ)..แต่แค่จุงแสดงออกไม่ได้มาก้อเท่านั้นเอง..อิอิอิอิ


โดย: aeka(เอ๋กะดึก) IP: 124.122.239.37 วันที่: 11 เมษายน 2553 เวลา:21:55:22 น.  

 
หึหึหึ

มดล่ะชอบอารมณ์ตอนที่จุงคิดถึงโบหลังจากที่โบกลับไปแล้ว

จุงต้องเป็นยังงี้แน่เลย ส่วนแซงก็นะ จะถามก็ไม่ถาม เล่นเอาคำพูดจุงมาเป็นประเด็น ฮ่าๆๆ งี้สินะ เพื่อนรัก ไม่ต้องถามก็ดึงเอาความรู้สึกเพื่อนออกมาได้เนี่ย

ขอบคุณยายนาจาค่ะ ^^


โดย: daffodial วันที่: 11 เมษายน 2553 เวลา:22:37:06 น.  

 
ชอบตอนอยู่ในห้องอัดเสียง ดูสนิทกันมากขึ้น
เอาใจช่วยนะ บูอิน เฮ้อ..เห้นแล้วเหนื่อยแทนโบเลย


โดย: สายลับ IP: 124.121.153.104 วันที่: 11 เมษายน 2553 เวลา:22:45:57 น.  

 
“ผมว่า ผมคงอยากจะอยากเรียกคุณแบบนั้นมานานแล้วล่ะฮะ”

ทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องนอนตัวเอง เหลือแค่ฮยอนจุงที่ยังอยู่ในห้องนั่งเล่นนั่งมองห้องครัวด้วยสายตาว่างเปล่า ความรู้สึกที่มีต่อบูอินก็ผุดขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ..มันคงจะดีกว่านี้ถ้าตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันน่ะ..

เหอะ เหอะ และแล้วทุกคนก้ตกหลุมรักโบเหมือนพวกเรา
ยายเราแอบสงสารจุงว่ะ เวลาที่คิดถึงคนที่เรารัก แล้วมันเจอกันไม่ได้น่ะ มันทรมานนะ แล้วยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมืองด้วย จุงคงนับวันรอที่จะไปอัดรายการแน่เลย


โดย: joy&yoo IP: 222.123.244.186 วันที่: 11 เมษายน 2553 เวลา:22:48:33 น.  

 
ทั้งโบและจุงคงใจหาย แน่ในเรื่องจริงของเค้า

อ่านแล้วใจหวิวๆ ยังงัยก็ไม่รู้ ต่างคนต่างเริ่มรู้สึกที่ดีต่อกันแล้ว น้องๆก็น่ารักมาก


โดย: noyhhasangchu2010 IP: 125.26.11.19 วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:10:59:24 น.  

 
จุงอ้อนให้โบอยู่ด้วยอย่างเนีย

โบก็หลอมแย่เลย Let's Break away


โดย: sasaranger IP: 58.8.193.5 วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:12:59:32 น.  

 
ยายบอกโบให้อยู่ต่อหน่อยจิไม่อยากให้กลับ(เหมือนจุงบอกโบงัยว่ามาอยู่ด้วยกันเถอะ)อิอิอิ


โดย: เอ๋กะดึก IP: 10.218.229.143, 202.149.25.201 วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:15:20:00 น.  

 
“คุณอยู่ที่นี่กับผมไม่ได้จริงๆเหรอฮะ”
บูอินน่าจะตอบว่า "ได้จ๊ะ" คงดีนะค่ะ
ฮ่าๆๆ


โดย: แป๋ว (put123) IP: 124.121.213.34 วันที่: 14 เมษายน 2553 เวลา:8:51:33 น.  

 
รุ้สึกได้เลยตอนที่โบไปญี่ปุ่นกลับมาแล้วจุงก้เปลี่ยนไปเพราะว่าโบไปเพราะแะนั่นการเดินทางของดบเป้นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วถึงแม้มันจะไม่มีในสคริปเลยก้ตาม

แต่ชอบจังเลย..ตอนที่ดั้บดุป่วยๆๆ

ง่อยๆๆเหมือนหมาง่อยกันเลยอ่ะ


โดย: 1985pumpui IP: 125.25.36.104 วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:19:38 น.  

 
อิอิ ขนาดม้ามินยังหงอยเลยแล้วสามีจะไม่หงอยได้จะได๋เนอะ
ที่รัก อยู่ด้วยกันเถอะนะ 555 ไปไกลแล้วคนอ่าน อยากให้เป็นอย่างนั้นอ่ะ
เบบี้นี้น่ารักขึ้นทุกตอนเลยอ่ะ
ขอบคุณค่ะยาย รับไว้นะยาย 123 กำลังใจส่งไปให้น๊า


โดย: kanjabo IP: 192.168.182.151, 124.120.8.170 วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:32:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.