|
ตอนที่ 101 - ความรักคือการแบ่งปันความทุกข์ความสุขร่วมกัน
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****
หลังจากการถ่ายรูปกับแฟนคลับเสร็จเรียบร้อยที่ผับแห่งหนึ่ง คู่ผักกาดหอมและเมมเบอร์ทั้ง 4 ของวง SS501 กำลังนั่งล้อมวงรอบโต๊ะกลมขนาดใหญ่ในห้องส่วนตัว
จองมินยกแก้วเบียร์ขึ้นมาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เรามาดื่มให้กับความมุ่งมั่นของลีดเดอร์เรากันดีกว่า! วันนี้นายประสบผลสำเร็จครั้งใหญ่เลยน่ะ”
เสียงเชียร์และเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมๆกับที่เหล่าเมมเบอร์ยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มให้กับลีดเดอร์ของพวกเขา “อ้าว ชน เมาไม่นับ หลับแพ้ เย้”ฮยอนจุงพูดพร้อมดกเบียร์จนหมดแก้ว
ยองแซงว่า “ชั้นสงสัยว่าท่านประธานเสียเวลาเลี้ยงพวกเรามาทำไมแทนที่จะฆ่าพวกเราไปซะเลย?”
“ไม่ใช่ว่าท่านฯจะขุนพวกเราให้อ้วนก่อนแล้วค่อยเอามากินทีหลัง รึเปล่าอ่ะ? ^^ “ม้ามินออกความเห็น
จุนเบบี้พูดขึ้นมาบ้างว่า “วิ้ว ชั้นนึกว่าชั้นกำลังจะตายไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าซะอีก...แต่ว่าตอนนี้ชั้นเปลี่ยนใจแล้วล่ะ ชั้นน่าจะจะมีฃีวิตอยู่ต่อไปเพราะได้โซ้ยอาหารเข้าไปบ้างแล้ว”
ส่วนคยูจงยังคงนั่งเงียบยกเบียร์ขึ้นกระดกราวกับคนอกหัก...
ลีดเดอร์หรี่ตาพยายามต่อสู้กับหนังตาอันหนักอึ้งของตัวเองแล้วบ่นว่า “ชั้นว่าชั้นเริ่มจะแก่ตัวลงแล้วน่ะ...ไม่ได้นอนแค่คืนเดียว...แต่ชั้นรู้สึกเหมือนกำลังจะตายซ่ะให้ได้”
ฮวางโบหันไปมองหน้าเขาด้วยแววตาที่แสดงความห่วงใย....
ฮยอนจุงหันหน้ามาบอกเธอว่า “บูอิน คุณควรจะทานอะไรเข้าไปบ้างนะฮะ...นี่คุณไม่หิวเลยหรือ?”
“ถ้าชั้นกินอาหารตอนดึกเกินไปมันจะย่อยไม่ค่อยได้นะจ้ะ เธอนั่นแหละกินให้เยอะๆน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ทำไมถึงไม่ทานล่ะฮะ? ถ้าคุณหิวจริงๆล่ะก็ การย่อยอะไรนั่นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วล่ะ”
ฮวางโบถอนหายใจออกมาก่อนตอบเขาว่า “ชั้นเดาว่าชั้นคงไม่ได้หิวมากขนาดนั้นหรอกจ้ะ”
หลังจากทานอาหารกันใกล้จะเสร็จ...
ยองแซงพูดขึ้นมาว่า “ว่าแต่...พิธีมอบคำสัญญาปกติแล้วมันเป็นแบบนั้นเหรอ? คือชั้นไม่เคยเห็นมาก่อนน่ะ”..
“หาว่าไงนะ?” ลีดเดอร์งง
ยองแซงเกาหัวก่อนจะถามต่อไป “ก็คำสัญญาของนายมันฟังดูเหมือนกับคำสาบานในพิธีแต่งงานยังไงก็ไม่รู้อ่ะ...^^”
จุนเบบี้แทรกขึ้นมาทันทีว่า “หุหุ! ไอ้ประโยคที่ว่า “ พี่จะไม่ทอดทิ้งชิ่งหนีเธอ...” มันฟังดูเป็นตัวพี่มากๆเลยล่ะฮะ หุหุ..^^”
คยูจงซึ่งเงียบมาตลอดจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้ฮะ”
“หืมม ว่าไงจ๊ะ~?”
“พี่โอเคกับมันจริงๆหรือฮะ?”
“หา?”
ลีดเดอร์หันขวับมาถามทันทีว่า “นี่นายกำลังคิดจะพูดอะไร?”
คยูจงว่า...”บอกตามตรงเลยนะฮะพี่... คำสัญญานั่นน่ะฟังคูเหมือนเรื่องตลกขำๆอ่ะ..ผมเคยได้ยินมาว่าเวลาที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรทำนองนี้ ผู้หญิงจะรู้สึกไม่มีความสุขซักเท่าไหร่ถ้ามันถูกทำให้กลายเป็นเรื่องล้อเล่นหรือว่าเรื่องตลกมากจนเกินไป”
ลีดเดอร์ไม่ตอบแต่ทำหน้าบูดพร้อมกับเหวี่ยงสายตากลับไปให้
ฮวางโบพูดยิ้มๆว่า “ชั้นโอเคจ้ะเพราะว่าชินกับเรื่องแบบนี้แล้วล่ะ มันจะยิ่งทำให้ชั้นลำบากใจมากขึ้นไปอีกถ้าเกิดพิธีการนั่นมันออกมาดูจริงจังจนเกินไปน่ะ”
คยูจงถามกลับไปว่า “ทำไมการทำให้ดูจริงจังมันถึงจะกลายเป็นเรื่องลำบากสำหรับพี่ล่ะฮะ? มันน่าจะดูมีความหมายมากกว่าถ้าพี่สองคนทำพิธีมอบคำสัญญากันให้มันดูจริงจังมากกว่านี้?”
หญิงสาวถอนหายใจก่อนตอบไปว่า ”ไม่ว่าพวกเราจะทำมันออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม” ว่าแล้วก็หันไปมองฮยอนจุงแล้วพูดต่อ “ อย่างที่ลีดเดอร์ของเธอเคยบอกไว้ว่า...ไม่ใช่หัวใจของคนที่มอบสัญญาหรอกหรือที่มีความสำคัญมากกว่าน่ะ?”
หญิงสาวยิ้มเขินๆก่อนพูดต่อว่า” แล้วก็ไม่ใช่ว่าชั้นจะไม่รู้..”<ว่าเขารู้สึกอย่างไร>
ฮยอนจุงแทรกขึ้นมาว่า “ที่จริงแล้วพิธีการนั่น”
ฮวางโบจ้องหน้าเขา “<นี่เธอคิดจะพูดอะไรออกมาน่ะ?>
“มันเหมือนเป็นการประกาศให้ทราบ....มากกว่าที่จะเป็นพิธีการพิเศษสำหรับพวกเราน่ะ” ฮยอนจุงตอบ
ม้ามินได้ยินก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “นี่นายกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ? พิธีนั่นมันไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับพี่ทั้ง 2 คนเลยเหรอ?”
“ที่ชั้นตั้งใจจะบอกก็คือ...มันไม่ใช่เรื่องสำคัญมากสำหรับเราซักเท่าไหร่หรอกนะ ไม่ว่าเราจะมีพิธีการพิเศษหรือไม่ก็ตามน่ะ...”
“.............”ฮวางโบนิ่งเงียบ
“พิธีในวันนี้มันเหมือนกันการแสดงโชว์สำหรับแฟนคลับมากกว่าน่ะ...มันอาจจะดูเหมือนเรื่องตลก...แต่ถ้าเราทำให้มันดูจริงจังเกินไป” ฮยองจุงอธิบาย
ฮวางโบช่วยพูดต่อในใจว่า <มันจะเป็นเรื่องยากลำบากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะรับเรื่องนี้ได้...>
“ฮื้อ บอกตามตรง ถ้าทำอย่างนั้นชั้นว่ามันจะทำให้เราลำบากใจมากเกินไปเหมือนกันอ่ะ ชั้นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้เข้าไปอยู่ในพิธีแต่งงานยังไงก็ไม่รู้...หุหุ!“ ม้ามินออกความเห็น
ฮวางโบก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า “มันชักจะดึกมากแล้วจริงๆ...ตอนนี้ชั้นควรจะกลับได้แล้วล่ะ”
“งั้นหรือฮะ? ผมก็เหนื่อยและเพลียมากเหมือนกัน...ผมจะกลับไปพร้อมคุณแล้วกัน”ฮยอนจุงพูดพลางมีเลศนัย
“อ้าว พี่ แล้วพวกเราล่ะฮะ?” จุนเบบี้แย้งขึ้นมา
“ก็เรื่องของนายสิ นี่นายต้องตามติดชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันหา?”
ยองแซงลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกว่า “พวกเราก็ควรจะกลับได้แล้วน่ะ”
ภายในรถของฮวางโบ ซึ่งฮยอนจุงเป็นคนขับ
“เธอน่าจะกลับไปพร้อมกับพวกน้องๆนะ...”
“......................”.
“ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆยังไงก็ไม่รู้...”
“หา?”
<ผมนึกว่าผมจะรู้สึกเสียใจน้อยลงกว่าเดิมหลังจากที่พวกเราแต่งงานกันแล้ว...>
“เธออยากจะให้ชั้นขับไปส่งเธอที่บ้านพักพวกเธอมั้ย?”ฮวางโบพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับที่แก้มใสๆของเขา
“ผม...”ฮยอนจุงนิ่งคิด
“ว่าไงเหรอ?”
“ผมเดาว่าผมยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวอย่างแท้จริง”
“นี่เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ?”
“ผมรู้ว่าผมจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้เมื่อดูจากสถานการณ์ของเรา...แต่ผมยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีกว่า ทำไมผมต้องคอยฉุดรั้งตัวเองตัวไว้...”
“เธอกำลังฉุดรั้งตัวเองจากอะไรหรือ?”
“ทำไมพวกเราถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะฮะ?”
“..................”
“แล้วทำไม...เราถึงประกาศเรื่องการแต่งงานของเราให้คนอื่นรับรู้ไม่ได้?”
“................”
“ถามจริงๆนะฮะ การแต่งงานมันคืออะไร?”ฮยอนจุงเริ่ม
“................”
“ผมนึกสงสัยอยู่ตลอดเวลา...เพราะว่าผมไม่สามารถทำในสิ่งที่ผมต้องการได้...”
“ผมไม่แน่ใจว่า ผมกำลังพยายามหาทางที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ...หรือว่าพยายามจะหาเหตุผลเพื่อหลบเลี่ยงที่จะไม่ทำมันกันแน่...”
“ยังไงฮะ?”
“ชั้นคิดว่ามันเป็นกระบวนการของการเรียนรู้ว่า ควรจะปล่อยวางบางสิ่งบางอย่างในตอนไหน”
“ปล่อยวาง?”
“เพื่อให้รู้ว่ามันเป็นหนทางเดียว..หรือเมื่อไหร่ที่เธอควรจะต้องรอ...รู้จักยับยั้งชั่งใจกับตัวเอง”
“................”
“ปีเตอร์แพน..”.
“ปีเตอร์แพนเหรอ?”
“ผมคิดว่าผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมปีเตอร์แพนถึงไม่เคยออกไปจากเนเวอร์แลนด์”
“การจะกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวหมายถึง...เหมือนว่าเรากำลังละทิ้งความฝันของเราไป การละทิ้งความฝันหมายถึง...การปฏิเสธที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า”
“................”
“ผมรู้ว่าผมอาจจะยังดูเหมือนคนที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ และคุณไม่สามารถจะไว้วางใจในตัวผมได้อย่างเต็มที่นัก...แต่ผมอยากจะให้คุณเชื่อมั่นว่า...ผมจะรักคุณในวิถีทางที่ผมเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง...”
เธอยิ้มกว้างแล้วตอบเขาไปว่า “จ้า...ชั้นจะเชื่อมั่นในตัวเธอ แค่เธออย่าเปลี่ยนไปจากที่เธอเคยเป็นมาก็แล้วกัน...หนึ่งเดียวคนนี้...คิมฮยอนจุงของชั้น...คนที่สามารถทำให้ชั้นมีความสุขได้จากเพียงแค่สายตาที่เธอมองมา...”
“ขอบคุณนะฮะ”
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมจะสามารถหาทางได้...ถึงแม้ว่ามันอาจจะดูเสี่ยงเกินไปหน่อย...”
“เธอหมายความยังไงน่ะ?”
“ผมรู้ว่าในความคิดของคนบางคน...วิธีการของผมมันอาจจะยากเกินไปที่จะรับได้...”
“นี่เธอกำลังคิดที่จะทำอะไรอีกแล้วน่ะ?”
“อย่ากังวลมากไปเลยฮะ ในความฝันมันก็มักจะมีความเสี่ยงบางอย่างที่เราต้องยอมรับมันด้วยไม่ใช่หรือฮะ?”
“เธอพูดฟังดูเป็นปรัชญาจังเลยนะ...”
“.อืม..ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจและเศร้าใจอีกแล้วล่ะฮะ”
“มีอะไรที่มันกวนใจเธออยู่เหรอ?”
“นี่พวกเรากำลังจะไปไหนกันฮะเนี่ย?”
“ตอนนี้เหรอ? ที่พักของเธอไงล่ะ”
“แล้วบ้านของเราล่ะฮะ?”
“บ้านของเราเหรอ?”
“ใช่ฮะ บ้านของเรา (เรือนหอรอรักอ่ะ)”
“เราไม่มีบ้านนั้น...อีกต่อไปแล้วนี่นา”
“เห็นมั้ยล่ะฮะ? นั่นคือสิ่งที่ผมกำลังพูดถึงอยู่น่ะ...พวกเราไม่มีบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกันอีกต่อไปแล้ว! มันน่าเศร้าใจจริงๆ...”
“................”หญิงสาวมองหน้าเขาราวกับไม่เข้าใจ
“พวกเราแต่งงานกันแล้ว...แต่เรากลับไม่มีบ้านที่สามารถจะมาอยู่ด้วยกันได้...”
<นี่แหละ ความแตกต่างระหว่างการแต่งงานจริงๆกับคำสัญญาไงล่ะ.>
“ถ้างั้น...ไปที่บ้านคุณกันก่อนแล้วกันนะฮะ”
“หา?”
“เราไปที่บ้านคุณก่อน..แล้วเดี๋ยวผมค่อยเรียกแท็กซี่กลับเอง..”
“ทำไมล่ะ? ไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยนี่นา มันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ แล้วก็เสียเวลาด้วยน่ะ”
ฮยอนจุงจ้องหน้าเธอแล้วตอบไปว่า “ผมแค่รู้สึกว่าอยากจะทำแบบนั้น ผมอยากจะไปส่งคุณเข้าบ้าน อยากเห็นบ้านของคุณ...”
ฮวางโบนั่งนิ่งไม่ตอบอะไรได้แต่พ่นลมหายใจออกมา...
ที่อพารท์เมนท์ของฮวางโบ คู่ผักกาดหอมกำลังขึ้นลิฟต์ไปด้วยกันที่ชั้นที่พักของเธอ
ฮวางโบยืนกระสับกระส่ายคิดในใจว่า <ชั้นหวังว่าเขาคงจะไม่ดื้อดึงไปส่งชั้นถึงหน้าห้องหรอกนะ !!!>
ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดและประตูก็เปิดออก
หญิงสาวหันไปและพยายามคิดว่าจะพูดยังไงดีเพื่อไม่ให้เขาเดินไปที่ห้อง “เอ่อ คือว่า..”.
แต่แล้วฮยอนจุงกลับยกมือขึ้นโอบไหล่เธอโดยไม่พูดอะไรแล้วเดินออกมาจากลิฟต์มุ่งหน้าไปที่ห้องของเธอ
ขณะที่กำลังจะถึงหน้าประตูฮวางโบเริ่มออกอาการลนลานรีบบอกทันทีว่า” เดี๋ยวก่อน~~”
เขาจ้องหน้าเธอพร้อมกับถามว่า “คุณไม่อยากให้ผมเข้าไปในห้องหรือฮะ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ”
ระหว่านั้น ชายหนุ่มก็มองดูประตูหน้าห้องด้วยสายตาที่สงบนิ่ง เธอเห็นท่าทางของเขาก็รู้สึกตกใจและผิดหวัง “นี่เขาเห็นมันแล้วเหรอเนี่ย?!!!”
ฮยอนจุงยังคงกวาดตามองไปรอบๆภาพวาดและคำพูดที่อยู่บนประตู แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับจุดนึงซึ่งอยู่ที่บริเวณลูกบิดประตู...เธอได้แต่ยืนนิ่งถอนหายใจ...
ฮยอนจุงส่งยิ้มจางๆให้เธอพร้อมกับพูดว่า “ดูนี่สิฮะ...ตรงนี้เพิ่งเขียนใหม่สดๆร้อนๆเลยฮ่ะ”
“ชั้นได้รับข้อความใหม่เกือบทุกวันน่ะแหละ” เธอตอบแต่แล้วก็มองหน้าเค้าด้วยความแปลกใจ “ว่าแต่?” <เธอรู้ได้ไงว่าอันนี้มันใหม่น่ะ>
เขาเอียงคอก้มลงอ่านข้อความออกมาดังๆว่า “ขอบคุณนะคะ พี่ฮวางโบ พวกเราจะกลับมาและจะเขียนข้อความถึงพี่เป็นครั้งคราวนะ...พวกเรารู้สึกดีใจที่ได้รู้จักพี่สาวคนสวยและใจดีนะคะ จุ๊บจุ๊บ อินซุน..และกาอึล?”
พอได้ยินเธอก็รีบหันไปดูข้อความทันที
ฮยอนจุงถอนหายใจก่อนพูดออกมาว่า “นี่แฟนคลับของคุณก็มาเขียนข้อความตรงนี้เหมือนกันหรือฮะ?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูขมขื่นว่า “ พวกเขาคงต้องรู้สึกแย่มากๆเมื่อได้เห็นข้อความและรูปภาพอื่นๆด้วยอ่ะ”
เขาก้าวถอยหลังออกมาแล้วถามว่า “พรุ่งนี้คุณอยากจะให้ผมทาสีให้คุณใหม่มั้ยฮะ?”
“...นี่เธอรู้เรื่องนี้แล้วเหรอ?”
“..ใช่ฮะ”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ?”
“วันนั้นไงฮะ วันก่อนหน้าที่ผมจะไปมาเก๊าน่ะ”
“.....................”
ฮยอนจุงดึงตัวเธอเข้ามากอดเอาไว้และบอกว่า “ผมรู้ว่าคุณอยากจะช่วยผม ไม่อยากจะให้ผมกังวลกับเรื่องแบบนี้....แต่ว่า..ผมก็ไม่สามารถจะยกโทษให้ตัวเองได้เช่นกัน...ที่คุณต้องมาทุกข์ใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว....”
“ชั้นต้องการจะแอบซ่อนมันเอาไว้ไม่ให้เธอเห็น...ชั้นอยากจะซ่อนและปิดบังเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้...เพราะชั้นรู้ว่า เธอจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าชั้นแน่นอน”
เขายกมือขึ้นมาประคองหน้าฮวางโบอย่างทะนุถนอมพร้อมๆกับพูดว่า “ความรักคือ...การยอมรับความทุกข์ทรมานร่วมกัน...และ ความรักก็คือการมีความสุขร่วมกันด้วยฮะ...คุณไม่รู้เหรอ? จริงๆนะ ได้โปรด เลิกแบกรับความรับความทุกข์เอาไว้คนเดียวได้แล้วนะ เพราะตอนนี้คุณไม่ใช่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้คุณมีผมอยู่ข้างๆ ดังนั้น จากนี้ไปผมจะเป็นเทพารักษ์ประจำตัวคุณ จะคอยปกปักษ์รักษาคุณ ”
เธอมองหน้าเขาด้วยความซาบซึ้งก่อนตอบว่า...” ชั้นจะพยายาม”
<ผมรู้จักคุณดี! คุณมักจะชอบแอบซ่อนความเจ็บปวดของตัวเองเอาไว้...เพราะว่าคุณเป็นคนแบบนั้น> เขาคิดในใจก่อนพูดว่า “ ใช่ฮะ...ผมเดาว่ามันขึ้นอยู่กับตัวผมด้วย”
ฮยอนจุงก้มลงมองหน้าเธอเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง “ผมจะพยายามหาร่องรอยบาดแผลและความเจ็บปวดของคุณไม่ว่าคุณจะพยายามซ่อนมันเอาไว้ซักเพียงใด...ผมจะไม่ยอมให้คุณมีความลับกับผมอีกต่อไปแล้ว!”
ฮวางโบยิ้มเศร้าๆก่อนบอกว่า “ชั้นขอโทษ...เพราะชั้นมันเป็นคนนิสัยแบบนั้นน่ะ”
เขาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้เธอมาขึ้นพร้อมกับกระซิบว่า “ไม่เป็นไรฮะ...ผมยิ่งรักคุณมากขึ้นไปอีกเพราะว่าคุณเป็นแบบนั้น “ พูดจบก็ก้มลงประทับจูบอันดูดดื่มให้กับเธอผู้เป็นภรรยาสุดที่รักของเขา
โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ ตอนที่ 102 ต่อไป
ป.ล. เพราะคิดถึีงแฟนฟิคจึงมาลงนะคะ
Create Date : 23 กันยายน 2553 |
Last Update : 23 กันยายน 2553 0:53:11 น. |
|
5 comments
|
Counter : 976 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เจน IP: 113.53.86.17 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:16:06:12 น. |
|
|
|
โดย: joy&yoo IP: 222.123.243.67 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:18:46:17 น. |
|
|
|
โดย: nolirin IP: 27.55.36.171 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:20:07:59 น. |
|
|
|
โดย: มินมิน IP: 125.27.53.71 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:22:25:47 น. |
|
|
|
โดย: noyhnasangchu2010 IP: 182.53.73.110 วันที่: 24 กันยายน 2553 เวลา:12:45:15 น. |
|
|
|
| |
|
"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"
|
|
|
|
|
|
|
|
นึกว่าจะไม่ได้อ่านซะแล้ว
มีความสุขที่ได้อ่าน นั่งยิ้ม น้ำตาซึมอยู่คนเดียว มีความสุขมากมาย
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆๆๆ
Fighting!!!!! ^____^V