ตอนที่ 44- ..ผมรักคุณเพราะเป็นคุณ..
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****
สวนสาธารณะโกซูบูจิ ภายในรถของฮวางโบหลังจากนั่งเงียบกันไปพักใหญ่ ฮยอนจุงก็ถามขึ้นมาว่า
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอฮะ?”
ฮวางโบซึ่งกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้ง “ว่าไงนะ?”
ฮยอนจุงมองไปที่แม่น้ำแล้วพูดว่า “นานมากแล้วน่ะที่ผมไม่ได้มานั่งดูวิวที่ริมแม่น้ำฮัน...”
ฮวางโบหันไปมองหน้าเขาอย่างงงๆ คิดในใจว่า <ชั้นพูดอะไรไม่ออก...ไม่เปิดปากพูดออกมาไม่ได้...แล้วชั้นก็คิดอะไรไม่ออกเลยเวลาที่ชั้นมองเธอ...>
เขาพูดต่อไปว่า “การถ่ายทำวันนี้สนุกมากๆเลยน่ะฮะ...และวันนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นวันอันแสนพิเศษสำหรับเราสองคน...”
เธอยังนั่งฟังเขาเงียบๆ...
แล้วจู่ๆเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า “บูอิน ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณเก่งเรื่องมวยปล้ำด้วยน่ะ คุณนี่สุดยอดจริงๆ! “
เขาหัวเราะเบาๆแล้วพูดต่อว่า “ยังไงก็ตาม อย่ามาลองใช้ท่ามวยปล้ำกับผมเป็นอันขาดน่ะ”
ฮวางโบยังคงนิ่งเงียบ ถอนหายใจออกมาแล้วบอกตัวเองในใจว่า <ชั้นต้องพยายามอย่างมากกับการตัดสินใจในครั้งนี้.ถ้าชั้นปล่อยโอกาสนี้ให้มันหลุดไป>
ฮยอนจุงเหมือนจะรู้ความคิดของเธอ <ผมรู้น่ะว่าคุณกำลังจะพูดอะไรออกมา...ผมยังไม่มีคำตอบ และผมก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับเรื่องนั้นด้วย ผมขอร้องน่ะ คุณอย่าพูดเลย..เพราะผมคงจะยอมปล่อยคุณไปได้>...แล้วพูดกับเธอว่า
“สำหรับผม...อาจเป็นเพราะเคยแข่งมวยปล้ำอยู่หลายครั้งตอนที่ถ่ายรายการ X-Man ถึงแม้จะนานมาแล้วก็ตาม วันนี้ก็เลยชนะได้ไม่ยากเท่าไหร่... “
”ผมรู้ว่าคุณเป็นนักกีฬาตัวยงคนนึงเลยทีเดียว แต่วันนี้คุณแสดงให้ผมเห็นว่า “เร็วปานแสงไฟ” มันเป็นยังไง...”
”...? เธอว่าอะไรนะ?”
”ผมกำลังบอกว่าคุณน่ะไวมากจริงๆฮะ”
เธอทำหน้าสงสัยกับคำพูดของเขา นี่เธอตั้งใจจะพูดว่า “เร็วปานสายฟ้า” ใช่มั้ย?”
เขาทำท่าเอียงคอแบบงงๆ “อ๊า “เร็วปานสายฟ้า” หรือ “เร็วปานแสงไฟ” กันแน่น่ะ?”
เขาหันไปมองหน้าเธอ “ที่ถูกมันไม่ใช่ “เร็วปานแสงไฟ” หรอกเหรอฮะ?”
เธอแปลกใจกับคำถามเขา “นี่เธอจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ?”
”ฮ่ะ ว่าแต่มันฟังดูก็คล้ายๆกันน่ะฮะ “สายฟ้า” “แสงไฟ” อะไรทำนองนั้น”
”เธอเคยบอกว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมอัจฉริยะถึงได้ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้ล่ะ? ทำไมถึงไม่รู้เรื่องเล็กๆน้อยแค่นี้?”
ใครบอกคุณหรือฮะว่าอัจฉริยะจะต้องรู้ในเรื่องเล็กๆแบบนี้? ที่คุณทราบเรื่องแบบนี้ก็เพราะมาจากการเรียน แต่อัจฉริยะมักจะเป็นมาโดยกำเนิดไม่ใช่จากการเรียน...
เธอถึงกับพูดไม่ออก “นี่เธอกำลังจะบอกว่า....”
”ผมเป็นอัจฉริยะในการ...ทำความเข้าใจเรื่องราวต่างๆและประยุกต์มาใช้ด้วยตัวผมเอง...ไม่ได้เรียนหรือว่าท่องจำน่ะฮะ ดูสิ อัจฉริยะอย่างเอดิสันหรือว่าไอน์สไตน์ต่างก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนกันทั้งนั้น นั่นเป็นเพราะเขาใช้วิธีเหมือนที่ผมใช้ไง.”..
”ถ้าเป็นอย่างงั้น เธอก็คงถูกไล่ออกเหมือนกันสิน่ะ?”
”ผมเหรอ? เปล่าฮะ”
”ถ้างั้นเธอก็คงไม่ใช่อัจฉริยะตัวจริงแล้วล่ะ...เธอก็แค่เป็นตัวของเองมากๆ”....
”แต่ผมเรียนได้คะแนนดีทีเดียวน่ะฮะตอนเรียนหนังสืออ่ะ”..
”ดีแค่ไหนกันเชียว?”
”ดีไม่ดี ก็ติดอันดับท็อปเทนในชั้นมาตลอดช่วงที่เรียนอยู่มัธยมต้นน่ะฮะ”
”แล้วทำไมเธอถึงไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพื้นๆทั่วไปเลยล่ะ? เธอไม่รู้แม้กระทั่งความแตกต่างระหว่างคำว่า “สายฟ้า” กับ “แสงไฟ”
”สำหรับคนที่หัวสมองเต็มไปด้วยเรื่องที่มีสาระสำคัญ คนๆนั้นมักจะไม่ใส่ใจกับเรื่องจิ๊บจ๊อยแบบนั้นหรอกฮะ”
”เรื่องจิ๊บจ๊อยงั้นเหรอ?:”
”เพราะว่าผมต้องใช้ความคิดในเรื่องบางอย่างที่มันยิ่งใหญ่และมีความสำคัญ ดังนั้นผมจะปล่อยให้สมองของผมสับสนเพราะเรื่องเล็กๆมากมายเหล่านั้นไม่ได้หรอกฮะ ผมต้องลบข้อมูลบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไปอยู่ตลอดเวลา” เขาพูดด้วยความภูมิใจ
เธอชักฉุนนิดๆ “นี่เธอเป็นคอมพิวเตอร์รึไงกัน? หา?”
”จะเครื่องจักรหรือคน คุณก็ต้องใช้กฎเดียวกันแหละฮะ ผมไม่สามารถจะมีสมาธิได้ ถ้ามีหลายๆเรื่องเข้ามากวนใจผม สิ่งที่ผมเรียนจากโรงเรียนส่วนใหญ่ก็ใช้เพียงเพื่อการสอบเท่านั้น ดังนั้นผมก็เลยลบมันทิ้งไปทันทีที่ผมสอบเสร็จฮะ”
เธออึ้งสุดๆ ส่ายหัวแล้วพูดออกมาว่า “ชั้นคิดว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าไปอยู่ในโลกแห่งตรรกะอันแปลกประหลาดของเธออีกแล้วน่ะ”..<ชั้นจะต้องพลาดโอกาสอีกครั้งแน่ๆ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไป...ชั้นจะต้องไม่ลืมว่าตัวเองกำลังจะพูดอะไร...แล้วหน้าของเธอก็เริ่มตึงขึ้นมาอีกครั้ง>
ฮยอนจุงเห็นหน้าเธอก็คิดทันทีว่า <นี่คุณยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ?...คุณต้องพูดมันออกมาจริงๆรึไง?> ยังไงก็ตาม ก่อนหน้านี้...
”จ้ะ ว่าไง?”
”ตอนที่เรากำลังอัดเทปรายการกันอยู่...ผมรู้สึกแย่...”
”ทำไมล่ะ?”
”...ผมรู้ว่าอะไรที่ทำให้บูอินรู้สึกไม่ดีมากๆตอนที่คุณทำรายการวาไรตี้โชว์”...
”มันคืออะไรล่ะ?”
”ผมบอกได้จากการสังเกตว่าตอนไหนที่คุณหัวเราะดังที่สุด...”
เขายิ้มแบบรู้สึกสำนึกผิด “บางครั้งผมเองก็ชอบแกล้งแหย่คุณด้วยเหมือนกัน...แต่พวกเขาเอาแต่พูดว่าคุณดูเหมือนชาวต่างชาติ...แล้วก็รูปของลูกสาวของพวกเรานั่นอีก...ผมเข้าใจว่าคุณรู้สึกแย่ขนาดไหนในตอนนั้น”
”เพียงแค่คุณเล่นกีฬาเก่งกว่าคนอื่น..แต่พวกเขากลับทำเหมือนกับว่าคุณเป็นผู้ชาย ถ้าคุณเกิดชนะการแข่งขันขึ้นมา...แล้วบอกว่าคุณน่าจะไปแข่งกับพวกผู้ชายแทน...”
”ผมรู้ว่าที่พวกเขาทำแบบนั้นก็เพื่อให้รายการมันดูสนุกสนานน่าสนใจขึ้น...แต่ผมก็รู้เช่นกันว่าคุณต้องเจ็บปวดทุกๆครั้งที่ได้ยินคำพูดไร้สาระแบบนั้น...”
”แต่ยังไงก็ตาม มันเป็นส่วนหนึ่งของงาน...และวันนี้คุณก็อดทนกับมันมาได้เป็นอย่างดี เหมือนกับที่เคยๆทำมา”
เขายิ้มจนเห็นฟัน แล้วชมเธอว่า “บูอินสมกับเป็นมืออาชีพจริงๆเลยฮะ..”.
ฮยอนจุงเอามือไปแตะที่หัวเธอเบาๆแล้วพูดว่า “คุณทำได้ดีมากเลยวันนี้ ผมภูมิในในตัวคุณมากฮะ...”
ฮวางโบยังคงนิ่งเงียบ เธอจ้องตาของฮยอนจุงแล้วคิดในใจว่า มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับชั้นแล้วเธอไม่รู้? แล้วมีเรื่องอะไรที่ชั้นแอบเก็บไว้แล้วเธอไม่รู้บ้างน่ะ?”
ฮยอนจุงมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนแล้วพูดว่า” คุณเป็นนางฟ้าแต่ลงมาอยู่ในโลกที่มันโหดร้ายและยากลำบากแบบนี้ได้ยังไงกันฮะ? มันดูไม่เหมาะกับคุณเลยจริงๆ...”
ฮวางโบถามในใจด้วยความสงสัยว่า< (นางฟ้าเหรอ เฮ้อ เธอมองชั้นได้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ..ทำไมนะ? เธอทำได้ยังไง…?>
แต่เขากลับพูดตอบคำถามของเธอทั้งๆที่ไม่ได้พูดออกมาว่า “ผมก็แค่..เห็นทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ..ถึงแม้ว่าคุณพยายามจะปกปิดมันก็ตาม”
<ฮ้า~~~!!!!..อะไรเนี่ย!!! หันไปมองเขาท่าทางกระวนกระวาย>
”ดังนั้น..ได้โปรด อย่าพยายามวิ่งหนีไปจากผม..”
เธอกระพริบตาด้วยความทึ่ง ประมาณว่าเขาเลี้ยงกุมารทองรึเปล่าน่ะ...
”ผมรู้ว่าคุณกำลังจะพูดอะไร ผมรู้ดี ดังนั้นอย่าพูดมันออกมาน่ะฮะ ตอนนี้เรามาคิดกันซะว่า คุณได้พูดออกมาแล้วและผมก็ได้ยินแล้ว...เพราะว่าคำพูด... เป็นอะไรบางอย่างที่คุณเอามันกลับคืนมาไม่ได้ เมื่อใดที่คุณได้พูดออกมาแล้ว...และคุณก็ไม่สามารถจะลืมมันได้เมื่อใดที่คุณได้ยินมัน...ดังนั้น..เรามาทำเหมือนกับว่าคุณพูดออกมาแล้วและผมก็ได้ยินมันแล้วจะดีกว่าน่ะฮะ”...
ฮวางโบพอได้ยินเขาพูดน้ำตาของเธอก็เริ่มคลอ
”ผมขอโทษฮะ...ที่ทำให้คุณต้องรู้สึกแบบนี้อยู่ตลอด ผมรู้ดีว่าเป็นเพราะผมยังไม่ดีพอ และยังไม่สามารถทำตัวให้คุณไว้วางใจได้...และนั่นก็คือเหตุผลที่คุณยังคงทุกข์ทรมานใจอยู่อย่างนี้...”
น้ำตาของเธอค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มแต่ตาฮวางโบยังคงจ้องตาของเขาอยู่...
ฮยอนจุงรู้สึกปวดใจเมื่อเห็นน้ำตาของเธอ “ผมไม่สามารถจะให้สัญญาอะไรกับคุณได้ในตอนนี้” เขาใช้หลังมือของเขาช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วพูดต่อ
“ ผมหวังแค่เพียงว่าคุณจะรู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้ข้างๆคุณ...คนที่รู้จักคุณดีกว่าใครในโลกนี้...”
ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของฮวางโบค่อยๆมีรอยยิ้มเล็กๆเกิดขึ้น...
เขารู้สึกขมขื่น “คุณร้องไห้ได้นะฮะ...ต่อหน้าผม...ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยร้องไห้ให้ใครเห็น แต่ว่า...สัญญากับผมนะฮะ..สัญญาว่าคุณจะร้องไห้ต่อหน้าผมเท่านั้น...และสัญญาว่าผมจะเป็นคนๆเดียวที่คุณจะบอกให้รู้ ยามใดก็ตามที่คุณรู้สึกผิดหวัง...ทุกข์ใจ...หรือว่าเจ็บปวด...ผมเคยให้สัญญากับคุณว่าจะเป็นเจ้าบ่าวที่เหมือนกับอ๊อกซิเจน จำได้มั้ยฮะ?”
หลังจากนิ่งเงียบมาเป็นเวลานาน ฮวางโบก็เริ่มเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอรู้...”เธอรู้เรื่องทั้งหมดนี่ได้ยังไง ?ทำไม?”
เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ผมไม่รู้จริงๆว่า...ทำไม...มันแค่แว่บขึ้นมาในสมองของผม...หรืออาจเป็นเพราะผมรักคุณ”...
เธอถอนหายใจออกมา “ชั้น...แต่ทำไมชั้นถึงไม่เคยรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่? ชั้นก็รักเธอน่ะแต่ทำไมชั้นถึงอ่านใจเธอไม่ออกเลย...เธอเป็นคนที่เดายากเกินไป..เธอเหมือนกับลูกโป่งที่ลอยสูงขึ้นไปจนชั้นเอื้อมไม่ถึง..แล้วก็ปล่อยให้หลุดลอยไป...”.
”นั่นอาจเป็นเพราะคุณเป็นคนที่ไร้เดียงสามากๆ...คุณไม่เคยเสแสร้งหรือ หลอกลวงคนอื่น คุณมีแต่ความซื่อสัตย์และจริงใจ”
”งั้น แล้วเธอล่ะ?”
”ผมน่ะเหรอ? ผมมันเจ้าเล่ห์...ผมมักจะแอบซ่อนอะไรเอาไว้เสมอ...เหมือนกับตัวแบดเจอร์แก่ๆ ที่แอบอยู่ในโพรงเพราะกลัวว่าจะมีใครมาเจอมันเข้า...”
เธอยิ้ม “เธอ...ดูดีเกินไปที่จะแป็นตัวแบดเจอร์นะ แล้วเธอก็ไม่ได้แก่ซ่ะหน่อย”
”นั่นคืออาวุธลับของผมฮะ” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ผมควรจะทดสอบอาวุธว่ามันยังใช้งานได้อยู่มั้ยฮะ?”
พูดจบก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆหน้าของฮวางโบ ในขณะที่เธอยังคงนั่งนิ่งถึงแม้หน้าของเขากำลังเข้ามาใกล้เธอมากแล้วก็ตาม
ฮวางโบกำลังคิดว่า <นี่เธอเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชายของชั้นจริงๆน่ะเหรอ? ความกังวลทั้งหมดที่ชั้นมีกลายเป็นเรื่องเล็กๆเมื่อชั้นได้พบหน้าเธอ..คนที่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าชั้นด้วยซ้ำไป...>
ฮยอนจุงค่อยๆจุมพิตที่ริมฝีปากเธออย่างนุ่มนวล หลังจากนั้นสักครู่จึงได้ผละออกจากเธอ
เขายิ้มเจ้าเล่ห์หน่อยๆ “ผมว่ามันยังคงใช้การได้ดีน่ะ”
ฮวางโบตอบเขาโดยไม่หลบสายตา “มันฟังดูน่าอายนะแต่ว่า...ชั้นก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันจ้ะ...”
ตาของฮยอนจุงเป็นประกายสดใส จากนั้นเขาก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากเธออีกครั้ง
<ชั้นว่าวันนี้แผนของชั้นก็ถูกผลักให้ถอยหลังเข้าคลองไปอีกแล้ว...ถ้าชั้นสามารถจะลืมมันได้เพราะเธอ ทุกๆครั้งที่ชั้นรู้สึกอ่อนไหวไม่มั่นคง...มันอาจจะดูน่าขันแต่ว่าถ้าเราสามารถเป็นแบบนี้ต่อไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย...ชั้นจะกลายเป็นคนโง่หรือคนฉลาดกันแน่นะ?>
<คุณอาจจะเรียกสิ่งที่ผมทำว่าเป็นการทำให้คุณไขว้เขวไปชั่วขณะ...ผมยอมรับว่าผมหาทางออกที่ดียังไม่ได้...แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณมั่นใจได้เลยก็คือ ผมรักคุณจริงๆฮะ บูอิน...และเพราะสิ่งๆเดียวนี่แหละ..ได้โปรดให้อภัยกับการไขว้เขวเล็กๆน้อยๆอันนี้ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่คำพูด แต่ผมก็หวังว่าคำพูดของผมจะสามารถช่วยคลายความกังวลของคุณได้...และผมก็เข้าใจมันเป็นอย่างดีและอยากจะช่วยกำจัดมันออกไปให้พ้นจากใจคุณ...ผมอยากจะทำให้คุณมีความสุขถึงแม้จะเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆด้วยการปลอบประโลมจากผม...ซารางเฮ...>
ฮยอนจุงพูดพึมพำออกมาทั้งๆที่ริมฝีปากของเขายังประกบอยู่กับเธอ “ผมรักคุณน่ะ...ฮวางโบ ฮเยจุง”
เธอใจเต้นแรงที่ได้ยินเขาบอกรัก..”ชั้นก็รักเธอ...เหมือนกับคนโง่..ชั้นรักเธอ..เพราะว่าเป็นเธอ..ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ...ชั้นรักเธอเพราะว่าเธอคือเธอ..ซารางเฮ...คิมฮยอนจุง..”.เธอพูดพึมพำออกมาราวกับคนที่กำลังละเมอ
.”..ผมก็เหมือนกันฮะ..ผมรักคุณเพราะว่าคุณเป็นคุณ...ผมมีความสุข...ก็เพราะคนๆนั้นคือคุณ...”
ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันอีกครั้งแล้วก็ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
โปรดติดตาม “คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ ตอนที่ 45 – เธอคือใครกันเนี่ย”
ของฝากจากยาย จ๊ะเอ๋ยามดึก แม้จะไม่ค่อยสบายก็ตาม ฟิค(แปล) มักจะคาดหวังไม่ได้เสมอว่าเมื่อไรจะมาน่ะคะ เซอร์ไพรส์
ยาย(นาจา) 21/5/10
Create Date : 21 พฤษภาคม 2553 |
|
26 comments |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2553 21:46:30 น. |
Counter : 1051 Pageviews. |
|
|
|
ไม่ค่อยได้เม้นท์ ขอโทษนะคะ ขอบคุณมากกกๆ ที่สุดค่ะ