วันสดใสใน "สายธรรมจันทร์"
อาคารเรียนหลังเดิม เคยมีทั้งทุกข์และสุขมากมายที่นี่ เดี๋ยวนี้อาคารหลังนี้ใช้เป็นโรงเรียนอนุบาลไปแล้ว ประวัติโรงเรียน
โรงเรียนสายธรรมจันทร์ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2452 โดยหลวงช้อย สุนทโรดม ได้บริจาคเงินสร้างโรงเรียน 1 หลัง ในที่ดินของวัดโชติทายการาม ทางราชการตั้งชื่อว่า โรงเรียน ช.สุนทโรดม เปิดสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูใหญ่ชื่อ ขุนโสตะระศึกษากร
ในปี พ.ศ. 2482 นายแม้น อรจันทร์ นายอำเภอดำเนินสะดวก นายธำรง สายะสนธิ ศึกษาธิการอำเภอดำเนินสะดวกและท่านเจ้าคุณธรรมวิรัติสุนทร เจ้าอาวาสวัดโชติทายการาม ได้ร่วมกันดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ ในที่ดินของวัดโชติทายการามซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารเรียนหลังเดิม ลักษณะเป็นอาคารไม้สัก 2 ชั้น มีมุข 2 มุข ขนาด 10 ห้องเรียน สิ้นค่าก่อสร้าง 17,562.40 บาท ขนานนามตามอักษรชื่อสกุลและคำแรกสมณศักดิ์ของผู้เริ่มดำเนินการว่า สายธรรมจันทร์ นายประยูร ภมรมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มาเป็นประธานเปิดป้ายอาคารเรียนใหม่เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2482
สมัยปรับปรุง ปีงบประมาณ 2514 ได้งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 216(รวม 16 ห้องเรียน) ห้องน้ำห้องสุขานักเรียนและบ้านพักครู ซึ่งสร้าง ณ สถานที่แห่งใหม่หน้าวัดอมรญาติสมาคม บนเนื้อที่ 24 ไร่ 3 งาน 75 ตารางวา และปีงบประมาณ 2516 ได้งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 216 หลังที่ 2(แต่สร้างได้เพียง 10 ห้องเรียน) ห้องน้ำห้องสุขาและบ้านพักครู ปีการศึกษา 2516 ได้ย้ายนักเรียน ม.ศ. 1 มาสถานที่แห่งใหม่เป็นปีแรก ปีการศึกษา 2517 ได้ให้นักเรียนชั้น ม.ศ. 1 และ ม.ศ. 2 เรียน ณ ที่แห่งใหม่ ส่วน ม.ศ. 3 ให้เรียนแห่งเดิม ปีการศึกษา 2518 เริ่มเปิดสอนชั้น ม.ศ. 4 (ม.ศ.ปลาย) เป็นปีแรกและให้จัดนักเรียนชั้น ม.ศ. 1 และ ม.ศ. 2 เรียนสถานที่แห่งใหม่ ส่วนชั้น ม.ศ.3 และ ม.ศ. 4 เรียนสถานที่เดิม ปีการศึกษา 2519 กระทรวงศึกษาธิการอนุมัติให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนจากโรงเรียนดำเนินสะดวก สายธรรมจันทร์ เป็นโรงเรียนสายธรรมจันทร์ (ข้อมูลจากเว็บไซค์ของโรงเรียน)
ผมเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้ในปี พ.ศ. 2514-2516 สมัยนั้นเป็นชั้นมัธยมปีที่ 1-3 เป็นโรงเรียนประจำอำเภอที่มีคุณภาพ คนในละแวกนั้นหรือตำบลใกล้เคียงส่งลูกหลานเข้ามาเรียนกันที่นี้ แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ตาม รถยนต์ยังเข้าไม่ถึง บ้างเดินมา บ้างนั่งเรือ หรือนั่งรถแล้วมาต่อเรือเมล์
ทุกปีจะมีการสอบคัดเลือกเด็กที่จบประถมปีที่ 7 เข้าเรียนชั้น ม.ศ. 1 ใครสอบเข้าได้ออกจะภูมิใจไม่น้อย และที่หวังยิ่งไปกว่านั้น หลายคนอยากได้รับการคัดไปเป็นเด็กห้องเก่ง ชั้น ม.ศ. 1ในสมัยนั้นยังเรียกห้องเด็กที่สอบได้คะแนนดีว่าห้อง ก. ผมก็หวังเช่นกัน แต่ไม่เป็นดังคาด ผมถูกจับคละกับเด็กสติปัญญาปกติ หาใช่เด็กอัจฉริยะไม่
เด็กชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งมีทั้งหมด 7 ห้อง ไล่เรียงกันตั้งแต่ ก ข...จนถึง ช ตลอดเวลาที่เรียนที่นี่ 3 ปี ไม่เคยถ่ายรูปหมู่ ไม่เคยถ่ายรูปกิจกรรมใดๆอะไรเลย มีเพียงรูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมแว่นเพียงภาพเดียวไว้ติดใบสุทธิตอนเรียนจบ ภาพในครั้งกระนั้นจึงอยู่เพียงในความทรงจำ
ภาพๆหนึ่งที่ผมยอมรับว่าไม่ค่อยชัดเจน จนผมต้องเที่ยวถามเพื่อนๆในรุ่นนั้นว่าภาพที่ถูกต้องคืออะไร ผมมักถามเพื่อนว่าโรงเรียนเรามีห้องอาหารหรือไม่ ถ้ามี อยู่ที่ไหน ผมจำได้เพียงหอประชุมใหญ่ ที่ไม่ค่อยได้ใช้ประชุม จำได้เพียงเลาๆว่าพวกเรามักเอาข้าวกล่องไปกินกันที่หอประชุมตอนพักเที่ยง เคยมีร้านข้าวหมูแดงขายในนั้นด้วย น้ำราดข้าวหมูแดงสีสดน่ากิน สูตรนี้ไม่เหมือนที่ขายทั่วไปในปัจจุบัน ข้าวหมูแดงเป็นอาหารที่ผมอยากลิ้มรสมาก ราคาเพียงจานละ 2 บาท แต่เงินค่าขนมของผมวันละ 1 บาท ต้องอดออมเอา บางวันจึงได้ลิ้มลอง สมัยนั้นได้เงินน้อยไม่ได้หมายถึงว่าขัดสน เพียงแต่ทางบ้านหลงลืมขึ้นค่าขนมมาหลายปี เรียนที่นี่ 3 ปี ผมจำข้าวหมูแดงสูตรน่ากินได้ดีที่สุด
ขนมหวานที่เรือนไม้ของภารโรง ลูกสาวลูกชายช่วยกันขายตอนพักเที่ยง ร้านนี้ตรงข้ามกับหน้าต่างของชั้น ม.ศ. 3 ที่หนุ่มๆมักจะเฝ้าแอบมองสาวๆกันที่นี่ ท่าน้ำหลังโรงเรียน มีก๋วยเตี๋ยวจากเรือพายมาจอดบริการนักเรียน แบบธรรมดา ราคาชามละ 1 บาท ถ้าพิเศษราคาชามละ 6 สลึง แม่ค้าจะลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 2 ครั้ง 2 กำมือ หนักเส้นเข้าว่า เติมเครื่องกันอย่างเข้มข้น เค็มจัด เปรี้ยวจัดกันไปเลย
ผมเห็นบาร์คู่อยู่ในห้องประชุม มันตั้งแอบๆไว้ ไม่เคยใช้สอนในวิชาพละ ผมเข้าใจว่าอันตรายเกินไปที่ครูจะสอนวิชาพวกนี้ ผมเคยเห็นเพื่อนคนหนึ่งมันชอบเข้าไปเล่นอย่างเชี่ยวชาญ ผมจำท่าของมันเอาไปแล้วหาเวลาปลอดคนไปเล่น เคยทำท่าเอาตัวรอดจากบาร์ข้างหนึ่ง ให้ข้ามอีกข้างหนึ่งจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น โชคดีที่ไม่เป็นอะไร
วันหนึ่งผมชวนเพื่อนไปเล่นบาร์คู่ เพื่อคนนี้มีรูปร่างแข็งแรง ทำท่าแกว่งไปมา แขนตรงบนบาร์คู่ สักพักได้เรื่อง มันตกลงมาจมูกกระแทกพื้น ได้รับบาดเจ็บ ผมพาเพื่อนไปส่งโรงพยาบาล เพื่อนๆและครูไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นคนชวนเพื่อนคนนี้ไปเล่นบาร์คู่ ยกเว้นผม
ดาวดังของโรงเรียน ใครๆก็อยากเป็น แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันง่ายๆ ต้องมีคุณสมบัติบางอย่างที่ต้องตาครู เช่น ช่างเจรจา เรียกง่ายใช้คล่อง เรียนค่อนข้างใช้ได้ เขามักจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชั้น หรือถ้าไม่ได้รับตำแหน่งนี้ ก็ได้รับสิทธิ์ไปร่วมกิจกรรมเด่นๆ เช่น เข้าค่ายลูกเสือนานาชาติ ผมไม่มีคุณสมบัตินั้นเลย อย่างดีก็เป็นได้แค่รองหัวหน้าหมู่ลูกเสือ
เรื่องบางเรื่องไม่น่าจดจำ แต่ชอบจำแบบขำๆ ผมเคยเข้าห้องสอบวิชาคณิตศาสตร์ช้าไปสิบนาที ขณะที่ผมกำลังเดินไปที่โต๊ะนั่งสอบ มีฝ่ามืออรหันต์ปลิวมากระแทกหลังของผมจนเซถลา หัวใจเริ่มเต้นแรงและถี่ๆ งงอยู่พักหนึ่ง ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เข้าห้องสอบช้า มีเพื่อนๆเข้ามาช้ากว่าผมอีก 3-4 คน โดนฝ่ามือลี้กิมฮวงเสมอภาคกันหมด ผมเริ่มยิ้มที่มุมปาก เราไม่อายคนเดียว หน้าตาของเพื่อนๆตื่นตระหนก บิดตัว ตกใจ เมื่อตั้งสติได้ จึงเดินอย่างนุ่มนวลราวกับนักย่องเบาไปที่นั่งสอบ เงียบและไม่มีเสียงพูดจากเจ้าของฝ่ามือนั้น คงไม่ต้องบอกนะครับว่าวันนั้นทำข้อสอบกันได้หรือไม่
ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชั่วโมงวิทยาศาสตร์ มีการบ้านให้นักเรียนไปทำผลึกสารส้มที่บ้าน โดยเอาเกล็ดสารส้มเลี้ยงในสารละลายจนอ้วนพีแล้วเอามาส่งครู มีผมคนเดียวที่ทำได้ลูกใหญ่ที่สุด ส่วนลูกเล็กๆเพื่อนๆหยิบคนละหมุบคนละหมับ ผมคิดวิธีการเอง นั่นคือ ต้มสารส้มสักพักปล่อยให้เย็นเอง ข้ามคืนก็ได้ผลึกนอนก้น รูปร่างยังไม่ได้ เป็นเพียงแผ่นแบนๆ เอาผลึกนี้ผูกเชือก วันต่อมา เคี่ยวสารส้มอีก แล้วเอาผลึกที่ผูกเชือกนั้นแขวนในแก้วที่มีสารส้มที่เคี่ยวแล้ว แค่คืนเดียวก็ได้ผลึกลูกโต ผลงานของผมเป็นที่ฮือฮามาก ใครๆก็มาขอดู
วันที่ตื่นเต้นที่สุด เห็นที่จะเป็นวันที่ได้อัญเชิญธงชาติตอนเช้า มีคนถือพานคนหนึ่ง อีกคนเป็นคนผูกเชือก ใครได้ทำหน้าที่นี้ถือว่าเป็นเกียรติมาก เมื่อเวรผมมาถึง ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เพียงเป็นแค่คนถือพานรองธงชาติ ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกเช้าจะมีการร้องเพลงชาติและสวดมนต์
ถ้าจะว่าไปแล้วในจำนวนนักเรียนหลายร้อยคน ผมจำรายละเอียดที่พอจะเล่าได้เพียง 3-4 คนเท่านั้น อย่างเด็กสาวลูกครึ่งไทยจีน ผิวขาวผ่องนวลงาม หน้าตาไม่มีไฝฝ้า ผมไม่เคยลืมภาพเหตุการณ์เกี่ยวกับเธอคนนี้ วันหนึ่งในชั่วโมงภาษาไทย เธอไม่ได้ทำการบ้างส่งครู โดนทำโทษครับ ให้ทำท่าเดินเป็ดที่หน้าชั้นต่อหน้านักเรียนชายหญิงทั้งห้อง (ท่างนั่งยองๆเอามือสอดใต้เข่าทั้ง 2 ข้าง แล้วเดินไปทีละก้าว) เด็กสาวที่อยู่ในวัยกำลังรักสวยรักงาม ถูกทำโทษแบบนั้น ผมรู้สึกสงสารจับใจ ผมไม่รู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร หรือใครเข้าไปปลอบใจเธอบ้าง
ระหว่างสอบเป็นโอกาสที่ดีของผมเพราะได้นั่งใกล้เด็กสาวหน้าตาดี เลขที่นั่งสอบของผมเป็นคนสุดท้ายของนักเรียนชาย ต่อด้วยเลขที่ของนักเรียนหญิง เธอคือผู้หญิงคนแรกที่นั่งต่อหลังของผมเป็นประจำ หน้าตาน่ามอง จิ้มลิ้ม รูปร่างเล็กกระทัดรัด ผิวขาว ตาคมวาว ผิดแผกจากเพื่อนๆ ราวกับมาจากดาวดวงอื่น กล้าพูดกล้าแสดงออกมากกว่าสาวพื้นบ้าน เป็นผู้นำในการแสดงละครทุกครั้ง ราวกับเคยเป็นครูสอนนาฏศิลป์มาก่อน งานใหญ่ของโรงเรียนเราไม่มีงานใดเกินงานเลี้ยงรุ่นพี่ที่เพิ่งจบออกไป โดยมีน้องๆจัดการแสดงให้ชม เธอจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการฝึกทั้งรำไทยรำเทศให้กับเพื่อนๆ
อีกคนหนึ่งเป็นเด็กสาวมาจากโรงเรียนชั้นประถมที่เดียวกัน เป็นสาวหน้าตาดี รูปร่างสมส่วน ผิวเข้ม คมขำ ชาวสวนขนานแท้ พบกันครั้งแรกเมื่อผมเรียนชั้น ป.4 เธอเรียนลัดกับผู้ช่วยครูใหญ่ สอนกันตัวต่อตัว ป.1-4 ในปีเดียว ผมไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่หายไป เธอไปอยู่ไหนมา พอขึ้นชั้น ป. 5 เราจึงได้เรียนห้องเดียวกัน ขณะที่เธอเป็นสาวแล้ว แต่ผมตัวยังเล็กกระเปี๊ยก เมื่อผมและเธอเข้าเรียนเรียนชั้น ม.ศ. 1 ผมก็ยังโตไม่ทันอยู่ดี ทั้งที่สาวเจ้ารูปร่างไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ชื่อของเธอเป็นไทยๆ ถ้าเติมคำว่าคุณนายเข้าไป ทุกคนคงคุ้นหู แม้ว่าบ้านของเธอจะอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก แต่ก็นั่นแหละ ไม่เคยคุยกัน แต่ภาพการมีชีวิตของเธอในวัยนั้น เดี๋ยวนี้ก็ยังนึกได้ เป็นสาวรุ่นสำหรับผมที่อยู่ในความทรงจำและไม่เคยร่วงโรยเลย
เพื่อนทั้ง 3 คนที่ผมนึกได้นี้ ไม่ใช่เด็กเรียน การเรียนของพวกเธอมักจะอยู่กลางๆค่อนมาทางท้ายๆ และไม่ใช่ห้องเด็กคัดหรือเคยอยู่ห้อง ก. คนที่ได้ที่โหล่ของห้อง ก. จะได้คะแนนใกล้เคียงกับนักเรียนที่เรียนเก่งที่สุดของห้องอื่นๆอีก 5-6 ห้อง ถ้าจัดอันดับผลการสอบทั้งโรงเรียนแบบสมัยนี้ละก็ ผมเชื่อว่าเพื่อนสาวทั้ง 3 คนของผมคงอยู่ในอันดับท้ายๆของโรงเรียน ไม่ใช่ไม่มีความสามารถ เธอเด่นในเรื่องอื่นที่ไม่มีในหลักสูตร อย่างน้อยก็สะดุดตา ทำให้ผมจำได้มาถึงทุกวันนี้
แม้จะเป็นโรงเรียนสหศึกษา แต่ไม่ค่อยมีเรื่องเสียหาย เด็กหญิงกับเด็กชายที่เริ่มเป็นหนุ่มสาว ไม่ค่อยสุงสิงกัน อย่างมากแค่แอบมอง ทั้งปีทั้งชาติไม่ค่อยได้คุยกัน ส่วนใหญ่ตั้งอกตั้งใจเรียน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจบออกไปแล้วจะไปทางไหน อย่างไร
Create Date : 11 กันยายน 2554 |
Last Update : 13 ตุลาคม 2556 21:52:55 น. |
|
9 comments
|
Counter : 3117 Pageviews. |
|
|
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ
เป็นเรื่องราวเล่าจากความทรงจำของ จขบ. ที่อ่านแล้วประทับใจดีครับ
เค้าว่ากันว่า ... ความทรงจำในวัยเด็กเป็นความทรงจำที่จะอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราตลอดไปครับ
ในสัยผมเรียนมัธยมผมก็มีความทรงจำที่ดี ๆ กับเพื่อน ๆ เยอะเหมือนกันครับ แต่ว่าผมเรียนโรงเรียนชายล้วนมา 6 ปีเต็ม ๆ เลยครับ วีรกรรมของผมเลยอาจจะแพลงกว่าก็เป็นได้ครับ
เพิ่งจะทราบนะครับว่า จขบ. เป็นคนดำเนินสะดวก วันนี้ผมเพิ่งไปมิตติ้งเจอพี่สาวคนหนึ่งก็คือ พี่น้อย(newyorknurse) เค้าก็เป็นคนดำเนินสะดวกเหมือนกันครับ พี่เค้าไปทำงานอยู่ที่อเมริกามา 40 เป็นพยาบาลครับ วันนี้ได้กลับมาเยี่ยมเมืองไทยเลยมีโอกาสได้เจอกันครับ
อิอิ