Group Blog
 
 
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
โรงเรียนวิชิตผดุงศึกษา



เมื่อ 40-50 ปีมาแล้ว โรงเรียนวิชิตผดุงศึกษา เป็นโรงเรียนเอกชนที่ใครๆก็รู้จัก อยู่ที่อำเภอดำเนินสะดวก สอนตั้งแต่ ชั้นอนุบาลถึงประถมปีที่ 7 พ่อแม่ผู้ปกครองนิยมส่งลูกหลานไปเรียนกันมาก ครูที่นี่เอาใจใส่เด็กๆ เป็นอย่างดี แต่ดุมากๆ ดุจนเด็กไม่กล้าลุกไปไหนถ้าไม่จำเป็น บางส่วนของโรงเรียนใช้พื้นที่ของโรงเจกั้นเป็นห้องเรียน จะคืนพื้นที่ในช่วงกินเจราว 10 วัน

ชุดนักเรียนสมัยนั้นไม่เปลืองเลย เด็กผู้ชายจะใช้กางเกงทนมาก หากตัดเย็บด้วยผ้าอย่างดี ผู้เขียนนุ่งกางเกงตัดด้วยผ้าเสิร์ท ใช้ตัวเดียวตั้วแต่ ป.1-4 กับเสื้ออีก 2-3 ตัวเท่านั้น เงินไปกินโรงเรียน 1 บาท ตั่งแต่ ป.1-7 วันไหนไม่ได้เอาเงินไป ทางบ้านต้องเอามาให้ หรือฝากเด็กอื่นๆมาที่หลัง ไม่มีเงินเท่ากับอดอาหารกลางวันกันเลย ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้ นมโรงเรียนก็มี อาหารกลางวันไม่ต้องห่วง

เรื่องกระเป๋านักเรียนนี่ก็นิยมใช้รูปทรงเหมือนๆกัน ในยุคนั้นมีกระเป๋าเชือกรูด น่าจะเรียกว่ากระเป๋าหูรูด สะพายหลังได้ แต่ไม่เคยเห็นใครสะพายหลังอย่างเด็กสมัยนี้ เราใช้สะพายบ่ากันมากกว่า หรือหิ้วเหมือนถุงใส่ของ ที่นิยมอีกแบบหนึ่งคือ กระเป๋ายี่ห้อ "แพนแอม" เป็นชื่อของสายการบินหนึ่ง รูปลักษณ์สี่เหลี่ยม มีซิบรูดที่ด้านบน ใส่หนังสือแล้วไม่ยับ รู้สึกจะใช้กันทั้งอำเภอ ทุกโรงเรียน


เด็กน้อยทำการบ้าน เห็นกระเป๋าแพนแอมข้างๆ


เด็กที่อยู่ใกล้โรงเรียนจะเดิน หรือพายเรือมา ส่วนคนบ้านไกล เดินมาไม่ได้เดี๋ยวตกน้ำตกท่าก่อนถึงโรงเรียน เด็กจะมาโรงเรียนทางเรือหางยาว เรือหางยาวมี 2 ลำ เรือลำแรกชื่อ "ใจเดียว" ขับเรือโดยลุงมวน อีกลำชื่อ "รุ่งเรือง..." นึกชื่อเต็มไม่ออก วิ่งตั้งแต่ต้นคลองมอญ ลัดเลาะไปในคลองเล็กๆ หลังเจตั้ว ไม่รู้ทำไมเรือหางยางไม่วิ่งไปตามลำคลองใหญ่ๆ อย่างคลองลัดพลี ไปออกคลองดำเนินสะดวก หรือกลัวเรือล่ม?

การนั่งเรือ เด็กๆ หันหน้าชนกัน เหมือนนั่งยองๆ จึงบรรจุเด็กตัวเล็กๆได้อย่างแน่นขนัด แบ่งเป็น 3 ช่อง คือ ช่องหัว ช่องกลาง และช่องท้าย ทุกคนจะนั่งประจำที่ตัวเอง พวกหัวโจก หรือผู้ชายจะนั่งช่องหัว เผื่อเวลาเรือเลี้ยว จะต้องช่วยกันดึงกิ่งไม้ข้างคลองไม่ให้หัวเรือเปะไปอีกข้าง ดึงกันได้ทุกวันตอนจะเลี้ยวซ้ายก่อนถึงโรงเรียน ในช่วงประถมปลาย เรือเริ่มติดที่นั่งแล้ว นั่งกันสบายขึ้น แต่จุเด็กได้น้อยลง

ช่วงเช้าเข้าแถวที่สนามหญ้าที่มีหญ้าขึ้นตามมีตามเกิด ตากแดดจนเหงื่อไหลไคลย้อย หากฝนตกก็ไปเข้าแถวบนระเบียง บางวันก่อนขึ้นห้องเรียนจะได้ยินครูประกาศให้เก็บขยะใต้ถุนโรงเรียน เด็กบางคนกลุ่มก็ไปนั่งคุยกันไม่ทำอย่างครูบอก บางคนก็เชื่อฟัง เก็บขยะกันจนพื้นดินใต้ถุนโรงเรียนสะอาด แต่มือนักเรียนสกปรก สำหรับการทำความสะอาดห้องเรียน จะมีการแบ่งเวรกันทำงาน 5 กลุ่ม เป็นเวรตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ พวกเด็กผู้ชายมักเอาเปรียบ ไม่ค่อยจะกวาดถูพื้นกับเขา บางทีเราก็ทำความสะอาดแข่งกับห้องอื่น พิ้นเป็นมันเลื่อม จนไม่กล้าเดินที่เดียว

ช่วงประถมต้น เด็กๆจะชอบวิ่งกันอย่างสับสนอลหม่าน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเจออุบัติเหตุ เรื่องที่มักเกิดบ่อยๆคือ วิ่งชนกัน ผู้เขียนก็เคยวิ่งไปชนเด็กผู้หญิงอย่างจัง หน้าของทั้งสองจะปะทะกันอย่างแรง ล้มไปคนละทาง มึนไปสักพัก แล้ววิ่งต่อได้ เหมือไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เด็กๆมักหิ้วปิ่นโต 2-3 เถาไปโรงเรียน ช่วงพักเที่ยง กินกันในห้องเรียนนั่นเอง ห้องอาหารไม่มี น้ำดื่มก็มีน้ำแบบพุ่งจากก๊อกน้ำ 3 หัว กินกันทั้งโรงเรียนจากเจ้า 3 หัวนี่ ส่วนมากกินข้าวเลร็จแล้ว น้ำไม่ค่อยได้กิน เด็กบางคนพ่อแม่รอบครอบก็จะมีกระติกน้ำติดตัวมาด้วย หากไม่ได้เตรียมข้าวกลางวันไป ก็กินก๋วยเตี๋ยวน้ำ ผัดไทย นั่งตามขั้นบันได หรือยืนกิน อย่าหวังโต๊ะนั่งอย่างสมัยนี้

เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าชอบกินมันเทศต้ม มันบอกว่าถูกและอิ่มนาน เด็กๆสมัยนั้นมักมีความหิวเป็นเจ้าเรือนเสมอ อาหารเช้าไม่ค่อยได้กิน กลางวันได้กินนิดหน่อย ผู้เขียนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งๆที่ท้องถิ่นเราไม่ได้แคลนอาหาร อำเภอของเราเป็นแหล่งผลิตอาหารขนาดใหญ่ป้อนคนเมืองหลวง อย่างพืชผัก ผลไม้มีชื่อระดับประเทศ พริกหอม กระเทียม เป็นต้น แต่เด็กๆที่นี่กลับรู้สึกท้องว่างอยู่เป็นนิจ

พักกลางวัน โรงเรียนนี้ไม่มีห้องอาหาร จะมีคุณยายคุณป้านั่งขายอาหารหรือขนมขบเคี้ยวแบกะพื้น ที่จำได้แม่นยำคือกลิ่นของอาหารกลางวันจะตลบอบอวล กลิ่นนี้ไม่เคยลืม ยังจำได้ถึงวันนี้ ขนมก็จะเป็นของหลอกเด็กซะส่วนมาก ท้องไส้เสียกันเป็นประจำ เรามีประชุมทุกชั้นเรียนในเย็นวันศุกร์ ใช้โรงเจเป็นห้องประชุม คุณครูจะใช้เวลาอบรมนักเรียนทั้งหมดกันที่นี่ หลังจากนั้น จะมีการสวดมนต์กันอย่างพร้อมเพียง นักเรียนชั้นโตๆ จะเป็นคนนำสวด

ว่าด้วยเด็กเกเร อย่างน้อยแต่ละโรงเรียนก็ต้องมีบ้าง ครั้งหนึ่งมีการชกกันอย่างลูกผู้ชาย ระหว่าง ด.ช. หนับนักเลงโตชั้น ป.7 กับ ด.ช.สุพจน์ สุพจน์ตอนนั้นน่าจะอยู่ชั้น ป. 5 หรือ 6 สุพจน์รูปร่างเล็กกว่ามาก แต่ใจสู้ โดนชกสะบักสะบอม ส่วนนักเลงคนอื่นๆ มักแสดงออกด้วยเสียงดังมากกว่า ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือกัน

กลุ่มเด็กที่ได้รับการเอาอกเอาใจเป็นพิเศษจากครู จะเป็นเด็กที่เรียกง่าย ใช้คล่อง หัวอ่อน จะได้คะแนนสงสารไปด้วย แล้วยังได้รับความไว้วางใจจากครูช่วยตรวจข้อสอบของเพื่อนๆด้วย นั่นได้สร้างรอยร้าวให้แก่เด็กๆโดยไม่รู้ตัว เด็กกลุ่มหนึ่งน้อยใจ เรียนอย่างไรก็คะแนนสู้เด็กที่ใกล้ชิดครูไม่ได้ เมื่อจบจากโรงเรียนนี้แล้ว ไปต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ พวกที่น้อยเนื้อต่ำใจถึงกับกล่าวว่า นี่เป็นโอกาสของเขาที่จะใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ซะที




เด็กๆมักจะได้รับการประเมินความสามารถต่ำจากครู หรือว่าครูไม่มั่นใจในการสอนของตัวเอง ครูมักจะหาโอกาสช่วยลูกศิษย์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อย่างการสอบประถมปีที่ 6 ครั้งหนึ่ง ครูประจำชั้น มีเวลาสอนน้อย ป่วยบ่อยๆ การพิมพ์ข้อสอบให้เด็กทำไม่ทัน ท่านใช้วิธีอ่านคำถามแต่ละข้อ ให้นักเรียนเลือกข้อที่ ก ข ค และ ง ครูจะอ่านเน้นเสียงหนักแน่นในข้อที่ถูก นักเรียนฟังแล้วเข้าใจโดยไม่ต้องมีการนัดแนะ

โรงเรียนกับโรงเจหาแยกออกจากกันไม่ เมื่อถึงเทศกาลกินเจ โรงเจต้องการพื้นที่ไว้รับรอบผู้ถือศีลกินเจ ชั้นเรียน ป. 2-3 และ ป.7 จะต้องไปกั้นห้องเบียดเสียด กับพวก ป.4 ราว 9 วัน หายใจหายคอแทบไม่ออก อาคารเรียนที่เป็นของโรงเรียน จึงมีเพียงอาคารชั้นเดียวของชั้น ป.1 และอีกอาคารที่สร้างใหม่ (ประมาณ พ.ศ. 2510) ใช้เรียน ชั้น ป. 5-6-7

สมัยนั้นห้องน้ำไม่มี มีแต่ห้องส้วม ใช้ของโรงเจนั้นเอง ห้องส้วมสร้างแบบไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เป็นกำแพง 4 ด้านก่อจากพื้น สูงราว 1.5 เมตร กว้างยาวเท่ากันราว 4 เมตร เหนือกำแพงแบ่งเป็นห้องส้วม 6 ห้อง ไม่มีประตู มีคอกกั้นสูงแค่หน้าอกเวลานั่ง ยังดีที่มีหลังคา ไม่ได้ใช้คอห่าน มีเพียงไม้พาด 2 อัน ถ่ายแล้ว มันจะไปรวมกันแยกไม่ออก น้องสาวของผู้เขียนจะอั้นฉี่ทั้งวัน ไม่ยอมเข้าห้องส้วมนี้เลย ส่วนเด็กผู้ชายสะดวกมากก็ยืนแอ่นๆ แถวนั้น ส่วนอุจจาระ ถ้าไม่ถ่ายท้อง หรือท้องร่วงละก็ ไม่มีใครอาจหาญไปถ่ายทุกข์แน่ๆ

การเก็บเงินค่าเล่าเรียน แบ่งเป็น 3 เทอม เทอมละประมาณ 200-300 บาท คุณครูจะอาศัยช่วงปิดเทอมลงเรือหางยาวแวะไปตามบ้านของลูกศิษย์ ผมจะหลบประจำ อายครู ไม่กล้าไปนั่งเสนอหน้า เด็กๆสมัยนั้นกลัวครูยิ่งกว่าหนูกลัวแมว แถมขี้อายมาก เรียนมาตั้ง 7-8 ปีเคยคุยกับครูนับครั้งได้ ท่านทั้งหลายดุกันอย่างกับราชสีห์

การเป็นครูโรเรียนราษฎร์ ไม่ค่อยมั่งคง มาสอนโรงเรียนเอกชนเพื่อรองานราชการ คุณครูมักมองหาที่ไปกันหลายคน บางท่านไปสอบแข่งขั้นได้เป็นครูโรงเรียนของรัฐก็รอดตัวไป

โรงเรียนนี้เลิกกิจการไปเมื่อ พ.ศ. 2517



ภาพนี้ถ่ายเมือปี พ.ศ. 2512 นักเรียนชั้นประถมปีที่ 5 ข.

แถวยืน
1. ด.ช.เป๋งซ้ง..........ลูกจีน อยู่คลองดำเนินฯ หรือคลองใหญ่ ตอนเรียนชั้นประถม 7 นั่งโต๊ะติดกันกับผม เพื่อนที่ใกล้ชิดแบบนี้ บางที่ก็สร้างความปั่นป่วนที่อธิบายได้ยาก

2. ด.ช.ไพริน...........เรียนไม่ค่อยเก่งในสายตาเพื่อนๆ

3. ด.ช.ดำรงค์.........บ้านเป็นโรงเลื่อยอยู่ใกล้วัดโชติทายการาม ใครๆก็รู้ว่าอนาคตเถ้าแก่โรงเลื่อยแน่ๆ เขาต้องพกเงินมาโรงเรียนเกินกว่าค่าอาหารกลางวันเสมอๆ เพราะมีรายจ่ายจำเป็นเกือบทุกวันที่บอกทางบ้านไม่ได้

4. ด.ช.สุวรรณชัย.....เขาเกเรตามประสาเด็กๆ แต่ครูไม่มองอย่างนั้น เป็นเหยื่อไม้เรียวจนชินชา ผมสงสารเขาในเหตุการณ์วันหนึ่ง ในชั้นประถมปลาย ที่เขาถูกทำโทษ มีการจัดเตรียมไม้เรียว ยกโต๊ะเก้าอี้ออก ให้มีเนื้อที่กลางห้องเรียนเป็นวงกลม เพื่อไม้เรียวจะได้วาดเป็นวงกว้างก่อนและหลังไม้เรียวกระทบก้น ทีเดียว ครั้งเดียว แต่แรงมาก พิธีกรรมแบบนี้น่าจะสาบสูญไปแล้ว

5. ด.ช.วุฒินันท์........เขามักน้ำตาไหลได้ง่ายๆ หรือสะเทือนใจได้ง่ายๆ เด็กสมัยก่อนถ้าไม่สู้คน มักโดนรังแกเป็นประจำ

6. ด.ช.ประเสริฐ.......ท่าทางเหมือนนักเลง แต่ไม่ใช่ เมื่อใกล้ชิดแล้วก็พบว่าเขาไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร

7. ด.ช.สุรศักดิ์.........รูปร่างสูงใหญ่ ลูกจีนขนานแท้ เสียงดัง บ้านอยู่แถวคลองทองหลาง มักเห็นขายข้าวแกงช่วงกินเจ ไม่เจอเขาตอนเรียนชั้นมัธยม ไม่รู้หายไปไหน

8. ด.ช.สุพจน์ .........ลูกเจ้าของโรงพิมพ์แห่งเดียวที่ทันสมัยที่สุดของดำเนินฯ ชอบต่อสู้ บู้ล้างผลาญ ผมเคยไปเที่ยวบ้านเขา มีโอกาสขึ้นไปชั้นบนด้วย ไม่ใช่ใครๆก็ขึ้นไปได้ ถ้าไม่สนิทกันจริง

9. ด.ช.วิชัย............เป็นหัวหน้าชั้นบ่อยๆ อยู่คลองลัดพลี

10. ด.ช.น้อย..........เขาเป็นนักการค้าแต่เล็กๆ มีแววจะเป็นนักขายมือหนึ่ง เขาเคยบอกว่าชอบพูดมากกว่าชอบอ่าน อยู่คลองลัดพลี

11. ด.ช.ไพฑูรย์......ชอบประดิษฐ์ของแปลกๆ ทำให้ฮือฮาเสมอๆ อยู่คลองลัดพลี

12. ด.ช.ประพาส.....ลูกข้าราชการ เสียงดังฟังชัด เขาน่าจะย้ายมาจากถิ่นอื่น ไม่คุ้นเคย เพราะไม่มีประวัติในวัยเด็กร่วมกัน

แถวนั่ง
1. ด.ญ.นงเยาว์.......ตัวเล็กๆ สอบได้ที่ 1 ตลอด ไม่รู้ว่าที่บ้านเลี้ยงด้วยอะไร  ครั้งหนึ่ง เขียนคำภาษาไทยยากๆบนกระดานดำจนหลายๆคนทึ่ง ผมอยากเรียนเก่งแบบนี้บ้าง เธอเดินมาโรงเรียนผ่านสวนหลังโรงเจ อยู่ไม่ไกลนัก เพื่อนๆ มักไปเที่ยวบ้านเธอเสมอ ถ้าเป็นกลางคืน ผมไม่กล้าเดินแน่ ผมกลัวความมืด

2. ด.ญ.นารีรัตน์......รูปร่างแข็งแรงเหมือนสาวจอมพลัง บึกบึน แต่ผมไม่เคยมีปัญหาให้เธอช่วยสักครั้งเดียว

3. ด.ญ.รัตนา.........ท่าทางคงแก่เรียน บ้านของเธออยู่ติดโรงเรียน ตอนพักเที่ยง เดินไปกินข้าวที่บ้านได้สบายๆ โรงเรียนก็เหมือนสนามวิ่งเล่นข้างบ้าน

4. ด.ญ.วรนุช........อยู่คลองมอญ รูปร่างสูงโปร่ง เงียบๆ มาโรงเรียนเท้าเปล่าอยู่เสมอ ไปโรงเรียนในเรือหางยาวลำเดียวกัน ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.ศ. 2 เราเรียนห้องเดียวกันอีก เธอเป็นคนตั้งใจ และเรียนเก่ง เสียดายที่ไม่เคยคุยกัน หลังเรียนจบมอต้นแล้ว ไม่ได้พบกันอีกเลย

5. คุณครูลัดดาวัลย์...ครูประจำชั้น สอน 2 ปีซ้อน ลูกศิษย์ห้องเดิม ป. 4-5 เหตุเพราะลูกศิษย์ติดครู หรือครูอยากสอนลูกศิษย์ต่อ หรือเป็นทั้งสองอย่าง ก็ไม่ทราบได้ รู้แต่ว่าเมื่อขึ้น ป. 5 ครูไม่ค่อยทำโทษเด็กแล้ว แต่ใช้วิธีอื่นแทน ซึ่งเด็กชายดำรงค์จะรู้ดี แต่ยังมีการดึงหูบ้าง ตีมือด้วยแปรงลบกระดานบ้างเป็นครั้งคราว ที่จำได้เพราะผมเคยโดนทั้งสองอย่าง อายเพื่อนจนหน้าแดงเชียว

6. คุณครูสุรีย์..........ผู้ช่วยครูใหญ่ ท่านประจำที่ห้องพักครูและขายเครื่องเขียนด้วย เคยเห็นท่านสอนเด็กตัวต่อตัวเพื่อให้ข้ามชั้นไปเรียน ป. 5

7. ด.ญ.ซ่อนกลิ่น.....มาเรียนตอนโตแล้ว ป. 1-4 เรียนปีเดียวขึ้น ป.5 เลย เรียนตัวต่อตัวกับครูสุรีย์ เธอเป็นสาวแล้วขณะที่เด็กผู้ชายในห้องยังตัวกระเปี๊ยก กว่าจะโตทันต้องต่อให้อีกหลายปี

8. ด.ญ.ปัทมา.........หญิงแกร่งทำงานได้สารพัด ปกป้องเด็กผู้ชายได้ หน้าน้ำท่วม ครูมักใช้เธอไปเฝ้าเด็กชายที่ไปห้องน้ำตามลำพัง บางทีต้องไปยืนคอยที่หน้าห้องน้ำจนกว่าจะเสร็จกิจ เธออาจเรียนไม่เก่งนัก แต่ในสายตาของผมนั้น น่านับถือน้ำใจของเธอจริงๆ

9. ด.ญ.กัลยาณี.......ผิวขาว รูปร่างท้วมๆ ยังจำซุ่มเสียงของเธอได้ แต่จำไม่ได้ว่าเคยคุยกันหรือไม่ หากย้อนเวลาได้ อยากกลับไปคุยด้วย

10. ด.ญ.เสาวนีย์.....อยู่คลองมอญ บ้านปลูกส้มเขียวหวาน เป็นครอบครัวชาวสวนขนานแท้ เป็นลูกชาวสวนเหมือนกัน ไปโรงเรียนในเรือหางยาวลำเดียวกัน เธอค่อนข้างรู้พฤติกรรมของผมมากกว่าคนอื่น ในเรื่องความเกเรไม่ชอบไปโรงเรียน

นั่งกับพื้น
1. ด.ญ.เอื้อมพร.....ผิวเข้มคมขำ เรียบร้อย...เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วหน้าตาเป็นอย่างไรหนอ




Create Date : 30 สิงหาคม 2551
Last Update : 1 ธันวาคม 2555 11:33:31 น. 19 comments
Counter : 2057 Pageviews.

 
ครูคนแรกที่สอนให้รู้ ก. ข....คือครูทองคำ แซ่ตั๊น
ใจดีมาก ๆ ครูที่นั่งแถวหน้าจำได้ว่า ครูสุรีย์ อนันตศิริ อีกคนไม่รู้จัก ครูที่ประทับใจมากที่สุด คือ ครูพรรณี ลิ้มวัฒนะ แกดุชะมัด แต่สอนแล้วเข้าใจดี (สอน ป.4 ประจำ) ครูที่ยังอยู่ในความทรงจำก็มี ครูมงคล นิลน้ำเพชร ครูดวงเดือน วิโรจะ, ครูสาวิตรี, ครูอนงค์ ภู่ทอง,
ครูสุรศํกดิ์ เมฆอภัย, เป็นต้น
แม่ค้าขายขนมก็มี เจ้นงค์, เจ้แหลว, ป้าหง่า,
ตอนนี้กลับไปแวะที่โรงเรียนเก่า จำไม่ได้เลย เปลียนไปมาก
ผมเด็ก "ว.ผ.ศ" รุ่นสุดท้าย เลขทะเบียน 1140
ยังคิดถึงพระคุณครูทุกท่าน และคิดถึงเพื่อนเก่าทุกคนครับ
ขอเพิ่มอีกนิด เรือที่วิ่งในคลองมอญ เจ้าของเรือคือ "เฮียบูรณ์" ครับ

"เด็กปลายคลองมอญ ศาลใหม่"


โดย: อลังการ เจริญสุข IP: 125.27.177.75 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:16:19:03 น.  

 
ขอบคุณครับคุณอลังการ ที่ช่วยให้ความทรงจำของผมที่
ขาดหายไป สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

นึกถึงใบหน้าของครูที่คุ้นเคย ภาพของท่านในความคิดยัง
ดูหนุ่มสาว ไม่แก่เลยครับ

ผมเรียนกับครูพรรณีตอนชั้น ป.3

ผมหมายเลขทะเบียน 546

วันนี้ได้ไปเยี่ยม อบต. บ้านคามาครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:21:25:59 น.  

 
ผมขอชื่นชมการเขียนและการลำดับเหตุการณ์ความทรงจำเก่า ๆ ของพี่ผู้เขียน ซึ่งนับว่ามีความละเอียดนึกเห็นภาพในอดีตอย่างชัดเจน เมื่อวานผมได้โทรฯ ไปหาพี่ชายได้คุยกันเรื่องนี้ ว่ามีคนเขียนกระทู้เข้ามาเล่าเหตุการณ์ในอดีตของโรงเรียน "ครูนาม" ให้ฟัง พี่ชายผมเรียนรุ่นน้องของพี่ 1 ปี ผมจึงอยากทราบว่าพี่ชื่อจริงว่าอะไร ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ไหนครับ
เห็นพี่บอกว่าไปเยี่ยม อบต.บ้านคา พี่มาเยี่ยมทางเน็ต หรือว่ามาที่ อบต.จริง ๆ ครับ พอดีเมื่อวานผมไม่อยู่ที่ทำงาน ไปราชการที่ศาลากลางมาครับ


โดย: อลังการ เจริญสุข IP: 125.27.171.222 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:8:28:22 น.  

 
ผมไปเยี่ยม อบต.บ้านคา ทางเน็ตครับ

มีพี่ชายรุ่นใกล้เคียงกัน คงเคยรู้จักกันนะครับ
หากเจอตอนนี้คงจำไม่ได้ เวลาผ่านไปนานแล้ว
คุณครูโรงเรียแห่งนี้ได้ช่วยตอกเสาเข็มให้เด็กๆรุ่นนั้น
สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ในสังคมได้ไม่อายใครครับ

ขอบคุณครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:20:03:52 น.  

 
พี่ชายคนโตชื่อวิทยา เจริญสุข
คนที่สองชื่อสัญญา เจริญสุข
พี่คงคุ้น ๆ นะครับ

ผมเองก็ชอบบันทึกเหตุการณ์เก่า ๆ ไว้ครับ(พูดเหมือนแก่)
เก็บไว้ให้ลูกหลานได้ดูกัน ผมจะลงรูปเก่า ๆ ที่สะสมไว้บ้างแต่หาที่แนบไฟล์ไม่เจอครับ
และอยากให้พี่หารูปวิถีชีวิตคนดำเนินฯ เก่า ๆ มาลงอีกครับ
ขอบคุณครับ


โดย: อลังการ เจริญสุข IP: 125.27.173.106 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:7:47:00 น.  

 
โอ สุดยอดครับ
ผมมีรูปอยู่ใบเดียววัยเด็กแบบนี้
แต่จำครูไม่ได้ น่าตีไหม
ผมอ่านยังไม่หมดครับ
ติดใจต้องมาอีก
ผมว่าน่าจะเอาไปรวมเล่มนะครับ
ดีมากๆ อยากล่องเรือ ไปวาดรูปแถวนั้นจังเลย
ไปทางรถแบบขี่ม้าชมดอกไม้ มันไม่ถึงใจ
อ่านตอนล่องเรือแล้ว สุดยอดครับ
รู้การเปลี่ยนแปลงท้องถิ่น

แล้วจะมาอ่านใหฟ้เกลี้ยงกรุครับ
ขอบคุณมากๆ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:30:14 น.  

 
ครูพรรณี ลิ้มวัฒนะ ปัจจุบันเป็นวิชาการของโรงเรียนอนุบาลวัดโชติทายการามสงเคราะห์(เอกชน) ที่ตั้งคือโรงเรียนสายฯหลังเดิมค่ะ


โดย: เด็กวิกเก่าดำเนินฯ IP: 125.27.174.132 วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:09:15 น.  

 
ขอบคุณ คุณครูครับ ช่วยเล่าต่ออีกเรื่อยๆนะครับ เรากำลังทำตลาดเหล่าตั๊กลั๊กกันอยู่ และช่วยกันขุดหาเรื่องราวขึ้นมาต่อเชื่อมกัน เข้ามาดูได้ครับที่ //www.facebook.com/laotukluck


โดย: สมเกียรติ IP: 202.44.135.39 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:53:18 น.  

 
เราก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนครูนามเหมือนกัน เลขประจำตัว
751 น่าจะเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับ คุณสัญญา เจริญสุข พี่ชายของคุณอลังการ คุณครูประจำชั้น ป.5 ข ใน
ภาพถ่ายนั้น น่าจะเป็นคุณครูลัดดาวัลย์ และที่อาจารย์
กล่าวถึง คุณครูพรรณี นั้น
น่าจะเป็นคุณครูพรรณี วัฒนวงศ์ เป็นครูประจำชั้น ป.4 ก ที่ดุสุด สุด แต่ก็ให้ความรู้พวกลูกศิษย์ได้ดีเยี่ยม


โดย: เด็กทุนโรงเรียนครูนาม IP: 125.27.174.245 วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:08:07 น.  

 
ยินดีกับข้อมูลใหม่ๆครับ ผมใช้เวลานึกชื่อคุณครูประจำชั้นอยู่นานเชียวครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:41:24 น.  

 


โดย: Insignia_Museum วันที่: 28 เมษายน 2556 เวลา:13:46:34 น.  

 
พูดถึงลูกศิษย์กับครูในยุคก่อน ผิดกับสมัยนี้มาก อย่างที่ผู้เขียนกล่าวถึงครูนั่งเรือไปเก็บค่าเทอมนั้น ผมจำได้ว่า เมื่อเห็นเรือมาจอดเทียบที่ท่าน้ำหน้าบ้าน พวกเรา 4 คนพี่น้องจะรีบวิ่งหนีออกหลังบ้าน หรือหนีเข้าห้องเก็บตัวกันเงียบ ไม่กล้าออกมาเห็นหน้าครูกันเลย อาจเป็นเพราะการสอนหนังสือของครูสมัยก่อนจะมีความเป็นระเบียบ สอนให้รู้กาละเทศะ ต้องให้ความเคารพยำเกรงต่อคุณครู สวนตัวผมนั้น นั่งเหงื่อแตกในห้อง รอจนกว่าคุณครูจะกลับ ใจก็ภาวนาว่าให้ครูกลับไปเร็ว ๆ จะได้ออกไปจากห้องเสียที จนครูทองคำ ต้องเอ่ยปากถามพ่อกับแม่ว่า พวกเราไปไหนกันเสียหมด พ่อกับแม่ถึงได้เรียกให้ออกมาสวัสดีคุณครู กลัวอะไรกันหนักกันหนาน้อ...


โดย: อลังการ เจริญสุข IP: 182.52.37.250 วันที่: 3 มิถุนายน 2556 เวลา:14:27:16 น.  

 


โดย: Insignia_Museum วันที่: 4 มิถุนายน 2556 เวลา:20:50:05 น.  

 
ผมดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องราวโรงเรียนแห่งแรกที่ได้เรียนมา ผมเข้าเรียนโรงเรียนครูนามตั้งแต่ชั้น ป.เตรียม ปี 2505 คุณครูทองคำเป็นครูประจำชั้น พออยู่ ป.1 คุณครูพรรณี วัฒนวงศ์ เป็นครูประจำชั้น ป. 2 น่าจะเป็นครูสุดา ป. 3 ครูวัชรี ป. 4 ครูดุุษฎี ป.6 ครูมงคล นิลน้ำเพ็ชร ผมยินดีมากที่ได้ทบทวนอดีต ผมเลขประจำตัว 409 ผมจบ ป. 7 ปี 2512 ปีนั้นตอนเรียน ป.7 ครูนามเอาโทรทัศน์มาให้ดูถ่ายทอดอพอลโล 11


โดย: กอบเกียรติ ปิ่นทอง IP: 124.122.126.157 วันที่: 9 กันยายน 2559 เวลา:20:43:12 น.  

 
ยินดีครับ คุณกอบเกียรติที่เข้ามาแจม ท่านคงเป็นรุ่นพี่ของเจ้าของบล็อก ดีจังครับ ได้เอ่อชื่อของครูด้วย ได้ระลึกถึงครูแต่ละท่านตามรายชื่อที่ให้มาด้วยครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 10 กันยายน 2559 เวลา:22:38:03 น.  

 
ผม รบกวน พี่ๆ คนไหนมีรูปถ่ายครูนามไว้บ้างไหมครับ
ผมอยากได้จริงๆครับ


โดย: ธรรมนูญ วิชิตชาญ IP: 171.6.193.99 วันที่: 4 ตุลาคม 2559 เวลา:1:37:35 น.  

 
Oho_ratty line ผมครับ ผมตามหาปู่มานานแล้วครับ ตอนนี้ ตามหาเก็บข้อมูลอยู่ครับ


โดย: ธรรมนูญ วิชิตชาญ IP: 171.6.193.99 วันที่: 4 ตุลาคม 2559 เวลา:1:54:40 น.  

 
ยินดีครับคุณธรรมนูญที่มาร่วมแจม น่าเสียดาย ผมไม่มีรูปครูใหญ่เลยครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 6 ตุลาคม 2559 เวลา:19:45:41 น.  

 
โลกของผมกลับมาแล้ว ศิษย์เก่าวิชิตผดุงศึกษาครับ บ้านผมอยู่ตรงข้ามบ้านครูนาม เคารพเป็นลุงเลยครับ


โดย: กิตติศักดิ์ เรืองตระกูล IP: 124.120.93.87 วันที่: 8 เมษายน 2565 เวลา:11:53:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.