Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 3

เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 2
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 1

ไปวัดเทียนมู่



ทัวร์เวียดนามกลางครั้งนี้ ผมได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย โดยเฉพาะเมืองเว้ ความเจริญทางวัตถุค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา โดยสภาพของเมืองแล้ว น่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน ถ้าเทียบกับเมืองที่เจริญอื่นๆ อย่างดานังแล้ว เว้ยังห่างไกล ความรู้สึกที่สัมผัสเว้ครั้งแรก ผมเหมือนกลับไปสู่อดีตสัก 20-30 ปีของบ้านเรา ความสงบเงียบของถนนหน้าโรงแรม ผมคิดถึงถนนสาทรสมัยที่ยังมีต้นไม้เขียวครึ้มสองข้างทาง สงบและร่มรื่น

เราเดินทางต่อไปวัดเทียนมู่ ระหว่างทางจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์เป็นเจ้าถนน รถยนต์ส่วนตัวมีให้เห็นไม่มากนัก ยิ่งรถกระบะแทบไม่เห็น รถกระบะคงไม่เหมาะกับบ้านเมืองที่ฝนตกชุก รถยนต์ที่นี่จอดข้างถนนไม่มีวันหาย เดาได้เลยว่าอนาคตอีกไม่นานรถยนต์จะมากขึ้น หากจะขายรถกระบะที่เวียดนามคงต้องมีหลังคาด้วย





วิวหน้าวัดเทียนมู่


ถึงวัดเทียนมู่ก่อนเที่ยง วัดเทียนมู่เป็นวัดในพุทธศาสนา ตั้งอยู่บนเนินเขาริมแม่น้ำหอม ห่างจากตัวเมืองเว้ไปราว 3 กม. สร้างโดยกษัตริย์ Nguyen Hoang ในปี พ.ศ. 2144 ตั้งชื่อวัดนี้ว่า Chua Thien Mu (เจดีย์นางฟ้า) หรือ409 ปีมาแล้ว ซึ่งคงสภาพเดิมไว้ได้มาก ถือว่าเก่าแก่พอๆกับวัดที่สร้างในสมัยอยุธยาของเรา









ภาพที่เห็นได้แต่ไกลคือเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม 7 ชั้นลดหลั่นกัน ทางด้านซ้ายและขวาเป็นที่ตั้งของศิลาจารึกและระฆังสำริดขนาดใหญ่หนักถึง 2,000 กิโลกรัม เมื่อเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งของวัดเห็นการหุงหาอาหารในโรงครัวของเณรน้อย นักท่องเที่ยวชาวไทยบางคนบุกเข้าไปถึงก้นครัวเพื่อเก็บภาพให้ได้อย่างครบถ้วน ราวกับว่าโอกาสเช่นนี้หาได้ยากนัก



ใครไปวัดเทียนมู่มักไม่พลาดที่จะไปมุงดูและถ่ายรูปรถออสตินสีฟ้าคันนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับประวัติของพระรูปหนึ่ง ย้อนกลับไปในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2506 พระภิกษุทิกกวางหยุก เจ้าอาวาสของวัดเทียนมู่ได้ใช้รถออสตินคันนี้ไปเผาตัวเองที่กลางกรุงไซ่ง่อนเพื่อประท้วงนโยบายการกีดกันการนับถือศาสนาของรัฐบาลในสมัยนั้น

ปัจจุบัน เวียดนามมีประชากร 85.8 ล้านคน มากกว่าไทยประมาณ 22 ล้านคน แต่มีพื้นที่น้อยว่า หรือ 3 ใน 5 ของไทย มีผู้นับถือศาสนาพุทธมหายานมากที่สุด แต่ก็เป็นเพียงร้อยละ 9.3 ของคนทั้งประเทศ คนส่วนใหญ่จึงนับถือบรรพบุรุษผู้ล่วงลับมากกว่าการนับถือศาสนาใดใด



ภาพปักผ้า สีสันสวยงาม ให้ความรู้สึกถึงจินตนาการแบบชาวบ้าน


ตามธรรมเนียมของทัวร์ไทย ก่อนเดินทางต่อ พวกเราแวะชมสินค้าที่หน้าวัด มีของที่ระลึก เครื่องประดับ เสื้อที่พิมพ์ภาพทิวทัศน์เวียดนาม ภาพวาดสีน้ำ... ผมได้ภาพปักมาชิ้นหนึ่ง เป็นภาพคนบนหลังควายเดินกันเงียบๆชายทุ่ง ถอดจากกรอบของเขาที่วางโชว์ พับเก็บใส่กระเป๋า พอมาใส่กรอบเมืองไทยสวยขึ้นผิดหูผิดตา นึกเสียดายภายหลังว่าทำไมไม่ซื้อมาหลายๆชิ้น

ผมคงไม่พูดถึงราคาค่างวด ทีเวียดนามนี่ขึ้นอยู่กับความพอใจจริงๆ ไกด์จะคอยแนะนำวิธีการต่อรองในแต่ละแห่ง แม่ค้ามักจะบอกราคาผ่าน การแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างไกด์กับร้านค้ายังไม่มี สบายใจได้ หากแวะที่ร้านไหนไม่ต้องจำใจซื้อเพื่อเอาใจไกด์

การซื้อของได้ถูกหรือแพงเป็นความสนุกสนานของพวกเรามากกว่าจะจริงจัง ได้รู้จักเพื่อนใหม่ก็ช่วงนี้ ช่วยกันต่อของ รอจนแม่ค้าใจอ่อนนั่นแหละ พอกลับขึ้นมาบนรถ ของชิ้นเดียวกันอาจซื้อมาราคาไม่เท่ากัน จึงแซวกันเป็นที่สนุกสนาน บางทีผมนึกสงสารคนขายที่ต่อรองจนได้ของราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ

ช็อบปิ้งกันที่หน้าวัดเทียนมู่กันเสร็จแล้ว เดินทางต่อไปไปสุสานจักรพรรดิไคดินห์ สุสานที่สวยที่สุดในเวียดนาม ท่ามกลางท้องฟ้าที่ยังสดใส แต่เห็นเมฆหนาทะมึนอยู่ไกลๆ

เมื่อมาถึงสุสาน ไกด์บอกว่าไม่จำกัดเวลา มาพร้อมกันเมื่อไรก็ออกรถได้ทันที หากไม่ต้องรอใคร เราจะไปถึงเมืองฮอยอันไม่มืดนัก ดูเหมือนคณะทัวร์ของเราจะเป็นพวกไปเร็ว ถึงก่อน และกลับก่อน แต่น่าแปลกที่มักจะไปถึงร้านอาหารทีหลังทัวร์คณะอื่นๆเสมอ













สุสานจักรพรรดิไคดินห์ ห่างจากเมืองเว้ 10 กม. แว๊บแรกที่เห็น ผมรู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆ ความใหญ่โตและคราบสีดำของราจับอยู่ทั่วไป เดินขึ้นไปด้วยความรู้สึกคนละแบบกับการไปชมปราสาทหิน ปราสาทหินจะเก่ามากจนรู้สึกว่าไม่สัมพันธ์กับผู้ชม แต่สุสานแห่งนี้มีเรื่องราวร่วมสมัยเมื่อไม่นานมานี้เอง

เมื่อมาถึง ไฟท์บังคับให้ผู้มาเยือนต้องแหงนคอตั้งบ่ามองขึ้นไป สิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างกับดินแดนอีกโลกหนึ่ง ไม่มีความกลัวใดๆ หลังจากเดินชมอยู่หลายรอบแล้ว ผมเข้าใจไกด์ทันทีว่าทำไมจึงไม่จำกัดเวลา มีคณะทัวร์อื่นๆไปชมพร้อมกลุ่มของเราจำนวนมาก อยู่กันไม่นานก็เร่งรีบจะกลับกันทั้งนั้น หรือว่าแถวนั้นไม่มีแหล่งช้อปปิ้ง?



จักรพรรดิไคดินห์ (พ.ศ. 2428-2468) กษัตริย์องค์ที่ 12 ของราชวงศ์เหงียน ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2459 โดยการสนับสนุนของฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าอานานิคมในสมัยนั้น สร้างขึ้นเมื่อครองราชได้ 4 ปี ใช้เวลาสร้าง 11 ปี (พ.ศ. 2463-2474) สุสานแห่งนี้จึงเสร็จภายหลังจากองค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์แล้วขณะที่มีพระชนมายุเพียง 40 ปี

ความสวยงามของสุสานแห่งนี้ เป็นศิลปะอย่างฝรั่งผสมผสานกับเวียดนามที่เข้ากันได้อย่างกลมกลืน สร้างอยู่บนเนินเขา มีบันไดขึ้นไป และมีลานพักเป็นชั้น ๆ




ทางเดินขึ้นสุสานได้รับการตกแต่งเป็นบันไดมังกรไปสู่ลานชั้นหนึ่ง จากนั้นมีบันไดต่อไปยังลานชั้นสองที่เรียงรายด้วยรูปปั้นหินของช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือน กลางลานมีแผ่นจารึกเขียนด้วยอักษรจีน นิพนธ์โดยพระเจ้าเบ๋าได่ เพื่อรำลึกถึงพระบิดาของพระองค์



นับจากการเดินเข้าภายในสุสานด้านบนนี้ แบ่งไว้เป็นสามห้อง ห้องริมสุดซึ่งเป็นห้องแรกที่เปิดให้เข้าสุสานเป็นห้องขายบัตร ของที่ระลึก ห้องชมวีดีโอ และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าสุสานนอนพัก

ผนังภายในบางส่วนและเสาตกแต่งด้วยการฝังกระจกสีและกระเบื้องที่กระเทาะมาจากช้อน ถ้วย ชามของจีนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ประกอบเป็นเรื่องราวของสัตว์ ต้นไม้ และดอกไม้ คนดูต้องมองทิ้งระยะสักหน่อยจะได้ภาพที่สวยงาม น่าสนใจตรงที่ทุกชิ้นที่ปะติดกันอย่างลงตัว และสะอาดเอี่ยมเหมือนเพิ่งทำเสร็จเมื่อวานนี้เอง

ผมเคยอ่านเจอว่า คนเฝ้าสุสานบอกกับผู้ไปชมครั้งหนึ่งว่าลวดลายบนผนังหรือเพดานนั้น เขาเคลือบน้ำยาชนิดหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องทำความสะอาด ไม่มีแมลงรบกวน แม้แต่ใยแมงมุมก็ไม่เห็น คนทำความสะอาดกวาดถูแค่พื้นของสุสานเท่านั้น เท็จจริงอย่างไรไม่ยืนยันครับ







กลางห้องโถงมีภาพมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่ที่วาดโดยใช้ศิลปินที่เขียนภาพด้วยเท้า มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยบภาพวาดนี้





ส่วนกลางหน้าสุดมีแท่นที่บูชาและด้านในมีรูปหล่อจำลองเครื่องทรงจักรพรรดิ์



ห้องในสุดของสุสาน เป็นที่ตั้งของรูปหล่อจักรพรรดิ์ไคดิงห์ด้วยสำริดจากประเทศฝรั่งเศสเท่าองค์จริง พระองค์มีลักษณะรูปร่างเล็กบอบบางมาก รอบเอวสัก 25 นิ้วเห็นจะได้ รอบข้างมีภาพพระราชชนนีและภาพพระราชวงศ์ พร้อมภูษา เข็มขัด ใส่ตู้ไว้ให้ชม

การมาสุสานจักรพรรดิ์ของผมในครั้งนี้ ถือว่านอกเหนือความคาดหมายเหมือนมีพลังบางอย่างส่งให้ตระลึงงัน จนไม่รู้จะถามอะไรจากไกด์ ได้แต่เดินวุ่นๆอยู่ในนั้นราวกับหนูติดจั่น เคยได้ยินมาว่าแม้สุสานจักรพรรดิไคดินห์จะเล็กกว่ากษัตริย์พระองค์อื่นของราชวงศ์เหงียน แต่ความสวยงามมีมากกว่าทุกแห่ง


Create Date : 20 สิงหาคม 2553
Last Update : 28 สิงหาคม 2553 8:32:14 น. 25 comments
Counter : 3547 Pageviews.

 
ชัดเจนทั้งภาพและคำบรรยาย ขอบคุณค่ะ


โดย: คนที่ไม่มีอะไรกับใคร IP: 172.16.29.78, 119.42.81.169 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:9:42:45 น.  

 
เล่าเรื่องได้ละเอียดลึก ภาพที่ถ่ายทอดมาดูน่าตื่นตาตื่นใจมากครับ

ว่าแต่ตัวของผู้เล่าทำไมไม่ฉายให้เห็นบ้างละครับ

อาหารละครับอร่อยไหม ที่พักเป็นอย่างไร อันนี้ก็น่ารู้มากครับ เผื่อผมจะตัดสินใจมาบ้างในครั้งหน้า

สมาคมของผมเคยมาเขมรแต่ไม่เคยมาเวียดนาม


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:10:00:26 น.  

 

แวะไปชมระบำสวยๆ กันนะคะ เพื่อนๆสบายดีนะคะ ........เกศสุริยง..........
สร้างกริตเตอร์

ตามไปอ่านตอน๒แล้ว ประทับใจมากๆเลยค่ะคุณ im ดูแล้วเวียดนามก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติอื่นเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อน คิดถึงเสมอค่ะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:11:26:42 น.  

 
บรรยายประกอบภาพชัดเจนค่ะ จับภาพได้มุมสวยและน่าสนใจค่ะ


โดย: nathanon วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:12:56:05 น.  

 
สวัสดีวันสีฟ้าค่ะ บ้านเมืองเขาก็สวยงามน่าเที่ยวไม่แพ้บ้านเรา แต่ก็ขอเป็นคนบ้านเราดีกว่า คะแนน GAT PAT ยังไม่ได้ถามลูกสาวเลยค่ะ วันนี้ต้องติดตามซะแล้ว แล้วจะแจ้งข่างค่ะ


โดย: ไผ่สวนตาล วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:13:30:46 น.  

 
ชอบภาพถ่ายครับ สวยคมมากเลย เนื้อหาก็ดี เยี่ยมเลยครับ น่าจะยังมีตอนต่อไปใช่ไหมครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:20:25:30 น.  

 
best details ever!!!!!!ชอบจังค่ะ เรียกว่าหนังสือท่องเที่ยวชิดซ้ายไปเลย ในเนื้อหาที่พี่อิมเล่ามา.......
เจดีย์นั้นทำให้นกนึกถึงยาหอมตรา5เจดีย์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้55555...( แซว เล่นนะคะ )
หายเหนื่อยแล้วแต่พรุ่งนี้มีงานต้องไป...และวีคหน้าตลอดทั้งวีคคงยังจะไม่ได้ทำบล็อก เตรียมทริปปารีสอีกแล้วค่ะพี่อิม...คิดในแง่ดีคงได้ถ่ายรูปมาอวดอีกเหมือนเคย^^


โดย: popang IP: 110.168.124.182 วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:20:04:11 น.  

 
ตามมาเที่ยวเว้ต่อค่ะ บรรยากาศดูสงบดีจัง ภาพที่ถ่ายริมน้ำ เห็นฟ้ากว้าง ๆ ดูแล้วสบายตามากเลยค่ะ

สถาปัตยกรรมของเวียตนามดูสวยแล้วก็มีเอกลักษณ์ดีนะคะ ย่ิงสุสานจักรพรรดิ​ไคดินห์ ทั้งรูปทรงและลวดลาย ด้านนอกก็ว่าสวยแล้ว ข้างในยิ่งงามใหญ่

อยากรู้จังว่าเขาใช้น้ำยาอะไรเคลือบลวดลายบนผนังและเพดานของสุสาน ทุ่นแรงดีชะมัด ไม่ต้องทำความสะอาดแถมยุงไม่ไต่ ไรไม่ตอมด้วย


โดย: haiku วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:21:18:22 น.  

 
ตามไปเที่ยวเวียตนามต่อไป...

อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ทำให้ระลึกขึ้นได้ว่า

ความประทับใจที่ดูเหมือนจะเป็นที่สุดในการไปเที่ยวดินแดนแห่งนี้ก็คือ...

รู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนต่อราคาสินค้าได้เก่ง

ทั้งที่ตอนอยู่เมืองไทย พ่อค้าแม่ค้าบอกราคามาเท่าไร

มักจะไม่ค่อยกล้าต่อ หรือต่ออย่างมากก็เล็ก ๆ น้อย ๆ

แต่พอไปถึงเวียตนาม กลับกลายเป็นตรงข้าม

อาจเป็นเพราะศึกษาข้อมูลไประดับหนึ่ง และได้รับการกำชับกำชาจากไกด์ว่า

ให้ต่อมาก ๆ ต่อแบบไม่ต้องเกรงใจ

จึงลองสวมวิญญาณคุณชายต่อแบบเข้มข้น

ดูเหมือนพ่อค้าแม่ค้าชาวเวียตนามที่ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อขายให้กับชาวไทย

เขาก็คงรู้ว่า คนไทยชอบต่อ ก็เลยต้องบอกราคาผ่านไปแบบหลายร้อยเปอร์เซ็นต์

พอคนไทยต่อแหลก คนขายก็อิดออดพอเป็นพิธี

คนไทยแกล้งเดินหนี พ่อค้าแม่ค้าก็จะลดราคาลงมาสักนิดหนึ่ง

ถ้ายังเล่นตัวต่อไป ราคาก็จะลดลงเรื่อย ๆ

ของบางชิ้น สามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่เขาบอกขายในตอนแรก

แม้กระนั้นก็ตาม...

พอขึ้นมาบนรถ นักต่อทั้งหลาย ก็มักจะพบว่า ยังมีคนที่ต่อได้ถูกกว่าเราอีก

ทุกครั้งที่ขึ้นรถ จึงมักจะระเบ็งเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะ ของนักท่องเที่ยวชาวไทย

ประกวดกระชันกันว่า ใครซื้อของอะไรได้ในราคาถูกกว่ากัน

เป็นบรรยากาศที่ชวนประทับใจยิ่งนัก ความแปลกหน้าระหว่างกันหายไปตอนไหนแทบไม่มีใครสังเกต

ที่ชอบใจอย่างยิ่งก็คือ พ่อค้าแม่ค้าชาวเวียตนาม เขาไม่เคยแสดงอาการโกรธขึ้ง เวลาพวกเราต่อราคาสินค้าของเขาแบบไม่มีเกรงอกเกรงใจ

อย่างเช่น เขาบอก 3 หมื่นดอง เราต่อเหลือ 8 พันดอง ก็ยังเคย

พ่อค้าแม่ค้าเขามืออาชีพจริง ๆ ขายได้เขาก็ขาย ขายไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่มีการตีสีหน้าใส่

นับเป็นเรื่องประทับใจที่สุดที่ได้รับจากดินแดนแห่งนี้....

ขอบคุณคุณอิมที่ช่วยมารื้อฟื้นความทรงจำอีกครั้งครับ..



โดย: ลุงแว่น วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:22:34:07 น.  

 
ตามมาเที่ยวเวียดนามด้วยคนค่ะ .. โบราณสถานเขาสวยงามดีเหมือนกันนะคะ .. ยังไม่เคยไปเลยประเทศนี้ ..


โดย: Devonshire วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:10:24:49 น.  

 

แวะมาทักทายตอนสาย ของวันพักผ่อนค่ะ ฺฺ......เจ้าของเรือน
สร้างกริตเตอร์

ตามมาเที่ยวดานังด้วยคนค่ะคุณimสบายดีนะคะ ระลึกถึงเสมอค่ะ


โดย: เรือนเรไร วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:11:39:18 น.  

 
สวัสดีวันสีเหลืองค่ะ แวะมาตอบเรื่อง Gat Pat ค่ะ ลูกสาวไม่ได้สอบค่ะ รอสอบม.6 ทีเีดียวค่ะ คุณ IM มีความคิดเห็นเรื่องเด็กกับการเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาอย่างไรบ้างคะ ช่วงนี้กำลังลงทะเบียนแต่ละสถาบันเลยค่ะ แต่เริ่มเรียนตุลาโน่่นแน่ะ ถ้าคิดในเชิงธุรกิจก็เอาเงินเราไปฝากกินดอก่อนนี้นา ไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องทำ เพราะลูกเราอยากเรียนนี่นา


โดย: ไผ่สวนตาล วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:12:17:58 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
แวะมาส่งคุณIM เข้านอน ระลึกถึงเสมอค่ะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:22:43:10 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่



ผมชอบการเขียนเล่าเรื่องของพี่จังเลยครับ
อ่านเพลินมากๆ
เมื่อดูรูปไปพร้อมกัน
ยิ่งเห็นภาพเลย

ส่วนเรื่องการต่อรองราคา
สงสัยเป็นดีเอ็นเอจากชาวจีนเลยนะครับพี่ 5555
ต่อกันแบบไม่สนใจราคาตั้ง
เพราะฉันจะซื้อในราคาที๋ฉันพอใจ 5555


ศาสนาในเวียดนามสำหรับคนที่ยังศรัทธามหายาน
น่าจะชื่นชมหลวงปู่ติช นัท ฮันน์มากเป็นพิเศษนะครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:5:23:45 น.  

 
มีภาคสี่ไหมครับ


โดย: แมวหง่าว (chaiwatmsu ) วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:19:14:01 น.  

 
มีภาค 4 อีกตอนครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:20:00:54 น.  

 
ผมดีใจมากครับพี่
ที่ทุกวันนี้ยังอัพบล้อกได้ 555
ตอนแรกคิดว่ามีลูกคงจะได้เล่นบล้อกน้อยลง
แต่ก็ยังพออัพได้ทุกวันอยู่
เพียงแต่ต้องจัดสรรเวลาให้ดีดีด้วยน่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:21:59:16 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะที่แวะไปฟังเพลงครูสุรพลหลายรอบ อัพเป็นบล็อคสุดท้ายแล้วค่ะ ชอบเพลงครูสุรพลมานานมาก เพิ่งจะมีโอกาสทำบล็อคเกี่ยวกับตัวท่านและได้รู้หลายเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ดีนะที่คุณคีตา พญาไทเขียนไว้ไม่กี่ตอน ไม่งั้นคงได้อัพยาวแน่


โดย: haiku วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:22:06:51 น.  

 
เวียตเนียมเป็นประเทศที่เงียบๆไม่กระตืนรือล้น บ้านเมืองเริ่มสงบ ไม่เคยไปค่ะ เป็นเพียงความรู็สึกเท่านั้น
เเต่ถึงอย่างไรก็ยังประทับใจกับถ้ำที่นำมาลงคร้งก่อน
ต้องไปค่ะ อยากเห็นสภาพชีวิตว่าระหว่างสงครามนั้น ผู้คนได้รับความบีบคั้นเเค่ไหน

มาชวนไปชมวัดญี่ปุ่นวัดหนึ่งที่ถูกสถาปนาเป็นมรดกโลก
เราอาจมองเห็นวัตถุนั้นเสมือนทรายเรียบๆกับก้อนหิน เเต่ทุกอย่างมีความหมายของการจัดเป็นเอกลักษณ์


โดย: YUCCA วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:2:07:12 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีวันพุธค่ะคุณอิม
เวียดนามเนี่ย มินก็ตั้งใจว่าจะไป ๆ อยู่เรื่อย
แต่ พอจะไปจริง ๆ มันต้องเลี้ยวไปที่อื่นทู๊กทีค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
หมายถึง เพื่อน ๆ มันไม่อยากไปอ่ะ
เอ้า .. ว่าไง ว่าตามกันค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:8:57:57 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับพี่
แต่ผมคงไม่ไ่ด้่ลงไปลุ้นคำตัดสินในรอบสุดท้ายที่กรุงเทพแล้วล่ะครับ
ไม่สะดวกจะลางานสองวันครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:22:10:10 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
แวะมาทักทายค่อนข้างดึก เริ่มยุ่งอีกแล้วหลังจากที่ รีแล็กซ์ได้ไม่ถึงอาทิตย์ ผอ.สั่งการมาให้คิดคอนเซ็ปต์การแสดงในงานเปิดปิดกีฬากลุ่ม....ยังคิดอะไรไม่ ออกเลยค่ะ คุณim สบายดีนะคะ ถึงแม้จะยุ่งเพียงใดก็จะไม่ลืมที่จะมาเยี่ยมเยียนกันค่ะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:0:45:22 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณไอเอ็ม...

อ่านแล้วอยากได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวเวียดนามมั่งจังเลยค่ะ..จ๊อกโดดข้ามมาอ่านตอน 3 เลยเดี๋ยวต้องกลับย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้าซะแล้ว...ค่ะ ...สวยตื่นตา..กับภาพที่เอามาฝากและตื่นใจกับเรื่องราวที่เล่าให้ขานให้ฟังน่ะค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะ


โดย: คนชุมแสง วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:0:56:50 น.  

 
ตามมาเที่ยวตอนที่ 3 ครับ


โดย: wicsir วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:16:49:32 น.  

 
ได้ผ่านหูผ่านตามาบ้างเหมือนกันค่ะ เรื่องพระที่ไปเผาตัวเอง ป้าเดซี่ว่าเป็นการประท้วงที่ทรมานจังเลยนะคะ พาลทำให้นึกถึงการประท้วงอดข้าวของบางคน เห็นอีตาคนนี้ทีไรอวบมาเชียว ทำให้นึกถึงว่าแกมาประท้วง แถมได้ไดเอ็ต สองเด้งเชียว

สุสานสวยมากเลยค่ะ ทั้งภายในภายนอกเลย ศิลปะเค้าคล้ายกับของจีน แต่ดูอ่อนช้อยกว่านะคะ

อ่านถึงเรื่องน้ำยาเคลือบผนัง-เพดานเนี่ย ที่บ้านป้าเดซี่จะมีเฟอร์นิเจอร์ไม้เยอะ ก็จะมีน้ำยาทำความสะอาดซึ่งพอเช็ดแล้ว มันจะช่วยเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไปด้วย สังเกตเหมือนกันว่า เราแค่ปัดฝุ่นบ้างเท่านั้นเอง สวยแล้ว คงใช้หลักการเดียวกัน



โดย: Oops! a daisy วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:17:37:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.