Group Blog
Insignia Museum
เล่าเรื่องเมืองดำเนินฯ
วัยเยาว์อันแสนสุข ๑
วัยเยาว์อันแสนสุข ๒
สมุดบันทึก ๑
สมุดบันทึก ๒
สมุดบันทึก ๓
สมุดบันทึก ๔
ศิลปะและมุมมอง ๑
ศิลปะและมุมมอง ๒
ประวัติศิลปิน
ผลหมากรากไม้
ภาพเก่าเล่าเรื่อง
ภาพถ่ายในยุคดิจิตอล
สิ่งละอันพันละน้อย
เดินทางในบางวัน
ประวัติบุคคล ที่ไม่เคยมีในโลกไซเบอร์
หนังสือเก่าบางเล่ม
เพลงกล่อมเด็ก
ตำรายากลางบ้าน
ลูกเสือ
เข็มนักเรียนมอปลาย ๑
เช็มนักเรียนมอปลาย ๒
เข็มเทคนิค,พณิชยการ
เข็มนักศึกษา
กีฬา
เงินทองของนอกกาย
เรื่องสั้น
อาหารไทยสมัยคุณย่ายังสาว
นางแบบรับเชิญ
บทกวี
<<
สิงหาคม 2553
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
20 สิงหาคม 2553
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 3
All Blogs
3 วันที่เชียงใหม่
ก่อนพักผ่อนระยะยาว
ท้องทุ่งในชนบทของพม่า
ภาพเจดีย์ในพม่า
หลงรักประเทศเพื่อนบ้าน
งานแสดงที่สนามหลวง
เสม็ด
ไปดูทองคำโบราณกันเถอะ
ไปงานเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ 2014
เดี๋ยวเดียวที่เกาะยอ สงขลา
ภาพจากเมืองพัทลุง
การแสดงหุ่นคน (เด็ก)
เขื่อนขุนด่านปราการชล
งานสัปดาห์พระพุทธศาสนาที่สนามหลวง 3-7 มี.ค. 55
งานฉลองจารึกที่วัดโพธิ์
สวนผสมที่อัมพวา
สองงานพร้อมกันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
งานวันเด็กที่กองบัญชาการกองทัพบก
28 ธ.ค. 53 งานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
27 ธค. 53 งานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ที่พักบนเขาค้อ
ไปไหว้พระพุทธชินราช
วัดราชนัดดารามวรวิหาร 23 ต.ค. 53 เวลา 16.00 น.
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 4
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 3
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 2
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 1
ไปวังน้ำเขียว
5 ธันวาที่ถนนราชดำเนิน
พิพิธภัณฑ์วัดเขาสุกิม
วัดมหาธาตุวรวิหาร เมืองราชบุรี
วัดกัลยาณมิตร
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 3
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 2
เว้ ดานัง ฮอยอัน ตอนที่ 1
ไปวัดเทียนมู่
ทัวร์เวียดนามกลางครั้งนี้ ผมได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย โดยเฉพาะเมืองเว้ ความเจริญทางวัตถุค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา โดยสภาพของเมืองแล้ว น่าจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน ถ้าเทียบกับเมืองที่เจริญอื่นๆ อย่างดานังแล้ว เว้ยังห่างไกล ความรู้สึกที่สัมผัสเว้ครั้งแรก ผมเหมือนกลับไปสู่อดีตสัก 20-30 ปีของบ้านเรา ความสงบเงียบของถนนหน้าโรงแรม ผมคิดถึงถนนสาทรสมัยที่ยังมีต้นไม้เขียวครึ้มสองข้างทาง สงบและร่มรื่น
เราเดินทางต่อไปวัดเทียนมู่ ระหว่างทางจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์เป็นเจ้าถนน รถยนต์ส่วนตัวมีให้เห็นไม่มากนัก ยิ่งรถกระบะแทบไม่เห็น รถกระบะคงไม่เหมาะกับบ้านเมืองที่ฝนตกชุก รถยนต์ที่นี่จอดข้างถนนไม่มีวันหาย เดาได้เลยว่าอนาคตอีกไม่นานรถยนต์จะมากขึ้น หากจะขายรถกระบะที่เวียดนามคงต้องมีหลังคาด้วย
วิวหน้าวัดเทียนมู่
ถึงวัดเทียนมู่ก่อนเที่ยง วัดเทียนมู่เป็นวัดในพุทธศาสนา ตั้งอยู่บนเนินเขาริมแม่น้ำหอม ห่างจากตัวเมืองเว้ไปราว 3 กม. สร้างโดยกษัตริย์ Nguyen Hoang ในปี พ.ศ. 2144 ตั้งชื่อวัดนี้ว่า Chua Thien Mu (เจดีย์นางฟ้า) หรือ409 ปีมาแล้ว ซึ่งคงสภาพเดิมไว้ได้มาก ถือว่าเก่าแก่พอๆกับวัดที่สร้างในสมัยอยุธยาของเรา
ภาพที่เห็นได้แต่ไกลคือเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม 7 ชั้นลดหลั่นกัน ทางด้านซ้ายและขวาเป็นที่ตั้งของศิลาจารึกและระฆังสำริดขนาดใหญ่หนักถึง 2,000 กิโลกรัม เมื่อเดินเข้าไปที่มุมหนึ่งของวัดเห็นการหุงหาอาหารในโรงครัวของเณรน้อย นักท่องเที่ยวชาวไทยบางคนบุกเข้าไปถึงก้นครัวเพื่อเก็บภาพให้ได้อย่างครบถ้วน ราวกับว่าโอกาสเช่นนี้หาได้ยากนัก
ใครไปวัดเทียนมู่มักไม่พลาดที่จะไปมุงดูและถ่ายรูปรถออสตินสีฟ้าคันนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับประวัติของพระรูปหนึ่ง ย้อนกลับไปในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2506 พระภิกษุทิกกวางหยุก เจ้าอาวาสของวัดเทียนมู่ได้ใช้รถออสตินคันนี้ไปเผาตัวเองที่กลางกรุงไซ่ง่อนเพื่อประท้วงนโยบายการกีดกันการนับถือศาสนาของรัฐบาลในสมัยนั้น
ปัจจุบัน เวียดนามมีประชากร 85.8 ล้านคน มากกว่าไทยประมาณ 22 ล้านคน แต่มีพื้นที่น้อยว่า หรือ 3 ใน 5 ของไทย มีผู้นับถือศาสนาพุทธมหายานมากที่สุด แต่ก็เป็นเพียงร้อยละ 9.3 ของคนทั้งประเทศ คนส่วนใหญ่จึงนับถือบรรพบุรุษผู้ล่วงลับมากกว่าการนับถือศาสนาใดใด
ภาพปักผ้า สีสันสวยงาม ให้ความรู้สึกถึงจินตนาการแบบชาวบ้าน
ตามธรรมเนียมของทัวร์ไทย ก่อนเดินทางต่อ พวกเราแวะชมสินค้าที่หน้าวัด มีของที่ระลึก เครื่องประดับ เสื้อที่พิมพ์ภาพทิวทัศน์เวียดนาม ภาพวาดสีน้ำ... ผมได้ภาพปักมาชิ้นหนึ่ง เป็นภาพคนบนหลังควายเดินกันเงียบๆชายทุ่ง ถอดจากกรอบของเขาที่วางโชว์ พับเก็บใส่กระเป๋า พอมาใส่กรอบเมืองไทยสวยขึ้นผิดหูผิดตา นึกเสียดายภายหลังว่าทำไมไม่ซื้อมาหลายๆชิ้น
ผมคงไม่พูดถึงราคาค่างวด ทีเวียดนามนี่ขึ้นอยู่กับความพอใจจริงๆ ไกด์จะคอยแนะนำวิธีการต่อรองในแต่ละแห่ง แม่ค้ามักจะบอกราคาผ่าน การแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างไกด์กับร้านค้ายังไม่มี สบายใจได้ หากแวะที่ร้านไหนไม่ต้องจำใจซื้อเพื่อเอาใจไกด์
การซื้อของได้ถูกหรือแพงเป็นความสนุกสนานของพวกเรามากกว่าจะจริงจัง ได้รู้จักเพื่อนใหม่ก็ช่วงนี้ ช่วยกันต่อของ รอจนแม่ค้าใจอ่อนนั่นแหละ พอกลับขึ้นมาบนรถ ของชิ้นเดียวกันอาจซื้อมาราคาไม่เท่ากัน จึงแซวกันเป็นที่สนุกสนาน บางทีผมนึกสงสารคนขายที่ต่อรองจนได้ของราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
ช็อบปิ้งกันที่หน้าวัดเทียนมู่กันเสร็จแล้ว เดินทางต่อไปไปสุสานจักรพรรดิไคดินห์ สุสานที่สวยที่สุดในเวียดนาม ท่ามกลางท้องฟ้าที่ยังสดใส แต่เห็นเมฆหนาทะมึนอยู่ไกลๆ
เมื่อมาถึงสุสาน ไกด์บอกว่าไม่จำกัดเวลา มาพร้อมกันเมื่อไรก็ออกรถได้ทันที หากไม่ต้องรอใคร เราจะไปถึงเมืองฮอยอันไม่มืดนัก ดูเหมือนคณะทัวร์ของเราจะเป็นพวกไปเร็ว ถึงก่อน และกลับก่อน แต่น่าแปลกที่มักจะไปถึงร้านอาหารทีหลังทัวร์คณะอื่นๆเสมอ
สุสานจักรพรรดิไคดินห์ ห่างจากเมืองเว้ 10 กม. แว๊บแรกที่เห็น ผมรู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆ ความใหญ่โตและคราบสีดำของราจับอยู่ทั่วไป เดินขึ้นไปด้วยความรู้สึกคนละแบบกับการไปชมปราสาทหิน ปราสาทหินจะเก่ามากจนรู้สึกว่าไม่สัมพันธ์กับผู้ชม แต่สุสานแห่งนี้มีเรื่องราวร่วมสมัยเมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อมาถึง ไฟท์บังคับให้ผู้มาเยือนต้องแหงนคอตั้งบ่ามองขึ้นไป สิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างกับดินแดนอีกโลกหนึ่ง ไม่มีความกลัวใดๆ หลังจากเดินชมอยู่หลายรอบแล้ว ผมเข้าใจไกด์ทันทีว่าทำไมจึงไม่จำกัดเวลา มีคณะทัวร์อื่นๆไปชมพร้อมกลุ่มของเราจำนวนมาก อยู่กันไม่นานก็เร่งรีบจะกลับกันทั้งนั้น หรือว่าแถวนั้นไม่มีแหล่งช้อปปิ้ง?
จักรพรรดิไคดินห์ (พ.ศ. 2428-2468) กษัตริย์องค์ที่ 12 ของราชวงศ์เหงียน ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2459 โดยการสนับสนุนของฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าอานานิคมในสมัยนั้น สร้างขึ้นเมื่อครองราชได้ 4 ปี ใช้เวลาสร้าง 11 ปี (พ.ศ. 2463-2474) สุสานแห่งนี้จึงเสร็จภายหลังจากองค์จักรพรรดิสิ้นพระชนม์แล้วขณะที่มีพระชนมายุเพียง 40 ปี
ความสวยงามของสุสานแห่งนี้ เป็นศิลปะอย่างฝรั่งผสมผสานกับเวียดนามที่เข้ากันได้อย่างกลมกลืน สร้างอยู่บนเนินเขา มีบันไดขึ้นไป และมีลานพักเป็นชั้น ๆ
ทางเดินขึ้นสุสานได้รับการตกแต่งเป็นบันไดมังกรไปสู่ลานชั้นหนึ่ง จากนั้นมีบันไดต่อไปยังลานชั้นสองที่เรียงรายด้วยรูปปั้นหินของช้าง ม้า ข้าราชการทหารและพลเรือน กลางลานมีแผ่นจารึกเขียนด้วยอักษรจีน นิพนธ์โดยพระเจ้าเบ๋าได่ เพื่อรำลึกถึงพระบิดาของพระองค์
นับจากการเดินเข้าภายในสุสานด้านบนนี้ แบ่งไว้เป็นสามห้อง ห้องริมสุดซึ่งเป็นห้องแรกที่เปิดให้เข้าสุสานเป็นห้องขายบัตร ของที่ระลึก ห้องชมวีดีโอ และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าสุสานนอนพัก
ผนังภายในบางส่วนและเสาตกแต่งด้วยการฝังกระจกสีและกระเบื้องที่กระเทาะมาจากช้อน ถ้วย ชามของจีนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ประกอบเป็นเรื่องราวของสัตว์ ต้นไม้ และดอกไม้ คนดูต้องมองทิ้งระยะสักหน่อยจะได้ภาพที่สวยงาม น่าสนใจตรงที่ทุกชิ้นที่ปะติดกันอย่างลงตัว และสะอาดเอี่ยมเหมือนเพิ่งทำเสร็จเมื่อวานนี้เอง
ผมเคยอ่านเจอว่า คนเฝ้าสุสานบอกกับผู้ไปชมครั้งหนึ่งว่าลวดลายบนผนังหรือเพดานนั้น เขาเคลือบน้ำยาชนิดหนึ่ง ทำให้ไม่ต้องทำความสะอาด ไม่มีแมลงรบกวน แม้แต่ใยแมงมุมก็ไม่เห็น คนทำความสะอาดกวาดถูแค่พื้นของสุสานเท่านั้น เท็จจริงอย่างไรไม่ยืนยันครับ
กลางห้องโถงมีภาพมังกรในม่านเมฆขนาดใหญ่ที่วาดโดยใช้ศิลปินที่เขียนภาพด้วยเท้า มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยบภาพวาดนี้
ส่วนกลางหน้าสุดมีแท่นที่บูชาและด้านในมีรูปหล่อจำลองเครื่องทรงจักรพรรดิ์
ห้องในสุดของสุสาน เป็นที่ตั้งของรูปหล่อจักรพรรดิ์ไคดิงห์ด้วยสำริดจากประเทศฝรั่งเศสเท่าองค์จริง พระองค์มีลักษณะรูปร่างเล็กบอบบางมาก รอบเอวสัก 25 นิ้วเห็นจะได้ รอบข้างมีภาพพระราชชนนีและภาพพระราชวงศ์ พร้อมภูษา เข็มขัด ใส่ตู้ไว้ให้ชม
การมาสุสานจักรพรรดิ์ของผมในครั้งนี้ ถือว่านอกเหนือความคาดหมายเหมือนมีพลังบางอย่างส่งให้ตระลึงงัน จนไม่รู้จะถามอะไรจากไกด์ ได้แต่เดินวุ่นๆอยู่ในนั้นราวกับหนูติดจั่น เคยได้ยินมาว่าแม้สุสานจักรพรรดิไคดินห์จะเล็กกว่ากษัตริย์พระองค์อื่นของราชวงศ์เหงียน แต่ความสวยงามมีมากกว่าทุกแห่ง
Create Date : 20 สิงหาคม 2553
Last Update : 28 สิงหาคม 2553 8:32:14 น.
25 comments
Counter : 3547 Pageviews.
Share
Tweet
ชัดเจนทั้งภาพและคำบรรยาย ขอบคุณค่ะ
โดย: คนที่ไม่มีอะไรกับใคร IP: 172.16.29.78, 119.42.81.169 วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:9:42:45 น.
เล่าเรื่องได้ละเอียดลึก ภาพที่ถ่ายทอดมาดูน่าตื่นตาตื่นใจมากครับ
ว่าแต่ตัวของผู้เล่าทำไมไม่ฉายให้เห็นบ้างละครับ
อาหารละครับอร่อยไหม ที่พักเป็นอย่างไร อันนี้ก็น่ารู้มากครับ เผื่อผมจะตัดสินใจมาบ้างในครั้งหน้า
สมาคมของผมเคยมาเขมรแต่ไม่เคยมาเวียดนาม
โดย: ลุงบูลย์ (
pantamuang
) วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:10:00:26 น.
สร้างกริตเตอร์
ตามไปอ่านตอน๒แล้ว ประทับใจมากๆเลยค่ะคุณ im ดูแล้วเวียดนามก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติอื่นเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสมาก่อน คิดถึงเสมอค่ะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:11:26:42 น.
บรรยายประกอบภาพชัดเจนค่ะ จับภาพได้มุมสวยและน่าสนใจค่ะ
โดย:
nathanon
วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:12:56:05 น.
สวัสดีวันสีฟ้าค่ะ บ้านเมืองเขาก็สวยงามน่าเที่ยวไม่แพ้บ้านเรา แต่ก็ขอเป็นคนบ้านเราดีกว่า คะแนน GAT PAT ยังไม่ได้ถามลูกสาวเลยค่ะ วันนี้ต้องติดตามซะแล้ว แล้วจะแจ้งข่างค่ะ
โดย:
ไผ่สวนตาล
วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:13:30:46 น.
ชอบภาพถ่ายครับ สวยคมมากเลย เนื้อหาก็ดี เยี่ยมเลยครับ น่าจะยังมีตอนต่อไปใช่ไหมครับ
โดย:
ปลายแป้นพิมพ์
วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:20:25:30 น.
best details ever!!!!!!ชอบจังค่ะ เรียกว่าหนังสือท่องเที่ยวชิดซ้ายไปเลย ในเนื้อหาที่พี่อิมเล่ามา.......
เจดีย์นั้นทำให้นกนึกถึงยาหอมตรา5เจดีย์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้55555...( แซว เล่นนะคะ )
หายเหนื่อยแล้วแต่พรุ่งนี้มีงานต้องไป...และวีคหน้าตลอดทั้งวีคคงยังจะไม่ได้ทำบล็อก เตรียมทริปปารีสอีกแล้วค่ะพี่อิม...คิดในแง่ดีคงได้ถ่ายรูปมาอวดอีกเหมือนเคย^^
โดย: popang IP: 110.168.124.182 วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:20:04:11 น.
ตามมาเที่ยวเว้ต่อค่ะ บรรยากาศดูสงบดีจัง ภาพที่ถ่ายริมน้ำ เห็นฟ้ากว้าง ๆ ดูแล้วสบายตามากเลยค่ะ
สถาปัตยกรรมของเวียตนามดูสวยแล้วก็มีเอกลักษณ์ดีนะคะ ย่ิงสุสานจักรพรรดิไคดินห์ ทั้งรูปทรงและลวดลาย ด้านนอกก็ว่าสวยแล้ว ข้างในยิ่งงามใหญ่
อยากรู้จังว่าเขาใช้น้ำยาอะไรเคลือบลวดลายบนผนังและเพดานของสุสาน ทุ่นแรงดีชะมัด ไม่ต้องทำความสะอาดแถมยุงไม่ไต่ ไรไม่ตอมด้วย
โดย:
haiku
วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:21:18:22 น.
ตามไปเที่ยวเวียตนามต่อไป...
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ทำให้ระลึกขึ้นได้ว่า
ความประทับใจที่ดูเหมือนจะเป็นที่สุดในการไปเที่ยวดินแดนแห่งนี้ก็คือ...
รู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนต่อราคาสินค้าได้เก่ง
ทั้งที่ตอนอยู่เมืองไทย พ่อค้าแม่ค้าบอกราคามาเท่าไร
มักจะไม่ค่อยกล้าต่อ หรือต่ออย่างมากก็เล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่พอไปถึงเวียตนาม กลับกลายเป็นตรงข้าม
อาจเป็นเพราะศึกษาข้อมูลไประดับหนึ่ง และได้รับการกำชับกำชาจากไกด์ว่า
ให้ต่อมาก ๆ ต่อแบบไม่ต้องเกรงใจ
จึงลองสวมวิญญาณคุณชายต่อแบบเข้มข้น
ดูเหมือนพ่อค้าแม่ค้าชาวเวียตนามที่ขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อขายให้กับชาวไทย
เขาก็คงรู้ว่า คนไทยชอบต่อ ก็เลยต้องบอกราคาผ่านไปแบบหลายร้อยเปอร์เซ็นต์
พอคนไทยต่อแหลก คนขายก็อิดออดพอเป็นพิธี
คนไทยแกล้งเดินหนี พ่อค้าแม่ค้าก็จะลดราคาลงมาสักนิดหนึ่ง
ถ้ายังเล่นตัวต่อไป ราคาก็จะลดลงเรื่อย ๆ
ของบางชิ้น สามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่เขาบอกขายในตอนแรก
แม้กระนั้นก็ตาม...
พอขึ้นมาบนรถ นักต่อทั้งหลาย ก็มักจะพบว่า ยังมีคนที่ต่อได้ถูกกว่าเราอีก
ทุกครั้งที่ขึ้นรถ จึงมักจะระเบ็งเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะ ของนักท่องเที่ยวชาวไทย
ประกวดกระชันกันว่า ใครซื้อของอะไรได้ในราคาถูกกว่ากัน
เป็นบรรยากาศที่ชวนประทับใจยิ่งนัก ความแปลกหน้าระหว่างกันหายไปตอนไหนแทบไม่มีใครสังเกต
ที่ชอบใจอย่างยิ่งก็คือ พ่อค้าแม่ค้าชาวเวียตนาม เขาไม่เคยแสดงอาการโกรธขึ้ง เวลาพวกเราต่อราคาสินค้าของเขาแบบไม่มีเกรงอกเกรงใจ
อย่างเช่น เขาบอก 3 หมื่นดอง เราต่อเหลือ 8 พันดอง ก็ยังเคย
พ่อค้าแม่ค้าเขามืออาชีพจริง ๆ ขายได้เขาก็ขาย ขายไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่มีการตีสีหน้าใส่
นับเป็นเรื่องประทับใจที่สุดที่ได้รับจากดินแดนแห่งนี้....
ขอบคุณคุณอิมที่ช่วยมารื้อฟื้นความทรงจำอีกครั้งครับ..
โดย:
ลุงแว่น
วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:22:34:07 น.
ตามมาเที่ยวเวียดนามด้วยคนค่ะ .. โบราณสถานเขาสวยงามดีเหมือนกันนะคะ .. ยังไม่เคยไปเลยประเทศนี้ ..
โดย:
Devonshire
วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:10:24:49 น.
สร้างกริตเตอร์
ตามมาเที่ยวดานังด้วยคนค่ะคุณimสบายดีนะคะ ระลึกถึงเสมอค่ะ
โดย:
เรือนเรไร
วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:11:39:18 น.
สวัสดีวันสีเหลืองค่ะ แวะมาตอบเรื่อง Gat Pat ค่ะ ลูกสาวไม่ได้สอบค่ะ รอสอบม.6 ทีเีดียวค่ะ คุณ IM มีความคิดเห็นเรื่องเด็กกับการเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาอย่างไรบ้างคะ ช่วงนี้กำลังลงทะเบียนแต่ละสถาบันเลยค่ะ แต่เริ่มเรียนตุลาโน่่นแน่ะ ถ้าคิดในเชิงธุรกิจก็เอาเงินเราไปฝากกินดอก่อนนี้นา ไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องทำ เพราะลูกเราอยากเรียนนี่นา
โดย:
ไผ่สวนตาล
วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:12:17:58 น.
แวะมาส่งคุณIM เข้านอน ระลึกถึงเสมอค่ะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:22:43:10 น.
สวัสดียามเช้าครับพี่
ผมชอบการเขียนเล่าเรื่องของพี่จังเลยครับ
อ่านเพลินมากๆ
เมื่อดูรูปไปพร้อมกัน
ยิ่งเห็นภาพเลย
ส่วนเรื่องการต่อรองราคา
สงสัยเป็นดีเอ็นเอจากชาวจีนเลยนะครับพี่ 5555
ต่อกันแบบไม่สนใจราคาตั้ง
เพราะฉันจะซื้อในราคาที๋ฉันพอใจ 5555
ศาสนาในเวียดนามสำหรับคนที่ยังศรัทธามหายาน
น่าจะชื่นชมหลวงปู่ติช นัท ฮันน์มากเป็นพิเศษนะครับ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:5:23:45 น.
มีภาคสี่ไหมครับ
โดย: แมวหง่าว (
chaiwatmsu
) วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:19:14:01 น.
มีภาค 4 อีกตอนครับ
โดย:
Insignia_Museum
วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:20:00:54 น.
ผมดีใจมากครับพี่
ที่ทุกวันนี้ยังอัพบล้อกได้ 555
ตอนแรกคิดว่ามีลูกคงจะได้เล่นบล้อกน้อยลง
แต่ก็ยังพออัพได้ทุกวันอยู่
เพียงแต่ต้องจัดสรรเวลาให้ดีดีด้วยน่ะครับ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:21:59:16 น.
ขอบคุณมากนะคะที่แวะไปฟังเพลงครูสุรพลหลายรอบ อัพเป็นบล็อคสุดท้ายแล้วค่ะ ชอบเพลงครูสุรพลมานานมาก เพิ่งจะมีโอกาสทำบล็อคเกี่ยวกับตัวท่านและได้รู้หลายเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ดีนะที่คุณคีตา พญาไทเขียนไว้ไม่กี่ตอน ไม่งั้นคงได้อัพยาวแน่
โดย:
haiku
วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:22:06:51 น.
เวียตเนียมเป็นประเทศที่เงียบๆไม่กระตืนรือล้น บ้านเมืองเริ่มสงบ ไม่เคยไปค่ะ เป็นเพียงความรู็สึกเท่านั้น
เเต่ถึงอย่างไรก็ยังประทับใจกับถ้ำที่นำมาลงคร้งก่อน
ต้องไปค่ะ อยากเห็นสภาพชีวิตว่าระหว่างสงครามนั้น ผู้คนได้รับความบีบคั้นเเค่ไหน
มาชวนไปชมวัดญี่ปุ่นวัดหนึ่งที่ถูกสถาปนาเป็นมรดกโลก
เราอาจมองเห็นวัตถุนั้นเสมือนทรายเรียบๆกับก้อนหิน เเต่ทุกอย่างมีความหมายของการจัดเป็นเอกลักษณ์
โดย:
YUCCA
วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:2:07:12 น.
หวัดดีวันพุธค่ะคุณอิม
เวียดนามเนี่ย มินก็ตั้งใจว่าจะไป ๆ อยู่เรื่อย
แต่ พอจะไปจริง ๆ มันต้องเลี้ยวไปที่อื่นทู๊กทีค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
หมายถึง เพื่อน ๆ มันไม่อยากไปอ่ะ
เอ้า .. ว่าไง ว่าตามกันค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ
โดย:
มินทิวา
วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:8:57:57 น.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับพี่
แต่ผมคงไม่ไ่ด้่ลงไปลุ้นคำตัดสินในรอบสุดท้ายที่กรุงเทพแล้วล่ะครับ
ไม่สะดวกจะลางานสองวันครับ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:22:10:10 น.
แวะมาทักทายค่อนข้างดึก เริ่มยุ่งอีกแล้วหลังจากที่ รีแล็กซ์ได้ไม่ถึงอาทิตย์ ผอ.สั่งการมาให้คิดคอนเซ็ปต์การแสดงในงานเปิดปิดกีฬากลุ่ม....ยังคิดอะไรไม่ ออกเลยค่ะ คุณim สบายดีนะคะ ถึงแม้จะยุ่งเพียงใดก็จะไม่ลืมที่จะมาเยี่ยมเยียนกันค่ะ
โดย:
เกศสุริยง
วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:0:45:22 น.
สวัสดีค่ะคุณไอเอ็ม...
อ่านแล้วอยากได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวเวียดนามมั่งจังเลยค่ะ..จ๊อกโดดข้ามมาอ่านตอน 3 เลยเดี๋ยวต้องกลับย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้าซะแล้ว...ค่ะ ...สวยตื่นตา..กับภาพที่เอามาฝากและตื่นใจกับเรื่องราวที่เล่าให้ขานให้ฟังน่ะค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะ
โดย:
คนชุมแสง
วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:0:56:50 น.
ตามมาเที่ยวตอนที่ 3 ครับ
โดย:
wicsir
วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:16:49:32 น.
ได้ผ่านหูผ่านตามาบ้างเหมือนกันค่ะ เรื่องพระที่ไปเผาตัวเอง ป้าเดซี่ว่าเป็นการประท้วงที่ทรมานจังเลยนะคะ พาลทำให้นึกถึงการประท้วงอดข้าวของบางคน เห็นอีตาคนนี้ทีไรอวบมาเชียว ทำให้นึกถึงว่าแกมาประท้วง แถมได้ไดเอ็ต สองเด้งเชียว
สุสานสวยมากเลยค่ะ ทั้งภายในภายนอกเลย ศิลปะเค้าคล้ายกับของจีน แต่ดูอ่อนช้อยกว่านะคะ
อ่านถึงเรื่องน้ำยาเคลือบผนัง-เพดานเนี่ย ที่บ้านป้าเดซี่จะมีเฟอร์นิเจอร์ไม้เยอะ ก็จะมีน้ำยาทำความสะอาดซึ่งพอเช็ดแล้ว มันจะช่วยเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไปด้วย สังเกตเหมือนกันว่า เราแค่ปัดฝุ่นบ้างเท่านั้นเอง สวยแล้ว คงใช้หลักการเดียวกัน
โดย:
Oops! a daisy
วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:17:37:07 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [
?
]
ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
ทากชมพู
ลุงแว่น
ลุงกฤช
จันทร์ไพลิน
nathanon
คนตาพิการ
Fullgold
kangsadal
sugarjun
วันวานที่ผ่านมา
Oops! a daisy
sansook
Why England
haiku
solex
โอน่าจอมซ่าส์
อันต้า
ไผ่สวนตาล
nai-nu-19
ยิปซีสีน้ำเงิน
HoneyLemonSoda
bite25
Devonshire
YUCCA
ลิงน้อยเอ็นจอยเขียน
นัทธ์
คนชุมแสง
ซองขาวเบอร์ 9
นักล่าน้ำตก
ปุราณ
มินทิวา
sazaa
pantamuang
กลีบดอกโมก
เกศสุริยง
ปลายแปรง
เริงฤดีนะ
popang
chaiwatmsu
madame_vann
วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
รัชชี่
dj booboo
แม่น้องกะบูน
sushiha
It-ta-tee
ปลายแป้นพิมพ์
กะว่าก๋า
yyswim
ดาวส่องทาง
สกุลเพชร
เรือนเรไร
อาคุงกล่อง
ทีแปลง
tuk-tuk@korat
jamaica
4leafwonder
สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
fuzz_zi3
Dingtech
หนุ่มร้อยปี
เจียวต้าย
อุ้มสี
peeradol33189
hellojaae
ธารน้อย
ดาวริมทะเล
kimmybangkok
ลุงแก่
วันสดใส
buraneemeo
pantawan
toor36
namfaseefoon
deco_mom
น้ำผึ้งเดือนสิบสาม
victoire_mod
กระต่ายธาตุไม้
andrex09
AppleWi
bluecandleshop
kuky
ข้ามขอบฟ้า
ดอยสะเก็ด
ไอศครีมรสช๊อกโกแลตชิพ
ฝากเธอ
ประกายพรึก
ฝากเธอ2
**mp5**
mambymam
ปราสาททรายสีรุ้ง
Close To Heaven
นธีทอง
kae+aoe
เวียงแว่นฟ้า
lovereason
Ariawah Auddy
เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน
sawkitty
ถปรร
ตุ๊กจ้ะ
เรียวรุ้ง
กาบริเอล
newyorknurse
บ้านต้นคูน
เศษเสี้ยว
ออมอำพัน
ชีริว
Quel
ไวน์กับสายน้ำ
Sakormaree
คนผ่านทางมาเจอ
Sai Eeuu
สดายุ...
หมุยจุ๋ย
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน
tanjira
ล้งเล้งลัลล้า
mariabamboo
คนบ้านป่า
เพรางาย
สายหมอกและก้อนเมฆ
Rananrin
สันตะวาใบข้าว
ที่เห็นและเป็นมา
นกสีเทา
NENE77
เจ้าหญิงไอดิน
The Kop Civil
หอมกร
ตะลีกีปัส
JinnyTent
มาช้ายังดีกว่าไม่มา
SertPhoto
Webmaster - BlogGang
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
Truehits
ปทุมคงคาในความทรงจำ
ชวยคุยเรื่องเครื่องหมาย
"อาร์ม" กองพันเสือพราน
ชีวิตริมคลองก่อนใช้ถนนสัญจร
แอนิเมชั่นจากภาพวาดสีน้ำมัน
ไปดูศิลปะสมัยอยุธยาในวัดแถวฝั่งธนบุรี
เครื่องหมายนักโดดร่มของไทย
แหล่งท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2500
ภาพถ่ายของเมืองไทยสมัยก่อน
สวนมะม่วง
สวนกล้วยไข่
สวนมะละกอ
ลมว่าวมาแล้ว...
เงินในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
โรงรับจำนำที่รัก
คุณตาพัน หมอดังเมืองพัทลุง
กุมารทอง
หนึ่งในดำเนิน
เครื่องจักสานที่มีชีวิต
ผลไม้ที่กำลังจะถูกลืม
ค่าแรงรับจ้างทำงานในสวน
รวมเข็มโรงเรียนพณิชยการ
รวมเข็มพยาบาลและการแพทย์
"น้องจ๋า" นักกิจกรรม
ลูกเสือหรือลูกสิงห์
โปสการ์ดเหรียญและเงินตราต่างๆของไทย
โปสการ์ดเครื่องราชอิสริยาภรณ์
U.S. Patch ป้ายทหารอเมริกันฝีมือคนไทย
U.S. Patch ฝีมือคนไทย ตอนที่ 2
US Patch ฝีมืคนไทย ตอนที่ 3
น้ำมาแล้ว (ข้อเขียนช่วงน้ำท่วม)
บ้านกอไผ่ ชุมโจรหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
"ลุงซ้ง" คนโกยดิน
กราฟฟิตี้
ภาพถ่ายวันรับปริญญาของ "นุ่น"
นุ่นในวันซ้อมรับปริญญาที่ธรรมศาสตร์
มะม่วงกวนในหน้าร้อน
น้ำท่วมในโนยุคโน้นไม่เหมือนยุคนี้
ตำนานเรื่องม้าทหาร ตอนที่ ๑
ตำนานเรื่องม้าทหาร ตอนที่ ๒
จันตรี ศิริบุญรอด นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์
ขอร่วมไว้อาลัย อ.อวบ สาณะเสน
ล้วน ควันธรรม มนต์ขลังแห่งเสียงเพลง
พ.อ. สมัคร บุราวาศ ราชบัณฑิตในสาขาวิชาอภิปรัชญา
สมาน บุราวาศ นักบุกเบิกทางธรณีวิทยา
ตราสัญลักษณ์การบินไทย
มันเทศ มันชูกำลัง
เผือก อาหารทิพย์จากธรรมชาติ
ไชเท้า
มะเฟือง กลับมาเฟื่องอีกครั้ง
ลูกชิด
ต้นตะขบข้างบ้าน
ตามรอยภาพวาด
นักศึกษาวิชาทหาร
โรงเรียนเท็ฆนิคทหารบก (สะกดแบบเดิม)
ไทยไดมารู ห้างดังในอดีต
ยอดแห่งศิลปินที่อุทิศตนเพื่อศิลปะ
ลูเซียน ฟรอยด์
ภาพวาดสีน้ำมันของโยฮันส์ เวร์เมร์
แรมบรังด์
บาร์เนต นิวแมน
ยุวชนทหาร
เครื่องหมายลูกเสือชาวบ้าน
ภาพใต้แสงจันทร์ของจอห์น แอทกินสัน กริมสชอว์
ศรัทธาของเด็กชายวัย ๑๒ ขวบ เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน
หลงรักประเทศเพื่อนบ้าน
สองผู้สาว
มินตรา
อิวาน มารชุก
Who Am I?
ก่อนพักผ่อนระยะยาว
วาดภาพเป็นของขวัญ
ความไม่พอดี
โกลด มอแน (Claude Monet)
โทมัส โคล (Thomas Cole)
แสวงหาบางอย่างแต่ไปพบอีกอย่าง
เจนวาย
สาวสวมหมวก
เรื่องลึบสูรย์
ไปอบรมทำสติ๊กเกอร์
เขียนไว้ในภาพวาด
วาดด้วยคอมฯ
ชวนกันเดิน
วาดภาพหลานๆ
บางมุมของคนที่เกิดในยุคเบบี้บูม
3 คุณหมอที่น่าติดตาม
3 วันที่เชียงใหม่
วิ่งขึ้นตึกสูง
เมื่อลูกสาวออกเรือน
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.