น้ำ กับ ใจ
การมีน้ำใจเป็นของดีเพราะถ้าคนมีน้ำใจ หมายถึง อย่างน้อยมีเมตตา กรุณา และมุทิตา เป็นธรรมะ 3 อย่างในพรหมวิหารสี่ ร่างกายของคนเราก็เช่นเดียวกันถ้ามี น้ำ กับ ใจ อยู่ด้วยกันอย่างพอเหมาะแล้ว ทั้ง หัว และ ใจ ก็ทำงานได้ดี แต่ถ้าในร่างกายมีน้ำมากเกิน พอ และอยู่ไม่ถูกที่ เช่น ไปตกค้างอยู่ในปอดแล้ว หัว คงรู้สึกไม่สบายเพราะมีภาวะเหนื่อยหอบ หายใจได้ไม่สะดวกจากการที่น้ำไปอยู่แทนที่อากาศในปอดซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่มีภาวะน้ำท่วมปอดหายใจไม่ออก (หรือควรจะเรียกว่า หายใจไม่เข้ามากกว่า) ใจ ก็จะทำงานได้ไม่ดีเพราะไม่มีแรงพอที่จะสูบน้ำออกจากปอดได้ ที่เริ่มต้นไว้ว่า น้ำ กับ ใจ ถ้าได้อยู่คู่ และ พอ ดีกันนั้นเป็นของดี เนื่องจากหัวใจมีหน้าที่สูบฉีดเลือดซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำไหลไปตามหลอดเลือดเพื่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย การที่คนเราดื่มน้ำอย่างเพียงพอก็จะทำให้มีเลือดไม่ข้นและไหลเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือดของร่างกายได้อย่างดี (คือ เลือดไม่หนืด) ในขณะที่หัวใจทำงานปั๊ม (หรือบีบตัว) ครั้งหนึ่งจะมีเลือดออกจากหัวใจไหลไปตามหลอดเลือดแดงใหญ่ ถ้าเลือดหนืดหัวใจต้องออกแรงมาก ทำให้การบีบตัวครั้งหนึ่งๆ เลือดอาจจะออกจากหัวใจไม่ได้มาก ซึ่งเมื่อเลือดนี้ออกมาจากหัวใจแล้วจะไหลไปตามหลอดเลือดแดงและจะแยกแขนงไปตามหลอดเลือดแดงของอวัยวะต่างๆ ร่างกาย เช่น สมอง ตับ ไต ไส้ กล้ามเนื้อ แขนและขา แล้วจึงกระจายเข้าสู่เส้นเลือดฝอยเพื่อเลี้ยงอวัยวะเหล่านั้นและกลับเข้าสู่ระบบมาทางหลอดเลือดดำของอวัยวะนั้นๆ จากนั้นจึงย้อนกลับเข้าสู่หลอดเลือดดำใหญ่ก่อนกลับมาสู่ห้องหัวใจด้านขวาส่วนบน ซึ่งหัวใจห้องขวาส่วนบนนี้จะส่งเลือดลงมายังหัวใจด้านขวาล่าง มีหน้าที่ปั้มเลือดไปสู่หลอดเลือดแดงออกจากหัวใจไปยังปอดทั้งสองข้างเพื่อรับการแลกเปลี่ยนออกซิเจนกับอากาศที่เราหายใจเข้าในปอด เมื่อทำการแลกเปลี่ยนจนเลือดดำได้รับออกซิเจนดีแล้วกลายเป็นเลือดแดง เลือดก็จะกลับมาตามหลอดเลือดดำของปอดเข้าสู่หัวใจด้านซ้ายส่วนบนซึ่งจะนำเลือดกลับไปสู่หัวใจห้องด้านซ้ายส่วนล่างซึ่งเป็นห้องหัวใจที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงที่สุด ทำหน้าที่ปั๊มเลือดออกจากหัวใจกลับไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ อีกครั้งหนึ่งทางหลอดเลือดแดง จะเห็นได้ว่า ระบบไหลเวียนของเลือดในร่างกายคนเรา เป็นการไหลเวียนไปในทิศทางเดียว ถ้าเปรียบเป็นรถยนต์ก็เดินได้ทางเดียว คือ One way หัวใจและหลอดเลือดดำจะมีลิ้นหรือที่เรียกว่า Valve ทำหน้าที่ป้องกันการไหลย้อนกลับของเลือดในหลอดเลือดดำและระหว่างหัวใจห้องต่างๆ และระหว่างหัวใจกับหลอดเลือดแดง ย้อนกลับมาถึงเรื่องที่กล่าวว่า ถ้าได้รับน้ำเพียงพอจะทำให้ หัว และ ใจ ทำงานได้ดี คือ หัว ก็โปร่ง สมองก็แจ่มใส และ ใจ ก็มีความสุข คือ ได้รับน้ำเพียงพอ เลือดไม่หนืด ไม่ต้องออกแรงปั๊มมาก นอกจากนี้ถ้าเปรียบระบบหลอดเลือดของร่างกายเหมือนคลองส่งน้ำ คลองใดมีน้ำไหลเอื่อยๆ ไม่แรง ก็อาจเกิดการตื้นเขินหรืออุดตันได้ง่ายเมื่อมีขยะต่างๆ ลอยมาสะสมมากๆ ตรงกับข้ามกับคลองที่มีน้ำไหลเชี่ยวและแรงอยู่ตลอดเวลา แต่เกิดภาวะอุดตันหรือการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดคล้ายๆ กับมีขยะมาอุดตันหลอดเลือด ถ้าน้ำเพียงพอและเลือดไหลเวียนคล่องตัวดีโอกาสที่หลอดเลือดจะถูกอุดตันจากลิ่มเลือดก็น้อยลง อย่างไรก็ตามการให้น้ำต้องมีความพอดี โดยเฉพาะในคนที่มีหัวใจทำงานไม่ปกติ คือ ถ้าได้รับน้ำมากเกินควรอาจทำให้น้ำที่ร่างกายได้เข้านั้นไปอยู่ผิดที่ เช่น ในปอดหรือไปบวมอยู่ตามแขนตามขาได้ ธรรมดาแล้วร่างกายคนเราจะมีระบบการจัดการกับน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพดีมาก คือ เป็นระบบชลประทานที่เยี่ยมยอดที่สุด คือ ไต เมื่อหัวใจทำงานปกตินั้น ไตจะทำหน้าที่ควบคุมน้ำในร่างกายและในหลอดเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมตลอดเวลา การที่เราจะได้รับน้ำเพียงพอหรือไม่นั้น โดยทั่วๆ ไปสังเกตได้ง่ายจากการที่สีปัสสาวะเมื่อถูกขับออกมาจากไต ถ้าสีปัสสาวะใสใกล้เคียงกับสีน้ำเปล่าแล้ว แสดงว่า ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ หัวใจกับไตทำงานสัมพันธ์กัน แต่ถ้าหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่และเลือดในไตน้อย ไตก็จะขับน้ำไม่ได้เหลือน้ำในร่างกายมาก ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น บางครั้งปริมาณน้ำในร่างกายมีน้อยเนื่องจากการดื่มน้ำน้อยไปหรืออากาศร้อนจัด ร่างกายเสียเหงื่อมาก ปัสสาวะจะมีสีเข้ม ในทำนองเดียงกันภาวะที่มีอากาศเย็นจัดแต่มีความแห้งของอากาศรอบๆ ตัวมาก เช่น ขณะที่อยู่บนเครื่องบินแม้อากาศจะค่อนข้างเย็นแต่เพราะอากาศรอบๆ ร่างกายแห้งทำให้มีการระเหยของน้ำหรือเหงื่อมากกว่าปกติ ปริมาณน้ำในร่างกายก็จะมีน้อย และถ้าสังเกตจะรู้สึกว่าปากและผิวแห้งแต่ร่างกายจะไม่ค่อยมีความรู้สึกกระหายน้ำทำให้ดื่มน้ำน้อย หากสังเกตดูจะเห็นสีปัสสาวะขณะนั้นมีสีค่อนข้างเข้ม และเหลืองมากกว่าปกติ ผมมีผู้ป่วยชายอายุ 70 กว่าปีได้ ดูแลรักษากันมานานเรื่อง ลิ้นหัวใจรั่ว และหัวใจห้องล่างซ้ายมีการบีบตัวน้อยกว่าปกติเล็กน้อย ในช่วงแรกๆ รักษากันโดยให้ยารับประทานซึ่งก็สามารถควบคุมอาการ ทำให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ออกกำลังกายได้พอสมควร ผู้ป่วยคนดังกล่าวนี้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำทุกประการอย่างเคร่งครัด ควบคุมทั้งอาหาร น้ำหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอรวมทั้งดื่มน้ำเป็นประจำ วันหนึ่งมาพบผมตามนัดเนื่องจากสังเกตว่า เริ่มมีอาการผิดปกติ คือ ค่อนข้างเหนื่อยเวลาออกแรงและรู้สึกว่า ร่างกายทรุดโทรมลงไปในระยะเวลา 2-3 เดือนหลัง ในทีแรกผมนึกว่าเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวขึ้นเพราะเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีลิ้นหัวใจรั่วที่เป็นมานาน แต่เมื่อทำการตรวจร่างกายและเอ็กซ์เรย์ดู พบว่า หัวใจไม่โต ไม่มีภาวะหัวใจล้มเหลวหรือน้ำท่วมปอด และหัวใจยังบีบตัวได้แรงเป็นปกติเหมือนเดิมอีกด้วย จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและอื่นๆ ก็ไม่พบว่ามีภาวะหัวใจโตหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในผู้ชายสูงอายุ เมื่อนั่งคุยกันต่อไปสักพักหนึ่งก็ทราบว่าเขายังคงปฏิบัติตัวตามที่เคยได้รับคำแนะนำทุกประการอย่างดีรวมทั้งยังดื่มน้ำค่อนข้างมากกว่าเดิม คือ วันหนึ่งเกือบ 3-4 ลิตรและปรากฏว่า ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านไปนี้ เขาไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอเพราะต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำกลางดึกทุกคืน และทุกๆ 45 60 นาที จากการที่ดื่มน้ำมากก่อนนอนร่วมกับภาวะต่อมลูกหมากโตซึ่งเป็นอีกภาวะหนึ่งที่พบได้มากในผู้ชายสูงอายุ เมื่อได้ความดังกล่าว ผมจึงได้ให้คำแนะนำใหม่ คือ ให้ดื่มน้ำแต่เพียง พอ ดีและดื่มมากในเฉพาะช่วงกลางวัน และลดปริมาณการดื่มน้ำลงหลังจาก 6.00 โมงเย็นเป็นต้นไป ซึ่งปรากฏว่า หลังจากที่เขาได้ปฏิบัติตามคำแนะนำใหม่นี้ เขาตื่นขึ้นมาปัสสาวะกลางดึกเพียงแค่ 2-3 ครั้ง พักผ่อนนอนหลับได้เพียงพอและออกกำลังกายได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า ร่างกายคนเราโดยเฉพาะหัวใจของคนคนนั้นเอาใจค่อนข้างยาก ถ้าจะคิดถึงแต่ใจ (หัวใจ) เพียงอย่างเดียวก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้นทุกอย่างต้องทำแต่เพียง พอ ดี จึงจะทำให้เกิดความพอใจของทุกๆ อวัยวะในร่างกาย!
Create Date : 31 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2557 9:42:09 น. |
|
0 comments
|
Counter : 659 Pageviews. |
|
|
|