คนอิตาลีไม่ใช่นักดื่มกาแฟมากที่สุดในยุโรป ซึ่งคนที่ดื่มมากที่สุดคือ ชาวฟินแลนด์ แต่ชาติอิตาลีได้เชื่อมโยงเข้ากับวัฒนธรรมกาแฟ ที่เห็นได้ชัดเจนจากทุกๆ เมนูกาแฟ ได้ขึ้นไปอยู่บนกระดานเมนูของร้านขายกาแฟทั่วโลก ที่มีทั้ง เอสเพรสโซ่ มอคค่า และลาเต้ แต่ปัญหาการถดถอยทางเศรษฐกิจได้กระทบต่อวิถีการบริโภคกาแฟของพวกเขา โดยปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรปที่กำลังลุกลามอยู่ในขณะนี้ ทำให้คนอิตาลีจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด และการประหยัดในเรื่องกาแฟนั้น ก็มีแนวโน้มที่ชาวอิตาลีจะลดค่าใช้จ่ายในการซื้อกาแฟชงสำเร็จจากร้านขายกาแฟสด และหันไปเปลี่ยนเป็นการชงกาแฟบดดื่มเองที่บ้าน "ชาวอิตาลีหันไปชงกาแฟกินเองที่บ้านแทนการซื้อจากร้านค้ากันมากขึ้น" Raffaele Brogna ผู้ก่อตั้งชุมชนผู้บริโภคออนไลน์ กล่าวยืนยัน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดังกล่าวยังไม่กระทบต่อร้านกาแฟที่ชื่อ Bar Principe ซึ่งอยู่ใจกลางกรุงมิลานนัก แม้ราคากาแฟจะปรับสูงขึ้นมาก และแตะระดับสูงสุดในรอบ 34 ปี ในตลาดกาแฟโลกเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว แต่สำหรับทางร้าน Bar Principe ของ Fausto DAndrea ยังคงไม่ปรับขึ้นราคา เพื่อรักษาฐานลูกค้าของตนเองไว้ "ยอดขายกาแฟของเราลดลงเล็กน้อย แต่เราก็ไม่ปรับขึ้นราคา" เขากล่าวขณะเสริฟกาแฟและแซนวิชแก่ลูกค้า ทั้งบอกว่า ตนเองยังคงขายกาแฟเอสเพรสโซ่อยู่ที่แก้วละ 0.80 ยูโร ซึ่งต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของคู่แข่งที่อยู่ในย่านเดียวกัน คือขายที่แก้วละ 0.90 ยูโร ขณะที่ผู้บริโภคชาวอิตาลีเองได้หันกลับไปใช้หม้อต้มกาแฟแบบดั้งเดิมกันมากขึ้น ซึ่งเป็นหม้อชงกาแฟแบบที่คนรุ่นปู่ย่าเคยใช้มาก่อน เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์การถดถอยทางเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ บร็อกนา ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ออนไลน์ด้านการบริโภค เผยว่า จากการสำรวจกลุ่มผู้บริโภคที่ติดตามทางเฟสบุ๊กของตนกว่า 52,000 ราย และทางทวิตเตอร์ พบว่า ผู้บริโภคเหล่านั้นได้กลับไปใช้หม้อต้มกาแฟชงดื่มเองที่บ้าน เหตุผลหลักก็คือ ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย "หลังจากหลายปีที่ผ่านมา เราใช้เครื่องต้มกาแฟมาหลากหลายชนิด แต่ในที่สุดเราก็ได้กลับไปใช้เจ้าหม้อต้มกาแฟสุดโปรด ที่มีราคาถูกกว่า และมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วย" ฟรานเชสกา ลาร์ซิเนส ผู้บริโภครายหนึ่งเขียนลงในเฟซบุ๊ก สำหรับหม้อชงกาแฟ (Moka Pot) ใช้ตั้งบนเตาไฟ ผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1933 โดยโรงงานของ Alfonso Bialetti (ปัจจุบันทางโรงงาน Bialetti ยังคงผลิตในรุ่นเดียวกันภายใต้ชื่อ Moka Express) ซึ่งพบว่า ชาวอิตาลีเกือบ 80% ของจำนวนประชาชน ดื่มกาแฟที่บ้าน และเกือบ 60% มีหม้อต้มกาแฟแบบที่ว่านี้เป็นของตนเอง นอกจากนี้ ทางบริษัท Bialetti ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอยู่ในขณะนี้ ยังเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันไปซื้อกาแฟบดกันมากขึ้น แทนกาแฟแบบแคปซูล "ผู้บริโภคจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะที่พบว่าต้นทุนของกาแฟที่อัดใส่แคปซูลจะมีราคาสูงกว่ากาแฟบดธรรมดา" Gaia Mazzon หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารจากโรงงาน Bialetti กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเองได้เริ่มลงทุนผลิตเครื่องชงกาแฟที่สามารถใช้ได้ทั้งกาแฟที่ผลิตออกมาในรูปแผ่นกลมและแคปซูล และกาแฟบดด้วย ในขณะที่ความคิดเห็นของผู้บริโภคอย่าง Annalisa Di Modugno กล่าวว่า ตนเลือกที่จะจ่ายเงิน 0.85 ยูโร เพื่อซื้อกาแฟบด ห่อขนาด 250 กรัม ดีกว่าที่จะต้องจ่ายเงินถึง 30 ยูโรต่อเดือน เพื่อซื้อกาแฟแบบแคปซูล นั่นเพียงเพื่อเหตุผลของการประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้นจริงๆ อย่างไรก็ตาม Roberio Silva ผู้บริหารองค์กรกาแฟระหว่างประเทศ แสดงความคิดเห็นว่า ตนยังไม่พบการลดการบริโภคกาแฟของชาวอิตาลีลง นั่นเป็นเพราะกาแฟได้เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมการบริโภคของพวกเขา สอดคล้องกับความเห็นของ Enzo Serrani ผู้บริโภครายหนึ่งที่กล่าวยืนยันว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ตนจะลดการบริโภคกาแฟลง "ผมยอมที่จะลดเรื่องอื่นนะ แต่ไม่ใช่กาแฟแน่นอน" เขากล่าว Payday Loans in Palm Coast Florida Payday Loans in Deerfield Beach Florida Payday Loans in Boynton Beach Florida Payday Loans in Lauderhill Florida Payday Loans in Weston Florida Payday Loans in Fort Myers Florida Payday Loans in Daytona Beach Florida Payday Loans in Delray Beach Florida Payday Loans in Homestead Florida |