รักตัวเอง

<<
มิถุนายน 2557
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 มิถุนายน 2557
 

โรคยอดฮิต ความดันโลหิตสูง และ เบาหวาน

โรคยอดฮิต ความดันโลหิตสูง และ เบาหวาน
บทความน่ารู้ : เรื่องโรคยอดฮิต ความดันโลหิตสูง และ เบาหวาน
ที่นี่คือศูนย์รวมบทความที่น่าสนใจและให้ความรู้จากทุกมุมโลก เพื่อเป็นแหล่งความรู้สำหรับคนไทยทุกคน

โรคยอดฮิต ความดันโลหิตสูง และ เบาหวาน

จากการที่ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมโรงพยาบาลเกือบทั่วประเทศ รวมทั้งโรงพยาบาลชุมชน (อำเภอ) ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ผมแปลกใจมากที่ได้รับทราบว่าโรคลำดับต้น ๆ ที่โรงพยาบาลไม่ว่าจะอยู่ในถิ่นแร้นแค้นแค่ไหนพบมาก คือ โรคความดันโลหิตสูง (hypertension) และโรคเบาหวาน (diabetes mellitus) ที่ผมแปลกใจก็เพราะทั้ง 2 โรคนี้มักจะเกิดในผู้ที่มีอันจะกิน มักเป็นโรคที่พบในเมือง ไม่น่าจะใช่ในชนบท พบในประเทศที่เจริญแล้ว ในประเทศที่มีคนอ้วนมาก ๆ เช่น อังกฤษ อเมริกา แต่ปรากฏว่าคนไทยที่มีฐานะยากจน ที่ไม่อ้วนก็ยังเป็นโรคนี้

ผมจึงอยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนชาวไทยทุก ๆ คน (ถ้าเป็นไปได้) ได้รู้จัก 2 โรคนี้ รู้จักป้องกันตนเองไม่ให้เป็นโรคนี้ หรือถ้าเป็นแล้วรู้จักวิธีดูแลตนเอง ผ่อนหนักให้เป็นเบา ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าโรคนี้มีส่วนที่เป็นกรรมพันธุ์ ถ้าบิดามารดาเราเป็นโรค 2 นี้ เรามีสิทธิเป็นมากกว่าผู้ที่บิดามารดาไม่เป็นโรคนี้ ประเด็นที่สำคัญ คือ ครึ่งหนึ่งของผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงไม่มีอาการ บางครั้งกว่าจะรู้สึกก็เลือดออกในสมองเป็นอัมพาตไปแล้ว ฉะนั้นทุกท่านถ้ามีโอกาสควรไปวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะถ้าอายุ 40 ปีขึ้นไป ถ้าความดันโลหิตของท่านสูง

วิธีการรักษาง่าย ๆ มีอยู่ 3 อย่าง คือ

หนึ่ง ควบคุมการรับประทานอาหาร
สอง การออกกำลังกาย และ
สาม ทานยาตามแพทย์แนะนำ

ทั้งโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน เมื่อเป็นแล้วไม่หายขาด จะต้องได้รับการรักษาไปตลอดชีวิต แต่ชีวิตท่านอาจจะยืนยาวเหมือนไม่เป็นโรค ถ้าท่านดูแลสุขภาพของท่าน อาการของโรคเบาหวาน คือ ดื่มน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย (ถึงแม้ไม่ดื่มน้ำ) ทานจุแต่ผอม เพราะร่างกายจะปล่อยน้ำตาลออกมาในปัสสาวะ ทำให้ร่างกายต้องปล่อยน้ำ (ปัสสาวะ) ออกมาเพื่อละลายน้ำตาลในปัสสาวะด้วย ถ้ามีอาการบางอย่างดังที่กล่าว โดยเฉพาะถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นเบาหวานควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเลือดดู

แต่ผมอยากให้ประชาชนทุกท่านวางแผนป้องกันการเกิดโรคทั้ง 2 ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ ออกกำลังกาย ควบคุมอาหารโดยมีเป้าหมายว่าขอให้ดัชนีมวลกายของแต่ละท่านอยู่ระหว่าง 18.5 - 23 ดัชนีมวลกาย หรือ body mass index, BMI คือ น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรกำลังสอง การออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพ คือ การเดินเร็ว ๆ วิ่ง ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน เต้นแอโรบิก ฯลฯ ครั้งละ 30-60 นาที อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือทุกวันถ้าได้ โดยออกกำลังให้เหงื่อออก (ถ้าอยู่ข้างนอก) หอบเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่ถ้าวัดชีพจรได้ก็ให้ชีพจรเต้น 70% ของ (220 - อายุปี ซึ่งก็คือความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้)

การรับประทานอาหารที่ถูกหลักแบบง่าย ๆ คือ การทานหนักไปทางพืช ผัก ถั่ว เห็ด เต้าหู้ ปลา ไก่ (ไม่กินหนัง) เป็นหลัก ไม่ทานข้าวมาก หลีกเลี่ยงกะทิ หนังสัตว์ มันสัตว์ เครื่องใน ไข่แดง ของหวาน น้ำตาล น้ำหวาน ถ้าประชาชนทั้งประเทศเพียงแต่คุม BMI ให้อยู่ต่ำกว่า 23 ประเทศไทยจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค 2 โรคนี้และโรคอื่น ๆ เป็นแสนล้านบาทต่อปี! ทุกท่านต้องดูแลตนเองครับ อย่าปล่อยตัวเองแล้วต้องไปพึ่ง "30 บาท" "ประกันสังคม" หรือ "ราชการ" เลยครับ แพงมากและไม่ดีเท่าการไม่เป็นโรคครับ!




Create Date : 02 มิถุนายน 2557
Last Update : 2 มิถุนายน 2557 20:45:08 น. 0 comments
Counter : 306 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Hiomardrid
 
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add Hiomardrid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com