happy memories
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
27 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
หงษ์เหิร

ทำบล๊อคเข้าโหมดรำลึกฟามหลังอีกรอบ อัพบล๊อคป้าโจ๊วไว้แค่บล๊อคเดียวนานเป็นชาติ ตั้งใจว่าจะอัพต่อแต่ไม่ได้ฤกษ์สักที พอปีใหม่แล้วก็เลยกลับมาอัพให้เสร็จ งวดนี้เลยอัพทีเดียวสามบล๊อครวด บล๊อค "อำลา - อาลัย" และ "รำลึกถึงป้าโจ๊ว" เป็นข้อความและบทกวีที่บุคคลใกล้ชิดเขียนถึงป้าโจ๊ว หาข้อมูลได้เท่าไหร่ก็ใส่ไว้หมด บล๊อคเลยค่อนข้างยาว ส่วนบล๊อคนี้เป็นเรื่องราวและชีวประวัติของป้าโจ๊ว นำมาจากหนังสือ "๕o ปี เพ็ญศรี - รพีพร" พลิก ๆ ดูแล้วมีทั้งหมดสามสิบหน้า จะทะยอยอัพ บล็อคจะได้ไม่ยาวเกิน






หงส์เหิร - เพ็ญศรี พุ่มชูศรี





หงษ์เหิร
เนื้อร้อง - แก้ว อัจฉริยะกุล
ทำนอง - เวส สุนทรจามร

หงส์ เหม-ราชเอย
สง่าผ่าเผยงาม สคราญ
ณ แดนหิมพานต์ หวงตัวรักวงศ์วาน
หิมพานต์สถาน สำราญมา

หงส์ ร่อน ผกเผิน
บินดั้นเมฆเหิรเกิน ปักษา
กางปีกกวักลมท่วงทีสม
สง่า เหินลมล่องฟ้า นภาลัย

หงส์ ทรง ศักดิ์เรือง
ยามเจ้าย่างเยื้องงาม กระไร
สวยงามวิไล สวยเกินนกใดใด
เยื้องไปแห่งไหนสวยสอางค์

หงส์ ลง เล่นธาร
ต้องสระสนานธารสุรางค์
ลงสระอโนดาษชำระ ร่าง
ไซร้ขนปีกหางสรรพางค์กาย

ทรง หงส์ อ่อนงอน
ปกปิดซ้อน เชยฉอ้อน ช้อนโอบกาย
เคล้า คู่กัน ผัน เรียงราย
พร้อมกันว่าย แหวกธาร

ว่าย น้ำฉ่ำกาย
ต่างผันผาย พากันว่ายฟ้าเบิกบาน
เหิร สู่แดน แสน สราญ
ถึง หิมพานต์อันสุขใจ

ทรง หงส์ อ่อนงอน
ปกปิดซ้อน เชยฉอ้อน ช้อนโอบกาย
เคล้า คู่กัน ผัน เรียงราย
พร้อมกันว่าย แหวกธาร

ว่าย น้ำฉ่ำกาย
ต่างผันผาย พากันว่ายฟ้าเบิกบาน
เหิร สู่แดน แสน สราญ
ถึง หิมพานต์อันสุข





แม้ชื่อ "สุวัฒน์ วรดิลก" กับ "เพ็ญศรี พุ่มชูศรี" จะเคียงคู่กันมาในแวดวงวัฒนธรรม ทั้งในด้านวรรณศิลป์ ด้านการละครและเพลง แต่ภาพที่ประจักษ์แก่ตาคนทั่วไปในทุกยามที่มีการปรากฏตัวก็คือ คุณสุวัฒน์ วรดิลก หรือ "พี่อู๊ด" ผู้สูงสง่าต้องมาก่อนหรือต้องยืนอยู่ข้างหน้า ในขณะที่คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี หรือ "พี่โจ๊ว" แอบซ่อนอยู่ข้างหลังหรือยู่ในเงามืด จนกว่าจะมีการเรียกร้องให้ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ เพื่อทำในสิ่งที่คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรีต้องทำ เพราะคุณสุวัฒน์ วรดิลกทำไม่ได้ นั่นคือร้องเพลง

ครั้งหนึ่ง คนในแวดวงวรรณกรรมได้เห็นภาพที่ทั้งน่ารักและให้ความหมายที่ลึกซึ้ง เมื่อคุณสุวัฒน์ วรดิลก ถูกขอร้องให้ร้องเพลงและคุณสุวัฒน์ก็ตัดสินใจร้อง คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรีผู้ชำนาญในการร้องเพลง ก็ยังคงทำในสิ่งที่เคยทำเสมอมาสำหรับคุณสุวัฒน์ วรดิลก นั่นคือ เธอไปยืนอยู่ข้างหลังสามี เอามือแตะเอวด้านหลังพร้อมกับเคาะให้จังหวะเพลง ปากก็คอยบอกเนื้อเพลง เพลงที่ออกจากปากของคุณสุวัฒน์ วรดิลก จึงถูกต้องตามท่วงทำนองที่ควรจะเป็นทุกประการ เพราะผู้หญิงที่อยู่เบื้องหลังที่ชื่อ "เพ็ญศรี พุ่มชูศรี" นั่นเอง

ชีวิตคู่ของเขาทั้งสองขึ้น-ลง-ลุ่ม-ดอน-ร้อน-หนาว สาหัสสากรรจ์ ยามทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน ยามสุขก็สุขด้วยกัน คุณสุวัฒน์ วรดิลก เคยพูดทีเล่นทีจริงว่า "ดวงเราเหมือนกัน ติดคุกก็ติดด้วยกัน มีสุขก็มีด้วยกัน ไปงานไหนจับฉลาก ถ้าได้ของขวัญก็ได้เหมือนกัน เป็นศิลปินแห่งชาติก็เป็นด้วยกันอีก ดวงอย่างนี้ช่วยกันไม่ได้ เพราะตกพร้อมกันขึ้นพร้อมกัน

ไม่ว่าดวงจะตกดวงจะขึ้นอย่างไร คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรีก็ปรากฏอยู่ในดวงชีวิตของคุณสุวัฒน์ วรดิลก เสมอ ดังนั้น ดวงชีวิตของเธอเองจึงตื่นเต้นและขึ้นลงไม่แพ้ดวงของชีวิตของคุณสุวัฒน์ วรดิลก





ยากจนและรักดนตรี


เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เดิมชื่อ ผ่องศรี พุ่มชูศรี เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๗๒ ที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นบุตรีของนายผิวและนางจันทร์ พุ่มชูศรี พ่อรับราชการเป็นผู้คุม ส่วนแม่เป็นแม่บ้านรับจ้างทำอาหารบ้างเล็กๆน้อยๆ คุณเพ็ญศรีเล่าว่า

“พ่อไม่ค่อยมีเวลามากนักเพราะทำงานเป็นผู้คุม ช่วงหนึ่งเคยหัดจะเป็นเพชรฆาตแต่พอดีเขาเลิกไปก่อน” (เล่าไปก็ทำตาโตไป และหันไปทางคุณสุวัฒน์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยแล้วถามว่า “น่ากลัวไหม”)

เธอเล่าอีกว่า “เรามีกันสามชีวิตเท่านั้น ฐานะไม่ค่อยดีนัก พอตกเย็นพ่อก็ไปทำงานหารายได้พิเศษทีสโมสรข้าราชการ เวลาราชการเขาจะเลี้ยงอะไรกันเขาก็ให้แม่ทำกับข้าว...”
นายผิวเป็นคนสนใจดนตรี และคุณเพ็ญศรีสืบสายเลือดรักนี้มาจากพ่อ เธอเล่าว่า “แม่เล่าให้ฟังว่า ไม่ว่าดนตรีจะไปเล่นที่ไหนพ่อจะไปฟังเสมอ และถ้ามีโอกาสจะขอร่วมด้วยได้ก็จะขอทันที และเท่าที่สามารถทำได้ก็คือการตีฉิ่งซึ่งพ่อก็ชอบมาก เรียกว่ามีความสุขกับการฟังและการร่วมเล่น เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถทางการเล่นดนตรีชิ้นใดชิ้นหนึ่งอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

เพ็ญศรีเล่าถึงพ่อว่า “พ่อชอบชกมวยด้วย หารายได้พิเศษ ส่วนเม่...” เธอหยุดหัวเราะคิกๆ แล้วว่า “ชอบเล่นไพ่ตามประสาแม่บ้าน”

แม้จะไม่สุขสบายนักแต่เด็กหญิงผ่องศรี พุ่มชูศรีก็เป็นลูกสาวคนเดียว และได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่เป็นอย่างดี

เมื่อถามว่าตอนนั้นชอบร้องเพลงหรือยัง คุณเพ็ญศรีตอบว่า “โอ๊ย...ยังไม่รู้เรื่องอะไร ยังวิ่งเล่นสนุกสนานอยู่เลย”


ขึ้นเวทีที่กรุงเทพฯ


ครั้นถึงพ.ศ. ๒๔๘๓ พอเด็กหญิงผ่องศรีอายุได้ ๑๑ ปี เรียนหนังสือจบชั้นมัธยมสาม (เทียบเท่าชั้นมัธยม ๑ ในปัจจุบัน) ที่โรงเรียนสตรีเฉลิมขวัญ จังหวัดพิษณุโลกชีวิตก็พลิกผัน

ด้วยเหตุที่นายผิวใกล้ชิดกับผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องจากคอยรับใช้กันที่สโมสรข้าราชการในตอนเย็นที่โต๊ะบิลเลียด เมื่อมีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการคนเก่าย้ายไปจังหวัดอื่นและมีผู้ว่าราชการคนใหม่มา นายผิวก็เกิดทิฐิไม่อยากรับใช้ผู้รับราชการจังหวัดคนใหม่

“พ่อเป็นคนดื้อก็เลยทิ้งงานที่พิษณุโลกมาทำงานที่บริษัทเดินเรือทะเลกรุงเทพฯ แม่ก็เลยทิ้งการค้าขายตามพ่อลงมาด้วย การเรียนของดิฉันก็ขาดลง...”

เมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ ฐานะทางบ้านยิ่งขัดสนขึ้นไปอีก พ่อก็เปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายได้เป็นลูกจ้างเทศบาล ส่วนแม่รับจ้างเย็บเสื้อผ้าหารายได้มาจุนเจือครอบครัวบ้าง ส่วนเด็กหญิงผ่องศรียังไม่ได้เรียนหนังสือ วันหนึ่งในงานประจำฤดูหนาวที่วัดหัวลำโพง เด็กหญิงผ่องศรีวัยสิบสองแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงบานสีเหลืองตัวเก่งและตัวเก่า ขนาบข้างด้วยพ่อแม่เดินเที่ยวงานวัดกันอย่างตื่นตาตื่นใจ

คุณเพ็ญศรีเล่าว่า “งานวัดสมัยนั้นหรูหรามาก”

ขณะเดินเที่ยวชมงานอยู่นั้นเอง สามคนพ่อแม่ลูกก็ได้ยินเสียงประกาศมาจากเวทีประกวดร้องเพลง ”เชิญเลยครับเชิญร้องเพลงชิงรางวัล”

ไม่มีใครรู้ว่าเด็กหญิงผ่องศรีคิดอะไรในใจ ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นคืออะไร พระเจ้ากำหนดโดยชัดแจ้งหรือเหตุบังเอิญ ที่แม้มีพระเจ้าก็ไม่รู้พระองค์มาก่อน เด็กหญิงผ่องศรีทำนัยน์ตาเป็นประกาย หันไปบอกพ่อและแม่ว่า “หนูจะไปร้องเพลงประกวด”

แม่ทำหน้าตกใจ ในขณะที่พ่อผู้ต้องมนต์เสน่ห์ของเสียงเพลงมาตลอดชีวิตยินดี เขาพยักหน้าทันที เด็กหญิงผ่องศรีจึงปล่อยมือพ่อแม่และเดินตรงไปยังเวทีประกวด ท่าทางของเธอดูมั่นใจราวกับว่าเธอคือนักร้องอาชีพแล้ว





มีแววเป็นนักร้อง


ผู้ใหญ่คนหนึ่งที่จัดการประกวดเห็นหน้าเด็กหญิงผอม ๆ แห้ง ๆ แล้วก็อดขำไม่ได้ “...เอาสิหนู...” เขาบอกแบบไม่สนใจใยดีเท่าไหร่นัก และจัดการให้เด็กหญิงผอมกะหร่องได้ขึ้นไปร้อง แต่ทันทีที่เธอจับไมโครโฟนเท่านั้นคนส่งเธอขึ้นเวทีเองก็ยังตะลึงงัน

คุณเพ็ญศรีจำชื่อเพลงที่ขับร้องครั้งแรกบนเวทีไม่ได้ จำได้เพียงวรรคสองวรรคในตอนเล่าย้อน แต่บอกว่า “เป็นเพลงที่เขาร้อง ๆ กันในสมัยนั้นน่ะ”

เด็กหญิงผ่องศรีตื่นเต้นที่ได้เห็นสายตาของคนนับร้อยจ้องมาทางเธอเป็นตาเดียว ตื่นเต้นที่ได้จับไมโครโฟน และตื่นเต้นที่ได้ร้องเพลงและมีเสียงดังออกไป “เรือน้องที่ปล่อยลอยไว้...”

แก้วเสียงอันใสราวระฆังกังวานของเด็กหญิงผ่องศรี พุ่มชูศรี ไม่เพียงแต่ชนะใจกรรมการและคนฟังเท่านั้น หากแต่ยัง “เข้าหู” กรรมการคนหนึ่งเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เด็กหญิงผ่องศรี พุ่มชูศรี จึงได้รับรางวัลเป็นกระเช้าผลไม้พร้องจดหมายน้อยแถมมาในกระเช้าด้วย จดหมายน้อยนั้นมีข้อความที่คุญเพ็ญศรีจำได้คือ “มีแววที่จะเป็นนักร้องได้ ถ้าสนใจให้ติดต่อ”

นอกจากบอกสถานที่ติดต่อแล้ว จดหมายน้อยนั้นยังลงชื่อผู้เขียนคือ ศิวะ วรนาฏ หรือชื่อจริงคือ คุณชิน เนียวสกุล ซึ่งเป็นกรรมการคนที่เสียงของเด็กหญิงเข้าหูเขาเป็นอย่างยิ่งนั่นเอง ศิวะ วรนาฏ ในสมัยนั้นถือว่าเป็นนักแต่งเพลงผู้สร้าง “นักร้อง” ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในวงการ เด็กหญิงผ่องศรีไม่รู้หรอกว่าคนที่เขียนจดหมายน้อยให้นั้นดังขนาดไหน เธอเก็บที่อยู่นั้นไว้และวันหนึ่งจึงได้ใช้มัน





โดดเด่นบนเวที


งานวัดหัวลำโพงทำให้เด็กหญิงผ่องศรีติดใจ เธอจึงไปประกวดร้องเพลงตามงานวัดอีกหลายแห่ง เมื่อได้เงินหรือของรางวัลมาก็ให้แม่เอาไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน

คุณเพ็ญศรีบอกว่า “สมัยก่อนเยอะมาก ก็เลยมีความเป็นอยู่พออยู่ได้ คิดจะเรียนต่อก็ไม่เรียนเสียแล้วเพราะประกวดร้องเพลงมันเงินดี”

เด็กหญิงผ่องศรี พุ่มชูศรีออกล่ารางวัลร้องเพลงตามงานวัดในกรุงเทพฯ ได้มาทั้งหมด ๑๒ ถ้วย เป็นเด็กหญิงรุ่นเยาว์ที่ประกวดชนะหมดทุกรุ่น สมัยนั้นชาญ เย็นแข ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชอบประกวดร้องเพลงเหมือนกัน อายุไล่เรี่ยกัน บอกกับใครต่อใครทันทีที่ได้เห็นเด็กหญิงผ่องศรีว่า

“อย่าไปประกวดกับมัน...”

เพราะเด็กหญิงผ่องศรีชนะทุกรายการ

คุณเพ็ญศรีเล่าว่า งานประกวดร้องเพลงที่ประทับใจที่สุดคืองานประกวดครั้งสุดท้าย “ที่วัดดอน ยานนาวา วันนี้ภาคภูมิใจมาก ได้จับมือกับจำรัส สุวคนธ์ กรรมการ (หัวเราะ) โอ้โฮ เหมือนฝันเลย เพราะตอนนั้นเขาเป็นดาราดังมากทีเดียว...”

ถ้าจำรัส สุวคนธ์ มีชีวิตมาจนปัจจุบันนี้เขาก็คงภาคภูมิใจเหมือนกันว่า เขาได้จับมือกับคนที่เป็นศิลปินแห่งชาติในอนาคต ศิลปินแห่งชาติที่ในสมัยนั้น มาในภาพของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผอมแห้งเสียงดีที่ได้รับรางวัลที่หนึ่ง


บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 3 สิงหาคม 2556 19:31:06 น. 35 comments
Counter : 4449 Pageviews.

 
เจิมๆๆ มั๊ยเนี่ย


โดย: กวางตุ้งหวาน วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:43:41 น.  

 
เพลงเก่าๆ นี่ถ้าไม่ได้ฟังตามงานที่เค้าเปิด ก็ไม่ค่อยจะได้ยินแล้วนะ แต่พอนั่งๆ ฟังตอนเงียบๆ มันก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะ นึกถึงบ้านทรงไทย ริมน้ำอ่ะ ตอนกลางคืน เปิดวิทยุแบบลำโพง โอ๊ยยยย.....ย้อนไปเก่าขนาดนั้นเลยนะเนี่ย


โดย: กวางตุ้งหวาน วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:45:51 น.  

 
เป็นคู่ชีวิต คู่ทุกข์ คู่ยากที่แท้จริง

เพลงเพราะมากค่ะ


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:50:51 น.  

 
ขอบคุณตุ้งที่แวะมาเจิมจ๊ะ เดี๋ยวนี้หาฟังเพลงลูกกรุงเก่าๆแบบนี้ไม่ค่อยได้แล้วล่ะ เรามีซีดีเพลงของป้าโจ๊วอยู่หลายแผ่นที่เป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิม กะว่าจะอัพเพลงที่ชอบเก็บไว้ในบล๊อคด้วย

หยุ่ยยุ้ย...ทั้งสองท่านเป็นคู่แท้จริงๆ อ่านเรื่องราวชีวิตรักของท่านแล้วประทับใจสุดๆเลยค่ะ



โดย: haiku วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:03:10 น.  

 
มาร่วมไว้อาลัยด้วยคนครับ
ชื่นชอบผลงานของคุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรี มานานมากแล้ว แต่ละเพลงมีความไพเราะและมีความหมายดีมาก


โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:54:43 น.  

 
เสียงเพลงอมตะไม่มีวันเหือดหายไปจากใจคนฟัง

คุณไฮกุหายป่วยแล้ว ดีใจจัง
เมื่อวานก็เปิดบล้อกคุณไฮกุให้มาดามดูครับ


ฝันดีนะครับ



โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:44:04 น.  

 
emo บล๊อคคุณพี่ไฮกุเป็นคลังข้อมูลเรื่องเก่าที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยฮ่ะ emo emo

บล๊อคอิชั้นงามก็เพราะทั่นโจลี่กะทั่นแองจี้ให้ความเมตตาอ่ะค่ะ


โดย: wanna923 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:20:46 น.  

 
ชอบเสียงป้าโจ๊วมาก
โดยเฉพาะเพลง แสงดาวแห่งศรัทธา

เสียงแบบป้าโจ๊วนี่หายากจริงๆ


โดย: grappa IP: 58.9.191.117 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:22:23 น.  

 
สารภาพค่ะว่า เพิ่งตระหนักรู้ข่าวป้าเพ็ญศรีจากบล็อกนี้เอง

อ่านแล้วก็..นะ

วิถีทางของการเป็นดาวแต่ละคนนี่ไม่เหมือนกันจริงๆ ค่ะ



อืมม์..อ่านแล้วนึกถึงใครบางคนที่เคยบอกว่า

คู่ดวงต้องอย่าเหมือนกันมาก เวลาอีกคนล้มอีกคนจะได้ช่วยได้

มาประจักษ์ชัดก็ตอนได้อ่านเรื่องราวของท่านทั้งคู่นี่แหละค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:42:59 น.  

 
ไฮกุเลือกเพลงได้ถูกต้องมาก
ป้าโจ๊วร้องเพลงนี้ได้เพราะเหลือเกิน
แต่ของป้ามด .. ชอบเพลง "บางปะกง" มากที่สุดค่ะ


โดย: ป้ามด วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:54:03 น.  

 
ขอบคุณมากๆนะจ๊ะสำหรับกำลังใจ


โดย: ณ มน วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:13:42 น.  

 
ฟังไม่ได้อ่ะจ้ะ เขาทำงานอยู่เลยอดฟังเลย แถมวันนี้คอมพ์ประหลาดมาก พิมพ์ที่หน้าเวบไม่ได้ต้องก๊อปจากโนคแพทมาแปะ โฮย เซ็งเลยอ่ะ


โดย: ณ มน วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:06:48 น.  

 
อะโห

เม้นทไม่ถูกเลยก้ะ

แต่ก็ นับถือคุณๆที่ท่านมีความตั้งใจนะคะ


โดย: angy_11 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:23:40 น.  

 
เพราะมากมากเลย เก่งจังหา เพลง นี้มาได้อ่ะ


โดย: everything on วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:26:10 น.  

 
ลุงแอ๊ด...เห็นด้วยค่ะ จริงๆแล้วไม่เฉพาะแต่เพลงของป้าโจ๊ว เพลงยุคก่อนจะแต่งได้เพราะแล้วก็ความหมายดีทั้งนั้นเลยค่ะ

คุณก๋า...เพลงของป้าโจ๊วเรียกได้ว่าเป็นอมตะจริงๆ หยิบมาฟังเมื่อไหร่ก็เพราะ

แย่หน่อย ป่วยหลายวันเลยงวดนี้ ยังไงคุณก๋ากะมาดามก็ต้องระวังสุขภาพด้วยนะคะ

เอสจัง...ขอบคุณที่ชมจ๊ะ ไม่เสียแรงนั่งค้นข้อมูลอยู่หลายวัน คนแก่กะเรื่องเก่าๆก็เป็นของคู่กันอ่ะนะ

เอสจังได้ครูดีแถมมีหัวศิลป์ด้วย บล๊อคก็เลยออกมางามแต้ๆ

Grappa…ป้าโจ๊วเสียงเพราะมหัศจรรย์ หาคนเลียนแบบได้ยาก ว่ากันว่านักร้องต้องรักษาเสียง จะกินจะดื่มอะไรก็ต้องระวัง แต่เชื่อมั้ยคะว่าท่านดื่มเหล้าได้ไม่แพ้ผู้ชายเลยเชียวแหละ เรียกว่าต้องดื่มก่อนเสียงถึงจะใส

สาวไกด์...ถึงจะรู้ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็ยังเสียดายที่ท่านต้องจากโลกนี้ไป ท่านเกิดมาเพื่อเป็นนักร้องจริงๆค่ะ เราอ่านประวัติของป้าโจ๊วแล้วก็ทึ่ง ร้องเพลงเก่งแต่เด็ก ประกวดร้องเพลงงานไหนก็ชนะเรียบวุธ ถึงจะสูงวัยแล้วแต่คุณภาพเสียงของก็ไม่ได้ถดถอยลงเลย เคยดูท่านร้องสดในคอนเสิร์ต อายุใกล้เจ็ดสิบแล้วแต่เสียงยังใสปิ๊ง โหนเสียงสูงๆได้สบายๆ

ป้าโจ๊วกะลุงอู๊ดเป็นคู่แท้ที่หาได้ยาก ตอนที่มีความสุขไม่ต้องพูดถึง เวลาที่ต้องเจอปํญหาหรือตกทุกข์ได้ยาก ทั้งสองท่านไม่เคยทิ้งกันเลย กระทั่งยามที่จากโลกไป ลุงอู๊ดเสียได้ไม่นานป้าโจ๊วก็ตามไปติดๆ ถ้าสาวไกด์ได้อ่านเรื่องราวชีวิตคู่ของท่านแล้วจะประทับใจเหมือนเราค่ะ

ป้ามด...เพลงนี้ไม่มีใครร้องได้เพราะเท่าป้าโจ๊วแล้วค่ะ เป็นเพลงที่ร้องยากมากกกก เสียงต้องถึงจริงๆ เพลงบางปะกงก็ชอบเหมือนกันค่ะ เนื้อเพลงบรรยายธรรมชาติเพราะได้ใจ

ณ มน...ดีใจด้วยอีกรอบนะจ๊ะที่นิยายเล่มใหม่วางแผงแล้ว แจ่มใสออกแบบปกหนังสือได้สวยดีจัง

แล้วก็ต้องช่วยโคสะนาให้เพื่อนเหมียนเคย นิยายเล่มใหม่ของณ มน ชื่อเรื่องหว๊านหวาน “ร้อยเรียงเคียงรัก” เพื่อนบล๊อคหาซื้อมาอ่านได้เพราะวางแผงแล้วจ้า



จี้...555 บล๊อคนี้ทำให้จี้อึ้งถึงกะเม้นท์ไม่ถูก สงสัยว่าจะไม่ค่อยถูกโรคกะเรื่องเก่าๆ

คุณแมท...เราซื้อซีดีเพลงของป้าโจ๊วเก็บไว้หลายแผ่นค่ะ เป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิมด้วยน้า พอทำบล๊อคนี้เลยมีโอกาสได้เอามาใช้


โดย: haiku วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:47:32 น.  

 

สวัสดีตอนเย็นของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า







** มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงเสมอ นะจ้า **

ว้าวว เป้นบล็อกที่สวยแปลกตามากเลยอะจ้าคุณ ไฮกุ แถมเพลงก็เพราะด้วยอะ


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:56:14 น.  

 


มาชวนไปชมวิมานน้อยของลุงแอ๊ดครับ


โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:34:27 น.  

 
เก่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เก่ามากเลยค่ะ อิอิ



โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:39:46 น.  

 
ชอบเพลงนี้เหมือนกันครับ..เพราะดี...
ฟังแล้วได้อารมณ์คล้อยตามเหมือนมองดูฝูงหงส์เริงร่า...

ส่วนคุณรพีพร กับคุณเพ็ญศรีนี่ก็ความสามารถมากด้วยกันทั้งคู่...คู่รักศิลปินโดยแท้...



โดย: big-lor วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:45:12 น.  

 
เอ่อ ... สารภาพเหมียนกันฮ่ะว่า คุณเพ็ญศรี - รพีพร
เป็นคราย นักร้องประเภทไหนอ่ะค่ะ


โดย: pukpui_s วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:18:12 น.  

 
คุณไฮกุจ๊ะ...

ป้าหู้ต้องรีบไปปิดเพลงบล๊อกป้าเลยละจ่ะ

แล้วก็มานั่งร้องตาม...เพราะมากก....

ลงเพลงใหม่แล้วไปตามป้าหู้อิกน้า...

ป้าปู้แอบแอ๊ดคุณไฮกุแว้วววน้า...


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:57:21 น.  

 
ชอบเพลงนี้มากเลยค่ะ
ฟังแล้วคิดถึงสมัยเด็กๆ ตอนมีงานโรงเรียนเคยใส่กระโปรงขาวๆฟูๆ เต้นระบำเพลงนี้ด้วย..อิอิ


โดย: Charlotte Russe วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:56:05 น.  

 
แวะมาทักทาย และขอบคุณด้วยนะครับ ที่ไปเยี่ยมที่บล๊อก

ตอนนี้แว้บลงจากดอยมาเร่ร่อนในเวียงแป๊บนึง เลยชะแว้บๆ เข้าร้านเน็ตซะหน่อยดีฟ่า

เพลงนี้ ... อ่ะ เออ คือว่า ไม่เคยได้ยินเลยอะครับ นี้ถ้าไปเปิดให้ป้าๆ ยายๆ ฟัง คงคุ้นๆ บ้างน่ะ อิอิิอิ


โดย: canx วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:52:11 น.  

 
แวะมาเยี่ยมบรรพบุรุษemoemoemoemo


โดย: โจเซฟิน วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:05:25 น.  

 
อย่าบอกว่านี่มันประวัติป้าโจ๊วจริงๆ ชื่อเราไปพ้องได้ไงเนี่ยemo


โดย: โจเซฟิน วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:08:02 น.  

 
ชอบการ์ตูน แก๊กแรกเหมือนกันคะ
ถูกใจอิอิ
ขอบคุณนะคะที่แวะไปเที่ยว ที่ blog
แอบเห็นว่า add เราด้วย ดีใจจริงๆๆ อิอิ
ยินดีได้รู้จักจ้า
ขอ add ไว้ด้วยเหมือนกันนะคะ


โดย: แอนน์ (a_mulika ) วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:13:12 น.  

 
มาอ่านประวัตินักร้องท่านนี้ค่ะ
เคยอ่านเจอว่าเป็นคู่ชีวิตของนักเขียน
แต่ไม่เคยได้ฟังเสียงจริง ๆ เลย



ป.ล. ซีรีส์ลูกพี่ลูกน้องที่วีเล่าให้ฟัง
ใช่แล้วค่ะ...เรื่องที่สองนางเอกไม่สวยหรอก
เพราะในเรื่อง
พระเอกเรียกนางเอกว่า "ยายป้า"

เพราะแกจะ ป้า ๆ ตลอดเรื่องเลยค่ะ
ไม่แต่งตัว แล้วก็โทรม ๆ


โดย: โสดในซอย วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:11:21:00 น.  

 

สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า



** มีความสุขมากๆกับคนที่คุณรัก นะจ้า **


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:17:06:32 น.  

 
นัท...ขอบคุณมากที่เอารูปสวยๆมาฝากนะจ๊ะ

ลุงแอ๊ด...เห็นรูปแล้วชอบจังค่ะ แถมร้องเพลงคุณชรินทร์ให้ฟังด้วย ยังงี้ต้องรีบตามไปดู

ความเจ็บปวด...เพลงเก่าแต่เพราะน้า

บิ๊กหล่อ...ป้าโจ๊วร้องเพลงนี้แล้วเห็นภาพหงส์กะลังเหิรจริงๆ คำร้องกะทำนองเพราะมั่กๆ

คุณปุย...ตะก่อนเพลงไทยจะแยกประเภทเป็นเพลงลูกทุ่งกะลูกกรุง คุณเพ็ญศรีเป็นนักร้องลูกกรุงชื่อดัง ส่วนคุณรพีพรเป็นนักประพันธ์จ๊ะ

ป้าหู้...ถ้าพูดถึงป้าโจ๊วก็จะนึกถึงเพลงนี้แหละค่ะ ถ้าคุณป้าอยากฟังเพลงเพราะอีกก็เข้าบล๊อค “อำลา – อาลัย” กับ “รำลึกถึงป้าโจ๊ว” นะคะ มีเพลง “มณีบนนิ้วนาง” กะ “เริงละลม” ชอบสองเพลงนี้ค่ะ เพราะมากกกกกกก คิดว่าคุณป้าคงชอบแน่เลยค่ะ

Charlotte Russe…อ่านเม้นท์ของคุณแล้วอมยิ้มเลย

Canx…ดีใจที่แวะมานะคะ นึกว่าจะไม่ได้เล่นบล๊อคอีกนานนะเนี่ย

เพลงเก๋ากึ๋กแล้วค่า หาฟังยากมาก คนรุ่นใหม่ๆไม่ค่อยจะได้ยินกันแล้ว

โจลี่...บรรพบุรุษเหรอ ทะเล้นจริงๆ นี่แน่ะ

ประวัติป้าโจ๊วของแท้แน่นอน พิมพ์เองก๊ะมือเลยเชียว ชอบที่คนเขียนประวัติป้าโจ๊วเวอร์ชั่นนี้เขียนกึ่งเล่ากึ่งสัมภาษณ์ ทำให้ได้รู้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

คุณแอนน์...ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ การ์ตูนในบล๊อคอ่านแล้วฮาได้ใจ อ่านแล้วคลายเครียดดีจัง

คุณวี...หวังว่าฟังแล้วจะชอบเสียงป้าโจ๊วนะคะ

ป.ล. ชอบพระเอกเรื่องแรกจังค่ะ ได้ดูเรื่อง19 years old sister in lawแล้วปิ๊งมั่กๆ ดูแล้วเหมือนเขาจะเป็นพระรอง แต่เราว่าเป็นพระเอกมากกว่า

ยายป้าของคุณวีหน้าตาเจ้าหล่อนม่ายสวยแถมสูงวัยด้วย ดีนะที่เป็นดาราเกาหลี นี่ถ้าเป็นละครไทยคงได้เป็นแค่ตัวประกอบลูกเดียว



โดย: haiku วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:5:19:05 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณไฮกุ
อ่านด้วยความซึ้งใจอีกครั้ง
ชอบท่านทั้งสองมานานแล้วค่ะ
ขอบคุณที่นำมาฝากมากๆ
เพลงไพเราะมากๆด้วย
เปิดฟังลั่นบ้านเลยค่ะ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน IP: 124.121.50.28 วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:11:21:52 น.  

 
สวัสดีค๊าแบมกลับมาแล้วคะ

แวะมาสวัสดี และอยากบอกว่า คิดถึงนะคะ


โดย: yadegari วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:15:19:34 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่แวะมาอ่าน ดีใจที่ทำบล๊อคได้ถูกใจคุณยิปซีนะคะ


โดย: haiku วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:15:48:16 น.  

 
นักร้องคุณภาพของเมืองไทย


โดย: เบ็นซ์ IP: 202.12.74.246 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:0:57:48 น.  

 
ชอบบทเพลงของคุณเพ็ญศรี เหมือนกันค่ะ
ประทับใจรูปภาพข้างบนที่ดูแล้ว เหมือนมีความรู้สึกว่า ท่านทั้งสองรักกันมากๆ เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิตคู่ของดารา นักร้อง เพลงหงส์เหิรฟังแล้วนึกถึงสัตว์ในวรรณคดี อีกเพลงหนึ่งที่ชอบคือ หนามชีวิตลองหาฟังดูนะคะเพลงนี้เป็นเพลงที่มีที่มาและมีความหมายมากค่ะ


โดย: สารภี IP: 202.29.24.197 วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:12:21:42 น.  

 
เราอัพบล็อคเพลงหนามชีวิตไว้แล้วค่ะ ตามไปอ่านในบล็อคนี้เลยค่ะ หนามชีวิต


โดย: haiku วันที่: 7 มีนาคม 2554 เวลา:23:35:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.