เตือนสาวเห่อเกาหลีผ่าคางให้ถูกหมอ อย่าเสี่ยงหมอถูก
แพทย์เตือนศัลยกรรมใบหน้าด้วยการฉีดเสริมเติมแต่ง วีเชฟ-วีไลน์ ต้องใช้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ระบุคนไข้บางรายเชื่อใจใช้บริการ คลินิกไร้คุณภาพ-หมอ กระเป๋า เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต พร้อมฝากถึงศัลยแพทย์ความงามเลือกวิธีผ่าตัดให้เหมาะสมกับลูกค้า
แม้ว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงามแล้วส่งผลให้ถึงแก่ชีวิตมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ทว่าธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะสำหรับผู้หญิงเจ็บตัวไม่กลัว กลัวไม่สวยมากกว่า ส่งผลให้ตลาดความงามและศัลยกรรมในประเทศ ไทยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 20,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตแบบต่อเนื่อง 10-15% ต่อปี
ทั้งนี้ จากกระแสความงาม แบบฉบับสาวเกาหลี ที่ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อสาวไทย ในเรื่องการทำศัลยกรรม โดยเฉพาะในเรื่องของใบหน้าเรียวเล็กสวย ที่เรารู้จักกันในรูปหน้าแบบ V shape ได้พบเห็นจากเหล่าดารา นักร้อง ทั้งในภาพยนตร์ซีรี่ส์เกาหลี เอ็มวี นิตยสาร และโฆษณาต่างๆ ส่งผลให้คนไทยจำนวนหนึ่งเริ่มมีค่านิยมความงามในแบบเกาหลีมากขึ้น และไม่นานมานี้ ได้มีรายการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตสุดฮอตของเกาหลี Let me in ซีซั่น 4 ตอนที่ 15 Special Global in Thailand ที่ได้เปิดโอกาสให้สาวไทยผู้โชคดี 3 คนได้รับคัดเลือกแปลงโฉมใหม่ ให้สวยไฉไลกว่าเดิม ด้วยการศัลยกรรมรูปหน้าที่ผิดปกติให้เรียวสวย ทำให้สาวไทยหลายคนยิ่งอยากมีความสวย งามในแบบฉบับสาวเกาหลีเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ล่าสุด มีข่าวครึกโครมในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กเกี่ยวกับพรีตตี้สาวสวยคนหนึ่งชื่อว่า น้องเฟิร์น วัยเพียง 30 ปีได้ทำศัลยกรรมหน้าเรียวหรือวีไลน์ ที่คลินิกแห่งหนึ่ง แต่เกิดอาการแพ้ยาสลบหรือ Malig-nant Hyperthermia จนเสียชีวิต ที่ได้เกิดกระแสที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ เพื่อเตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่ต้องการเสริมความงามว่าเราควรไตร่ตรอง หรือศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนหรือไม่ในการคิดจะทำศัลยกรรม
โดย นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC ในฐานะ แพทย์ที่คร่ำหวอดในวงการศัลย-กรรมความงามของประเทศไทยมานานกว่า 15 ปี ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การทำ วีไลน์ ในแบบฉบับเกาหลีในการทุบโหนก ตัดกราม เพื่อให้ใบหน้าเรียวสวย คือการผ่าตัดที่ต้องการแก้ไขความผิดปกติของรูปหน้าโครงกระดูกที่ไม่สวย ไม่เข้ารูป ซึ่งมาตรฐานการผ่าตัดแบบนี้ที่ถูกต้องจะต้องมีแพทย์ครบทีมและมีความเชี่ยวชาญในแต่ละจุดของใบหน้าที่จะต้องทำ โดยเริ่มจากการตรวจโครงหน้าด้วยการเอกซเรย์ปกติก่อน และต่อมาตรวจเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ดูแต่ละจุดของกระดูกทุกมุมของใบหน้าที่จะต้องผ่าตัดออก ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่อย่างหนึ่งที่ต้องใช้ทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญครบครันในการดูแลความปลอดภัย
ทั้งนี้ ในกรณีของน้องที่เสีย ชีวิต ในฐานะแพทย์มองว่าน้องเค้าไม่ได้มีโครงหน้าที่ผิดปกติ หรือผิดรูปแต่อย่างใด ที่มีความจำเป็นต้องทำการผ่าตัดทำวีไลน์แบบนี้ เนื่อง จากการตัดกราม หรือเหลาโหนก เหมาะกับคนอายุน้อยที่มีโครงกระดูกผิดรูปมาก ซึ่งพบน้อยในคนไทยที่ไม่ได้มีโครงกระดูกผิดรูปมาก การรักษาแบบนี้อาจได้ผลไม่ดีไม่เหมาะกับคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาเทคนิคการปรับโครงหน้าให้เรียวเล็กในเมืองไทยที่ได้เห็นโฆษณาตามสถานเสริมความงามนั้น จะพูดว่าเป็นการปรับรูปหน้า, ทำหน้า V shape, ทำ V Line เป็นต้น เกือบ 100% เป็นการแก้ที่เนื้ออ่อนของใบหน้า เช่นการฉีดลดไขมันแก้ม ฉีดโบท็อกซ์กราม หรือการร้อยไหมแก้มเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้หน้าดูเล็กลงจริง แต่จะเล็กลงเป็นแบบหน้าเอเลี่ยน และขาดมิติ ทำให้ความสวย และความสาวหายไป หลายๆ คลินิกแนะนำลูกค้าทำเครื่องอัลตราซาวด์พลังงานสูง หรือเครื่องวิทยุพลังงานสูง เพื่อช่วยยกหน้า ทำให้หน้าเป็น V shape ก็มี แบบนี้ผิดหลักการอย่างแรง แถมอาจได้แก้มตอบ หรือแก้มหย่อนแถมกลับมาอีก โดยสรุปคือแทบไม่มีสถานพยาบาลไหนเลยในเมืองไทยที่พูดเรื่องการแก้โครงกระดูกหน้าไปด้วย แสดงว่าแพทย์ความงามในเมืองไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจหลักการนี้กันเลย
สำหรับคำจำกัดความของ การแก้ไขโครงหน้า หรือ Facial Contouring ที่ถูกต้องนั้น ต้องเป็นการแก้ไขทั้งส่วนโครงกระดูก และส่วนเนื้ออ่อนของใบหน้า ซึ่งกรรมวิธีประกอบด้วยการรักษาหลายขั้นตอนตั้งแต่การตัดกระดูกบางส่วนออก การเสริมกระดูกบางส่วนเข้าไป การฉีดไขมัน การผ่าดึงหน้า เป็นต้น เหล่านี้รวมๆ กันเรียกว่า Surgical Facial Contouring หรือการปรับโครงหน้าด้วยการผ่าตัด ซึ่งต้องยอมรับว่าในเมืองไทยเราทำสู้เกาหลีไม่ได้ แต่ที่เกาหลีเองที่ทำได้จริงๆ ก็มีไม่กี่แห่งเท่านั้น และมีค่าใช้จ่ายหลักล้านบาทขึ้นไป หลังการรักษาต้องพักฟื้นนาน 1 เดือน ส่วนใหญ่คนไทยไม่เข้าใจ หรือถูกหลอกไปทำที่เกาหลี เจอของปลอม และได้ผลข้างเคียงกลับมา
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของน้องที่เสียชีวิต อาจจะมาจากการได้รับผลจากอาการแพ้ยาสลบ คือภาวะที่ร่างกายตอบสนองผิดปกติ ต่อยาสลบ ทำให้มีไข้ขึ้นสูง กล้ามเนื้อแข็งเกร็งทั่วตัว จนถึงขั้นเสียชีวิตนั้น มีโอกาสที่พบได้น้อยมากที่จะเกิดกรณีแบบนี้ เพราะถ้าการผ่าตัดใหญ่แบบนี้ทำในสถานพยา-บาลที่มีมาตรฐานที่มีวิสัญญีแพทย์ ในการดูแลการผ่าตัดที่มีทีมแพทย์ครบทีม อุปกรณ์ครบครัน อาจจะไม่ทำให้เสียชีวิต
ดังนั้น กรณีดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้กับคนที่คิดอยากทำศัลยกรรมใบหน้าแบบวีไลน์ว่า การผ่าตัดแบบนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่เสี่ยงอันตรายพอสมควร ดังนั้นควรพิจารณาในมุมมองของตัวเองด้วยว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำหรือไม่ ถ้าใบหน้าของเราไม่ได้ผิดรูปมากขนาดต้องผ่าตัด อีกทั้งควรลองศึกษาทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือที่เรียกว่า Non-Surgical Facial Contouring หรือการปรับโครงหน้าด้วยวิธีการแบบไม่ผ่าตัด โดยการใช้เทคนิคผสมผสานของการร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็ม และฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกระดูก ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่ค่าใช้จ่ายก็ยังสูงคือราว 3-4 แสนบาท หรือถ้ามีความจำเป็นต้องผ่าตัดก็ควรเลือกใช้บริการสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานทั้งแพทย์ และอุปกรณ์ เพื่อเกิดอะไรขึ้นแพทย์จะสามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที และในส่วนทางฝั่งแพทย์เองก็ควรให้คำแนะนำในการเลือกวิธีในการทำศัลยกรรมให้กับคนไข้ตามความเหมาะสมมากกว่านี้ จะได้ไม่เกิดผลเสียกับคนไข้และแพทย์เองในอนาคต