ไขปม ช้างป่าที่แก่งกระจาน ตายบ่อย?!
"เป็นสัตว์ใหญ่ อายุยืน และเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง" คำจำกัดความนี้ หมายถึงสัตว์อื่นเสียมิได้ นอกจาก "ช้าง" ทว่าระยะหลังๆ เกิดข่าวร้าย ช้างป่าตายบ่อย โดยเฉพาะที่แก่งกระจาน เกิดอะไรขึ้นกับช้างป่าที่นั่น?
เรื่องที่กล่าวข้างต้นกำลังเป็นปมร้อนในสังคม เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะวนศาสตร์ กับสำนักบริการวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) จึงจัดบรรยายพิเศษตีแผ่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับช้างป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ(อช.) แก่งกระจาน
ในมุมของกูรูเรื่องป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อย่าง "รศ.ดร.นริศ ภูมิภาคพันธ์" ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวทวิทยาสัตว์ป่า คณะวนศาสตร์ มก. บรรยายอย่างตรงไปตรงมา ได้ใจความว่า เหตุที่ช้างป่าบริเวณแก่งกระจานตายบ่อย เพราะคนแย่งที่ช้าง เข้าใช้พื้นที่ซึ่งเดิมเป็นแหล่งช้าง ช้างหากิน อาศัย สัญจรไปมาอยู่บริเวณนั้น
และทั้งๆ ที่ช้างเป็นเจ้าถิ่นเดิม แต่การที่ช้างเดินเข้าไปยังบริเวณซึ่งคนจับจองและเปลี่ยนสภาพเป็นที่ทำกิน ปลูกพืชผักผลไม้ คนกลับมองว่า ช้างเป็นผู้บุกรุกเข้ามาทำความเสียหายให้กับผลิตผลทางการเกษตร จึงจัดการขับไล่ช้างด้วยความรุนแรง หลายครั้งช้างบาดเจ็บและกลับไปล้มตายในป่า ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ มักเกิดขึ้นที่ตำบลป่าเด็ง(นอกเขต อช.แก่งกระจาน) บริเวณที่ติดกับ อช.แก่งกระจาน
- รศ.ดร.นริศ ตอกย้ำด้วยว่า กรณีข้างต้น คนไม่ควรมองตัวเองเป็นที่ตั้ง ก่อนคิดจะโกรธแค้นช้าง หาว่าบุกรุกทำลาย คงต้องย้อนดูสภาพเดิมของพื้นที่ก่อน
ความจำเป็นที่ควรต้องเปลี่ยนความคิดดังกล่าว ก็เพราะช้างมีคุณค่าต่อป่ามากมาย อาทิ ช้างมีส่วนช่วยกระจายพืชพรรณ ปลูกป่า การหากินของช้างยังถือเป็นการแบ่งปันอาหารให้สัตว์อื่นรวมถึงให้ร่มเงา และยังช่วยเปิดพื้นที่โล่ง ทั้งนี้เพื่ออนุรักษ์ช้างให้อยู่คู่ป่า รศ.ดร.นริศ ชี้ว่าต้องมีการจัดการที่เหมาะสม เช่น ควรคุ้มครองพื้นที่อาศัยของช้างป่า การป้องกันและวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยไม่ปลูกพืชที่ดึงดูดช้างไว้ใกล้แหล่งช้าง อย่างกล้วย อ้อย ข้าวโพด สัปปะรด
"นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร" หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในฐานะคนทำงานในพื้นที่ซึ่งมักมีข่าวพบซากช้างตายอยู่บ่อยครั้ง ก็มาร่วมบรรยาย โดยเผยข้อมูลว่า ในเขต อช.แก่งกระจาน มีขบวนการลักลอบล่าช้างป่า แบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มล่าช้างเพื่อนำออกไปนอกพื้นที่อช. กลุ่มล่าเอางา และกลุ่มล่าเอาอวัยวะ ซึ่งปัญหาการล้างช้าง ถ้ายังยับยั้งไม่ได้ อนาคตในป่าคงจะไม่เหลือช้างลักษณะดีไว้ให้ชื่นชมและศึกษา โดยอาจมีเพียงช้างสีดอหรือช้างที่ไม่มีงา
อย่างไรก็ตาม นายชัยวัฒน์ เผยอีกว่า เมื่อมาเป็นหัวหน้า อช.แก่งกระจาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ทราบว่า มีขบวนการลักลอบล่าช้างป่าอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ตนพยายามรวบรวมเบาะแสของขบวนการล่าช้าง และเตรียมให้ข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมือง ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลที่มีส่วนลักลอบล่าช้างได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งนี้ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่อช.แก่งกระจาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการล่าช้าง และตนเองพร้อมต่อสู้เพื่อหยุดขบวนการล่าช้างป่า
เมื่ออยู่ในป่าก็ถูกคนล่า ออกมาก็ถูกคนไล่ จากข้อมูลที่กล่าวมา สะท้อนว่า คนเป็นฝ่ายทำร้ายทำลายช้าง ดั้งนั้นก่อนช้างตามธรรมชาติจะหมดป่า โปรดร่วมกันรัก หวงแหน ผลักดันการจัดการดูแลช้างป่า ให้สมกับการเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของเรา.
.............................
คลิกชมภาพและอ่านต่อที่นี่ค่ะ....
Create Date : 22 เมษายน 2556 |
Last Update : 22 เมษายน 2556 6:39:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1033 Pageviews. |
|
|
|
|
|