ผู้ที่ควรแก่การยกย่องและเคารพ คือผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม มิใช่ผู้ที่ทรงอำนาจ แต่ไร้คุณธรรม "ป๋วย อึ้งภากรณ์"
Group Blog
 
All blogs
 

กากาติชาดก-ชาดกว่าด้วยนางกากี





ณ พระอารามเชตวันมหาวิหาร ในสาวัตถีนคร ศาสนสถาน
อันเป็นที่ประทับของพระพุทธองค์นั้นเอง ชาวเมือง
หลากตระกูลหลายชนชั้น ต่างเดินทางเพื่อมารับฟัง
พระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาด้วยความปีติยินดี
เพราะบังเกิดความเลื่อมใสจนมีผู้คนศรัทธาเข้ามาบวชเป็น
ภิกษุสงฆ์เจริญภาวนาธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก




ในครานั้น ยังมีภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง มีความกระสันอยากจะสึก
พระพุทธองค์จึงเมตตาเรียกให้ภิกษุหนุ่มมาเข้าเฝ้า เพื่อ
ให้พุทธโอวาท “ดูก่อนภิกษุ จริงหรอที่ว่า เธอไม่ยินดีต่อ
การบวชในสมณะเพศเสียแล้ว” “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เป็นความจริงพระเจ้าข้า” “ดูก่อนภิกษุ แล้วเหตุอันใดเล่า
ที่ทำให้เธอกระสันอยากละจากเพศบรรพชิตเสียเล่า”




“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ไม่สามารถละกิเลส
ที่เกาะกุมจิตใจได้ อยู่ไปก็มีแต่จะทำให้พระศาสนาเสื่อมเสีย
เหตุนี้ข้าพระองค์จึงอยากสึกพระเจ้าค่ะ” จากนั้นพระพุทธองค์
จึงให้ธรรมโอวาทเตือนสติแก่ภิกษุหนุ่มผู้กระสันจะสึกว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาว่ามาตุคาม อันเป็นสตรีเพศนั้น
ไม่ว่าผู้ใดก็รักษาไว้ไม่ได้ แม้แต่บัณฑิตในสมัยโบราณครั้งก่อน
จะยกมาตุคามนี้ขึ้นไปไว้ยังวิมานฉิมพลี ท่ามกลางด้วย
มหาสมุทรแล้วไซร้ ก็ยังมิอาจจะรักษาสตรีผู้นั้นไว้ได้เช่นกัน
เธอจงตรองดูเถิด” แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงระลึกชาติด้วย
บุพเพนิวาสานุสติญาณ นำ กากาติชาดก มาสาธก ดังนี้




ย้อนไปในอดีตกาล ก่อนยุคพุทธกาลสมัย ณ พาราณสีนคร
ภายใต้ร่มฉัตรแห่งพระเจ้าพรหมทัตทรงครองราชย์สมบัติอยู่
หลังจากที่พระเจ้าพรหมทัต พระราชบิดาสวรรคตสู่สวรรคาลัย
แล้วนั้น พระโพธิสัตว์ก็ได้ทรงครองราชย์เป็นพระราชาแห่ง
พาราณสีสืบต่อมา พระราชาหนุ่มก็ทรงอภิเษกกับพระนาง
กากาติ เป็นอัครมเหสี ผู้มีพระสิริโฉมงดงาม เปรียบประหนึ่ง
ดุจนางเทพอัปสรแห่งสรวงสวรรค์ก็มิปาน จนเป็นที่ร่ำลือกัน






ในครานั้นมีพญาครุฑตนหนึ่ง มีนิสัยชอบเล่นสกาอยู่เป็นนิจ
มักแปลงร่างเป็นมนุษย์มาเล่นสกากับพระเจ้าพาราณสี
พระโพธิสัตว์ ฉับพลันที่ได้ยลพระสิริโฉมของพระอัครมเหสี




ก็มีจิตปฏิพัทธ์หลงใหลในความงามนั้น บังเกิดเป็นความ
สิเน่หาจนยากจะทอดถอนใจได้ และแล้วพญาครุฑลักพา
นางกากาติไปยังสู่สุบรรณภพของตนได้สำเร็จ ไม่มีสิ่งใด
จะต้านทานแรงกิเลสปรารถนาในใจของพญาครุฑได้






เมื่อไปถึงวิมานฉิมพลีของตน พญาครุฑก็ใช้กำลังบังคับ
พระนางกากาติ หมายจะให้นางตกเป็นของตน และแล้ว
พระนางกากาติก็มิอาจต้านทานแรงกิเลสราคะของพญาครุฑได้
ในที่สุดพญาครุฑก็ได้ร่วมอภิรมย์กับพระนางกากาติ สมดังใจ





ฝ่ายพระราชานั้น เมื่อไม่เห็นพระนางกากาติ พระอัครมเหสี
ตนก็กระวนกระวายใจด้วยความเป็นห่วง แม้นแต่ถามเหล่า
ขุนนางอำมาตย์ ทหารก็มิมีผู้ใดพานพบ พระราชาจึงตรัสเรียก
คนธรรพ์ นามว่า นฏกุเวร มาเข้าเฝ้าเพื่อให้ค้นหา พระมหาเทวี




นฏกุเวร คนธรรพ์นั้น ล่วงรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว พญาครุฑที่
จำแลงแปลงกายมาเป็นมนุษย์ เพื่อมาเล่นสกากับพระราชา
คือ ผู้ที่ลักพาตัวพระนางกากาติ อัครมเหสีไป จึงคิดวางอุบาย
หาทางพาพระนางกากาติกลับมา นฏกุเวร นั้น แอบนอนซุ่มอยู่
ในดงตะไคร้น้ำ ข้างสระที่ซึ่งพญาครุฑนั้นมาเล่นน้ำเป็นประจำ




เมื่อขึ้นจากสระ นฏกุเวร จึงได้แอบเกาะอยู่ในระหว่างปีกของ
พญาครุฑ ด้วยร่างกายอันใหญ่โต พญาครุฑจึงไม่ได้ทันสังเกต
หรือเอะใจเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดก็บินกลับมายังสุบรรณภพ




เมื่อพญาครุฑเผลอ นฏกุเวร ก็หลบออกจากปีกของพญาครุฑ
แล้วหลบซ่อนตัว จนพญาครุฑลงไปเล่นสกากับพระราชายัง
เมืองมนุษย์ ตนจึงลอบเข้าไปยังตำหนักเพื่อพบกับพระนางกากาติ
แต่ทว่าทันทีที่ นฏกุเวร ได้ยลความงามของพระนางกากาติ




ก็พลันเกิดกิเลสต้องตาต้องใจ จนสุดที่จะห้ามใจได้ดั่งเช่นพญาครุฑ
นฏกุเวร เห็นสบโอกาสก็ไม่รอช้า เข้าไปกระทำการเคล้าคลึง
ด้วยกิเลสกับพระเทวีในทันที เสร็จสมอารมณ์ปรารถนาแล้ว




นฏกุเวร ก็หลบซ่อนตัว แล้วพอสบโอกาสก็แอบเกาะปีก
พญาครุฑกลับมายังเมืองพาราณสีเหมือนเดิม




วันหนึ่งในขณะที่พญาครุฑแปลงร่างลงเล่นสกากับพระราชา
อย่างเคยนั้น คนธรรพ์ นฏกุเวร ก็แสร้งทำทีถือพิณมาที่สนามสกา
พร้อมขับกล่อมดนตรีเป็นทำนองเพลงว่า “หญิงคนรักของเรา
อยู่ ณ ที่แห่งใด กลิ่นของนางยังคงหอมฟุ้งมาจากที่แห่งนั้น
ใจของเรายินดีในนางใด นางนั้นชื่อ กากาติ ซึ่งอยู่ไกลจากที่แห่งนี้”


พญาครุฑเมื่อได้ฟังก็ตกใจ ว่าเหตุไฉนคนธรรพ์นี้ ถึงได้รู้
ความจริงที่ตนนั้น ลักพาพระนางกากาติ จึงเอ่ยถามเป็นนัยว่า
“ท่านข้ามทะเลไปได้ยังไง” “เราข้ามไปได้ก็เพราะท่าน”
“แล้วไหนจะแม่น้ำเกปุระล่ะ ท่านข้ามไปได้อย่างไร”
“เราข้ามแม่น้ำไปได้เพราะท่าน” “แล้วท่านข้ามทะเลอัน
กว้างใหญ่ไพศาลอีกตั้ง 7 แห่งไปได้ยังไงกัน”
“เราข้ามทะเลทั้ง 7 แห่งได้ก็เพราะท่านอีกนั่นแหละ”
“แล้วท่านขึ้นไปยังวิมานฉิมพลีได้ยังไง” “ก็ท่านอีกนั่นแหละ
ที่นำเราขึ้นไป ฮ่าๆๆๆ เราเกาะอยู่ในระหว่างปีกของท่าน
กระทำการกิจทั้งปวงนี้ เพราะท่านเป็นผู้ชักนำเราไป”


พญาครุฑพอทราบความจริงแล้วก็ถึงกับกล่าวติเตียนตน
ด้วยความเสียใจว่า “อันตัวเราเอง ก็มีร่างกายใหญ่โตซะเปล่า
ช่างไม่มีความคิดซะเลย ปล่อยให้ชายชู้ใช้เป็นพาหนะไปหาเมีย
ด้วยความละอายใจ พญาครุฑก็เนรมิตกายคืนร่างดั่งเดิม
แล้วบินกลับไปสู่สุบรรณภพ วิมานฉิมพลีของตน พาพระนางกากาติ
มาส่งคืนพระราชา แล้วก็ไม่หวนคืนมาเล่นสกากับพระราชาอีกเลย




พระพุทธองค์เมื่อตรัสชาดกแก่ภิกษุหนุ่มผู้กระสันอยากสึก
พร้อมเหล่าพุทธสาวกทั้งหลายจบแล้ว ภิกษุหนุ่มผู้กระสันอยากสึก
ก็น้อมนำพุทธโอวาทฟื้นคืนสติกลับมาเจริญภาวนา จนในที่สุด
ก็บรรลุโสดาปัตติผล พุทธกาลครั้งนั้น นฏกุเวร กำเนิดเป็น ภิกษุ
ผู้กระสันอยากสึก พระราชา เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า



ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบดีดีจาก
"www.dmc.tv" ธรรมดีดีที่มีให้ดูสดสดทุกวัน





 

Create Date : 06 เมษายน 2554    
Last Update : 6 เมษายน 2554 22:22:36 น.
Counter : 5516 Pageviews.  

คิริทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยการเอาอย่าง

วันนี้มาติดตามชาดกกันนะคะ ชาดกเป็นเรื่องราว
ในอดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้ง
ยังเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียรเพื่อปรารถนา
พระโพธิญาณอยู่ เรื่องนี้มีคติสอนใจดีค่ะ




ม้าปัณฑวะเดินขาเป๋ เหตุเพราะเดินเลียนแบบคนเลี้ยงที่ขาเป๋

สมัยนั้นมีสหายสองคนเป็นชาวเมืองราชคฤห์ สองสหายนั้น
คนหนึ่งบวชในสำนักพระศาสดาอีกคนหนึ่งบวชในสำนัก
ของพระเทวทัต สหายทั้งสองนั้นย่อมได้พบเห็นกันเสมอ
แม้ไปวิหารก็ยังได้พบเห็นกัน ภิกษุสองสหาย ซึ่งบวช
ต่างสำนักแต่ก็มีเวลาเจอกันเป็นประจำ




ภิกษุที่บวชในสำนักพระศาสดาเมื่อบวชแล้วต้องปฏิบัติ
กิจสงฆ์อยู่เป็นนิจ ต่างจากสหายที่บวชในสำนักพระเทวทัต
ที่ไม่มีกิจใดที่พึงต้องทำ “โอ้โห วันนี้มีอาหารอร่อยๆ ทั้งนั้นเลย
สบายจังเลยไม่ต้องไปบิณฑบาตเหมือนสหายของเรา
พรุ่งนี้ชวนสหายมาฉันด้วยกันก็น่าจะดี”




ภิกษุในสำนักพระศาสดาต่างออกปฏิบัติศาสนกิจเป็นปกติ
“สหายท่านจะเที่ยวบิณฑบาตให้เหงื่อไหลอยู่ทุกวันทำไม
เพียงท่านไปนั่งวิหารตำบลคยาสีสะกับเราเท่านั้น
ก็จะได้บริโภคของดีด้วยรสเลิศต่างๆแล้ว" “จะดีหรือท่าน
เราบวชสำนักนี้ก็ควรจะฉันที่สำนักนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น
จะผิดวินัยสงฆ์ รึเปล่าก็ยังไม่รู้”




ภิกษุสำนักพระเทวทัตได้เชิญภิกษุสหายไปยังคยาสีสะ
“เอออย่าคิดมากนะ การที่ท่านได้รับความสะดวกสบาย
ก็จะทำให้ท่านมีสมาธิ(Meditation) เพ่งภาวนาดีขึ้น
ยังไงละ” ภิกษุนั้นถูกพูดบ่อยๆเข้าก็อยากไป นับจากนั้น
ก็ไปคยาสีสะทำการบริโภค และมายังเวฬุวันต่อ เมื่อยังสาย




ภิกษุสำนักพระศาสดาได้มายังคยาสีสะตามคำชวน
ของภิกษุสหาย “จริงๆน่าจะมาได้ตั้งนานแล้วนะ
สบายอย่างที่ท่านว่านั้นแหละอาหารก็อร่อยด้วย”
“เห็นไหมละท่านก็ฉันให้อิ่มแล้วก็ค่อยกลับไปยังเวฬุวัน
ก็ยังได้ไม่มีใครรู้หรอก” เรื่องดังกล่าวภิกษุนั้น
ไม่อาจปกปิดได้ตลอดไป ไม่ช้านักข่าวก็ปรากฏว่า
ภิกษุนั้นไปคยาสีสะบริโภคภัตตาที่เขาอุปัฏฐากพระเทวทัต




เหล่าภิกษุสำนักพระศาสดาเริ่มเห็นพฤติกรรม
ที่ไม่เหมาะสมของภิกษุหนุ่ม “ดูนั่นสิท่านสงสัยภิกษุหนุ่ม
รูปนั้นต้องไปวิหารคยาสีสะแน่ๆเลย เฮ้อไม่ควรเลยจริงๆ
เราต้องเตือนสติเขาก่อนที่เขาจะผิดพลาดมากไปกว่านี้"
นานวันเข้าจากที่เป็นภิกษุหนุ่มที่มุ่งมั่น
ปฏิบัติธรรม ก็กลายเป็นละเลย รักในความสบาย




ภิกษุหนุ่มเริ่มเกียจคร้าน ละความเพียรในการปฏิบัติธรรม
“อุ้ยมัวแต่ลิ้มรสแกงคั่วอยู่ มาสายจนได้ เออหรือว่า
ครั้งนี้เลื่อนไปก่อนดีกินมาซะอิ่มตื้อเลยมีหวังนั่งหลับแน่"
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภิกษุอื่นๆเกิดความขัดข้องใจ
จึงไต่ถามความจริงจากภิกษุนั้น “ท่านบริโภคภัต
ที่เขาอุปัฏฐากแก่ท่านเทวทัตจริงหรือ พระเทวทัต
เป็นเสี้ยนหนามต่อพระพุทธเจ้าเป็นผู้ทุศีลท่านบวช
ในศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์เห็นปานนี้แล้ว
บริโภคโภชนะอันเกิดขึ้นแก่พระเทวทัตโดยไม่ชอบธรรมเลย"
“ผมไปคยาสีสะบริโภคจริงแต่พระเทวทัตไม่ได้ให้ภัตแก่ผม”




เหล่าภิกษุทั้งหลายได้พาภิกษุหนุ่มเข้าเฝ้าพระศาสดา
ภิกษุรูปอื่นเห็นพฤติกรรมเปลี่ยนไปของภิกษุหนุ่ม
จึงพาไปเฝ้าพระศาสดายังโรงเฝ้าธรรมสภา “ภิกษุเธอ
อย่ากระทำการหลีกเลี่ยงในเรื่องนี้ พระเทวัตเป็นผู้ไม่มีอาจาระ
เป็นผู้ทุศีลเธอบวชศาสนานี้แล้วควรคบหาศาสนาของเรา
อยู่นั่นแหละยังบริโภคภัตตของพระเทวทัตได้อย่างไรเล่า




พระบรมศาสดาทรงตรัสเล่า คิริทัตตชาดก
แม้ในอดีตเธอก็เคยประพฤติผิดเพราะคบหากับคนพาล
มาแล้ว แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า คิริทัตตชาดก ดังนี้"
ในเมืองพาราณสี พระเจ้าสามะมีม้ามงคลตัวหนึ่งชื่อว่า
ปัณฑวะ มีรูปร่างสวยงามมาก “ กินให้เยอะๆนะ
พ่อมีแต่หญ้าอ่อนๆ ทั้งนั้นเนี่ย” ม้ามงคล ปัณฑวะ




ต่อมาไม่นานคนเลี้ยงม้ามงคลของพระราชาก็ได้
เสียชีวิตลง จากนั้นพระเจ้าสามะก็รับสั่งให้หา
คนเลี้ยงม้ามาใหม่ แล้วก็ได้รับนายคิริทัต
ซึ่งเป็นชายขาเป๋เข้ามาเลี้ยงม้าตัวนี้แทน




“จากนี้เจ้าก็ดูแลม้ามงคลแทนคนเลี้ยงม้าที่เสียไป
ก็แล้วกัน” “พระเจ้าค่ะกระหม่อมจะดูแลอย่างดีเลยพระเจ้าค่ะ"
"ชอบละสิ เดี๋ยวจะแปลงขนให้อย่างงามเลยนะพ่อ ทำงาน
วันแรกต้องสร้างผลงานให้ดีหน่อยอยากได้อะไรก็บอกพ่อนะ”


ม้ามงคลปัณฑวะเดินตามหลังนายคิริทัตทุกวัน เมื่อเห็น
นายคิริทัตเดินขาเป๋ก็เดินขาเป๋ตามก็เลยกลายเป็นม้าขาเป๋ไป
“เดินตามมาเลยพ่อเดี๋ยวจะพาไปเดินเล่น"
“ตั้งแต่เปลี่ยนคนดูแลใหม่รู้สึกว่าเดินลำบากขึ้นนะเนี่ย
เราต้องเดินกระโดกกระเดกๆ อย่างนี้สินะ“


คิริทัตสงสัยในอาการเดินกะเผลกของม้าปัณฑวะ
“อ้าวเป็นอะไรไปละพ่อทำไมเดินกระโพกกะเผลก
อย่างนั้นละ ตายๆๆ สงสัยม้าปัณฑวะเจ็บเท้ารีเปล่าเนี่ย
โอ้ยเราก็ดูแลอย่างดีแล้วนี่นาเป็นอะไรไปละพ่อ”
“เอ๋...จะมาจับขาเราทำไมเนี่ยปล่อยๆ มาจับทำไม”


คิริทัตได้ตรวจหาสาเหตุการเดินผิดปกติของม้าปัณฑวะ
“นิ่งๆสิพ่อดูขาก่อนเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เอ ก็ไม่เห็น
เป็นอะไรนี่นาหรือว่ากระดูกจะแตกข้างใน ตายๆ แล้ว
เรื่องใหญ่แน่ๆรีบแจ้งพระเจ้าสามะดีกว่า”
คิริทัตหารู้ได้ว่าสาเหตูที่ม้าปัณฑวะเดินขาเป๋นั้น
เนื่องจากเดินตามหลังตัวเอง เขารีบแจ้งเหตุนี้แก่พระราชา




คิริทัตได้นำความเรื่องม้าปัณฑวะไปกราบทูลต่อพระราชา
“ข้าพระองค์ดูแลม้าปัณฑวะเป็นอย่างดีแล้วพระเจ้าค่ะ
แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดม้ามงคลนี้ถึงเดินขาเป๋ได้
หรือว่าจะเกิดอาการเจ็บป่วย” “หรือเจ้าดูไม่ออก
แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าจะส่งแพทย์ไปดูอาการเอง”


“เอ...ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา..แผลก็ไม่มีนี่
กระดูกก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร” “ถ้าอย่างนั้น
ม้าปัณฑวะทำไมถึงเดินขาเป๋ละท่านหมอ
เอ..อย่างนี้ก็ยากเกินที่จะวินิจฉัยจริงๆท่านเอย"
“เป็นไปได้เหรอม้าปัณฑวะเดินขาเป๋เองโดยที่ไม่มี
อาการบาดเจ็บเลย” “หรือนั่นท่านตรวจดีแล้วรึ”
“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันดูทั้งบาดแผลและ
กระดูกข้างในก็ไม่เห็นมีอะไร เป็นเรื่องที่
น่าแปลกมากไม่ได้เจ็บขาแต่เดินกะเผลก"


พระราชาคิดว่า “หรือว่าเจ้าคิริทัต จะดูแลไม่ดี"
“ทหารเรียกอำมาตย์มาพบเราหน่อย" พระเจ้าสามะ
คิดถึงเรื่องที่ทำให้ม้าปัณฑวะเดินขาเป๋ แต่คิดไม่ออก
จึงทรงเรียกอำมาตย์ผู้สอนธรรมมาปรึกษา




เพื่อหาสาเหตุการเดินของม้า “ท่านช่วยเราคิดหน่อยเถิด
ท่านอำมาตย์ เหตุใดม้ามงคลถึงเดินขาเป๋ได้
ไม่ได้เกิดจากอาการเจ็บป่วยแล้ว จะเกิดจาก
สาเหตุใดบ้าง" “ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมขออนุญาต
ไปเฝ้าม้าปัณฑวะสักระยะก่อนเถอะพระเจ้าค่ะ
กระหม่อมถึงจะทูลถึงสาเหตุได้"


อำมาตย์ได้สอบถามข้อมูลการเลี้ยงดูม้าปัณฑวะ
“กระผมดูและพระปัณฑวะเป็นอย่างดีแล้วนะครับ
ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แต่ก็คิดถึงสาเหตุที่
ม้ามงคลเดินขาเป๋ไม่ได้สักที" “ไม่เป็นไรเจ้าก็
เลี้ยงตามที่เจ้าเลี้ยงไปเถิดเราจะเฝ้าดูสาเหตุให้เอง"
อำมาตย์เมื่อได้รับคำสั่งจากพระเจ้าสามะให้หาสาเหตุ
การเดินขาเป๋ของม้ามงคลก็ได้มาเฝ้าดูม้ามงคลอย่างใกล้ชิด


อำมาตย์เฝ้าสังเกตการเลี้ยงดูม้าของนายคิริทัต
“เอ้าฟางอร่อยๆ มาแล้วจ้าทานให้อิ่มเลยนะพ่อ
มีคนมาเฝ้าดูอย่างนี้ต้องประพฤติดีๆหน่อยเรา ”
“อืม...ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดเพี้ยนไปนี่นา
อาหารก็ให้เหมือนเดิมอาบน้ำแปรงขนก็
เหมือนเดิม คงผิดแปลกไปจากท่าเดินแล้วละมั้ง”


อำมาตย์มาเฝ้า คิริทัต และ ม้ามงคล
หลายวันก็ไม่พบเหตุที่จะทำให้ม้ามงคลเดิน
ขาเป๋ได้ “ใช่สินะ ตั้งแต่ที่เรามาดูคิริทัต
เลี้ยงม้ามงคล ยังไม่เคยเห็นม้ามงคลเดินเลยนี่นา
คิริทัตเจ้าลองเดินพาม้าปัณฑวะเดินไป
สวนทางด้านโน้นสิ เราจะสังเกตดูว่าอะไร
ที่ทำให้ม้ามงคลเดินขาเป๋ได้”




อำมาตย์ให้คิริทัตจูงม้าเดินไปในสวนตามปกติ
คิริทัตจูงม้าปัณฑวะเดินไปในสวนตามปกติ
อย่างที่เคยทำ ม้ามงคลจากที่เคยเป็นม้าสง่า
แต่เมื่อเดินตามคิริทัตแล้วกลับเดิน
กระโพกกะเผลกตามคนเลี้ยง "มาพ่อมาเดิน
ตามเรามาเถิด เราจะพาพ่อไปดูสวน”
“เดินตามคนนี้ทีไรลำบากกายเลยทุกทีเรา"


อำมาตย์ได้สังเกตและทราบในที่สุดว่าเหตุใด
ม้าจึงเดินขาเป๋ เมื่ออำมาตย์เห็นม้ามงคล
เดินกะเผลกเดินตามหลังคิริทัตก็รู้ว่าสาเหตุ
ก็คือคิริทัตนี่เอง "ตอนกินตอนอาบน้ำก็ปกตินะ
แต่เมื่อเดินตามหลังคิริทัตก็มีอาการทันทีสงสัย
คงเป็นเพราะเดินตามหลังคนเลี้ยงสิเนี่ย"
เมื่อรู้เหตุที่ม้าเดินขาเป๋แล้ว อำมาตย์ก็รีบทูล
พระเจ้าสามะทันทีเพื่อถวายหนทางแก้ไข




อำมาตย์ได้กราบทูลถึงสาเหตุที่ม้าปัณฑวะเดินขาเป๋
“ท่านรู้แล้วว่าทำไมม้ามงคลของเราถึงเดินขาเป๋ได้"
“พระเจ้าค่ะหม่อมฉันได้ไปเฝ้าดูคิริทัตเลี้ยงม้า
อยู่หลายวัน เมื่อให้อาหาร อาบน้ำ แปรงขน
ม้าคิริทัตก็ไม่แสดงอาการผิดปกติหรือขาเป๋แต่อย่างใด
จะมีแต่เฉพาะตอนที่เดินตามหลังคิริทัตเท่านั้นพระเจ้าค่ะ
ที่ม้ามงคลตัวนี้เดินกระโพกกะเผลกเหมือนคิริทัตไม่มีผิด"


อำมาตย์ได้บอกพระราชาถึงสาเหตุที่ทำให้ม้าเดินขาเป๋
“ท่านหมายความว่าคิริทัตเหรอที่ทำให้ม้ามงคล
ของเราขาเป๋ใช่พระเจ้าค่ะ ขอเดชะอาการของ
ม้าปัณฑวะเป็นปกติดีแต่ที่เดินขาเป๋เป็นเพราะเดินตาม
คนเลี้ยงที่ขาเป๋พระเจ้าค่ะม้าจะเลียนแบบคนเดิน
คนฝึกดูแลพระเจ้าค่ะเมื่อคิริทัตที่เป็นชายเดินขาเป๋ข้างหน้า
ย่อมเป็นแบบอย่างให้ปัณฑวะเดินเป็นแบบอย่างได้พระเจ้าค่ะ“


คิริทัตหมดหน้าที่ในการดูแลม้าปัณฑวะ
“ถ้าอย่างนั้นเราจะแก้ไขอย่างไรดีละท่าน”
“ไม่ยากหรอกพระเจ้าค่ะ แค่ได้คนเลี้ยงม้าขาดี
ม้าก็จะเป็นปกติเหมือนเดิมเอง ถ้าคนบริบูรณ์สมควร
แก่อันม้านั่นพึงจะมานั่งที่บังเหงียนแล้วจูงรอบไป
สนามม้าไซร้ ม้าก็จะออกอาการขเยกแล้วเลียนแบบ
คนเลี้ยงม้านั่นโดยพลัน" เมื่อเปลี่ยนคนเลี้ยง
ม้าปัณฑวะก็กลับมาเดินเป็นปกติเช่นเดิม


“เราไม่น่าให้คิริทัตมาเลี้ยงตั้งแต่แรกเลยถ้าอย่างนั่น
เจ้าจงไปเปลี่ยนคนเลี้ยงม้าโดยเร็ว ก่อนที่
ม้ามงคลของเราจะติดอาการเดินขาเป๋ไปมากกว่านี้"
“ฮ้า..ท่านรู้สาเหตุที่ทำให้ม้ามงคลเดินขาเป๋แล้วหรือ
เป็นเพราะเหตุใดกันท่าน" "ใช่ เหตุก็เพราะเจ้า
นั้นแหละคิริทัต การที่เจ้าเดินขาเป๋ เลยทำให้ม้าเดิน
ขาเป๋ตามเจ้า" "เป็นเพราะเราหรือนี่"
"รู้อย่างนี้เจ้าก็ออกไปได้แล้ว เราจะหาคนเลี้ยงม้า
คนใหม่มาแทนที่เจ้าแล้ว เจ้าหมดหน้าที่แล้ว ไปซะ"


เมื่อเปลี่ยนคนเลี้ยงม้าแล้วไม่นานม้าก็เดิน
ปกติดีเช่นเดิม พระราชาจึงได้พระราชทาน ลาภ ยศ
ให้แก่อำมาตย์ผู้ให้ถวายคำแนะนำเนื่องจาก
เป็นผู้รู้วิธีทำให้ม้ากลับมาเป็นปกติได้


คิริทัตในครั้งนั้นได้เป็น เทวทัตในครั้งนี้
ม้ามงคลได้เป็น ภิกษุผู้คบพวกผิด
พระราชาได้เป็น พระอานนท์ ส่วนอำมาตย์บัณฑิต
เสวยพระชาติเป็น องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบดีดีจาก
"www.dmc.tv" ธรรมดีดีที่มีให้ดูสดสดทุกวัน




 

Create Date : 17 มีนาคม 2554    
Last Update : 18 มีนาคม 2554 6:42:07 น.
Counter : 2421 Pageviews.  

ปีใหม่เริ่มต้นสิ่งดีดี กับภาพยนตร์เรื่อง Tron



เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนจะพากันเก็บกวาดบ้านเรือน
ให้สะอาด ประดับไฟและธงชาติตามสถานที่สำคัญๆ ครั้นถึง
วันที่ 31 ธันวาคม ก็จะมีการทำบุญเลี้ยงพระไปวัดเพื่อประกอบ
กิจกุศลต่าง ๆ เช่น ฟังพระธรรมเทศนา ถือศีลปฏิบัติธรรม
แต่บางคนก็แค่ทำบุญตักบาตร ตอนกลางคืนบางแห่งอาจจัด
เทศกาลกินเลี้ยงที่ครื้นเครงสนุกสนานเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เช้าวันที่ 1 มกราคม จะมีการทำบุญ
ตักบาตร ไปท่องเที่ยวหรือเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ผู้ที่เคารพนับถือ




มีการมอบของขวัญและบัตรอวยพรให้แก่กัน สำหรับในต่างจังหวัด
จะมีการทำบุญเลี้ยงพระที่วัด อุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ญาติที่ล่วงลับ
กลางคืนมีการละเล่นพื้นบ้านหรือจัดมหรสพมาฉลอง


คติข้อคิดในวันขึ้นปีใหม่



เมื่อเวลาผันเปลี่ยนเวียนไปครบ 1 ปี เราได้อยู่รอดปลอดภัย
มาจนถึงวันขึ้นปีใหม่ ขอให้ลองมองย้อนหลังกลับไปคิดดูว่า
วันเวลาที่ผ่านมานั้น เราได้ใช้มันอย่างคุ้มค่าหรือเปล่า
และได้กระทำคุณงามความดีอันใดไว้บ้างและควรหาโอกาส
กระทำให้ดียิ่ง ๆขึ้นทุกปี ในขณะเดียวกันเราได้กระทำความผิด
หรือสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องไว้หรือไม่ หากมีต้องรีบปรับปรุงแก้ไขตัวเอง


กิจกรรมที่ควรปฏิบัติ



เก็บกวาดดูแลทำความสะอาด ประดับธงชาติตามอาหารบ้านเรือน
ทำบุญตักบาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณ
ที่ล่วงลับไปแล้ว ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟัง
พระธรรมเทศนาฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน




ตรวจสอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามี
ความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีคั่งค้างก็ต้อง
เร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดี
ก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป หากมีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคือง
กับผู้ใด ในวันนี้ควรถือโอกาสให้อภัยซึ่งกันและกัน เริ่มสาน
ความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี ถึงแม้จะทำยากแต่ก็ควรทำ
วันนี้คุณได้เริ่มต้นเตรียมตัวอย่างถูกต้องกับเทศกาลปีใหม่แล้วหรือยัง




ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก คุณศิริวรรณ คุ้มโห้
วันและประเพณีสำคัญ กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เดอะบุคส์ จำกัด




สำหรับช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ขอแนะนำหนังแอคชั่นแฟนตาซี
เหนือจินตนาการ เมื่อมนุษย์หลุดไปอยู่ในโลกดิจิตอล และต้องต่อสู้กับ
โปรแกรมคอมพิเตอร์ ในเรื่อง ทรอน (Tron) ภาพยนตร์ไซไฟของดิสนีย์
ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2525 เขียนบทและกำกับโดย สตีเวน ลิสเบอร์เกอร์




ทรอน เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ที่มีการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกส์
เป็นองค์ประกอบหลักของเรื่อง ภาพยนตร์ที่ฉายในปัจจุบันเป็นภาคต่อ
ของ ทรอน ใช้ชื่อว่า Tron Legacy นำแสดงโดยเจฟ บริดเจส
(เควิน ฟลินน์), บรูซ บ็อกซ์ลีทเนอร์ (ทรอน) และแกร์เรต เฮดลันด์
(แซม ฟลินน์ ลูกชายวัยรุ่นของเควิน) ฉายในปี พ.ศ. 2553 ยันปี 2554
สนุกมากมายเหนือจินตนาการ อย่าลืมไปชมกันนะจ๊ะ






 

Create Date : 31 ธันวาคม 2553    
Last Update : 31 ธันวาคม 2553 21:55:55 น.
Counter : 2761 Pageviews.  

La Cage aux Folles เริงร่าไปกับ "กินรีสีรุ้ง"





La Cage aux Folles (ลา คาจ โอ โฟล์) เป็นละครเวที
ที่กล่าวถึงเพศที่ 3 ได้อย่างสนุกสนาน แต่แฝงแง่คิดที่กินใจ
โดยผู้กำกับละครชาวฝรั่งเศส Jean Poirel ได้เขียนบทละคร
ตลกชวนหัวนี้ในปี 1973 ว่าด่วยเกย์วัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของ
คลับนางโชว์ และคู่ขาแต่งหญิงสุดเปรี้ยวของเขา ที่วันหนึ่ง
ลูกชายเจ้าของคลับพาพ่อแม่ของคู่หมั้นมาพบ แต่ปัญหาคือ
อีกฝ่ายนั้นเป็นคนหัวโบราณสุดขีด ผู้เป็นพ่อจึงต้องซ่อน
ความเป็นเกย์ อาชีพ และ คนรักของเขา เอาไว้


เมื่อละครเวทีเรื่องนี้ออกแสดงก็ได้รับการต้อนรับจากผู้ชมเป็นอย่างมาก
จนมีการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ และละครเพลงในเวลาต่อมา
โดย Harvey Fierslein นักเขียนบทละครชาวอเมริกัน
ดัดแปลงผลงานชิ้นนี้เป็นละครเพลงในปี 1983 โดยเขาให้ตัวละคร
เจ้าของคลับชื่อว่า Gorges ส่วนนางโชว์สุดสวยมีชื่อว่า Albin
มิวสิคัลเรื่องนี้ก็กลายเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของวงการ
ละครเวที โดยแสดงถึง 1761 รอบ ที่บรอดเวย์ นิวยอร์ค
และได้รับรางวัล โทนี่อวอร์ด (ออสการ์ของละครเวที) ถึง
6 รางวัล ในปี 1984 (ละครเพลงยอดเยี่ยม นักแสดงนำชาย
ยอดเยี่ยม เพลงประกอบยอดเยี่ยม ฯลฯ) โดยจุดเด่นของเรื่องคือ
เพลงเอกของละครที่ชื่อว่า I Am what I Am ซึ่งกลายเป็น
อีกเพลงหนึ่งที่ Albin ร้องในช่วงจบขององก์ 1 เพื่อแสดง
ความรู้สึกว่าเธอภูมิใจในสิ่งที่เธอเป็น ต่อมาเพลงนี้ยังถูกร้อง
โดย Gloria Gaynor (เจ้าของเพลงในตำนานชาวเกย์
I will survive) จนทำให้ I Am what I Am กลายเป็น
อีกเพลงหนึ่งที่ใช้แทนสัญลักษณ์การเรียกร้องสิทธิเกย์


ในเดือนพฤษภาคม 2553 นี้ La Cage aux Folles
กำลังจะถูกดัดแปลงเป็นละครเพลงฉบับภาษาไทยในชื่อ กินรีสีรุ้ง
จากฝีมือการกำกับของผู้กำกับคนเก่ง ถกลเกียรติ วีรวรรณ โดยซื้อ
ลิขสิทธิ์บทละครและเพลงมาจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง
ตามกฎหมาย จึงทำให้กินรสีรุ้ง จะเป็น La Cage aux Folles
ฉบับของแท้ 100 % ครั้งแรกของเมืองไทย ซึ่งการันตีความหรูหรา
ยิ่งใหญ่ และยังคงอรรถรสของละครต้นฉบับไว้อย่างครบถ้วน
ทั้งความสนุกสนาน สีสันของการโชว์ ทำนองที่ไพเราะของบทเพลง
รวมถึงแก่นของเรื่องที่ยังคงเป็นความรักยิ่งใหญ่ ทั้งความรักของพ่อกับลูก
รวมทั้งความรักของคู่ชีวิต แต่ก็มีการปรับปรุงรสชาติ รวมทั้ง
สถานการณ์ต่างๆ ให้เข้ากับรสนิยมของคนไทยอีกด้วย


ด้านนักแสดง เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ จะพลิกบทบาทจากชาย
ผู้ไม่ยอมละทิ้งความฝันของตน จากละครเวที สู่ฝันอันยิ่งใหญ่
มาเล่นเป็น Albin นางโชว์สุดแสบที่แสนจะภูมิใจในความเป็นหญิง
ของตัวเอง นับได้ว่านี่เป็นก้าวสำคัญที่เจมส์จะได้พิสูจน์ตัวเองเลยทีเดียว
ส่วนบท George นั้น เป็นของนักร้องนักแสดงมากฝีมืออย่าง
กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ผู้เคยฝากการแสดงอันน่าจดจำไว้ใน
บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล และเนื้อคู่ 11 ฉาก จากวันแรกถึงวันลา
ซึ่งบทบาทของตัวละครชายรักชายนั้น ก็นับเป็นบทที่ท้าทายมากบทหนึ่ง





อย่าลืมไปติดตามชมได้ที่โรงละครรัชดาลัยเธียเตอร์ เอสพลานาด ชั้น 4
เริ่มแสดงวันพุธที่ 19 พฤษภาคมนี้ บัตรราคา 2800 2300 1800
1500 1000 และ 500 บาท ซื้อบัตรได้ที่ไทยทิกเกตเมเจอร์จ้า


ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก //www.rachadalai.com ด้วยจ้า






 

Create Date : 16 มีนาคม 2553    
Last Update : 16 มีนาคม 2553 21:23:30 น.
Counter : 2176 Pageviews.  

ลมหายใจเดอะมิวสิคัล..อีกครั้ง





นักแสดงนำ
ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ (มอส) พัด
ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ รักสนุก แต่จริงใจกับคนที่เขารัก
นิโคล เทริโอ ฝน
แฟนของ "พัด" หญิงสาวผู้อ่อนโยน จิตใจดี
แต่เก็บซ่อนความรู้สึกของตนไว้

ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ (อ๊อฟ) ต่อ
เพื่อนรุ่นน้องของ "พัด" ผู้แอบรัก "ฝน"
มาโดยตลอด ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางลงเอย

รัดเกล้า อามระดิษ เจ๊ฉันท์
เพื่อนรุ่นพี่ของ "พัด" ที่คอยดูแลห่วงใย
ทุก ๆ คนเสมอ และเป็นผู้มีสัมผัสที่หก

วิชญาณี เปียกลิ่น (แก้ม เดอะสตาร์) พาย
น้องสาวของ "พัด" ร่าเริง เอาแต่ใจ แต่รักพี่ชายของตนมาก

โหมโรงก่อนเริ่มการแสดงเรื่อง ลมหายใจเดอะมิวสิคัล ค่ายซิเนริโอ
ละครเดอะมิวสิคัลที่ จขบ. รอคอย ขอสักสามสี่เรื่องต่อปีได้มั๊ยเนี่ย
ขอแปะคลิปไว้พอให้หายอยากแล้วกันนะคะ ใครอยากไปดูมั่งเอ่ย
ซื้อตั๋วกันเอาเองนะจ๊ะ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มรอบ 14.00 น. นะคะ
เริ่มแสดงวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2552 นี้ ที่ รัชดาลัยเธียรเตอร์ ชั้น 4
ที่ห้างเอสพลานาด รัชดาภิเษก ชั้น 4 ใกล้จัสโก้และสถานฑูตจีน จ้า




ลมหายใจ เดอะมิวสิคัล เป็นละครเวทีในรูปแบบละครเพลง ประเภท
จูคบ็อกซ์ มิวสิคัล (jukebox musical) ของบริษัท ซีเนริโอ จำกัด
ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งเป็นการร่วมมือของ ถกลเกียรติ วีรวรรณ
ผู้สร้างและผู้กำกับละครเวทีชื่อดัง และบอย โกสิยพงษ์ นักร้องและ
นักแต่งเพลงคุณภาพ โดยนำเพลงที่ได้รับความนิยมของบอย โกสิยพงษ์
มาเรียบเรียงและถ่ายทอดในรูปแบบละครเพลงเป็นครั้งแรก
กำกับการแสดงโดย เอกชัย เอื้อครองธรรม ผู้กำกับภาพยนตร์และ
ละครเวที ซึ่งได้รับยกย่องจากนิตยสารเอเชียวีค ให้เป็น 1 ใน 20
ผู้นำชาวเอเชียแห่งสหัสวรรษในด้านศิลปวัฒนธรรมและสังคม







เวลาอาจหมดไป ลมหายใจอาจหมดลง
แต่รักเธอ..ไม่มีวันจางไปจากใจ





บทเพลงใน ลมหายใจเดอะมิวสิคัล

*ลมหายใจ (นักแสดงนำขับร้องร่วมกัน)
*ฤดูที่แตกต่าง
*ห่างไกลเหลือเกิน (วิชญาณี เปียกลิ่น)
*ใคร

*โปรดเถอะ (นิโคล เทริโอ)
*Home (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ )
*รักเธอทั้งหมดของหัวใจ (นิโคล เทริโอ, รัดเกล้า อามระดิษ, วิชญาณี เปียกลิ่น)
*หยุด

*Live & Learn (นิโคล เทริโอ, รัดเกล้า อามระดิษ)
*ที่ฉันรู้ (ปองศักดิ์ รัตนพงษ์)
*เหมือนเคย (ปองศักดิ์ รัตนพงษ์)
*รัก (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, นิโคล เทริโอ)


*ช่วงที่ดีที่สุด (นิโคล เทริโอ, รัดเกล้า อามระดิษ, วิชญาณี เปียกลิ่น)
*Pass the love forward
*เธอเองจะได้ยินอะไรในใจฉันไหม
(ปองศักดิ์ รัตนพงษ์, รัดเกล้า อามระดิษ, วิชญาณี เปียกลิ่น)
*ดอกไม้








 

Create Date : 23 ตุลาคม 2552    
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 10:12:46 น.
Counter : 1176 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

หอมกร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 65 คน [?]




ทำงานราชการมีจิตใจรักชาติไม่น้อยกว่าใคร จากเดิมทำบล็อกหลากหลายที่ตนเองสนใจ ปัจจุบันเน้นแปะเรื่องราวจากภาพยนตร์ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตัดสินใจไปดู
Hello ! Hello ! Hello ! ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียนจ้า
Friends' blogs
[Add หอมกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.