ผู้ที่ควรแก่การยกย่องและเคารพ คือผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม มิใช่ผู้ที่ทรงอำนาจ แต่ไร้คุณธรรม "ป๋วย อึ้งภากรณ์"
Group Blog
 
All blogs
 
ความกลัว



ความกลัว เป็นสิ่งที่มีอำนาจมากสิ่งหนึ่ง
ในบรรดา สิ่งที่ทำลาย ความสุข สำราญ หรือ
รบกวนประสาท ของมนุษย์ เป็นอย่างยิ่ง ด้วยกัน
ความกลัวนี้ ย่อมมีลักษณะ และพิษสง มากน้อยกว่ากัน
เป็นขั้นๆ ตามความรู้สึก อันสูงต่ำ ของจิต
เด็กๆ สร้างภาพ ของสิ่งที่น่ากลัว ขึ้นในใจ
ตามที่ผู้ใหญ่นำมาขู่ หรือได้ยินเขาเล่าเรื่องอันน่ากลัว
เกี่ยวกับผี เป็นต้น สืบๆ กันมา แล้วก็กลัวเอาจริงๆ
จนเป็นผู้ใหญ่ ความกลัวนั้น ก็ไม่หมดสิ้นไป
ความกลัว เป็นสัญชาตญาณ อันหนึ่งของมนุษย์
เหมือนกันหมด แต่ว่าวัตถุที่กลัวนั่นแหละต่างกัน
ตามแต่เรื่องราวที่ตนรับเข้าไว้ในสมอง



วัตถุอันเป็นที่ตั้งของความกลัว ที่กลัวกันเป็นส่วนมากนั้น
โดยมากหาใช่วัตถุที่มีตัวตนจริงจังอะไรไม่
มันเป็นเพียงสิ่งที่ใจสร้างขึ้นสำหรับกลัวเท่านั้น
ส่วนที่เป็นตัวตนจริงๆ นั้น ไม่ได้ทำให้เรากลัวนาน
หรือมากเท่าสิ่งที่ใจสร้างขึ้นเอง มันมักเป็นเรื่องเป็นราว
ลุล่วงไปเสียในไม่ช้านัก บางทีเราไม่ทันนึกกลัวด้วยซ้ำไป
เรื่องนั้นก็ได้มาถึงเรา เป็นไปตามเรื่องของมัน
และผ่านพ้นไปแล้ว มันจึงมิได้ทรมานจิตของมนุษย์มาก
เท่าเรื่อง หลอกๆ ที่ใจสร้างขึ้นเอง




เมื่อปรากฏว่า ความกลัวเป็นภัยแก่ความผาสุกเช่นนี้แล้ว
บัดนี้ เราก็มาถึงข้อปัญหาว่าเราจะเอาชนะความกลัวได้อย่างไร
สืบไปเพราะเหตุว่า การที่ทราบแต่เพียงว่า ความกลัวเป็นภัย
ของความผาสุกนั้น เรายังได้รับผลดีจากความรู้นั้นน้อยเกินไป
เราอาจปัดเป่า ความกลัวออกไปเสียจากจิตโดยววิธีต่างๆ กัน
แต่เมื่อจะสรุปความขึ้นเป็นหลักสำคัญๆ แล้ว
อย่างน้อยเราจะได้สามประการ คือ

๑. สร้างความเชื่ออย่างเต็มที่ ในสิ่งที่ยึดเอาเป็นที่พึ่ง
๒. ส่งใจไปเสียในที่อื่น ผูกมัดไว้กับสิ่งอื่น
๓. ตัดต้นเหตุ ของความกลัวนั้นๆ เสีย


ในประการต้น อันเราอาจเห็นได้ทั่วไป
คือวิธีของ เด็กๆ ที่เชื่อตะกรุด หรือเครื่องราง ฯลฯ
ตลอดจน พระเครื่ององค์เล็กที่แขวนคอ
และเป็นวิธีของผู้ใหญ่บางคน ที่มีความรู้สึกอยู่ในระดับ
เดียวกับเด็กด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
วิธีนี้ไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม
คือทำความปลอดภัยให้ได้อย่างแท้จริง


ประการที่สอง สูงขึ้นมาสักหน่อย
พอที่จะเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นที่จัดว่าเป็นกุศโลบาย
หลักสำคัญอยู่ที่ส่งความคิดนึกของใจไปเสียที่อื่น
ซึ่งจะเป็นความรักใครที่ไหน โกรธใครที่ไหน
เกลียดใครที่ไหน ก็ตาม หรือหยุดใจเสีย
จากความคิดนึก ทุกอย่าง (สมาธิ)ก็ตาม
เรียกว่าส่งใจไปเสียในที่อื่น คือจากสิ่งที่เรากลัวนั้น
ก็แล้วกัน การคิดนึกถึงผลดีที่จะได้รับ คิดถึง
สิ่งที่เรารักมาก เหล่านี้ล้วนแต่ช่วยให้ใจแล่นไปในที่อื่น
จนลืมความกลัวได้ทั้งนั้น ในชั้นนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงสอนให้ระลึกถึงพระองค์ หรือพระธรรม หรือพระสงฆ์
อย่างใดอย่างหนึ่ง ในเมื่อภิกษุใดเกิดความกลัวขึ้นมา
ในขณะที่ตนอยู่ในที่เงียบสงัด เช่น ในป่า หรือถ้ำ เป็นต้น

ส่วนอาการที่สงบใจไว้ด้วยสมาธินั้น เป็นอุบายข่มความกลัว
ได้สนิทแท้ เพราะว่าในขณะแห่งสมาธิ ใจไม่มีการคิดนึก
อันใดเลย นอกจากจับอยู่ที่สิ่งซึ่งผู้นั้นถือเอาเป็นอารมณ์
หรือนิมิตที่เกาะของจิตอยู่ในภายในเท่านั้น


เมื่อมาถึงประการ ที่สามนี้ เมื่อเราคิดดูให้ดีแล้ว
อาจตอบได้ว่าเท่าที่คนเราส่วนมากจะคิดเห็นนั้น
ความกลัวผีมีต้นเหตุมากมาย คือความไม่เข้าใจในสิ่งนั้นบ้าง
การมีความกลัวติดตัวอยู่บ้าง ใจอ่อนเพราะเป็นโรคประสาทบ้าง
อาฆาตจองเวรไว้กับคนไม่ชอบพอกันบ้าง รักตัวเองไม่อยากตายบ้าง
เหล่านี้ ล้วนเป็นเหตุแห่งความกลัว
มูลเหตุอันแท้จริงเป็นรวบยอดแห่งมูลเหตุทั้งหลายคืออะไรนั้น
ค่อนข้างยากที่จะตอบได้ เพราะเท่าที่เห็นกันนั้นเห็นว่า
มันมีมูลมากมายเสียจริงๆ แต่แท้ที่จริงนั้น ความกลัวก็เป็นสิ่งที่
เกิดมาจากมูลเหตุอันสำคัญอันเดียว เช่นเดียวกับความรัก
ความโกรธ ความเกลียด และ ความหลง เพราะว่าความกลัว
ก็เป็นพวกเดียวกันกับ ความหลง (โมหะ หรือเข้าใจผิด)
มูลเหตุอันเดียวที่ว่านั้นก็คือ อุปาทาน ความยึดถือต่อตัวเองว่า
ฉันมี ฉันเป็น นั่นของฉัน นี่ของฉัน เป็นต้น




เมื่อพบว่า ต้นเหตุของความกลัวคืออะไรดังนี้แล้ว
เราก็มาถึงปัญหาว่าจะตัดต้นเหตุนั้นได้อย่างไร
เข้าอีกโดยลำดับ ในตอนนี้เป็นการจำเป็นที่เราจะต้องแบ่ง
การกระทำ ออกเป็นสองชั้นตามความสูงต่ำแห่งปัญญา
หรือความรู้ของคนผู้เป็นเจ้าทุกข์ คือถ้าเขามีต้นทุนสูงพอ
ที่จะทำลายอุปาทานให้แหลกลงไปได้ ก็จะได้ตรงเข้าทำลาย
อุปาทาน ซึ่งเมื่อทำลายได้แล้ว ความทุกข์ทุกชนิดจะพากัน
ละลาย สาบสูญไปอย่างหมดจดด้วยนี้ประเภทหนึ่ง
และอีกประเภทหนึ่ง คือ พยายามเพียงบรรเทา ต้นเหตุ
ให้เบาบางไปก่อน ได้แก่ การสะสางมูลเหตุนั้น ให้สะอาดหมดจดยิ่งขึ้น

ประเภทแรก สำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติธรรมทางใจ
ให้ก้าวหน้าสูงขึ้น ตามลำดับๆ จนกว่าจะหมดอุปาทาน
ตามวิธีแห่งการปฏิบัติธรรม

ส่วนประเภทหลัง นั้นคือ การพยายามประพฤติความดี
ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ
จนตนติเตียนตนเองไม่ได้ ใครที่เป็นผู้รู้แม้จะมีทิพยโสต
หรือทิพยจักษุมาค้นหาความผิดเพื่อติเตียนก็ไม่ได้
เป็นผู้เชื่อถือและเคารพตัวเองได้เต็มเปี่ยม
ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนท่าน
ไม่มีเวรภัยที่ผูกกันไว้กับใคร
เมื่อเป็นเช่นนี้ความกลัวก็หมดไป
ใจได้ที่พึ่ง ทีเกษมที่อุดมยิ่งขึ้น




ข้าพเจ้าขอจบเรื่องนี้ลง ด้วยพระพุทธภาษิต
ที่เราควรสำเหนียกไว้ในใจอยู่เสมอ
อันจะเป็นดุจเกราะป้องกันภัยจากความกลัว
ได้อย่างดี ดังต่อไปนี้

"มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมากถูกความกลัวคุกคามเอาแล้ว
ย่อมยึดถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง สวนที่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง
รุกขเจดีย์บ้าง เป็นที่พึ่งของตนๆ นั่นไม่ใช่ ที่พึ่ง อันทำความเกษม
ให้ได้เลย นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด ผู้ใดถือสิ่งนั้นๆ เป็นที่พึ่งแล้ว
ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นไปจากความทุกข์ ทั้งปวงได้

ส่วนผู้ใดที่ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งแล้ว
เห็นอริยสัจทั้งสี่ ด้วยปัญญาอันถูกต้องคือ เห็นทุกข์
เห็นเหตุเครื่องให้เกิดทุกข์ เห็นการก้าวล่วงไปเสียได้จากทุกข์
และเห็นหนทาง อันประกอบด้วยองค์แปดประการอันประเสริฐ
อันเป็นเครื่องยังผู้นั้นให้เข้าถึงความรำงับแห่งทุกข์
นั่นแหละคือที่พึ่งอันเกษม นั่นแหละคือที่พึ่งอันสูงสุด
ผู้ใดถือเอาที่พึ่งนั้นแล้วย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้"

(ธ. ขุ. ๔๐)

ความโศก ย่อมเกิดแต่ความรัก
ความกลัว ย่อมเกิดแต่ความรัก
สำหรับผู้ที่พ้นแล้วจากความรัก
ย่อมไม่มีความโศก ความกลัว
จักมีมาแต่ที่ไหนเล่า
ความโศก ย่อมเกิดมาจากตัณหา (ความอยากอย่างนั้นอย่างนี้)
ความกลัว ย่อมเกิดมาจากตัณหา (เพราะกลัวไม่สมอยาก)
สำหรับผู้ที่พ้นแล้วจากตัณหาย่อมไม่มีความโศก ความกลัว
จักมีมา แต่ที่ไหนเล่า

(ธ. ขุ. ๔๓)

ขอให้ความกลัวหมดไปจากจิต
ความสุขจงมีแต่สรรพสัตว์เทอญ


ตัดตอนมาจากส่วนหนึ่งของเทศนาธรรม ๑ สิงหาคม ๒๔๗๙
จากพระพุทธทาสภิกขุ ค่ะ

ที่มา : //www.buddhadasa.com




Create Date : 20 กรกฎาคม 2550
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 7:22:14 น. 20 comments
Counter : 1009 Pageviews.

 
แต่ก่อนจ๊ะจ๋ากลัวผีมากถึงมากที่สุด
ตอนหลังต้องเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล
หกเจ็ดเดือนไม่รู้ความกลัวหายไปไหน
อาจเป็นเพราะความเคยชินหรือป่าวไม่รู้


โดย: akojajaa วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:34:40 น.  

 
สวัสดีครับคุณหอมกร ความกลัวมีอยู่ในสันดานของมนุษย์
แหละครับ เช่นกลัวจน กลัวโง่ กลัวเสียหน้า กลัวโดน
ข่มเหง กลัวเป็นโรคร้าย ฯลฯ อิอิ สารพัดที่จะกลัวครับ
ใครไม่กลัวอะไรเลย จะเป็นคนไม่สมบูรณ์มากกว่าครับ ฮา.....


โดย: smack วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:29:02 น.  

 
ขอบคุณข้อความดีๆที่นำมาแบ่งปันค่ะemo


โดย: กองพันทหารราบ วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:21:16 น.  

 
emoemoemo

ดีใจมาก ที่มาเยี่ยม เปี่ยมคำห่วง

ใจทั้งดวง แสนตื้นตัน กว่าวันไหน

ทุกไมตรี ที่ปรี่ล้น ท้นท่วมใจ

ซาบซึมไป ถึงก้นบึ้ง ซึ้งเหลือเกิน

emoemoemo


โดย: pataramin วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:36:11 น.  

 
emoemoแอบหนีงานมาเยี่ยม...คิดถึงน่ะค่ะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:25:55 น.  

 
เป็นบทความที่ดีมากมากเลยค่ะ

เรามักจะกลัวอะไรที่ยังคาดไม่ถึงและยังไม่ได้เกิดขึ้นเสมอ


โดย: ปุ๊กกี้&คิตตี้ (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:10:05 น.  

 
สวัสดีครับคุณหอมกร ขอบคุณที่แวะไปเยือนกัน แวะมาก็ได้อ่านบทความดีๆ พอดี


โดย: ลุงโจฟี่ วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:08:56 น.  

 
เมื่อกี้เองนี่ล่ะคะ ... พาหลานไปหยิบของในตู้เย็น
แต่ว่ากว่าจะพาไปได้เค้าบอกว่าต้องให้เราไปด้วย
อย่าวิ่งหนี ...

งงเลยว่าทำไมต้องวิ่งหนี ... เค้าบอกว่าก็เพราะเค้า
กลัวผีน่ะ ถ้าเราวิ่งหนี หลานคงช็อค

ดูสิค่ะ กลัวอะไรก็ไม่รู้ กลัวจริงๆ ไม่รู้จะแก้ยังไง
ดีแล้วนะค่ะเนี่ย


โดย: JewNid วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:40:54 น.  

 
สาธุ...

สวัสดีครับ คุณหอมกร มักจะมีบทความดีๆ มาให้อ่านเสมอเลย

ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เราคิดไปเองเท่านั้น คิดเองกลัวเอง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 20 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:18:26 น.  

 
หนูกลัวใจตัวหนูเองมากที่สุดเลยล่ะ

พี่หอมกรสบายดีนะค่ะ
คิดถึงเสมอนะ...ดุแลตัวเองด้วยล่ะ



โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:6:12:21 น.  

 


โดย: weraj วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:11:01 น.  

 
อรุณสวัสดิ์จ้า สบายดีไหม


โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:40:37 น.  

 
ไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยียนเสียนาน
เพราะพ่อไม่สบาย

ตอนนี้พ่ออาการดีขึ้นมาก ๆ แล้ว
และจิตใจลูกก็ดีขึ้นมาก ๆ เช่นกันค่ะ

เลยถือโอกาส
แวะมาสวัสดีตอนสาย ๆ วันอาทิตย์นะคะ

สุขสันต์วันหยุดค่ะ

คลิก





โดย: โสดในซอย วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:09:57 น.  

 
emoemoemoemo


โดย: พญางูใหญ่ วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:27:26 น.  

 
วันนี้ปื้ดขจัดความกลัวได้แล้วคับ ปื้ดสู้ฟัด ปั๊ดสู้ฟื้ด อิอิอิemoemoemo


โดย: pataramin วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:45:08 น.  

 
เห็นเจ้าตัวย่องด้านบนล่ะกลัว กลั๊ว กลัวเลยค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:50:08 น.  

 
สวัสดีคุณ หอมกร ต่อมีอะไรจะบอก ต่อมา TAG เชิญที่ Blog ครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:50:47 น.  

 
แหม...มีแซวเราซะงั้น

ลืมบอกคุณหอมกรไปว่าเรากำลังจะทำแหนม...ก็เลยต้องหมัก ต้องดองกันนานนิดนึง.....อิอิ ว่าไปเรื่อย

ก็ว่าอาทิตย์นี้จะเอามาแบ่งทอดแจกเพื่อนแล้วนะเนี่ย....เหอะๆ

เพิ่งกลับมาจากงานอันหนักอึ้ง 2 อาทิตย์เต็มๆค่ะ อาทิตย์นี้ละค่ะได้ฤกษ์ update ซะที เดี๋ยวมี blog ใหม่แล้วจะมาลากไปเยี่ยม เจิม blog น้าค๊าบ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ


โดย: วิตามินโซดา วันที่: 23 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:55:51 น.  

 
อิอิ แวะมาเยี่ยมค้า
อยากชมว่าเลือกรูปประกอบได้สวยมาก เข้ากั๊น เข้ากันค่ะ
บทความนี้อ่านแล้วก็แอบคล้อยตาม
กลัวอะไรไม่เท่า..ใจเราเอง..จริงๆค่ะ


โดย: เอมิ (รวัลย์ ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:24:07 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 17 มีนาคม 2566 เวลา:14:39:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หอมกร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 65 คน [?]




ทำงานราชการมีจิตใจรักชาติไม่น้อยกว่าใคร จากเดิมทำบล็อกหลากหลายที่ตนเองสนใจ ปัจจุบันเน้นแปะเรื่องราวจากภาพยนตร์ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตัดสินใจไปดู
Hello ! Hello ! Hello ! ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียนจ้า
Friends' blogs
[Add หอมกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.