ผู้ที่ควรแก่การยกย่องและเคารพ คือผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม มิใช่ผู้ที่ทรงอำนาจ แต่ไร้คุณธรรม "ป๋วย อึ้งภากรณ์"
Group Blog
 
All blogs
 

ถ้าแวะมาเยี่ยมก็ลงชื่อหน่อยนะคะ (เลียนแบบ)

เรื่องของเรื่องก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ
ไม่ได้ไปไหนหรอก ยังอยู่กรุงเทพฯ นี่แหละ อิอิ




แต่ จขบ. เรียกร้องความสนใจ และเกิดไอเดียเนื่องจาก
เห็นคุณ โสดในซอย เธอตั้งชื่อบล็อกอย่างเนี้ย
แล้วตัวเองก็ยังมีรูปผีเสื้อสวยๆ เหลืออยู่จากเรื่องราวในบล็อกที่ 100




บล็อกที่ 101 (อ่านว่าร้อยเอ็ดนะคะ) เลยอยากจะนำ
รูปผีเสื้อสวยๆ ของคนอื่น (เน้นของคนอื่น และขอบคุณไว้ด้วยนะคะ)
ซึ่งไม่อยากเก็บไว้ดูให้ชื่นใจคนเดียว มาฝากกัน
เพื่อความสุขใจของคนมาเยี่ยม
(ใครเป็นเจ้าของรูปภูมิใจเถอะค่ะที่ทำให้เขาสุขใจ)



ครั้นจะดองบล็อกเดิมไว้นานๆ ก็ดูกระไรอยู่
เดี๋ยวคนมาเยี่ยมเขาจะเบื่อเอา เลยนำผีเสื้อสวยๆ มาฝากกันอีก






อย่าว่ากันเลยนะคะ แบบว่าช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยค่ะ





และนี่ก็คือที่มาที่ไปทั้งหมดของบล็อกคั่นเวลาที่ร้อยเอ็ดเนี่ยแหละค่ะ





อย่าว่ากันเลยนะคะ แบบว่าสาระมากเกินไปบางคนก็ไม่ชอบ
วันนี้เลยขอเป็นบล็อกเบาๆ แต่ไม่ไร้สาระค่ะ






ที่จริงแล้ว ผีเสื้อก็สะท้อนแง่มุมดีดีอะไรบางอย่าง
ของชีวิตให้กับเราเหมือนกัน นั่นคืออิสระเสรี
ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหาภายใต้ยุคเผด็จการ






ฮะ ฮะ วกเข้ามาเรื่องการเมืองจนได้ ไม่เอาแล้วไม่คุยดีกว่า
เดี๋ยวความสุขใจของใครบางคนจะหมดไป ดูผีเสื้อกันดีกว่าค่ะ





ว่าแต่วันนี้ ใครจะเป็นคนแรกที่จะมาเจิมบล็อกให้เราน้า อิอิ






 

Create Date : 14 กันยายน 2550    
Last Update : 14 กันยายน 2550 13:03:31 น.
Counter : 1157 Pageviews.  

เราเป็นเพื่อนแท้กันหรือเปล่า?



อันเพื่อนแท้แม้มีหนึ่งถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เกลือก้อนหนึ่งถึงจะน้อยด้อยราคา
ยังมีค่ากว่าน้ำเค็มเต็มทะเล


คุณสมบัติเพื่อนแท้ ตั้งแต่ ก - ฮ
(ไม่ครบทุกตัวหรอกนะ)



- เ ก็ บ เ ร า ไ ว้ ใ น ใ จ
- เ ข้ า ใ จ เ ร า
- ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า
- ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด
- จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ
- เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า
- ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า
- ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า เ ส ม อ



- เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า
- ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง เ ร า
- ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข
- ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป
- ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า
- นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า
- บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า
- ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ
- ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ
- ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า
- เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า
- ฟั ง เ ร า เ ส ม อ



- ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า
- ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า
- ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง เ ร า
- รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า
- ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง เ ร า
- ไ ว้ ใ จ เ ร า
- ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า
- สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ตั ว เ ร า
- เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า
- อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ
- เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ล า



ที่มา : www.dek-d.com
แนะนำโดย ผู้ใหญ่ดีหรือเปล่า ดอดคร่อม อิอิ




 

Create Date : 07 กันยายน 2550    
Last Update : 7 กันยายน 2550 8:39:04 น.
Counter : 1092 Pageviews.  

รำลึกถึง ... ฟ้าจรดทรายเดอะมิวสิคัล

ก่อนที่กระแสละครเพลงเวทีดีดีจะลบเลือนไปกับกาลเวลา
บล็อกนี้จึงขอรวบรวมความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับ
ละครเพลงเรื่องเยี่ยมแห่งปี ฟ้าจรดทราย ไว้ในความทรงจำค่ะ




...เปิดม่าน...

แสงตะวันที่ส่องกระทบยอดสันทรายสีทอง
สายลมบางที่ลูบไล้พัดพื้นทรายเป็นริ้วคลื่นเล็ก ๆ งามจับตา
ดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนขึ้นสู่อ้อมกอดของแผ่นฟ้าใสไร้เมฆหมอก
เผยให้เห็นเมืองงามที่ตั้งตระหง่านไกลสุดสายตา ...
เสียงดนตรีผสมเสียงกู่ร้องของสตรี หวานใสจับใจ



นี่คือฉากแห่งความประทับใจฉากแรกที่คุณนัชชาบรรยายไว้
จขบ. จึงขอนำมาเขียนเก็บไว้ในความทรงจำ





บรรยากาศจอแจพลุกพล่านรอบข้างก็เปลี่ยนไป
หนุ่มสาวทั้งสองกวาดสายตามองไปทั่ว
และพบว่าพวกเขากำลังมองตรงไปยังหญิงสาวผู้หนึ่ง
ซึ่งยืนนิ่งอยู่ที่หน้าร้านอุลดารัน เธอผู้นั้นสวมใส่ผ้าคลุมสีขาว
ที่คลุมร่างของเธอไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ความงามวิจิตรของผ้าคลุมผืนนั้น สวยงาม
อย่างที่มิเชลล์ไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อเธอมองไปรอบก็พบว่านอกจากหญิงสาวผู้นั้นแล้ว
มีเพียงเธอกับโรแบร์สองคนเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่
ชาวเมืองฮิลฟาราที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนี้
ต่างยอบตัวลงกับพื้น ศีรษะของพวกเขาก้มต่ำลงจนติดพื้น




ทันใดนั้น ก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งในชุดทหารของฮิลฟารา
เดินตรงเข้ายังบริเวณลานหน้าร้านอุลดารัน
นายทหารหนุ่มที่เดินนำหน้า สวมใส่เครื่องแบบ
ที่แตกต่างไปจากทหารคนอื่น ๆ
ชุดนายทหารสีขาวของเขาดูโดดเด่นยิ่งนัก
เมื่อเทียบกับเครื่องแบบสีเทาเข้มที่นายทหารคนอื่นสวมใส่
สายตาของเขามองกวาดไปทั่วบริเวณอย่างระแวดระวัง
ขณะเดียวกัน มิเชลล์ก็ได้กลิ่นกำยานโชยมาจาง ๆ
เธอจึงได้เห็นทหารที่เหลืออยู่เดินวนรอบตัวหญิงสาวผู้นั้น
ในมือของทหารที่เดินนำแถวถือเตาจุดกำยาน
ที่ส่งกลิ่นหอมอวลประหลาดวนอยู่รอบตัวของหญิงสาวผู้นั้น
ร่างเล็กของเธอค่อย ๆ ไหวโอนเอนราวกับจะล้มลง
แต่ก่อนที่ร่างของเธอกระทบพื้น
นายทหารสองคนในขบวนก็เอื้อมมือยกตัวเธอขึ้นพร้อมกัน



นี่คืออีกฉากหนึ่งซึ่งคุณนัชชาได้บรรยายไว้ใน
//www.scenario.co.th อย่างที่คนซึ่งได้ไป
ชมละครเวทีเรื่องนี้ น่าจะนึกย้อนไปถึงภาพความทรงจำเมื่อวันวาน
ที่ไปชมละครเวทีเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี


มิเชลล์เห็นนายทหารในชุดขาวเดินไปหยุดมองสตรี
ที่ทหารสองนายอุ้มอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับโบกมือให้ทหารทั้งหมด
หันกลับไปทางที่พวกเขาเดินเข้ามา พลันมิเชลล์ก็ได้สติ
เธอสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของโรแบร์
วิ่งตรงไปยังนายทหารหนุ่มชุดขาวที่กำลังหันตัวกลับ
มิเชลล์เอื้อมมือไปกระชากผ้าคลุมของนายทหารหนุ่มผู้นั้น
... หยุดนะพวกคุณจะทำอะไร …




เพียงชั่วพริบตา มิเชลล์รู้สึกได้ถึงวงแขนแข็งแรง
ที่รัดร่างของเธอไว้แน่น แต่สิ่งที่มิเชลล์มองเห็นตรงหน้า
ทำให้เลือดในตัวทุกหยดของเธอเย็นเฉียบก็คือ
คมมีดขาววับสะท้อนแสงไฟที่ชูขึ้นเหนือศีรษะ
ของนายทหารหนุ่มผู้นั้น มิเชลล์มองเห็นดวงตาเข้มจัดดุดัน
จ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของเธอ สายตาที่ดุดันนั้นก็ค่อย ๆ
เปลี่ยนไปกลายเป็นพิศวงสงสัย ปนประหลาดใจ
มีดโค้งในมือของเขาค่อย ๆ ลดลง
วงแขนที่รัดร่างเธอไว้แน่น ก็คลายออก


“มิเชล”
นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่โรแบร์รวบรวมความกล้า
กระชากตัวเธออกมาแล้วโอบกอดไว้ในวงแขน
คล้ายกับต้องการปกป้องเธอจากอันตรายทั้งปวง
นายทหารหนุ่มผู้นั้นหยุดมองหนุ่มสาวทั้งสองครู่หนึ่ง
จากนั้นก็ส่งสายตาเหยียดหยามไปยังมิเชลล์ พร้อมกับพูดว่า
“หญิงต่างชาติ ... ไร้วัฒนธรรม”

และนี่คือฉากแรกที่คู่พระนางคู่นี้เขาได้พบกันค่ะ

หลังจากความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างสุดขั้ว
ทำให้ความรักระหว่างแคชฟียาสาวผู้ดีมีสกุลของเมืองฮิลฟารา
และโรแบร์แฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสมีอันต้องจืดจางกันไป
ซ้ำโรแบร์ยังหันมาให้ความสนใจในตัวมิเชล
ส่งผลให้แคชฟียาเข้าใจผิดในตัวมิเชลล์จนแปรเป็นความแค้น
เธอจึงตัดสินใจหลอกให้มิเชลล์ต้องถวายตัวเป็นสนมของกษัตริย์แทน
และนี่คือฉากสนุกตื่นเต้นชวนติดตาม
อีกฉากหนึ่งของละครเวทีเรื่องนี้ค่ะ




นั่นทำให้มิเชลล์หญิงลูกครึ่งชาวฝรั่งเศสต้องพำนักอยู่ในวัง
เพื่อรอการสอบสวนความจริงของเรื่องดังกล่าว
และทำให้คู่พระนางของเรามีโอกาสได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง
จนกระทั่งเกิดการกบฏในพระราชวังขึ้น
คู่พระนางของเราจึงได้รอนแรมกลางทะเลทราย
ฝ่าฟันกับอุปสรรคมากมายจนกลายเป็นความรัก
อันบริสุทธิ์ที่มีให้แก่กันค่ะ ว้าวๆ
หลังจากผ่านความลำบากมาด้วยกัน
ในที่สุดเขาก็เลยมีอะไรอะไรกันหละ อิอิ





จนกระทั่งได้กลับมาพบกับกษัตริย์ที่พลัดพรากจากกัน
ภายหลังการกบฏองค์รักษ์ผู้ภักดีต่อกษัตริย์มิเสื่อมคลาย
ได้ช่วยเหลือกษัตริย์ปราบปรามฝ่ายกบฏ
จนสำเร็จ และจบแบบแฮปี้เอนดิ้งในที่สุดค่ะ





... ปิดม่าน ...

และนี่คือภาพแห่งความประทับใจเหล่านั้นที่เอามาฝากกัน
จนกว่าฟ้าจรดทรายจะ restage ใหม่อีกครั้งหนึ่งค่ะ





ติดตามรายละเอียดทั้งหมดของละครเรื่องนี้
ได้ที่กระทู้ของคุณนัชชาตามที่แนะนำไว้ข้างต้นได้นะคะ
สำหรับวันนี้จบดีกว่า







 

Create Date : 29 สิงหาคม 2550    
Last Update : 29 สิงหาคม 2550 8:49:47 น.
Counter : 2496 Pageviews.  

รอยร้าวแห่งความทรงจำ ... ฟังดูเศร้าจัง



... มิตรภาพบางครั้งอาจเกือบต้องพังทลายลง
เพียงเพราะความไม่เข้าใจกัน ความไม่มีเหตุผล
น่าเสียดายเวลาของมิตรภาพที่คบกันมาเป็นแรมปี
กลับต้องสูญสิ้นลงและกลายเป็นเพียง "รอยร้าวแห่งความทรงจำ"



เป็นเวลานานมาแล้วที่ความทรงจำที่ไม่ดีที่เกิดขี้น
เป็นสิ่งที่ทำให้คนเราฝังใจ บางคนอยากลืม
บางคนอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี
บางคนก็ยังยึดติดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งภายใต้ความรู้สึกลึกๆแล้ว
ก็ยังเก็บไว้เป็นบทเรียนสอนให้จดจำ... เป็นประสบการณ์


กาลเวลาพิสูจน์มิตรแท้ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้พบกับมิตรแท้
เพื่อนที่อยู่ข้างกายในยามที่ท้อแท้ หมดหวัง มีปัญหา ร้องไห้ไปพร้อมกัน
คอยปลอบใจ ให้กำลังใจ ให้ได้ลุกขึ้นสู้ได้ใหม่...
และกว่าที่คนเราจะพบกับมิตรแท้อาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตที่พบ
บางคนอาจจะพบได้รวดเร็ว หรืออาจไม่พบเลย




จะมีสักกี่คนที่จะมาเข้าใจในความคิดของตัวเรา
ซึ่งบางครั้งเราเองยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าต้องการอะไรกันแน่...
บางสิ่งที่ไม่ดีทีทำให้เราฝังใจ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น
ก็เป็นเหมือนแก้วที่มีรอยร้าวยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่จะมีสักกี่คนที่รู้และเห็นรอยร้าวหากไม่ได้เห็นหรือสัมผัสด้วยตนเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนที่สอนให้รู้ว่า เจ็บแล้วต้องจำ

การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดี และกระทำได้ยาก แต่สำหรับบางคนอาจทำได้ง่าย
ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ในโลกใบนี้เราอยู่กับคนจำนวนมาก
หลายครั้งที่เราต้องเสแสร้ง ใส่หน้ากากเข้าหากัน
แต่เราคงไม่มีความสุขสักเท่าไหร่ที่ได้ทำ แต่นั่นมันก็คือเพื่อความอยู่รอด...
ในแต่ละวันที่เราต้องพบผู้คนมากมาย
จะมีใครสักกี่คนที่จะรู้ว่าบนใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม
เรื่องตลกขบขันและเสียงหัวเราะที่ดังอยู่นั้น
ที่แท้แล้วภายในจิตใจนั้นซ่อนความเจ็บปวด ร้าวรานเพียงใด
หัวใจเจ็บปวดมากแค่ไหนเกินกว่าที่จะมีผู้ใดมาเข้าใจ


ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน สถานะความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อมที่ต่างกันไป
เพราะถ้าหากเลือกเกิดได้หลายคนก็อยากจะเกิดในครอบครัวที่มีแต่ความสุข
เพียบพร้อม สมบูรณ์แบบ คงไม่มีใครอยากมีชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้...
ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่โหดร้าย ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของใครตลอดเวลา



แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้
การรอคอยโอกาสดีๆ ที่กำลังจะมาถึงบางครั้งก็แสนนาน
และอาจจะนานมากแต่หวังสักวันคงต้องมีวันที่เป็นวันของเรา
วันที่เราได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ต้องการบ้างขอเพียงเรามุ่งมั่น
ที่จะทำสิ่งที่เราฝันและต้องการนั้นให้เป็นจริง
สักวันเราต้องได้ในสิ่งนั้น แต่ในช่วงเวลาขณะนี้สิ่งที่เราทำได้คือ
ทำชีวิตในแต่ละวันให้มีค่าและดีที่สุด ดูแลคนในครอบครัวที่เรารักให้ดี
ถนอมบุคคลและสิ่งที่มีค่าที่เรามีอยู่ให้ดีที่สุด
ให้ได้อยู่กับเราไปนานๆตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจที่จะทำสิ่งนั้นได้...
คงจะดีกว่าที่เราจะไม่มีโอกาสทำในสิ่งดีๆเหล่านั้นเลย
จงทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายเกินไป
เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร...
เวลาเป็นสิ่งมีค่าเกินกว่าที่จะปล่อยให้ผ่านไปโดยปราศจากสาระ




ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด คงเป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับบุคคลอันเป็นที่รัก
ได้อยู่พูดคุย ดูแลเอาใจใส่ ถนอมน้ำใจกัน
เพราะถ้าถึงเวลาที่ต้องจากกันไกลแล้ว เราคงกระทำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้
ทุกสิ่งที่ผ่านพ้นไป คงเหลือเป็นได้เพียงแค่ ความทรงจำ...


สาระดีดีจาก ...คุณนทีไท //www.noknoi.com
นำมาฝากกันสำหรับคนที่แวะเข้ามาเยือนค่ะ
ขอบคุณและขออนุญาตคุณนทีไทไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ



เนื่องจากเป็นข้อคิดเตือนใจที่ดีมากแก่คนที่ต้องอยู่ร่วมกันกับคนอื่นในสังคม
ส่วนตัว จขบ. เอง เลือกที่จะเบิกบานในยามที่พบปะกับผู้อื่นค่ะ
แต่บางทีก็มีรอยร้าวแห่งความทรงจำกับใครบางคนเก็บซ่อนไว้ภายใน
คงทำบุญร่วมกันกับใครบางคนมาแค่นี้ค่ะ

(อันนี้ไม่ได้หมายถึงคนรักนะขอบอก แต่หมายถึงมิตรภาพค่ะ)

แต่ถ้าเลือกได้ก็คงไม่อยากมีรอยร้าวแห่งความทรงจำกับใครหรอก
โดยเฉพาะในโลก internet อันกว้างใหญ่ใบนี้
คุณละคะ มีรอยร้าวแห่งความทรงจำกับใครบ้างมั๊ยเอ่ย





 

Create Date : 16 สิงหาคม 2550    
Last Update : 16 สิงหาคม 2550 21:04:13 น.
Counter : 827 Pageviews.  

นางฟ้าคือแม่ที่บ้านของเรานี่เอง

ข้อเขียนดีดีเนื่องในโอกาสวันแม่ที่ผู้เขียนซึ่ง จขบ. ก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไร
เขียนไว้อย่างดีมาก เป็นภาษาที่สวย เป็นเรื่องราวที่น่ารัก
ในความรู้สึกของ จขบ. ซึ่งเมื่อได้อ่านแล้วก็อดเสียมิได้
ที่จะนำข้อเขียนนี้มาฝากกันเนื่องในโอกาสวันแม่ค่ะ
อ่านจบแล้วขอให้ลูกๆ ของแม่ทุกคนทำตัวเป็นคนดีของสังคม
เพื่อให้เขาชมมาถึงแม่ของเรานะคะ ติดตามกันได้ข้างล่างนี้เลยค่ะ




ไม่มีใครสาธิตให้เราดูว่าพลังของความรัก
แสดงออกมาให้เห็นเป็นเช่นไร
ถามย้อนเข้าไปภายในใจของเราเอง เราทุกคน
ต่างก็รับรู้ได้ว่าความรักนั้นมีพลัง
ไม่เช่นนั้นจะมีบางคนบอกหรือว่า
ความรักนั้นเป็นพลังขับเคลื่อน
ให้เราทำสิ่งต่างๆได้อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
ไม่ยอมแพ้เมื่อเจอปัญหา และไม่ยอมหมดหวัง



(ตอนนี้ผ่านมาปีกว่าแล้ว จขบ. ไม่แน่ใจว่าซีดีเพลงนี้
จะยังมีจำหน่ายอยู่หรือไม่ ในเว็บกะทิกะลาบอกว่า
หาซื้อได้ที่ร้าน B2S และร้านแมงป่องหงะ)

ฉันเปิดซีดีฟังเพลงที่มีชื่อว่า “นางฟ้า” ฟังอยู่เพลงเดียวซ้ำๆ
เนื้อเพลงทำให้ฉันนึกย้อนหลังเห็นภาพนิทรรศการศิลปะ
ซึ่งครั้งคราวหนึ่งเคยจัดแสดง ณ ห้องศิลปนิทรรศมารศี
วังสวนผักกาด นิทรรศการครั้งนั้นใช้ชื่อว่า “กวีและแม่”
มีภาพเขียนแนวเอ็กเพรสชั่นนิสต์ของกวีผู้เป็นลูก
และภาพเขียนฝันอันบรรเจิดของผู้เป็นแม่


หลับตานึกถึงยังคงจดจำภาพที่วาดถนนชี้พุ่งขึ้นฟ้าได้อยู่
นักศิลปะไปแลดูบางท่านอาจต้องบอกว่าเขียนผิดก็ได้
แต่แล้วความถูกต้องก็บังเกิดขึ้นโดยพลันเมื่อกวีผู้เป็นลูก
ฝากถ้อยคำลงบนสูจิบัตรเชิงแนะนำผลงานของผู้เป็นแม่ไว้ว่า
“แม่เขียนรูปเล่นเพลินๆเท่านั้น”


จนบัดนี้นิทรรศการศิลปะ... กวีและแม่ 2 .. กวีและแม่ 3...
หรือกวีและแม่ไหนๆ ก็ยังไม่มีตามมา ฉันรอคอย หวังว่าจะได้ชมอีกครั้ง
อยากรู้จังว่า แม่ของกวีนั้น เวลานี้จะเขียนถนน
ชี้พุ่งไปในทิศทางไหน หรืออาจชำนิชำนาญเขียนได้คล่อง
เขียนได้มาก เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดไปแล้วก็ได้
แต่ระหว่างที่รอ ช่วงเวลาหนึ่งก็ปรากฏว่าได้เห็น
“ดึกแล้วคุณขา” และ “เปิดกรุครัวเก่า” ออกมาวางแผง
ให้ได้หยิบเปิดดู คนเขียนคือ ชุมสาย มีสมสืบ
ชื่อเดียวกันกับแม่ของกวีผู้นั้น ศักดิ์สิริ มีสมสืบ
อธิบายไม่ถูกว่าเวลานั้นตัวเองนึกถึงคำพูดใด
จนเมื่อได้เพลง “นางฟ้า” ของกวีและมาหยุดอยู่ตรงท่อนที่ว่า
“ได้รู้จักความรัก รู้จักความช้ำ...รู้ว่าความรักมีพลัง”
จึงไม่อยากจะนิยามความรู้สึกของตัวเองด้วยคำพูดใดอีก
เพราะมันเป็นความรู้สึกคล้ายๆกัน




ความรักของลูกพลอยทำให้แม่เป็นจิตรกรหรือเป็นนักเขียนงั้นหรือ
ฉันเองก็ไม่อยากสรุปเช่นนั้น เพราะความจริงแล้ว
แม่อาจมีสิ่งเหล่านี้สะสมอยู่ในตัวตนมานานมากแล้ว
ก่อนที่จะมีลูกเป็นจิตรกร เป็นกวี... หรือเป็นนักร้องเสียอีก
เพียงแต่บางช่วงตอนของชีวิต มันได้ถูกปลดปล่อยออกไป
เป็นสิ่งอื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยไม่ต้องใช้สีแต้ม
ไม่ต้องให้ตัวอักษรพูด ก่อนหน้านั้นแทนที่แม่จะลุกขึ้น
มาประกาศตัวตนบอกคนอื่นเป็นนัยๆว่า
ฉันเองก็เป็นจิตรกรได้ แม่อาจลุกขึ้นมาหยิบผ้าสักผืน
ปักและเย็บให้ลูกสวมใส่
และแทนที่แม่จะลุกขึ้นมาเขียนตำราการทำกินแบบที่เคยกิน
แม่อาจเพียงอยากลุกขึ้นมาก่อไฟตั้งหม้อหุงต้ม
ทำอาหารอร่อยๆให้ลูกกินอย่างขมีขมันก็ได้




จำได้ว่าในงานคอนเสิร์ตเล็กๆชื่อ “ตำนาน..บอกวิถี”
ของ 3 คนดนตรี Indy รุ่นบุกเบิก อารักษ์ อาภากาศ ,
ศักดิ์สิริ มีสมสืบ และ ตุ๊ แครี่ออน ณ Atelier Art Gallery
ชั้นล่างของตึกทิสโก้ สาทรเหนือ ที่เวลานี้ปิดตัวไปแล้ว
ก่อนที่เพลงนางฟ้าจะถูกขับร้อง ถ้าจำไม่ผิดศักดิ์สิริ
ได้บอกเอาไว้ว่า นางฟ้านั้นมิใช่ใครอื่นไกล
มิได้มาจากสรวงสวรรค์ไหน แต่คือแม่ที่บ้านของเรานี่เอง
ฉันเองในบางครั้งบางอารมณ์ที่ฟังเพลงๆนี้ แม้จะเป็นเพลง
ที่มีคำว่า “นางฟ้า“ อยู่เต็มไปหมด
มันไม่เพียงลบภาพของนางฟ้าแสนสวยผู้แสนดี
ให้กลืนหายไปจากความทรงจำเดิมๆเท่านั้น
แต่ยังทำให้ตั้งคำถามกับตัวเองอีกด้วยว่า
มี “ความระลึกดี” ใดบ้าง ที่ยังคงสถิตอยู่ในหัวใจเรา
สิ่งที่เรายังอยากที่จะเก็บรักษามันไว้กับหัวใจให้มั่น
และเป็นนางฟ้าประจำใจ ที่จูงแขน
ออกมาปลอบโยนตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้ที่นึกถึง




ที่ลานบ้าน ณ เหย้าริมยม แห่งอำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
ที่เวลานี้ไม่มีภาพเขียนอันเป็นผลผลิตจากที่นั่น
มาอวดคนเมืองใหญ่ให้ได้เห็นในรูปแบบนิทรรศการแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่ากวีและแม่ยังคงจะเขียนภาพอยู่บ้างไหม
กวีผู้มี “ซีไรต์” ห้อยท้าย จากบทกวีเล่มที่ชื่อ “มือนั้นสีขาว”
และตามมาด้วย “ศิลปินรางวัลศิลปาธร” ของกระทรวงวัฒนธรรม
( ได้เห็นแม่ของเขามายืนปรากฎกายเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้าง )


กวีผู้เป็นทั้งจิตรกร และเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง
แม้นไม่สังกัดค่ายใด แต่เราก็ได้ฟังที่กลั่นออกมาจากหัวใจเขา
ที่ต้องการถ่ายทอดสิ่งเล็กๆแต่งดงาม สิ่งเล็กๆ แต่เป็นจริง
ให้คุ้นหูอยู่บ่อยๆ เมื่อรายการเด็กอย่าง “ทุ่งแสงตะวัน”
นำมาออกอากาศ และค่ายเล็กๆอย่าง “กะทิกะลา”
ยอมลงทุนจัดเสนอให้เป็นเทปและซีดี
นับตั้งแต่ชุด “เกี่ยวก้อย” , “จินตนาการ”
จนมาถึง... “รู้ว่าความรักมีพลัง”



ฉันเดาว่าแม่ของกวีเวลานี้ถ้าไม่ดื่มด่ำอยู่กับตัวอักษร
และ “เขียนรูปเล่นเพลินๆ” เหมือนเก่า
ก็คงกำลังช่วยกวีและลูกสะใภ้เลี้ยงหลานชาย
“ น้องผาเมฆ ” ซึ่งก็คงมีความสุขไม่ต่างกัน


กวีนั้นนอกจากบทเพลงที่ยังคงแต่งมาออกอากาศ
ประกอบรายการสลับกันกับบทเพลงของกวีหนุ่มนาม
“พจนารถ พจนาพิทักษ์” และนักเขียนนาม “บัวไร”
งานเขียนของกวีประจำคอลัมน์ “ชิงช้าคนช่างฝัน”
ก็ยังมีให้เราได้อ่านกันใน นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์
สลับสัปดาห์กันกับคอลัมน์ “เหมือนองดอกไม้”
ของ บุษกร พิชยาทิตย์ แรกๆนั้นก็ยังพอได้เห็นว่า
มีภาพวาดของเขาประดับตัวอักษรของเขาให้ได้ชมอยู่
แต่ในระยะหลังมีภาพวาดของเด็กๆนักเรียนชั้นประถม
ของจังหวัดนครสวรรค์มาร่วมแจมบ่อยครั้งขึ้น
ไม่ว่าจะ ซื่อๆง่ายๆแบบเด็ก และซื่อๆง่ายๆแบบผู้ใหญ่
เช่นกวี จะชมเพลินหรือแค่ชมผ่าน
ก็ล้วนแต่ตอกย้ำหัวใจได้เสมอว่า “ ความรักมีพลัง ”




หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
5 มกราคม 2549
เก็บความจาก //www.katikala.com ค่ะ

นึกถึงแม่เป็นบางวัน ก็ยังดีกว่าไม่เคยนึกถึงแม่สักวันนะ อิอิ




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2550    
Last Update : 13 สิงหาคม 2550 20:24:56 น.
Counter : 1173 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

หอมกร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 65 คน [?]




ทำงานราชการมีจิตใจรักชาติไม่น้อยกว่าใคร จากเดิมทำบล็อกหลากหลายที่ตนเองสนใจ ปัจจุบันเน้นแปะเรื่องราวจากภาพยนตร์ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตัดสินใจไปดู
Hello ! Hello ! Hello ! ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียนจ้า
Friends' blogs
[Add หอมกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.