ผู้ที่ควรแก่การยกย่องและเคารพ คือผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม มิใช่ผู้ที่ทรงอำนาจ แต่ไร้คุณธรรม "ป๋วย อึ้งภากรณ์"
Group Blog
 
All blogs
 

บัตรประจำตัวประชาชน

วันนี้มาในโหมดความรู้ทั่วไป
เกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชนค่ะ ลองอ่านกันดูนะคะ

"บัตรประจำตัวประชาชน"
เป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทย
เพื่อใช้พิสูจน์ทราบและยืนยันตัวบุคคล
นอกจากนั้นยังเป็นหลักฐานที่หน่วยงานต่าง ๆ
ใช้ตรวจสอบบุคคลเพื่อประกอบการออกหนังสือสำคัญต่าง ๆ
เฉพาะด้าน เช่นบัตรประจำตัวผู้ป่วยของโรงพยาบาล
ใบอนุญาตขับรถ หนังสือเดินทาง
หรือแม้แต่บัตรเครดิตประเภทต่างๆ ที่นิยมใช้กัน
ในวงการของสถาบันการเงิน และการธนาคาร
ซึ่งหากไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว
ความยุ่งยากสับสนในการยืนยันตัวบุคคลย่อมเกิดขึ้น
อีกทั้งจะส่งผลทำให้การติดต่อดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ
ไม่อาจดำเนินการไปได้ด้วยความสะดวกรวดเร็ว

"หนังสือเดินทางสำหรับราษฎร"
: ต้นกำเนิดของบัตรประจำตัวประชาชน

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถชี้ชัดได้ว่า
คนไทยเริ่มมีการใช้หนังสือยืนยันตัวบุคคลปรากฎอยู่ใน
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5
โดยในมาตรา 90 บัญญัติว่า "กรมการอำเภอเป็นพนักงาน
ทำหนังสือเดินทางสำหรับราษฎรในท้องที่อำเภอนั้น
จะนำไปมาค้าขายในท้องที่อื่น"
วัตถุประสงค์ของการออกหนังสือเดินทางรับรอง
ราษฎรดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของราษฎรโดยตรง
เพราะการมีหนังสือเดินทางของทางราชการไว้
แสดงตัวบุคคลว่า ตัวเขาเป็น ใคร มาจากแห่งหนตำบลใด
ย่อมทำให้การเดินทางในต่างท้องที่เป็นไปด้วยความสะดวก
และหากเจ้าหน้าที่เกิดความสงสัยขอตรวจค้นตัว
ก็สามารถใช้หนังสือเดินทางที่ออกให้
เป็นหลักฐานยืนยันและพิสูจน์ได้ว่า
เป็นคนบริสุทธิ์ที่ทางราชการรับรองแล้ว
ไม่ได้เป็นพวกมิจฉาชีพหรือพวกโจรแต่อย่างใด
หนังสือดังกล่าวจึงเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในสมัยนั้น
และเหมาะสมกับสภาพการเวลาของสังคมเมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้ว
ความสำคัญของหนังสือเดินทางตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่
จึงไม่แตกต่างไปจากความสำคัญของบัตรประจำตัวประชาชนในปัจจุบัน



ออกตัวก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่รูป จขบ. เด็ดขาด
แต่เป็นรูปบัตรตัวอย่างในเว็บไซด์ของกรมการปกครองค่ะ

รู้หรือไม่ ความหมายของเลข 13 หลัก ในบัตรประจำตัวประชาชน
ส่วนนี้เป็นข้อมูลจากรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยค่ะ

หลักที่ 1 หมายถึงประเภทบุคคลซึ่งมี 8 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 ได้แก่ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย
ได้แจ้งเกิดภายในกำหนดเวลา (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2527)
ประเภทที่ 2 ได้แก่ คนที่เกิดและมีสัญชาติไทย
ได้แจ้งเกิดเกินกำหนดเวลา (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2527)
ประเภทที่ 3 ได้แก่คนไทยและคนต่างด้าวที่ มี
ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
ในสมัยเริ่มแรก (1 ม.ค. - 31 พ.ค.2527)
ประเภทที่ 4 ได้แก่ คนไทยและคนต่างด้าวที่มี
ใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า
โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน
ในสมัยเริ่มแรก(1 มกราคม - 31 พฤษภาคม 2527)
ประเภทที่ 5 ได้แก่ คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ
เข้าในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจหรือกรณีอื่น ๆ
ประเภทที่ 6 ได้แก่ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย
และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฏหมาย แต่จะอยู่
ในลักษณะชั่วคราว
ประเภทที่ 7 ได้แก่ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6
ซึ่งเกิดในประเทศไทย
ประเภทที่ 8 ได้แก่ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้อง
ตามกฏหมาย คือ ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
คนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย
และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย

หลักที่ 2 ถึงหลักที่ 5 หมายถึงรหัสของสำนักทะเบียน
ที่ท่านมีชื่อในทะเบียนบ้านในขณะให้เลข
สำหรับเด็กเกิดใหม่จะหมายถึงถิ่นที่เกิดเลยทีเดียว
โดยหลักที่ 2 และ 3 หมายถึงจังหวัด
หลักที่ 4 และ 5 หมายถึงอำเภอหรือเทศบาล

หลักที่ 6 ถึงหลักที่ 10 หมายถึงกลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภท
ตามหลักแรก หรือหมายถึงเล่มที่ของสูติบัตรแล้วแต่กรณี

หลักที่ 11 และ 12 หมายถึงลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท
หรือหมายถึงใบที่ของสูติบัตรแต่ละเล่มแล้วแต่กรณี

หลักที่ 13 คือ ตัวเลขตรวจสอบความถูกต้องของเลข 12 หลักแรก


ส่วนอันนี้เป็นข้อมูลสนุกๆ จาก //www.jibjoice.com ค่ะ
เลขรหัสบัตรประจำตัวประชาชนนั้นมี 13 ตัว
แต่เราจะดูเลขตัวสุดท้าย...คือการดูเลขชีวิตท่าน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง?

ตัวอย่าง : เลขในบัตรประจำตัวประชาชนคือ 5 6485 54823 48 6
นำตัวเลขมาบวกกันดังนี้ 5+6+4+8+5+5+4+8+2+3+4+8+6
= 68 / 6+8 = 14 / 1+4 = 5
(ต้องทำให้เป็นเลขตัวเดียวก่อนทุกครั้งที่จะอ่านคำพยากรณ์)

ความหมายของเลขศาสตร์ ตามบัตรประจำตัวประชาชนมีดังนี้ :

***หมายเลข 1
แสดงถึงความเด็ดเดี่ยว กล้าทำ กล้าแสดงออก
เป็นผู้นำในหน้าที่การงาน
อยู่ในจำพวกแนวหน้า
และบางครั้งถูกคนอื่นมาขอความช่วยเหลือ
ทั้งทรัพย์สินเงินทองและคำปรึกษาอยู่ตลอดเวลา
จนทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร
แต่หากไม่พอใจใครแล้ว
เขาจะไม่สนใจเลยเด็ดขาด
เป็นจำพวกหยิ่งในศักดิ์ศรีฆ่าได้หยามไม่ได้
ไม่ยอมก้มหัวเพื่อลดศักดิ์ศรีให้ใคร
หากจำเป็นจริงๆยอมให้ได้เพียงกายเท่านั้น
จะมีนิสัยละเอียดอ่อนในเรื่องความรัก
ยอมหมดเปลืองเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อความรัก
ในอนาคตหากเป็นนักธุรกิจ จะประสบความสำเร็จ
และสามารถทำงานได้ดีทุกแขนง

***หมายเลข 2
แสดงถึงความสำเร็จ ความอบอุ่นจากมิตร-บริวาร
แต่บางครั้งไม่ค่อยมีความเด็ดขาดไปบ้าง
เป็นคนที่ไม่ชอบอยู่คนเดียว
หากจะลงทุนทำธุรกิจ ถ้าได้ร่วมทำกับคนอื่น
จะดีกว่าทำคนเดียว
จะมีเสน่ห์กับเพศตรงข้าม เป็นที่รักใคร่ของเหล่าเพื่อนฝูง
แต่บางครั้งจะโดนอิจฉาอยู่บ่อยๆ เพราะเสน่ห์ดีเกินไป
ตามเลขศาสตร์บ่งบอกว่าหากจะให้ทำงานสำเร็จ
โด่งดัง มีชื่อเสียง จะต้องทำงานร่วมกับคู่ครองตนเอง
วัยกลางคนจะได้มีความสุขกับครอบครัว
ฐานะดี มีความสบายตามลำดับ

***หมายเลข 3 แสดงถึงความทุกข์ใจ
จะมีปัญหาเรื่องต่างๆผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่เรื่อยๆ
หากจิตใจไม่เข้มแข็ง จะทำให้ทุกข์ใจไม่สบายกายอยู่เรื่อยไป
และจะต้องเพิ่มการเอาใจใส่คู่ครองและครอบครัว
ให้มากกว่าเดิม ระวังจะมีปัญหากับบุคคลที่ 3
เข้ามาสร้างความแตกแยกในครอบครัว
(หมายเลข 3 นี้เป็น เลขแห่งเงารัก เงาร้าง)
ถ้าจะลงทุนทำธุรกิจ ไม่ควรที่จะร่วมหุ้นหรือไว้ใจบริวารให้มากนัก
อย่าเป็นนักบุญให้ผู้อื่นจนเกิดเป็นความทุกข์ให้กับตนเอง
และหากช่วยเหลือใครแล้ว จะหวังผลคืนได้ยาก
เพราะหมายเลข 3 เป็นเลขของผู้ให้ๆอย่างเดียว
แต่เมื่อผ่านปัญหาทั้งปวงไปแล้ว
อีกไม่นานจะมีความสุขความสบายกับครอบครัว

***หมายเลข 4 แสดงถึงเลขแห่งจักรพรรดิ์ จะมีคนคอยเป็นห่วง
จะเป็นที่รักใคร่ของผู้สูงอายุ แต่จะมีความเหน็ดเหนื่อย
มากอยู่เหมือนกัน เพราะคำว่า "แม่ทัพ"
ก็รู้ความหมายอยู่แล้ว
ไม่มีแม่ทัพคนใดไม่มีผลงาน แล้วจะได้เป็นแม่ทัพหรอกน่ะ
แต่หมายเลข 4 เป็นเลขแห่งความสำเร็จ ความยิ่งใหญ่
ความก้าวหน้า ความท้าทาย หากจะให้มีความเจริญ
ก้าวหน้าเร็วๆ ก็ต้องกล้าทำ กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ
แต่ระวังจะมีเพศตรงข้ามหลงรัก
และเข้ามาขอสวามิภักดิ์ด้วย และไม่ต้องเป็นห่วง
จะทำอะไรก็จะมีคนคอยสรรเสริญเยินยอ
แต่ก่อนที่จะมีการเยินยอก็จะมีการติฉินนินทาก่อน
หากอดทนไม่ สนใจ ไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นได้ละก็
ชีวิตนี้รวยใจสบายกายอย่างแน่นอน

***หมายเลข 5 แสดงถึงเลขแห่งเวทมนต์ และเสน่ห์หากับเพศทั่วไป
มีความหยิ่งทะนงในตัวเอง ยอมก้มหัวให้ผู้อื่น
ได้แค่กาย แต่ใจนั้นไม่ยอมใคร เป็นที่ปรึกษาผู้อื่นได้ดี
แต่ตนเองยามเดือดร้อนหาใครช่วยปรึกษาด้วยนั้น
ช่างยากมาก เพราะหมายเลข 5 จะมีความสบายกาย
แต่ทุกข์ใจอยู่เรื่อย เพราะคิดมากจนเกินเหตุ
และจะเป็นที่รักใคร่ของญาติมิตร
หากดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเอกสารจะประสบความสำเร็จดี
มีชื่อเสียง แต่ไม่ว่างานด้านไหนๆ หมายเลข 5 ทำได้หมด
แต่จะต้องมีเวลาให้กับเรื่องส่วนตัวบ้าง
เช่น เรื่องความรักอย่าปล่อยให้นานเกินไป
จะได้พึ่งพาอาศัยบุตร-บริวารในภายภาคหน้า
จะมีความพอดีกับชีวิต เกิดความสุขตลอดกาล

***หมายเลข 6 แสดงถึงคนที่มีดีอยู่ในตัว แต่ไม่ค่อยยอม
นำออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์
อย่าปล่อยเวลากับความคิด ให้มากนัก
หมายเลข 6 เสน่ห์อยู่ที่ "เงา" ของตนเอง
จะมีคนรักใคร่เอ็นดูทั้งเด็กและผู้ใหญ่
แต่ต้องแต่งตัวให้เกิดจุดเด่นแก่ตนเอง
และมีจิตสัมผัสเหนือธรรมชาติ
หากได้นั่งสมาธิบำเพ็ญศีลจะมีบารมีสูง
ผู้คนจะรักใคร่เอ็นดู จะทำอะไรก็ล้วนแต่
ประสบความสำเร็จดีทั้งสิ้น
หมายเลข 6 ต้องลดโทนเสียงลงอีก
เพราะโทนเสียงนั้นบ่งบอกถึงอำนาจ
ความยิ่งใหญ่เกินตัว ไม่เพราะแก่ผู้ได้ยิน
ผู้ใหญ่รักใคร่เอ็นดูสนับสนุนในด้านการงาน
เมื่อเกิดปัญหาใดๆ ตนเองมักจะเอาตัวรอดได้เสมอ
จะมีความสุขในบั้นปลาย

***หมายเลข 7
อย่างปล่อยเวลาให้เสียไปกับคนอื่นให้มากนัก
และอย่ายึดติดอยู่กับที่
เพราะหมายเลข 7 เป็นหมายเลขที่ต้องเดินทางเพื่อทำการค้า
เป็นไกด์ หรือทำงานที่ต้องมีการเจรจาอยู่ตลอดเวลา
จะทำให้ประสบความสำเร็จ
ระวังจะมีปัญหาเรื่องรักๆใคร่ๆเกิดขึ้นในครอบครัว
หรือเรื่องรัก 3 เส้าเกิดขึ้นในชีวิตคู่ และปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ ก็ไม่ต้องวิตกให้มากนัก เพราะทุกอย่างจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี
การเงินถึงจะไม่คล่องบ้างบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
เพราะหมายเลข 7 เป็นเลขที่ส่งลาภผลอยู่เนื่องๆ
หากผู้ใดที่ได้หมายเลข 7 ละก็ต้องยอมเหนื่อยหน่อยน่ะ
ในระยะต้น ๆ และอีกไม่นานจะมีความสุข
โชคลาภเพิ่มพูน และจะได้รับความสุขกับมิตร-บริวาร

***หมายเลข 8 แสดงถึงคนมีบุญบารมี และวาสนาดี มีชื่อเสียง
ให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์
แต่ต้องหมั่นเรียนรู้เร่ง ศึกษา อย่าอยู่นิ่ง
กล้าเปิดเผย กล้าทำ กล้าแสดงออก
กล้าตัดสินใจ รีบไขว่คว้า แล้วหน้าที่การงานที่ทำจะได้ผลดีเป็นที่พอใจ
และผู้ใหญ่จะให้ความช่วยเหลือ
อย่าหลงใหลมัวเมาในกิเลสตัณหาให้มากนัก
อย่าสนุกจนลืมครอบครัว แล้วบั้นปลายชีวิตจะมีฐานะดี
เป็นที่พอใจของวงศ์ตระกูล มีชื่อเสียงเป็นที่นับถือของคนทั่วไป
(แต่ต้องขยันให้มากๆนะ)

***หมายเลข 9
แสดงถึงอำนาจ ความยิ่งใหญ่ หากเป็นผู้นำจะเจริญก้าวหน้า
ทำงานด้วยสมอง เป็นนักพูดหรือนักบรรยาย
จะมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่หน้าที่ที่เหมาะคือผู้เผยแพร่ศาสนา
จะมีผู้คนยกย่องสรรเสริญ และยังมีจิตสัมผัสเหนือ
คนทั่วไป บางครั้งสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
ใครได้หมายเลข 9 จะเป็นผู้อยู่เหนือลิขิตสวรรค์
จะทำอะไรก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเอง
แต่มีข้อเสียเพราะหมาย เลข 9 เป็นเลขแห่งคุณความดี
หากทำในสิ่งไม่ดี ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม
หรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน จะได้รับผลกรรม
ซึ่งจะหนักกว่าผู้อื่นหลายเท่า
และจะต้องระวังเรื่องชู้สาวให้มาก อย่าใจอ่อน
จะนำไปสู่ความเดือดร้อน
เพราะจะมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามและผู้พบเห็น

ที่นี้ลองมาคำนวณดูซิว่าเลขประจำตัวประชาชนของคุณตกหมายเลขใด




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 22 พฤษภาคม 2550 9:55:27 น.
Counter : 1150 Pageviews.  

รำลึกถึงทวิภพ เดอะมิวสิคัล

บ้านเมืองวุ่นวายยุ่งเหยิงเรื่องการเมืองกันนัก
ชวนมารำลึกถึงความหลัง ทวิภพ เดอะมิวสิคัลกันดีกว่า



สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูได้ที่นี่เลย
//www.scenario.co.th/tawipob/main.html
เราทำ link ไว้ให้ข้างล่างขวามือแล้วค่ะ

วันนี้ขอนำมาเรียกน้ำย่อยกันก่อน ดังนี้ค่ะ
รายชื่อนักแสดง เชื่อว่าหลายคนยังคงจำได้เหมือนตัวเอง
1. ภูธเนศ หงษ์มานพ และ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี
- หลวงอัครเทพวรากร
2. สุธาสินี พุทธินันทน์ และ ปนัดดา เรืองวุฒิ
- มณีจันทร์
3. วิยะดา โกมารกุล ณ นคร และ รอง เค้ามูลคดี
- มาลิดา (วิยะดา) , เจ้าคุณวิศาลคดี (รอง)
4. โฉมฉาย ฉัตรวิไล และ ปวันรัตน์ นาคสุริยะ
- คุณหญิงแสร์ (โฉมฉาย) , ม้วน (ปวันรัตน์)

ทวิภพ รอบที่ 1
แสดงตั้งแต่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2548-19 มิถุนายน พ.ศ. 2548
ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
เปิดจองบัตรตั้งแต่ 23 เมษายน พ.ศ. 2548-19 มิถุนายน พ.ศ. 2548

ทวิภพ รอบที่ 2
แสดงตั้งแต่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2549-25 สิงหาคม พ.ศ. 2549
ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
เปิดจองบัตรตั้งแต่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2549-25 สิงหาคม พ.ศ. 2549

บัตรราคา 2,500 2,000 1,500 1,200 1,000 800 500

เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัย รศ. 112
ประเทศไทยยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
มีอาณาเขตกว้างใหญ่ยิ่งกว่ายุคใดๆ ในประวัติศาสตร์ของชาติ

แต่เมื่อต้องเผชิญกับนโยบายล่าอาณานิคมของชาติมหาอำนาจตะวันตก
ทำให้ตั้งแต่ช่วงปลายรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา
จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประเทศไทยจำต้องเสียดินแดนให้แก่ชาติตะวันตก
อันได้แก่ฝรั่งเศสและอังกฤษรวม 5 ครั้ง
เป็นพื้นที่ 481,600 ตารางกิโลเมตร
เพื่อรักษาเอกราชและดินแดนส่วนใหญ่ไว้

การสูญเสียดินแดนส่วนที่มากที่สุดถึง 143,000 ตารางกิโลเมตร
เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2436 หรือ รศ. 112

ต้นเหตุเกิดจากการที่ฝรั่งเศสได้เวียตนามและเขมรเป็นเมืองขึ้น
จึงเรียกร้องกับไทยว่า ดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
(คือพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศลาว)
ซึ่งเป็นดินแดนในครอบครองของไทยนั้น
เคยเป็นเมืองขึ้นของเวียตนามมาก่อน
เมื่อเวียตนามตกเป็นของฝรั่งเศส
ดินแดนส่วนนี้ก็ต้องเป็นของฝรั่งเศสด้วย

แต่การอ้างสิทธิที่ปราศจากหลักฐานของฝรั่งเศส
ไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลไทย

ซึ่งถือว่าลาวเป็นส่วนหนึ่งของไทยมานับร้อยปี
การอ้างสิทธิ์ดังกล่าวทำให้ไทยต้องเตรียมเผชิญหน้ากับฝรั่งเศส
ด้วยการส่งกำลังเข้าไปควบคุมกำกับดูแล
ในดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงที่เป็นข้อพิพาทนั้น
ผู้แทนของฝรั่งเศสนำโดย ม.ปาวี เรียกร้องให้รัฐบาลไทย
ถอนกำลังออกจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงก่อนการเจรจา
แต่รัฐบาลไทยยังคงยืนยันที่จะเจรจา
โดยใช้สถานการณ์ยึดครองขณะนั้นเป็นพื้นฐาน
และเรียกร้องให้จัดตั้งคณะอนุญาโตตุลาการสากล
เพื่อตัดสินปัญหาพรมแดนที่เกิดขึ้น
การเจรจาของทั้งสองประเทศหาข้อยุติไม่ได้
ฝรั่งเศสจึงหันมาใช้กำลังทหารเข้ากดดัน

เรื่องราวของทวิภพเกิดขึ้นในช่วง รศ. 112 นี้เอง
คนไทยสมัยก่อนเขาสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกัน
เห็นแล้วปลื้มใจกับบรรพบุรุษไทย

ถึงแม้เราจะเสียดินแดนไป
แต่เราก็ได้เห็นซึ้งถึงความสมัครสมานสามัคคีกันของคนไทย

ต่างจากสมัยนี้ เฮ้อ! ต่างก็แสวงหาอำนาจ
เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

แล้วกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นที่ไม่ใช่พวกพ้องของตน

ข้างฝ่ายที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีก็อดรนทนไม่ได้
คนไทยหันมาประจันหน้ากันเอง
นี่มันอะไรกัน ขิงก็ราข่าก็แรง

ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการไปทำให้ใครเขาแค้นก่อน
แล้วอย่างนี้เขาจะไม่ตอบโต้ได้อย่างไร
รักชาติกันจนน้ำลายไหลกันทั้งนั้นสมัยนี้
ว่าแล้วก็กลับไปชื่นชมกับทวิภพต่อดีกว่า อิอิ



ทำไปทำมาเราจะเป็นพวกละครเวทีลิซึ่ม
ของค่าย scenario ไปเสียแล้วซิ
เป็นคนแพ้มหรสพคุณภาพดีไปเสียได้

วันนี้เลยอดไม่ได้ต้องมาย้อนรำลึกถึง ทวิภพ เดอะมิวสิคัลกัน









 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2550 19:03:00 น.
Counter : 2949 Pageviews.  

รู้จักกับ ศูนย์การค้าเอสพลานาด ก่อนเตรียมตัวไปดู ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล กัน



อีกไม่ถึง 20 วันแล้ว ที่ ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล จะเริ่มการแสดง
วันนี้เรามาทำความรู้จักกีบสถานที่ที่จะแสดงละครเวทีเรื่องนี้กัน
เมื่อค้นข้อมูลดูแล้ว รู้สึกว่าสถานที่นี้ไม่ธรรมดาเลย อลังการงานสร้างจริงๆ
เรามาตามไปดูกันเลย

ดิเอสพลานาด
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


ดิ เอสพลานาด (The Esplanade)
ตั้งอยู่บน ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
ภายในเป็นห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์
และศูนย์ความบันเทิงอื่น ๆ ตัวอาคารมี 6 ชั้นและชั้นใต้ดิน 1 ชั้น
มีพื้นที่ทั้งหมด 105,000 ตารางเมตร
บริหารโครงการโดยบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
เริ่มเปิดอย่างไม่เป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549
มีแนวความคิดให้เป็น ศูนย์ศิลปะบันเทิงแห่งแรกของไทย
(Art & Entertainment Center)


ที่มา : //www.esplanadethailand.com/inside.php

ดิ เอสพลานาดใช้งบการลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท
ออกแบบตัวอาคารโดยบริษัท The Office of Bangkok Architect
ส่วนการตกแต่งภายในโดย Jacqueline et Henri Boiffils
สถาปนิกจากปารีส ที่มีผลงานการออกแบบให้กับ
เอ็มโพเรี่ยม และสยามพารากอน
แต่มีข้อแตกต่างคือมีพื้นที่การจัดแสดงงานศิลป์และศูนย์วัฒนธรรมอยู่ภายใน


ภายในดิเอสพลานาด มีการตกแต่งและแนวความคิดภายใต้ศิลปะ 7แขนง ประกอบด้วย
ด้านดนตรี (Music)
ประติมากรรม (Sculpture)
ภาพวาด (Painting)
วรรณกรรม (Poetry)
โรงละครเพลง (Performing Art)
สถาปัตยกรรม (Architecture)
และภาพยนตร์ (Celluloid Art)

มีร้านค้ามากกว่า 120 ร้าน และศูนย์ความบันเทิงต่าง ๆ
ซึ่งบางส่วนยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีรายละเอียดดังนี้

โรงละครเพลงรัชดาลัย (Ratchadalai Musical Theatre) ชั้น 4
หรือจะเรียกว่าชั้น 6 ก็ได้ เพราะที่นี่มีชั้น B ชั้น G ชั้น M ชั้น 2 ชั้น 3 และชั้น 4
สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 1,500 ที่นั่ง พื้นที่กว่า 3,500 ตารางเมตร
ควบคุมและดูแลโดยถกลเกียรติ วีรวรรณ
ที่นี่แหละที่เราจะดู ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล กัน



ที่มา : //www.esplanadethailand.com/inside.php

วันนี้ขอนำข้อมูลเพิ่มเติมจากปกในของ THAITICKETMASTERGUIDE Vol.03 No.17, Apr-May 2007
ที่ถ่ายทอดไว้ได้อย่างออกอรรถรสมาถ่ายทอดให้ฟังกัน ดังนี้


The Musical ละครเพลงที่เล่นกันสดๆ บนเวทีตรงหน้า
นับเป็นการแสดงชนิดหนึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่ยใจได้เป็นอย่างมาก
เพราะไม่ว่าจะเป็นบทบาทการแสดง บทสนทนา หรือบทเพลงที่ร้องเล่น
ล้วนเป็นองค์ประกอบอันมีประสิทธิภาพของละครเพลง
ที่ใช้ในการสื่อสารโดยตรงสู่ผู้ชมในทุกที่นั่งอย่างทั่วถึง
ความเข้าถึงในเรื่องราวตรงหน้าจึงถูกตอบสนองอยู่ในทุกสัมผ้ส

อีกหนึ่งองค์ประกอบหลักที่จะทำให้การแสดงประเภทนี้
โอบล้อมผู้ชมได้ตลอดทั้งเรื่องก็คือ
สถานที่ในการแสดง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่นั่ง ระบบเสียง แสง
ระยะและระดับระหว่างแถว ไล่เรื่อยไปถึงรูปแบบการดีไซด์
ซึ่งขอใช้คำรวมๆ ว่า บรรยากาศของสถานที่คือความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
นั่นเพราะความเหมาะสมของสถานที่และรูปแบบของมหรสพ ควรมีสัมพันธ์กัน

...นั่งสบาย แถวหน้าไม่บังแถวหลัง
เสียงกระจายใสชัดเจน แสงแม่นทุกจุดจับเหตุการณ์ได้ตามท้องเรื่อง
ก่อนหรือหลังการแสดงได้มองซ้ายขวา ชื่นชมความสวยงามของสถานที่
อากาศถ่ายเทดี แอร์ฉ่ำสดชื่น...

นั่นคือความสบายที่มารองรับการเสพศิลปะการแสดง
ที่ใจกำลังจดจ่ออยู่ตรงหน้า
ยิ่งสบายเท่าไร ใจก็จดจ่อและเข้าถึงได้มากเท่านั้น

การได้นั่งดูละครเพลงดีๆ ในดรงละครชั้นเยี่ยม
จึงเปรียบได้กับการชื่นชมงานศิลปะดีๆ ในพิพิธภัณฑ์ชั้นเยี่ยม อย่างไรอย่างนั้น

ส่วนอื่นๆ ของ ดิเอสพลานาดที่เหลือ ได้แก่

โรงภาพยนตร์เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์์ (Esplanade Cineplex) ระดับ Megaplex 12 โรงภาพยนตร์
โดย เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ โดยแบ่งเป็นโรงฉายภาพยนตร์ทั่วไป 10 โรงภาพยนตร์ และอีก 2 โรงสำหรับจัดฉายภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับศิลป์โดยเฉพาะ


มิวสิคพลาซา เป็นที่สำหรับทางด้านดนตรี จัดเป็นพื้นที่ 300 ตารางเมตร
มีร้านขายสินค้าเกี่ยวกับดนตรี โรงเรียนสอนดนตรี ร้านขายงานเพลง-ซีดี มิวสิกแกลอรี่ รวมถึงคาราโอเกะ จำนวน 50 ห้อง


พื้นที่สำหรับงานประติมากรรม จะเป็นพื้นที่รวมงานภาพเขียน นิทรรศการผลงานปั้น ตลอดจนอาร์ตแกลอรี่

พื้นที่สำหรับงานวรรณกรรม เป็นสถานที่จัดงานที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรม เวทีสำหรับนักเขียนหน้าใหม่และนักเขียนอิสระทั่วไป
และร้านหนังสือบีทูเอส (B2S Page One) พื้นที่ 1,200 ตารางเมตร


ลานโบว์ลิ่ง บลูโอริธึมแอนด์โบว์ (Blu-O Rhythm & Bowl)
ประกอบด้วยลานทั้งหมด 22 เลน พื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางเมตร


ลานไอซ์สเกต ซับซีโร (Sub Zero Ice Skating Arena)
พื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร


ซุปเปอร์มารเก็ตท็อปส์ พื้นที่ 2,000 ตารางเมตร

ซัมซุงแฟลกชิฟสโตร์ แหล่งแรกของประเทศไทย

ฟิตเนสแคลิฟอร์เนีย พื้นที่ 3,660 ตารางเมตร

ว่างๆ สงสัย จขบ. ต้องหาโอกาสไปเดินเที่ยวบ่อยๆ เสียแล้ว อิ อิ




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2550 7:30:43 น.
Counter : 1850 Pageviews.  

เรื่อยเปื่อยวันสงกรานต์

วันนี้ยังไงยังไงต้องอัพบล็อกให้ได้ เพราะชักจะเบื่อบล็อกเดิมตะหงิดๆ
วันสงกรานต์ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 ฝรั่งเค้าว่าเป็นวันไม่ดีเป็นวันแรง
ไม่เชื่อไปถามเจสันดูซิ มีตั้งหลายภาคดูกันหรือยังเอ่ย

สงกรานต์ไม่ได้เป็นแต่เพียงวันหยุดยาว วันพบญาติ
วันสรงน้ำพระ หรือวันสาดน้ำอย่างเดียว
แต่ประเพณีวันสงกรานต์ซ่อนไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาช้านาน


อย่างเช่นประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายในวัดวาอารามต่างๆ
ก็ซ่อนนัยไว้ว่าเราเดินผ่านเข้าออกวัดมาตลอดทั้งปี
ดินทรายของวัดติดรองเท้าเราออกไปไม่มากก็น้อย
การก่อพระเจดีย์ทรายจึงเท่ากับเป็นการขนดินทรายมาคืนวัด
ขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัย
เนื่องในวันปีใหม่ไทย เช่นเดียวกับการสรงน้ำพระพุทธรูปและพระสงฆ์

หรืออย่างประเพณีถวายผ้าบังสกุลแก่พระสงฆ์
ก็ซ่อนนัยให้หมู่ญาติที่มีโอกาสมารวมตัวกันในวันครอบครัว
ได้ระลึกนึกถึงคุณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
และได้มีโอกาสทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ท่านเหล่านั้น
ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่ได้ประกอบบุญกุศลกับพระสงฆ์
ศาสนทายาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงจำคำสอนของ
พระพุทธองค์มาแนะนำหนทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้องให้กับเราในปัจจุบัน


สงกรานต์ปีนี้คนกรุงเทพฯ อย่างเราไม่ได้ตามใครไปเที่ยวที่ไหน
เพราะอยู่กรุงเทพฯ สุดแสนสบาย รถราก็วิ่งสบาย
การกินการอยู่ก็ไม่ต้องแย่งกินแย่งใช้กับใคร

หลังจากทำบุญถวายผ้าบังสกุลและอุทิศส่วนกุศลให้หมู่ญาติผู้ล่วงลับร่วมกับคนในครอบครัวตามประเพณีแล้ว
ก็ถึงเวลาเรื่อยเปื่อยวันสงกรานต์ตามประสาคนเมือง
ไปกินอาหารที่ชอบ ก็ไม่ต้องคอยคิวนาน
ไปดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ที่ชอบซึ่งมีมากมายหลายเรื่อง
ก็เลือกที่นั่งได้ตามสบาย
เรียกว่าดูกันให้หายอยากกันไปเลย สุขใจไปตามประสา

อากาศปีนี้ก็ดี ไม่ร้อนจนเกินไป แถมบางวันยังมีฝนตก
ทำให้อดนึกไปถึงข่าวเศร้าช่วงสงกรานต์ที่มีเสียชีวิตไปในระหว่าง
เล่นน้ำตกในจังหวัดตรัง ขณะที่น้ำป่าไหลบ่ามาตามน้ำตกพอดี

เฮ้อ ใครจะนึกว่าชีวิตคนเรานี้สั้นนัก
เลยบอกกับตัวเองว่าเราต้องดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
มีโอกาสต้องสั่งสมบุญกุศลให้มากเข้าไว้
ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะได้มีเบุญไว้ใช้ในยามหลับตาลาโลก


เอ้า คุยไปคุยมาไหงมาจบลงที่เรื่องเศร้าๆ ได้ยังไงกันนี่
ไม่เอาแล้ว จบดีกว่า อย่างน้อยก็ได้อัพบล็อกแก้ขัดได้แล้วไง อิ อิ




 

Create Date : 15 เมษายน 2550    
Last Update : 15 เมษายน 2550 22:45:57 น.
Counter : 882 Pageviews.  

ว่าจะไม่ตอบ TAG นี้แล้วเชียว

วันนี้ได้รับ tag จากคุณนุท (ป๊กกี้&คิตตี้)
สาวสวย ซึ่งใครก้อ โอ้ว...ยากส์จะปฏิเสธเธอได้
tag นี้เลี่ยงไม่ตอบมาทีแล้ว ตอนคุณทัน (ราม-ไทย-จีน) เพื่อนบล็อกเก่าแก่โยนมาให้ แอบไปตอบเป็นการสวนตัวที่บ้านเค้าหนะ เลยไม่ยากที่จะนำมาลงตอบแบบสาธารณะอีกสักรอบ

เริ่มเลยแล้วกัน

1. นี่ครัยอ่ะ...
ตอบ เดี๊ยนหอมกรค่ะ

2. ทำรัยอยู่...
ตอบ ตอบคำถามอยู่นี่ไง

3. เกิดวันที่เท่าไหร่อ่ะ..
ตอบ วันที่ 16 ตอนคุณทันเกิดรู้สึกกำลังเรียนปริญญาที่สองมั๊ง

4. ชอบคายยอยู่อะป่าว...
ตอบ ชอบทุกคนแหละ

5. บอกได้มั้ยอ่ะครัย นิดนึงๆ..
ตอบ ก็บอกแล้วไงว่าทุกคน

6. แล้วเค้าคนนั้นเป็นยังงัย...
ตอบ เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นแหละ

7. คิดว่าเค้าจาชอบเรามั้ย..
ตอบ คงชอบมั่งไม่ชอบมั่งมั๊ง

8. ชอบกินไอติมรสอะรัย...
ตอบ รสรัมลูกเกด

9. คิดว่าตัวเองเรียนเก่งมั้ย..
ตอบ คงเก่งมั๊ง เรื่องเรียนเท่านั้นนะ

10. เก่งวิชารัย..
ตอบ ไม่เห็นรู้สึกว่าตัวเองเก่งเลย

11. เพื่อนสนิทชื่ออะรัยอ่ะ...
ตอบ มีสนิทมากกว่าหนึ่งคนอย่ารู้เลย

12. เพื่อนเพศตรงข้ามที่สนิทอ่ะ..
ตอบ เอจะตอบแฟนได้มั๊ยเนี่ย เขาถามเพื่อน

13. บรรยายนิสัยเพื่อนสนิทดิ๊..
ตอบ เราคบใครเป็นเพื่อนคนนั้นก็ต้องดีในสายตาเราอยู่บ้างแหละ

14. แล้วเพื่อนเพศตรงข้ามที่สนิทอ่ะ ..
ตอบ เหมือนกันมีดีบ้างไม่ดีบ้าง

15. ชอบเพลงไหนเปนพิเศษป่าวตอนนี้..
ตอบ ไม่มี

16. ถ้าหั้ยเลือกมีแฟนได้ ...
ตอบ คนปัจจุบันก็ดีอยู่แล้ว

17. อยากแก้นิสัยข้อไหนของตัวเอง...
ตอบ ชอบผูกโกรธ

18. ทำมัยอ่ะ...
ตอบ เพราะควรโกรธแป๊บเดี่ยว ไม่ควรโกรธนาน

19. เหนื่อยมั้ยเนี่ยที่ตอบมา..
ตอบ กำลังเริ่มแล้วหละ

20. เวลารับโทรสับ
ตอบ สวัสดี......

21. แล้วเวลาจะวางอ่ะ...
ตอบ สวัสดี.....(เหมือนกันนั่นแหละ ถามจิ๊ง)

22. ส่ง msg บ่อยมั๊ย....
ตอบ ตามเทศกาล

23. ส่งหั้ยครัยบ่อยที่สุด..
ตอบ เพื่อนไง

24. แล้วครัยส่งมาบ่อยๆอ่ะ...
ตอบ ไม่เคยจำ

25. เล่น msn ... ป่ะ
ตอบ ไม่เคยหงะ

26. บ่อยป่าว...
ตอบ ก้อบอกว่าไม่เคยไง

27. คำพูดที่ตอนนี้ติดปาก...
ตอบ คำถามนี้ไม่มีคำตอบ

28. เกลียดเพื่อนแบบไหนมากที่สุด...
ตอบ ถ้าเราคบเป็นเพื่อนก็คงไม่เกลียดหรอก

29. ถ้าเรามีแฟนแล้วแฟนไปชอบคนอื่นอยู่ทำงัย ต่อยเลยมั้ย...
ตอบ เลิกคบเลย

30. แล้วถ้าเราไปชอบคนอื่นมั่งล่ะ
ตอบ ก็เลวหนะซิ

31. จะทำยังงัยกับเพื่อนที่เห็นแก่ตัว..
ตอบ ก็ไม่คบเป็นเพื่อนไง

32. เป็นคนขี้งอนมั้ย..
ตอบ นิ๊ดหน่อย

33. แล้วชอบง้อคนอื่นรึป่าว ....
ตอบ ง้อคนที่เราแคร์เท่านั้น

34. แม่ดุป่ะ...
ตอบ ไม่ดุ

35. คุยโทรสับกะครัยบ่อยที่สุด..
ตอบ คนที่ไม่ค่อยได้เจอกันไง

36. สถานการณ์ไหนที่ม่ายค่อยชอบ...
ตอบ เงียบๆ ดูน่าอึดอัด

37. อยู่ในห้องเรียนสนุกมั้ย...
ตอบ จำไม่ได้หลายปีมาแล้ว

38. นั่งกับครัย..
ตอบ ชอบฉายเดี่ยว

39. เคยคิดว่าตัวเองตั้งใจเรียนมั่งป่ะ..
ตอบ 80 %

40. คิดว่าในห้องครัยเสียงดังบ่อยๆ..
ตอบ จำไม่ได้แร้ว ใครจะไปจำได้

41. ครูประจำชั้นเปนงัยมั่ง...
ตอบ ต้องระลึกชาติแล้ว

42. ครัยให้ทำอะไรแบบนี้..
ตอบ แบบไหนหละ

43. เค้าเปนงัย...
ตอบ เค้่าไหนหละ

44. บอกอะรัยกับคนที่จะส่งไปหั้ย
ตอบ ไม่มีอะไรจะบอก

45. คิดว่าเค้าจาตอบกลับมั้ย..
ตอบ คิดว่าจะไม่ส่งนะ

46. หนังสือ 3 เล่ม... ที่คุณชอบที่สุด
และคิดว่า... อยากให้ทุกคนได้อ่านคือ...

ตอบ เอาสามเรื่องนี้แล้วกัน
1. ชุดจอมคนแผ่นดินเดือด
2. ชุด Lord of The Rings
3. ชุด Harry Potter

47. ภาพยนตร์ 3 เรื่อง... ที่คุณชอบที่สุด...คือ
ตอบ เยอะมาก
1. Jurassic Park
2. Harry Potter
3. Lord of the Rings


48. บุคคล... ที่คุณนับถือ เป็นแบบอย่าง
ตอบ ผู้บังคับบัญชาไง

49. เพราะอะไร ?
ตอบ พอดีได้นายดี

50. อย่างไร ?
ตอบ เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงาน

51. คติประจำใจ หรือ ข้อคิดที่ยึดถืออยู่
ตอบ นึกไม่ออก

52. คุณคิดว่าคุณเป็นคนยังไง...
( ขออย่างน้อย 2 บรรทัด )

ตอบ พูดมาก เสียงดัง มนุษยสัมพันธ์ดี ถ้าคิดว่าทำถูกแล้วก็มุ่งมั่นไปในทางนั้นต่อไปโดยไม่เปลี่ยนใจ และจะต่อต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้องทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้

53. และ... คุณคิดว่า คนอื่น คิดว่าคุณเป็นคนยังไง ?
( ขออย่างน้อย 6 ประโยค )

ตอบ เอาไปหกวลีก็พอ
พูดมากพูดเสียงดัง
อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า
เป็นคนมีความจริงใจ
เป็นคนชอบขับรถเร็ว
เป็นคนปากจัด
และเป็นคนอ้วนมั๊ง

54. ผู้สืบทอด tag คือ...
ตอบ ฝันไปเถอะว่าจะส่งต่อ อย่างรู้จังเด็กคนไหนนะต้นตำหรับ


*-*-*-*-*-*-จบแล้ว เฮ้อ*-*-*-*-*-*-*-*-*-*





 

Create Date : 12 เมษายน 2550    
Last Update : 12 เมษายน 2550 8:35:46 น.
Counter : 752 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

หอมกร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 65 คน [?]




ทำงานราชการมีจิตใจรักชาติไม่น้อยกว่าใคร จากเดิมทำบล็อกหลากหลายที่ตนเองสนใจ ปัจจุบันเน้นแปะเรื่องราวจากภาพยนตร์ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตัดสินใจไปดู
Hello ! Hello ! Hello ! ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียนจ้า
Friends' blogs
[Add หอมกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.