ผู้ที่ควรแก่การยกย่องและเคารพ คือผู้ที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม มิใช่ผู้ที่ทรงอำนาจ แต่ไร้คุณธรรม "ป๋วย อึ้งภากรณ์"
Group Blog
 
All blogs
 

มารู้จักกับกาแฟสูตรต่างๆ กัน



เวลาคุณเข้าร้านกาแฟสด เมื่อคุณมองไปที่เมนู
คุณเคยรู้สึกมั๊ยว่า ทำไมมันมีหลายหลายชนิดจัง
แล้วฉันจะรู้มั๊ยเนี่ยว่ามันใส่อะไรบ้าง
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงเรื่องรสชาติ
เลยสั่งกาแฟเย็นธรรมดาแล้วกัน
ไม่ก็ต้องคอยถามพนักงานว่าสูตรนี้หมายถึงอะไร
ต่างกับสูตรโน้นยังไง รสชาติเป็นอย่างไร
หลังจากอ่านบล็อกนี้ คำถามเหล่านั้นควรจะหมดไป
ถ้ายังไม่หมด ก็โทษแหล่งข้อมูลแล้วกันนะ อิอิ




วันนี้เรามารู้จักกับกาแฟสูตรต่างๆ กัน

กาแฟจากแหล่งกำเนิด (Single Origin Test)
เป็นการดื่มกาแฟเพื่อลิ้มรสชาติกาแฟธรรมชาติจากถิ่นกำเนิดการแฟแท้
เช่น บลูเมาเท่น จาก จาไมก้า การชงใช้ผงกาแฟคั่วบดผ่านน้ำร้อน
ไม่ใส่นม น้ำตาล ครีม เรียกว่ากาแฟดำ (Black coffee)
เอสเปรสโซ (Espresso)
เอสเปรสโซเป็นกาแฟพื้นฐานของกาแฟชนิดอื่นๆ
กาแฟชนิดอื่นๆทุกอย่างต้องมาจากเอสเปรสโซทั้งนั้น
เอสเปรสโซประกอบด้วย
กาแฟเข้มข้น 1.5-2.0 ออนซ์
(การดื่มเอสเปรสโซที่ถูกต้อง ต้องดื่มทีเดียวหมด)



กาแฟปรุงแต่ง (Coffee Drink Menu) เป็นเครื่องดื่มกาแฟชนิดต่างๆ
ที่มีการนำกาแฟมาเข้าสูตรกับส่วนผสมต่างๆ
เช่น ครีม นม ช็อคโกแลต น้ำเชื่อม ผลไม้ สุราบางชนิด
ทำให้เกิดรสชาติต่างๆ เช่น



คาปูชิโน่ (Cappuccino)
ประกอบด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ 1 shot
นมร้อน ( ราว 150-170 องศาเซลเซียส )
และนมที่เป่าจนเป็นฟอง (Foamed Milk) อย่างละหนึ่งส่วน
โดยฟองนมอยู่บนสุดโรยผงโกโก้หรือผงอบเชยเล็กน้อย

ลักษณะของฟองที่พูนเป็นยอดอยู่บนปากถ้วยเป็นที่มาของชื่อคาปูชิโน่
เพราะดูแลเหมือนส่วนของจีวรที่พับมาคลุมศีรษะ
เป็นหมวกของพระคาปูชิน ในนิกายโรมันคาทอลิค


คาเฟ่มอคค่า (Caffe Mocha)
ประกอบด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่
นมร้อนและน้ำเชื่อมช็อคโกแลตหรือช็อคโกแลตร้อน อย่างละ 1 shot
ราดด้วยวีปครีมแล้วโรยด้วยผงซ็อคโกแลตก็ได้

คำว่า Mocha หมายถึงช็อคโกแลต

คาเฟลาเต้ (Caffe Latte) คือกาแฟผสมนม
ประกอบด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ 1 shot
กับนมอุ่นร้อนจากไอน้ำ 2 ส่วน เติมรสชาติด้วยน้ำตาล

คำว่า Latte ในภาษาอิตาเลี่ยน หมายถึง นม
โดยทั่วไปใช้กับเครื่องดื่มผสมกาแฟและนม

เป็นกาแฟของผู้ที่นิยมรสชาติที่ไม่เข้มมากนัก

คาเฟ่เมริกาโน่ (Caffe Americano)
คือกาแฟเอสเพรสโซ่ 1 shot
เติมน้ำร้อนจนเต็มถ้วยกาแฟขนาดปกติหรือใหญ่กว่า
อเมริกาโนคือกาแฟเอสเปรสโซ ที่เจือจางลงด้วยปริมาณน้ำ
โดยเติมปริมาณน้ำร้อนลงในกาแฟเอสเปรสโซให้มีปริมาณเต็มถ้วย

กาแฟชนิดนี้นิยมดื่มกันในประเทศสหรัฐอเมริกา



เอสเพรสโซมอคดิอาโต้ (Espresso Macchiato)
คือเอสเพรสโซ่ 1 shot
เติมด้วยฟองนมอัตราประมาณ 15 มิลลิลิตรต่อ 1 ช้อนโต๊ะของฟองนม


เอสเพรสโซ่คอนอนานญา (Expresso Con Panna)
คือเอสเพรสโซ่ 1 shot
แต่งหน้าด้วยวิปครีม


เอสเพรสโซ่คอร์เรตโต (Exresso corretto)
คือกาแฟเอสเพรสโซ่ฉาบด้วยเครื่องดื่มแอลกฮอล์

แคฟเฟ รอแยล (Coffe royale)
คือ กาแฟดำหนึ่งถ้วย นำน้ำตาลก้อนวางลงบนช้อนกาแฟ
ถือไว้เหนือถ้วยกาแฟ เทเหล้าเบอร์เบิ้นลง 1 ออนซ์บนน้ำตาล
ให้เหล้าลงไปในกาแฟ จุดไฟบนน้ำตาลจนไหม้หมด
คนกาแฟให้เข้ากัน


กาแฟโซดา (Coffee Soda)
เติมน้ำแข็งลงในแก้ว เทกาแฟครึ่งถ้วยใส่โซดา
หรือโคลาลงหนึ่งในสี่ถ้วย ประดับด้วยมะนาวฝาน


กาแฟโบราณ
ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นที่นิยม
กาแฟไทยคั่วแก่เข้ม เมื่อนำมาชงน้ำร้อนผ่านกาแฟในถุงชง
เติมน้ำตาลและน้ำแข็งเป็นโอเลี้ยงรสชาติเข้มข้น
แต่เมื่อนำกาแฟดำร้อนเติมนมข้นหวาน
เป็นกาแฟเรียกว่า โกปี้หรือโอยัวะรสชาติเข้มข้น ทั้งขม หวานมัน

ในแถบภาคใต้นิยมดื่มเป็นอาหารเช้ากับขนมหวาน
กาแฟดำผสมนมข้นหวาน เติมน้ำแข็งดื่ม ราดด้วยนมสด
จะได้กาแฟเย็นรสชาติหวานเย็นชื่นใจ เรียกว่า กาแฟเย็น




กาแฟ กาแฟ กาแฟ วันนี้คุณดื่มกาแฟแล้วหรือยัง

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก //www.uttaradit.go.th/KM/coffee/20.htm
และ //www.thaihomemaster.com





 

Create Date : 03 สิงหาคม 2550    
Last Update : 3 สิงหาคม 2550 10:40:02 น.
Counter : 11024 Pageviews.  

ละครเพลงระดับโลก “CATS”

บีอีซี-เทโร ผนึกกำลัง ซินาริโอ
ดึงสุดยอดละครเพลงบรอดเวย์ระดับโลก “CATS”สู่ไทย


บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ร่วมกับบริษัท ซิเนริโอ จำกัด นำสุดยอดโปรดักชั่นส์
ละครเพลงระดับโลก “CATS” สู่เมืองไทย




นายไบรอัน แอล มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กล่าวว่า
“การเลือกสรรละครเพลงบรอดเวย์ให้เหมาะเจาะ
สอดคล้องกับวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนไทยนั้น
ไม่ใช่เรื่องง่าย” ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจึงอาศัย
ความเป็นมืออาชีพทางด้านละครเพลงและละครเวที
ของซินาริโนมาช่วยให้คำปรึกษาระหว่างกระบวนการคัดสรรละคร

นายไบรอัน กล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยซินาริโอ ถือว่าเป็น
บริษัทผู้นำด้านการผลิตและสร้างสรรค์ละครเวทีของไทย
การร่วมมือกันระหว่างสองบริษัทจึงรับประกันได้ว่า
ผู้ชมชาวไทยจะได้ดื่มด่ำไปกับการแสดงระดับโลกเต็มรูปแบบ
ภายในสถานที่จัดแสดงที่สมบูรณ์แบบอันจะช่วยเติมเต็ม
อรรถรสในการชม แต่ราคาบัตรย่อมเยา”




กรรมการผู้จัดการบริษัทซินาริโอ
นายถกลเกียรติ วีรวรรณ กล่าวว่า
“ผมรู้สึกยินดีที่ทั้งสองบริษัทร่วมมือกันทำงาน
เพื่อนำละครเพลง CATS เข้ามาจัดแสดงในไทย
เป็นความฝันของผมมานานแล้วที่จะดึงละครบรอดเวย์คุณภาพเยี่ยม
มาแสดง เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสสัมผัส
ประสบการณ์ชั้นยอดจากโปรดักชั่นระดับโลก”

ทั้งสองบริษัทมีความคล้ายคลึงกันในหลายๆด้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักในธุรกิจบันเทิง
เราต่างมุ่งหวังและมีความสุขที่จะนำเสนอ
การแสดงคุณภาพชั้นเลิศ มาสร้างความบันเทิง
ให้กับผู้ชมชาวไทย เมื่อนำความแข็งแกร่งในด้าน
งานโปรดักชั่นจากต่างประเทศของบริษัทบีอีซี-เทโร
มาผนวกเข้ากับความชำนาญในการผลิตละคร
ภายในประเทศของเรา และโรงละครคุณภาพระดับโลก
แห่งใหม่และแห่งเดียวในไทยแล้ว ก็คงกล่าวได้ว่า
ความร่วมมือครั้งนี้เป็น “ส่วนผสมที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบที่สุด”




ข้อมูล : CATS

CATS คือละครเพลงบรอดเวย์ที่มีชื่อเสียงยาวนานที่สุดเรื่องหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์ละครบรอดเวย์ เป็นผลงานการสร้างสรรค์
ของ
Andrew Lloyd Webber นักแต่งเพลง
ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
โดยดัดแปลงมาจากบทประพันธ์เรื่องเยี่ยม

Old Possum’s Book of Practical Cats ของ T.S. Eliot
เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นการผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ระหว่างบทประพันธ์ ดนตรี การออกแบบท่าเต้นและองค์ประกอบบนเวที
จนทำให้
Cats กลายเป็นละครเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
และสร้างแรงบันดาลใจให้กับละครบอร์ดเวย์ในยุคต่อๆมา




CATS เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานชุมนุมแมวประจำปี
ชื่อ
Jellicle Ball ซึ่งแมวจากทั่วทุกแห่งหน
จะมารวมตัวกันเพื่อรอฟัง
Old Deuteronomy
ผู้นำแมวที่จะประกาศชื่อของแมวผู้โชคดีที่จะได้เกิดใหม่
ในดินแดน
Heavyside Layer ก่อนรุ่งสาง
ซึ่งในขณะที่บรรดาแมวต่างก็เฝ้ารอคอยการประกาศชื่อนั้น
บรรดาผู้ชมจะได้เพลิดเพลินกับเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น
และชวนติดตามของแมวแต่ละตัว ที่จะออกมาถ่ายทอด
ประสบการณ์ชีวิตในรูปแบบต่างๆ




CATS เริ่มเปิดฉากการแสดงครั้งแรกที่ลอนดอน
ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ 2524 และเปิดการแสดงในเมืองต่างๆ
มากกว่า 300 เมือง ใน 40 ประเทศ มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ
ถึง 14 ภาษา จนถึงปัจจุบันนี้มีผู้เข้าชมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 65 ล้านคน
ทั่วโลก มีบทเพลงฮิตที่ประทับใจคนทั่วโลก ตลอดกาลอย่าง Memory
ซึ่งศิลปินมากกว่า 250 คนนำเพลงนี้ ไปขับร้อง อย่างเช่น
Barbara Streisand, Barry Manilow และ Placido Domingo



CATS ได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์ ซันเดย์ ไทม์
ประเทศอังกฤษ ว่าเป็นละครเพลงรูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ที่สุด
เท่าที่เคยมีมา เคยได้รับรางวัล
London Evening
Standard Award
และ Oliver Award ในปี 2524
และยังกวาดรางวัล Tony Award จากเวที Broadway
มากถึง 7 รางวัลในปี 2525

อ่า จขบ. อยากจะบอกว่าอ่านข้อมูลมาถึงตอนนี้
ไอ้ที่คิดว่าอาจจะไม่ไปดูเริ่มเปลี่ยนเป็นอาจจะไปดูแล้ว
เชื่อว่าอีกไม่นานมันคงเปลี่ยนเป็นคงไปดูแน่นอน
เสียตังค์อีกแหละงานนี้ อิอิ


ขอบคุณข้อมูลดีดีเหล่านี้จากเจ้าของแหล่งข้อมูล
ไว้ ณ ที่นี้ด้วยเน้อ





 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 8:40:28 น.
Counter : 1845 Pageviews.  

ความกลัว



ความกลัว เป็นสิ่งที่มีอำนาจมากสิ่งหนึ่ง
ในบรรดา สิ่งที่ทำลาย ความสุข สำราญ หรือ
รบกวนประสาท ของมนุษย์ เป็นอย่างยิ่ง ด้วยกัน
ความกลัวนี้ ย่อมมีลักษณะ และพิษสง มากน้อยกว่ากัน
เป็นขั้นๆ ตามความรู้สึก อันสูงต่ำ ของจิต
เด็กๆ สร้างภาพ ของสิ่งที่น่ากลัว ขึ้นในใจ
ตามที่ผู้ใหญ่นำมาขู่ หรือได้ยินเขาเล่าเรื่องอันน่ากลัว
เกี่ยวกับผี เป็นต้น สืบๆ กันมา แล้วก็กลัวเอาจริงๆ
จนเป็นผู้ใหญ่ ความกลัวนั้น ก็ไม่หมดสิ้นไป
ความกลัว เป็นสัญชาตญาณ อันหนึ่งของมนุษย์
เหมือนกันหมด แต่ว่าวัตถุที่กลัวนั่นแหละต่างกัน
ตามแต่เรื่องราวที่ตนรับเข้าไว้ในสมอง



วัตถุอันเป็นที่ตั้งของความกลัว ที่กลัวกันเป็นส่วนมากนั้น
โดยมากหาใช่วัตถุที่มีตัวตนจริงจังอะไรไม่
มันเป็นเพียงสิ่งที่ใจสร้างขึ้นสำหรับกลัวเท่านั้น
ส่วนที่เป็นตัวตนจริงๆ นั้น ไม่ได้ทำให้เรากลัวนาน
หรือมากเท่าสิ่งที่ใจสร้างขึ้นเอง มันมักเป็นเรื่องเป็นราว
ลุล่วงไปเสียในไม่ช้านัก บางทีเราไม่ทันนึกกลัวด้วยซ้ำไป
เรื่องนั้นก็ได้มาถึงเรา เป็นไปตามเรื่องของมัน
และผ่านพ้นไปแล้ว มันจึงมิได้ทรมานจิตของมนุษย์มาก
เท่าเรื่อง หลอกๆ ที่ใจสร้างขึ้นเอง




เมื่อปรากฏว่า ความกลัวเป็นภัยแก่ความผาสุกเช่นนี้แล้ว
บัดนี้ เราก็มาถึงข้อปัญหาว่าเราจะเอาชนะความกลัวได้อย่างไร
สืบไปเพราะเหตุว่า การที่ทราบแต่เพียงว่า ความกลัวเป็นภัย
ของความผาสุกนั้น เรายังได้รับผลดีจากความรู้นั้นน้อยเกินไป
เราอาจปัดเป่า ความกลัวออกไปเสียจากจิตโดยววิธีต่างๆ กัน
แต่เมื่อจะสรุปความขึ้นเป็นหลักสำคัญๆ แล้ว
อย่างน้อยเราจะได้สามประการ คือ

๑. สร้างความเชื่ออย่างเต็มที่ ในสิ่งที่ยึดเอาเป็นที่พึ่ง
๒. ส่งใจไปเสียในที่อื่น ผูกมัดไว้กับสิ่งอื่น
๓. ตัดต้นเหตุ ของความกลัวนั้นๆ เสีย


ในประการต้น อันเราอาจเห็นได้ทั่วไป
คือวิธีของ เด็กๆ ที่เชื่อตะกรุด หรือเครื่องราง ฯลฯ
ตลอดจน พระเครื่ององค์เล็กที่แขวนคอ
และเป็นวิธีของผู้ใหญ่บางคน ที่มีความรู้สึกอยู่ในระดับ
เดียวกับเด็กด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
วิธีนี้ไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม
คือทำความปลอดภัยให้ได้อย่างแท้จริง


ประการที่สอง สูงขึ้นมาสักหน่อย
พอที่จะเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นที่จัดว่าเป็นกุศโลบาย
หลักสำคัญอยู่ที่ส่งความคิดนึกของใจไปเสียที่อื่น
ซึ่งจะเป็นความรักใครที่ไหน โกรธใครที่ไหน
เกลียดใครที่ไหน ก็ตาม หรือหยุดใจเสีย
จากความคิดนึก ทุกอย่าง (สมาธิ)ก็ตาม
เรียกว่าส่งใจไปเสียในที่อื่น คือจากสิ่งที่เรากลัวนั้น
ก็แล้วกัน การคิดนึกถึงผลดีที่จะได้รับ คิดถึง
สิ่งที่เรารักมาก เหล่านี้ล้วนแต่ช่วยให้ใจแล่นไปในที่อื่น
จนลืมความกลัวได้ทั้งนั้น ในชั้นนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงสอนให้ระลึกถึงพระองค์ หรือพระธรรม หรือพระสงฆ์
อย่างใดอย่างหนึ่ง ในเมื่อภิกษุใดเกิดความกลัวขึ้นมา
ในขณะที่ตนอยู่ในที่เงียบสงัด เช่น ในป่า หรือถ้ำ เป็นต้น

ส่วนอาการที่สงบใจไว้ด้วยสมาธินั้น เป็นอุบายข่มความกลัว
ได้สนิทแท้ เพราะว่าในขณะแห่งสมาธิ ใจไม่มีการคิดนึก
อันใดเลย นอกจากจับอยู่ที่สิ่งซึ่งผู้นั้นถือเอาเป็นอารมณ์
หรือนิมิตที่เกาะของจิตอยู่ในภายในเท่านั้น


เมื่อมาถึงประการ ที่สามนี้ เมื่อเราคิดดูให้ดีแล้ว
อาจตอบได้ว่าเท่าที่คนเราส่วนมากจะคิดเห็นนั้น
ความกลัวผีมีต้นเหตุมากมาย คือความไม่เข้าใจในสิ่งนั้นบ้าง
การมีความกลัวติดตัวอยู่บ้าง ใจอ่อนเพราะเป็นโรคประสาทบ้าง
อาฆาตจองเวรไว้กับคนไม่ชอบพอกันบ้าง รักตัวเองไม่อยากตายบ้าง
เหล่านี้ ล้วนเป็นเหตุแห่งความกลัว
มูลเหตุอันแท้จริงเป็นรวบยอดแห่งมูลเหตุทั้งหลายคืออะไรนั้น
ค่อนข้างยากที่จะตอบได้ เพราะเท่าที่เห็นกันนั้นเห็นว่า
มันมีมูลมากมายเสียจริงๆ แต่แท้ที่จริงนั้น ความกลัวก็เป็นสิ่งที่
เกิดมาจากมูลเหตุอันสำคัญอันเดียว เช่นเดียวกับความรัก
ความโกรธ ความเกลียด และ ความหลง เพราะว่าความกลัว
ก็เป็นพวกเดียวกันกับ ความหลง (โมหะ หรือเข้าใจผิด)
มูลเหตุอันเดียวที่ว่านั้นก็คือ อุปาทาน ความยึดถือต่อตัวเองว่า
ฉันมี ฉันเป็น นั่นของฉัน นี่ของฉัน เป็นต้น




เมื่อพบว่า ต้นเหตุของความกลัวคืออะไรดังนี้แล้ว
เราก็มาถึงปัญหาว่าจะตัดต้นเหตุนั้นได้อย่างไร
เข้าอีกโดยลำดับ ในตอนนี้เป็นการจำเป็นที่เราจะต้องแบ่ง
การกระทำ ออกเป็นสองชั้นตามความสูงต่ำแห่งปัญญา
หรือความรู้ของคนผู้เป็นเจ้าทุกข์ คือถ้าเขามีต้นทุนสูงพอ
ที่จะทำลายอุปาทานให้แหลกลงไปได้ ก็จะได้ตรงเข้าทำลาย
อุปาทาน ซึ่งเมื่อทำลายได้แล้ว ความทุกข์ทุกชนิดจะพากัน
ละลาย สาบสูญไปอย่างหมดจดด้วยนี้ประเภทหนึ่ง
และอีกประเภทหนึ่ง คือ พยายามเพียงบรรเทา ต้นเหตุ
ให้เบาบางไปก่อน ได้แก่ การสะสางมูลเหตุนั้น ให้สะอาดหมดจดยิ่งขึ้น

ประเภทแรก สำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติธรรมทางใจ
ให้ก้าวหน้าสูงขึ้น ตามลำดับๆ จนกว่าจะหมดอุปาทาน
ตามวิธีแห่งการปฏิบัติธรรม

ส่วนประเภทหลัง นั้นคือ การพยายามประพฤติความดี
ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ
จนตนติเตียนตนเองไม่ได้ ใครที่เป็นผู้รู้แม้จะมีทิพยโสต
หรือทิพยจักษุมาค้นหาความผิดเพื่อติเตียนก็ไม่ได้
เป็นผู้เชื่อถือและเคารพตัวเองได้เต็มเปี่ยม
ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนท่าน
ไม่มีเวรภัยที่ผูกกันไว้กับใคร
เมื่อเป็นเช่นนี้ความกลัวก็หมดไป
ใจได้ที่พึ่ง ทีเกษมที่อุดมยิ่งขึ้น




ข้าพเจ้าขอจบเรื่องนี้ลง ด้วยพระพุทธภาษิต
ที่เราควรสำเหนียกไว้ในใจอยู่เสมอ
อันจะเป็นดุจเกราะป้องกันภัยจากความกลัว
ได้อย่างดี ดังต่อไปนี้

"มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมากถูกความกลัวคุกคามเอาแล้ว
ย่อมยึดถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง สวนที่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง
รุกขเจดีย์บ้าง เป็นที่พึ่งของตนๆ นั่นไม่ใช่ ที่พึ่ง อันทำความเกษม
ให้ได้เลย นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด ผู้ใดถือสิ่งนั้นๆ เป็นที่พึ่งแล้ว
ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นไปจากความทุกข์ ทั้งปวงได้

ส่วนผู้ใดที่ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งแล้ว
เห็นอริยสัจทั้งสี่ ด้วยปัญญาอันถูกต้องคือ เห็นทุกข์
เห็นเหตุเครื่องให้เกิดทุกข์ เห็นการก้าวล่วงไปเสียได้จากทุกข์
และเห็นหนทาง อันประกอบด้วยองค์แปดประการอันประเสริฐ
อันเป็นเครื่องยังผู้นั้นให้เข้าถึงความรำงับแห่งทุกข์
นั่นแหละคือที่พึ่งอันเกษม นั่นแหละคือที่พึ่งอันสูงสุด
ผู้ใดถือเอาที่พึ่งนั้นแล้วย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้"

(ธ. ขุ. ๔๐)

ความโศก ย่อมเกิดแต่ความรัก
ความกลัว ย่อมเกิดแต่ความรัก
สำหรับผู้ที่พ้นแล้วจากความรัก
ย่อมไม่มีความโศก ความกลัว
จักมีมาแต่ที่ไหนเล่า
ความโศก ย่อมเกิดมาจากตัณหา (ความอยากอย่างนั้นอย่างนี้)
ความกลัว ย่อมเกิดมาจากตัณหา (เพราะกลัวไม่สมอยาก)
สำหรับผู้ที่พ้นแล้วจากตัณหาย่อมไม่มีความโศก ความกลัว
จักมีมา แต่ที่ไหนเล่า

(ธ. ขุ. ๔๓)

ขอให้ความกลัวหมดไปจากจิต
ความสุขจงมีแต่สรรพสัตว์เทอญ


ตัดตอนมาจากส่วนหนึ่งของเทศนาธรรม ๑ สิงหาคม ๒๔๗๙
จากพระพุทธทาสภิกขุ ค่ะ

ที่มา : //www.buddhadasa.com




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2550 7:22:14 น.
Counter : 1009 Pageviews.  

ความมหัศจรรย์ของน้ำผึ้ง ตอนจบ



คุณ yatamjai จากห้องไร้สังกัดนำความรู้ดีๆ เหล่านี้จาก//www.geocities.com/ruammitra/lady-honey.html
มาฝากกันค่ะ เรามาติดตามตอนต่อไปกันเลย ซึ่งเป็นตอนจบแล้วค่ะ

ข้อควรระวังในการใช้น้ำผึ้ง
แม้น้ำผึ้งจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคน
บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพดังนี้ไม่ควรดื่มน้ำผึ้ง


1. คนที่เป็นโรคเบาหวาน
2. คนที่มักมีอาการอาหารไม่ย่อย และอาเจียนบ่อยๆ
3. ไม่ควรให้เด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบดื่ม
เพราะในน้ำผึ้งอาจมีสปอร์ของเชื้อคลอสตริเดียมโบทูลินัม
ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเชื้อนี้จะเจริญเติบโตได้
ในทางเดินอาหารของเด็กเล็ก
ทำให้เกิดสารพิษที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
กรณีดังกล่าวนี้แม้อาจเกิดขึ้นไม่บ่อย
แต่ควรระมัดระวังป้องกันไว้ก่อน
4. บางครั้งน้ำผึ้งอาจได้มาจากน้ำหวานของ
เกสรดอกไม้ที่เป็นพิษ เช่น น้ำหวานของต้นตาตุ่มทะเล
ซึ่งเป็นไม้ชายเลนที่มีพิษ เมื่อกินเข้าไปทำให้ท้องเดิน
ดังนั้น ก่อนซื้อน้ำผึ้งที่หาบเร่ขาย หรือขายอยู่ริมทาง
ควรสอบถามถึงที่มาของน้ำผึ้งให้ละเอียด
เพื่อหลีกเลี่ยงพิษภัยที่อาจเกิดขึ้นได้




คุณค่าทางอาหาร
ให้พลังงาน น้ำผึ้งเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ดี
เนื่องจากมีน้ำตาลที่ย่อยง่ายอยู่ถึงร้อยละ 70 เช่น
น้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรักโทส ที่ร่างกาย
สามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว
เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้กำลังมาก เช่นนักกีฬา
ถ้าได้ดื่มน้ำผึ้งหลังออกกำลังกายจะรู้สึกสดชื่น
หายเหนื่อยง่าย และฟื้นคืนกำลังได้อย่างรวดเร็ว
หรือผู้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร
หรือเด็กที่กำลังเจริญเติบโต ถ้าดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำ
ก็จะช่วยเพิ่มพลังงานที่ดีให้กับร่างกายได้อีกทางหนึ่ง


ให้โปรตีนและไขมัน
แม้ว่าจะมีโปรตีนและไขมันจำนวนน้อย
แต่ก็มีคุณค่าทางอาหารสูงสุด เพราะอยู่ในรูปของ
โมเลกุลที่เล็กที่สุด คือกรดอะมิโน และกรดไขมัน
ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที่


บำรุงสุขภาพ
เนื่องจากในน้ำผึ้งมีสารกระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพ
หลายชนิด เช่น เอมไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ
ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการควบคุมการทำงาน
ของระบบประสาทในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ
ดังนั้น ถ้าเรากินน้ำผึ้งเป็นประจำ
ก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์นี้เข้าไปด้วย


ผสมในอาหาร อาหารหลายชนิด
ถ้านำมาเป็นส่วนประกอบจะช่วย
แต่งกลิ่นหรือปรุงรสของอาหารให้น่าสกินมากขึ้น
ผสมกับนมสดหรือนมเปรี้ยว
ลูกกวาด เค้ก แยม ขนมปัง ไอศกรีม หรือ
ราดบนผลไม้ต่างๆเป็นต้น

ช่วยถนอมอาหาร
น้ำผึ้งถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทาง
อุตสาหกรรม
อาหารกระป๋อง หรืออาหารหมักดองต่างๆ
เพื่อใช้เก็บอาหารชนิดนั้นๆไว้ได้นานวันขึ้น


ผสมในอาหารสัตว์
มีการนำมาผสมในอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างโค
ซึ่งช่วยให้โคโตเร็ว มีน้ำนมมาก และน้ำหนักดี
หรือผสมในอาหารไก่ ทำให้ไก่มีไข่ดก
และลูกเจี๊ยบเติบโตเร็ว



คุณค่าด้านความงาม
นำมาใช้บำรุงผิวพรรณ หรือผสมในเครื่องสำอาง
ชนิดต่างๆ ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่
คุณสมบัติที่โดดเด่นของน้ำผึ้งอยู่ที่
ความสามารถในการต่อต้านแบคทีเรีย
โดยสารที่ชื่อว่า "ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์"
ซึ่งเป็นสารต่อต้านแบคทีเรียที่ดีเยี่ยม
ที่พิเศษกว่านั้นคือ สารชนิดนี้กำจัดเชื้อโรคได้
โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังมีสารที่ให้
ความชุ่มชื้นที่ทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่ม
และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยป้องกันผิวจากการทำลายของรังสียูวี
และช่วยเสริมสร้างเซลล์ใหม่ให้แก่ผิวหนังอีกด้วย


วิธีง่ายที่สุดที่ใช้ในการบำรุงผิวที่แนะนำกันมานาน
คือใช้น้ำผึ้งทาผิวหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที
แล้วล้างออกด้วยน้ำ หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น
เช็ดออก จะรู้สึกได้ทันที่ว่าผิวหน้านุ่มเนียนขึ้น


เครื่องสำอางที่มักใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบคือ
ครีมพอกหน้า ครีมขัดหน้า สบู่ล้างหน้า หรือเจลล้างหน้า



คุณค่าทางยา
โรคและอาการ บำรุงสุขภาพ
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นๆดื่มทุกวัน
สรรพคุณ เหมาะสำหรับผู้ที่เบื่ออาหาร
ผู้ป่วยที่กำลังฟื้นไข้
ร่างกายอ่อนเพลีย น้ำหนักลด
จะช่วยฟื้นกำลังได้เร็วขึ้น

โรคและอาการ อดนอน
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
สรรพคุณ จะทำให้รู้สึกสดชื่นมีเรี่ยวแรง
เหมาะสำหรับผู้ที่เคร่งเครียดอดนอน
ทำงานหนักและอ่อนเพลีย

โรคและอาการ ยาอายุวัฒนะ
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้งครึ่ง-1ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้าและก่อนนอน
สรรพคุณ ทำให้สุขภาพแข็งแรง

โรคและอาการ นอนไม่หลับ
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง1 ช้อนโต๊ะ ดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
สรรพคุณ จะช่วยให้หลับดีขึ้นเพราะองค์ประกอบส่วนใหญ่
คือน้ำตาล เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลทันที
ก็จะสร้างสารเคมีขึ้นมาในสมองซึ่งสารตัวนี้
ออกฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้ร่างกายสงบและหลับง่ายขึ้น

โรคและอาการ ไอ หลอดลมอักเสบ มีเสมหะ
ปริมาณและวิธการใช้ กระเทียม1-2 กลีบ ตำให้ละเอียด
น้ำมะนาว1/4 ลูก เกลือเล็กน้อย
พิมเสนหรือการบูร2-3เกล็ด
น้ำผึ้ง1 ช้อนโต๊ะ

โรคและอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง1/2-1 ช้อนโต๊ะ
น้ำขิงต้มเข้มข้น 1 แก้ว
เกลือเล็กน้อย ดื่มวันละ3 เวลาหลังอาหาร

โรคและอาการ ท้องผูก
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มก่อนนอน
สรรพคุณ น้ำผึ้งใหม่ไม่ค้างปี มีน้ำตาลฟรักโทส ซึ่งมีฤทธิ์
เป็นยาระบายอ่อนๆใช้แก้อาการท้องผูก
ในเด็กและผู้สูงอายุได้ดี

โรคและอาการ เด็กปัสสาวะ
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ)ดื่มก่อนนอนทุกวัน
สรรพคุณ อาการปัสสาวะลดที่นอนจะดีขึ้น และหายได้

โรคและอาการ ท้องเสียรุนแรง
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 1-2ช้อนโต๊ะ เกลือ1/2ช้อนชา
ผสมในน้ำอุ่น 1 แก้ว
สรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียจากการถ่ายท้อง
รุนแรง อาเจียน เป็นลม หรือเสียเหงื่อมาก

โรคและอาการ เด็กแหวะนม
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 1/2-1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่มประจำ
สรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการได้ เพราะในน้ำผึ้งมีน้ำย่อย
ที่ช่วยย่อยนมและย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี

โรคและอาการ กล้ามเนื้อเป็นตะคริว
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 2 ช้อนชาดื่มทุกมื้ออาหาร
สรรพคุณ อาการจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์ เมื่อหายแล้ว
ถ้าดื่มต่อไปเป็นประจำ จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการเป็นซ้ำอีก

โรคและอาการ ล้างแผล
ปริมาณและวิธการใช้ น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วน ชะล้างแผล
สรรพคุณ น้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้

โรคและอาการ แผลฝีมีหนอง
ปริมาณและวิธการใช้ หัวหอมแดง 2 หัว ตำให้ละเอียด
ผสมกับน้ำผึ้ง พอกที่หัวฝี
สรรพคุณ ทำให้ฝีแตกเร็วหายเร็วขึ้น

โรคและอาการ แผลเรื้อรัง
ปริมาณและวิธการใช้ ใช้น้ำเกลือหรือน้ำสุก(ที่เย็นแล้ว)
ล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผล
ชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
สรรพคุณ จะช่วยให้แผลมีเนื้อใหม่เจริญขึ้นมาเร็วขึ้น
เนื่องจากความเข้มข้นของน้ำผึ้ง ทำให้เชื้อโรคฝ่อตาย
ร่วมกับสารอินฮิบินหรือไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์
ในน้ำผึ้งมีฤทธิ์ยับยั้งและทำลายเชื้อโรคได้

โรคและอาการ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย
ปริมาณและวิธการใช้ ใช้น้ำผึ้งที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้วทาที่แผล
หรือใช้ผ้าพันแผลที่สะอาด ชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้
แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก12 ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง
สรรพคุณ ช่วยลดการหลั่งของน้ำเหลืองที่บาดแผล ลดอาการ
ปวดลดการติดเชื้อ ป้องกันการอักเสบ
ทำให้แผลสมานกันได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้เพราะน้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง
จึงสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
และทำให้เชื้อโรคตายได้

โรคและอาการ โรคกระเพาะ
ปริมาณและวิธการใช้ ดื่มน้ำผึ้ง2-3 ช้อนโต๊ะ
ขณะปวดและดื่ม 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอนทุกคืน
สรรพคุณ ทำให้ทุเลาอาการปวด และหายจากอาการ
โรคกระเพาะได้

สำหรับการทำน้ำกระสายยา
ยาไทยส่วนใหญ่มักใช้น้ำผึ้งเป็นน้ำกระสายยา
เพื่อช่วยกลบรสยาและแต่งรส

สำหรับทำเป็นยาลูกกลอน
ยาลูกกลอนนิยมใช้น้ำผึ้งผสมกับผงยา
แล้วนำไปปั้นเป็นเม็ดกลมๆ
ช่วยให้ผงยาเกาะติดกันดีขึ้น

อู้ฮู อัพบล็อกมาถึงตรงนี้แล้วสงสัย
ใครไม่รีบไปหาน้ำผึ้งมาบริโภคเป็นการด่วน
ก็ถือว่าใจเย็นเกินไปแล้วค่ะ
แต่ก็ต้องระวังจะเป็นเบาหวานไปเสียก่อนนะคะ
อิอิ เรื่องของกินเนี่ยทุกคนน่าจะชอบอยู่แล้ว






 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2550 0:05:11 น.
Counter : 12425 Pageviews.  

ความมหัศจรรย์ของน้ำผึ้ง ตอนที่ ๒



คุณ yatamjai จากห้องไร้สังกัดนำความรู้ดีๆ เหล่านี้จาก
//www.geocities.com/ruammitra/lady-honey.html
มาฝากกันค่ะ
เรามาติดตามตอนต่อไปซึ่งเป็นตอนที่สองกันเลย


สารอาหารในน้ำผึ้ง

ส่วนประกอบของสารอาหารในน้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะ
(15 มิลลิลิตร หรือ21 กรัม)
สารอาหาร (ปริมาณโดยเฉลี่ย)


น้ำ 3.62 กรัม
แคลอรี 64
คาร์โบไฮเดรต(โดยรวม) 17.46 กรัม
น้ำตาล
-ฟรักโทส 8.16 กรัม
-กลูโคส 6.57 กรัม
-มอลโทส 1.53 กรัม
-ซูโคส 0.32 กรัม
-อื่นๆ 0.88 กรัม

ใยอาหาร 0.04 กรัม
ไขมัน 0.0 กรัม
โปรตีน 0.06 กรัม
วิตามิน
-ไรโบฟลาวิน 0.01 มิลลิกรัม
-ไนอาซิน 0.03 มิลลิกรัม
-กรดแพนโทเทนิก 0.01มิลลิกรัม
-บี6 0.01มิลลิกรัม
-โฟเลต 0.42ไมโครกรัม
-ซี 0.11มิลลิกรัม

เกลือแร่
-แคลเซียม 1.27 มิลลิกรัม
-ฟอสฟอรัส 0.85 มิลลิกรัม
-โซเดียม 0.85 มิลลิกรัม
-โพแทสเซียม 11.02 มิลลิกรัม
-เหล็ก 0.09 มิลลิกรัม
-สังกะสี 0.05 มิลลิกรัม
-แมกนีเซียม 0.42 มิลลิกรัม
-ซีลีเนียม 0.17 มิลลิกรัม
-ทองแดง 0.01 มิลลิกรัม
-แมงกานีส 0.02 มิลลิกรัม


โอโฮ ใครจะนึกว่าน้ำงหยดเล็กๆ จะมีสารอารมากมายถึงขนาดนี้



น้ำผึ้งได้ชื่อว่าอุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน
มากที่สุดชนิดหนึ่ง สารอาหารมากมายที่อยู่ในน้ำผึ้ง ที่สำคัญ เช่น
วิตามิน ในน้ำผึ้งมีวิตามินหลายชนิด
ซึ่งปริมาณวิตามินในน้ำผึ้งแท้แต่ละชนิดจะแตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับที่มาของเกสรดอกไม้


เกลือแร่ การเติมน้ำผึ้งแทนน้ำตาลลงในอาหารชนิดต่างๆ
ซึ่งนอกจากจะได้รับความหวานที่มีกลิ่นหอมแล้ว
ยังเป็นการเพิ่มปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นให้กับร่างกายด้วย
ปริมาณเกลือแร่เหล่านี้แม้จะมีไม่มากนัก
แต่ก็พอเหมาะกับความต้องการของร่างกาย


ความชื้นหรือน้ำ ได้แก่ความชื้นตามธรรมชาติ
ของน้ำผึ้งที่เหลืออยู่ภายหลังจากที่ได้เปลี่ยนน้ำหวาน
จากดอกไม้ให้เป็นน้ำผึ้งแล้ว ความชื้นที่เหมาะสมคือน้ำผึ้ง
ที่เหลือน้ำปนอยู่ร้อยละ 17-18 ซึ่งจะทำให้น้ำผึ้งสามารถ
เก็บไว้ได้นานโดยเปลี่ยนแปลงสภาพโดยเล็กน้อย


น้ำตาล ส่วนประกอบประมาณร้อยละ 80-85
จะเป็นน้ำตาลชนิดต่างๆ เช่น น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
(คือกลูโคสและฟรักโทส)ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่เด่นที่สุด
เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้น้ำผึ้งมีรสหวาน
สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จะใช้น้ำตาลกลุ่มนี้สร้างพลังงานให้กับร่างกาย
น้ำตาลโมเลกุลคู่ (มอลโทส ซูโครส และแล็กโทส)
และน้ำตาลที่มีโมเลกุลซับซ้อน (เดกซ์โทรส)


น้ำตาลเหล่านี้ทำให้น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางกายภาพหลายอย่าง
เช่น ดูดซึมความชื้นจากบรรยากาศได้
หรือสามารถดูดซึมน้ำออกมาจากจุลินทรีย์จนหมด
ทำให้เชื้อโรคต่างๆไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ภายใต้ความเข้มข้นของน้ำผึ้ง
ดังนั้นจึงมีข้อกำหนดไว้ว่าในน้ำผึ้งแท้บริสุทธิ์จะมีน้ำตาลซูโครสได้
ไม่เกินร้อยละ5-8 โดยน้ำหนัก หากมีปริมาณสูงกว่านี้
ถือว่าเป็นน้ำผึ้งผสมน้ำเชื่อม


กรด ถึงแม้จะมีความหวานแต่ก็ซ่อนความเปรี้ยวของกรดต่างๆ
ไว้หลายชนิด แต่ที่สำคัญคือกรดกลูโคนิก
ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำตาลกลูโคส
รวมทั้งกรดอะมิโน ที่สำคัญกลุ่มนี้ได้แก่
ไอโซลูซีน ลูซีน ไลซีน โพรลีน เมไทโอนีน เป็นต้น


เอนไซม์ คือสารอินทรีย์ประเภทโปรตีนที่มีอยู่ในเซลล์สิ่งมีชีวิต
ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาต่างๆภายในเซลล์นั้นๆ
เช่น เอนไซม์ที่ช่วยการย่อยอาหาร
เอนไซม์ที่สำคัญที่สุดที่พบในน้ำผึ้งคือเอนไซม์อินเวอร์เทส
ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลซูโครสในน้ำหวานของดอกไม้
ให้เป็นน้ำตาลกลูโคสและฟรักโทส และเอนไซม์กลูโคออกซิเดส
จะทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสให้เป็นกรดกลูโคนิก
นอกจากนี้ยังมีเอมไซม์อื่นๆ
ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลายเชื้อโรคได้


เดกซ์โทรส คือสารประกอบที่มีโมเลกุลของกลูโคสต่อกันเป็นโซ่ยาว
สารตัวนี้เป็นส่วนที่ทำให้ชุ่มคอ และให้ความชุ่มชื้นแก่เยื่อบุผิวต่างๆ


อินฮิบิน คือไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์
ที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อโรค
การที่คนโบราณใช้น้ำผึ้งรักษาแผลสด
และแก้อักเสบได้ผล ก็เพราะสารสำคัญตัวนี้


นอกจากวิตามินและเกลือแร่ต่างๆแล้ว
น้ำผึ้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารฟลาโวนอยด์
คาทาเลส อัลคาลอยด์ และสารอื่นๆอีกหลายชนิด
ที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาทดลอง เพราะเชื่อว่าสารเหล่านี้
มีส่วนในการกระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวภาพ เช่น ช่วยในการ
เจริญเติบโตของยีน เร่งน้ำย่อย ช่วยให้เจริญอาหาร
และช่วยเสริมสุขภาพทั้งในยามปรกติและในยามเจ็บป่วย




เป็นอย่างไรกันบ้างหละค่ะ
ชักอย่างไปแสวงหาน้ำผึ้งมาบริโภคเหมือน จขบ.
กันบ้างหรือยัง ก็แหม น้ำผึ้งเล่นมีประโยชน์เสียขนาดนี้

เรื่องของน้ำผึ้งยังไม่ถึงตอนจบนะคะ
คงต้องรอตอนสุดท้ายในบล็อกหน้า อีกไม่นานนี้แหละค่ะ
อย่าลืมติดตามกันให้ได้นะคะ
แล้วคุณจะรู้ว่าน้ำผึ้งมีคุณอนันต์อย่างไรบ้าง สวัสดีค่ะ





 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 11 กรกฎาคม 2550 22:36:00 น.
Counter : 917 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

หอมกร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 65 คน [?]




ทำงานราชการมีจิตใจรักชาติไม่น้อยกว่าใคร จากเดิมทำบล็อกหลากหลายที่ตนเองสนใจ ปัจจุบันเน้นแปะเรื่องราวจากภาพยนตร์ไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการตัดสินใจไปดู
Hello ! Hello ! Hello ! ขอบคุณสำหรับการเยี่ยมเยียนจ้า
Friends' blogs
[Add หอมกร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.