ตาขี้เกียจ ภัยเงียบในเด็ก! รู้เร็วรักษาได้ เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น
ดวงตา นับเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่มีความสำคัญด้วยทำหน้าที่ในการมองเห็น ดังนั้นหากพบความผิดปรกติเกิดขึ้นจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอาจลุกลามกลายเป็นสาเหตุทำให้สูญเสียโอกาสการมองเห็นที่ดีได้
ตาขี้เกียจ นับเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้กับเด็กเล็ก ซึ่งนอกจากจะสร้างปัญหาในเรื่องการมองเห็นแล้วยังส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้อีกด้วย แพทย์หญิงเมธินี จงเจริญ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี ให้ความรู้ว่า ภาวะสายตาขี้เกียจในภาษาอังกฤษใช้คำว่า lazy eye เป็นภาวะที่สายตาข้างหนึ่งพัฒนาไม่เป็นปรกติในช่วงวัยเด็กซึ่งเป็นผลให้ระดับสายตาข้างนั้นพัฒนาได้ไม่เท่ากับอีกข้างหนึ่ง
สาเหตุการเกิดภาวะตาขี้เกียจอาจเกิดได้จาก ตาเหล่ ตาเข ซึ่งเป็นได้ทั้งตาเหล่เข้าและตาเหล่ออก ขณะที่อีกสาเหตุหนึ่งพบในผู้ป่วยที่มีค่าสายตาต่างกันมากๆ อย่างเช่น ตาข้างหนึ่งปรกติแต่อีกข้างหนึ่งพบสายตาสั้นมากหรือสั้นทั้งสองข้าง อีกทั้งภาวะสายตาขี้เกียจยังพบกับผู้ป่วยสายตายาว สายตาเอียง ซึ่งมีโอกาสเป็นได้เช่นกันโดยตาทั้งสองข้างมีระดับสายตาต่างกันมากๆ
ส่วนอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดตาขี้เกียจแม้จะพบน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นสาเหตุคือ การมีสิ่งมาบดบังตา อย่างเช่น หนังตาตกทำให้ตาข้างนั้นมองไม่เห็นหรือมีต้อกระจกเกิดขึ้นก็ทำให้เกิดภาวะดังกล่าวขึ้นได้เช่นกัน
ตาขี้เกียจเป็นความผิดปรกติที่เกิดจากการพัฒนาการมองเห็นโดยภาวะดังกล่าวเป็นความผิดปรกติของการมองนับแต่เริ่มต้นพบได้ตั้งแต่ช่วงแรกเกิดถึง 10 ขวบซึ่งเป็นช่วงที่มีพัฒนาการมองเห็นดังนั้นหากช่วงเวลานั้นมีความผิดปรกติเกิดขึ้นมีสิ่งมาบดบังขัดขวางการมองเห็นจะทำให้เด็กไม่สามารถมองเห็นได้ อย่างกรณี ตาเหล่เมื่อเด็กมีตาเหล่จะไม่ใช้ตาข้างเหล่มองจะใช้ข้างที่ตรงมอง หากปล่อยไว้ไม่รับการรักษาหรือแม้ภายหลังจะทำการผ่าตัดเพื่อให้ตากลับมาเป็นปรกติตาข้างนั้นจะไม่เกิดพัฒนาการเนื่องจากไม่ได้ใช้มายาวนาน
ปัญหาหลักของโรคที่เกี่ยวกับตาภาพโดยรวม สาเหตุที่ทำให้เกิดการมองไม่เห็นแม้จะเป็น โรคต้อกระจก ซึ่งพบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ ในเด็กพบโรคที่เกี่ยวกับพันธุ์กรรมหรือการติดเชื้อนับแต่ตั้งครรภ์ส่วนภาวะตาขี้เกียจพบประมาณ1-5 เปอร์เซ็นต์
ความผิดปรกติสังเกตได้นับแต่แรกเกิด อย่างเด็กเล็กดูว่ามองหน้าแม่ตอนดูดนม มองตามเสียง มองตามแสงไฟ มองตามวัตถุที่มีสีสันหรือไม่ หากยังไม่มองหน้าแม่ หรือไม่ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม คล้ายมองไม่เห็น ต้องได้รับการตรวจโดยจักษุแพทย์ ส่วนภาวะตาเหล่ ตาเขต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ปกครองในการสังเกตความผิดปรกติ เช่นเดียวกับความผิดปรกติทางสายตาของลูกไม่ว่าสายตาสั้น เอียง หรือยาวมากๆ
...........
Create Date : 21 เมษายน 2556 |
Last Update : 21 เมษายน 2556 5:49:18 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1251 Pageviews. |
|
|