No. 506 บล๊อกประจำวัน จันทร์ - พฤหัสบดี
ภาพข้างบน เป็นภาพห้องพัก ติดดินที่เราพักใน แมกไม้รีสอร์ท |
|
เคยมีคนรู้จัก กับญาติ ริเริ่มจะไปเปิดรีสอร์ท ในที่เคยเป็นป่าใหญ่ ปัจจุบัน |
ป่าเหี้ยนเตียน โกร๋น แล้วคนก็พูดถึงกันว่า เราควรจะซื้อที่ดินไว้ เพราะอีกไม่นาน |
ไทยกับพม่า จะเปิดพรมแดนถาวร ก็ด่านทวาย กันดีกว่า แต่ผมไม่ซื้อหรอกครับ |
บ่จี้ 555
|
แต่วันนี้ที่เพิ่งผ่าน ไปไม่กี่วัน เราเข้าพักที่รีสอร์ทค่อนข้างใหญ่ ของสังขละบุรี |
ส่วนหนึ่งของ กาญจนบุรี ที่นี่มีลำน้ำหลายสาย |
|
เราสามคน นอนกันสบาย ตื่นเกือบตี 5 ผมลุกมาดูข้างนอกห้อง ว่าฝนตกจะไปไหวไหม |
หมายถึง เราตั้งใจจะทำบุญ โดยใส่บาตร กับพระภิกษุมอญ ซึ่งคงเป็นทั้งคนไทย |
ผสม เชื้อชาติมอญ... แต่..ฝนตกปรอย ๆ ไม่หนัก |
น้ำฝนเหล่านี้คาดว่าจะไหลลงสู่แอ่งข้างล่างของภูเขา สู่อ่างเก็บน้ำ วชิราลงกรณที่อยู่ไกลจากที่นี่ |
|
ซึ่งการไฟฟ้าได้เล็งเห็นว่า ถ้าสร้างเขื่อนก็จะได้น้ำมหาศาลจึง สร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ เพื่อผลิตไฟฟ้า |
บนสันเขาหิน ที่ออกแบบเขื่อนให้รับแรงแผ่นดินไหวประมาณ 7 ริกเตอร์ได้ |
|
เคยถามคุณโภชน์ ซึ่งทำงานการไฟฟ้า กับคุณต้อแห่งร้าน Crab coffee หรือแม่สามข้าว คุณโภชน์ได้ |
กรุณาพาพวกเราเหล่าแม่ครัวกะทะหลุดมั่งไม่หลุดมั่งแห่ง BlogGang ส่วนผม |
เป็นผู้ติดตามแม่ครัวนะครับ ไปดูฐานการผลิต เราก็ถามเรื่องตัวเขื่อนแห่งนี้ |
เลยได้ความรู้ว่า เขื่อนแข็งแรง รองรับแผ่นดินไหวได้สูงพอสมควร ส่วนน้ำที่กักเก็บไว้ |
จะปล่อยผ่านเทอร์ไบน์ หมุนผลิตไฟฟ้า
จำได้ว่า พวกเรามีโอกาส ลงสู่ฐานการผลิตไฟฟ้าในเขื่อน
ขณะลงไป ส่วนเทอร์ไบน์มีหลายตัวหมุน เสียงดังมาก น่ากลัวต้องปิดหูกันหูเสีย
ส่วนน้ำก็ให้ไหลสู่แควต่าง ๆ ชาวบ้านชาวนา |
ชาวไร่ก็ได้ใช้เพาะปลูก และบริโภค เหนือเขื่อนจึงเป็นที่กักเก็บน้ำกว้างยาวหลายสิบ |
กิโลเมตร ทำให้เกิดภาวะความมั่นคงด้าน น้ำจะไม่ขาดแคลน นาน... |
น้ำจากฟ้า ตกลงมาที่อำเภอ ทองผาภูมิ กับ อำเภอสังขละบุรี |
น้ำจากเขา และพื้นที่สูงต่ำ ของอำเภอสังขละบุรี ใกล้กับรีสอร์ทที่เราพัก เกิดเป็นลำน้ำ |
ซองกาเลีย. บิ คลี่ และ รันตี
|
น้ำทั้งสาม ไหลมาบรรจบ ใกล้กับที่เราพัก นั่นคือ สามประสบ เป้นแม่น้ำแควน้อย |
คือพื้นที่ ที่ เราพักเมื่อคืน แล้วไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำ วขิราลงกรณ์ซึ่งอยู่ห่างไกลจากที่นี่ |
|
เลยล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว พอสว่างก็ เดินขึ้นเนิน สู่ลานจอดรถ ฝนตกต้องกางร่มนะครับ |
เราไม่กลัวว่าจะใส่บาตรไม่ทัน |
คือปกติหรือพระวินัยของสงฆ์ จะออกเดินบินฑบาต เมื่อมองเห็นลายบนฝ่ามือ |
|
เดินตรงไป ทีแรกคิดว่า ทางลงคงจะ ผ่านรีสอร์ท สามประสบตรงอาคารสีเหลืองไปสะพานมอญ |
|
|
|
แต่ไม่ใช่ครับ มีทางเลี้ยวขวา ลงเนินไปเป็นถนนคอนกรีต ส.ว.คงลำบากนิดหน่อย |
แต่พวกเราสบาย ๆ เพราะออกกำลังกายประจำ แถมยังเนื้อแน่น ตรงพุงนิดหน่อย |
แต่ไม่ถึงกับเดินลงเนินแล้วพุงกระเพื่อมนะครับ 555 |
|
ลงไปข้างล่างเจอร้านค้า มีรถมอเตอร์รับจ้าง ผู้คนเยอะมาก แต่ก็ต้องหลบฝนอยู่หน้าร้าน |
เตรียมตัวใส่บาตรกัน ที่ซุ้มหลังคาก่อนเข้าสู่สพาน
|
มีตู้ติดกระจก ตั้งไว้ให้คนใจบุญ ใส่เงินเท่าไรก็แล้วแต่ สำหรับทะนุบำรุงสร้างสพานไม้ |
นั่งลงถ่ายภาพได้นิดหน่อย ลำบากครับ แสงน้อย อยู่ตั้งนาน ไม่เห็นพระภิกษุเลย |
เลยไม่ได้ซื้ออาหารเตรียม กะว่าไม่เป็นไร เตรียมเงินไว้ใส่แทนก็ได้ |
เท่าที่ผ่านมา คนทำบุญใส่อาหารให้พระเยอะเกินกว่าที่ จะฉันหมดใน 2 มื้อแม้ท่านจะ |
นำไปให้คนที่อยู่วัดหรือ เด็กยากจน ก็ยังเหลือ |
|
|
|
คนหนุ่มสาวเยอะหน่อย เราก็ตีเนียน กางร่มเดินไปบนสพานไม้ ถ่ายภาพท่ามกลาง |
สายฝนอันชุ่มฉ่ำ |
ใช้วิธีเอาด้ามร่มเสียบตรงพุง ที่แน่นด้วยเข็มขัดกับ ไขกรู เอ้ยไขมัน 555 |
เอามือซ้ายกดกลางด้ามร่มแนบกับอก มือขวาถือกล้อง |
ส่วนตาก็มองไปข้างหน้า ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ ไม่ได้หวังผล ชัดเจนอะไร ขอเพียงเก็บ |
บรรยากาศอันชุ่มฉ่ำ มีความสุขไปอีกแบบ
|
สะพานไม้เนื้อแข็งที่พังเพราะ ท่อนซุง กับกระแสน้ำพัดพังทลายไป ปัจจุบัน |
ได้สร้างขึ้นมาใหม่ โดยทหารช่าง แม้จะยังไม่เสร็จ |
แต่แข็งแรง เกิดความมั่นใจ เที่ยวแบบสบายใจ เราเดินจากฝั่งนี้ ก็ฝั่งไทย ไปอีก |
ฝั่ง หมู่บ้านมอญ เห็นร้านค้าขายของกิน ของใช้สองข้างทาง แม้แต่ในซอยที่แยกไป |
ก็มีบ้านคนอยู่เต็มไปหมด
|
ผู้คนใส่ผ้าถุงกรอมเท้า แก้มทา แป้งทานาคาเป็นวง บางคนใช้หวีห่างจุ่มแป้งที่เปียก |
แล้วจิ้มไปกับแก้ม เกิดรอยยาว แน่นอนมีคนขายแป้งที่ว่า ยืนอยู่ตรงสะพาน คอย |
แต้มแก้มให้ หญิงสาว หรือหญิง ส.ว.ก็ได้ แต้มฟรี เป็นรูปรอยกลมเล็ก ๆ เป็นวงกลม |
มีหญิงสาวมอญเป็นกลุ่ม นุ่งผ้าถุง ใส่เสือมอญ พม่าสีชมภู เขียว เหลืองสวย |
เดินไปมา สวยดี แต่ดู ๆ แล้วคนไทยครับ
|
|
พี่ ๆ เราเข้าเขตพม่าแล้วเหรอ |
ทำไมหละ |
ก็เห็นร้านค้า กับสินค้า เป็นของพม่า เป็นส่วนใหญ่ มีร้านคนไทยขายบะหมี่ก็มี |
ไม่ใช่หรอก ที่นี่เป็นพื้นดินของไทยไปชายแดนอีก ไกลมาก |
|
อาจจะมองไม่เห็นภาพรวม ภาพข้างบน เห็นสะพานมอญนิดหนึ่งข้างล่าง
ลองดูภาพมุมสูงอีกภาพ
|
|
เดินชมของไปเรื่อย ค่อนข้างไกล ดูแล้วน่าจะมี ชา 3 in 1 ของเมียนม่า
ชานี้ หอมกว่า ชาไทยที่ขาย(บางยี่ห้อ) ของไทย ได้กลิ่นน้ำตาลคาราเมล กลบ กลิ่นชา
|
มีจริงด้วย สอบถามราคาถุงละ 90 บาท(มี 30 ซอง) เลยซื้อมา 6 ถุง ตุนไว้ชงดื่ม |
กับน้ำไปฝากเพื่อน บางคนที่เขาดื่ม
|
ผมซื้อที่ตลาด บ๊อกย๊อค ที่เมืองย่างกุ้ง ถุงละ 110 บาท(ราคาเหมือนกันหลายร้าน) |
ซื้อที่ ตลาด อ.แม่สาย เชียงราย 100 บาทตอนนั้นก็ดีใจมาก พอมาเจอที่นี่กลับ |
ได้ราคาดีกว่า ถุงละ 90 บาท แหะ ๆ เสียใจนิด ๆ ที่ถูกหลอก
ทั้งที่ไปซื้อถึงเมืองที่ผลิตสินค้า
ระหว่างที่อยู่แถวนั้น ขับรถไปดูสะพานมอญอีก มุมหนึ่ง
โดยขับไปอยู่ถนนอีกเส้น
.....
....
....
สะพานนี้แหละที่ไป วัดหลวงพ่อ อุตตมะ เป็นสะพาน ขนานไปกับสะพานไม้
เราตั้งใจจะไปจุดชมวิว ก่อนถึงวัด แต่เสียดาย เขาติดป้าย
ปิดปรับปรุง อดเห็นภาพมุมกว้าง
|
ดูข้อความ กับภาพเยอะไป กลัวเพื่อนจะเบื่อ ไว้เล่าตอนต่อไปนะครับ |
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
end
visit บล๊อก 684,538 st
= งานเขียนประเภท Diarist
|
เมื่อก่อนไม่ชอบฤดูฝนเลยค่ะ
แต่พอเป็น สว.กลับรู้สึกชอบ รู้สึกเย็นสบาย
บรรยากาศก็ชุ่มฉ่ำ ฟังเสียงฝนก็เพลิน ๆ ดีนะคะ
นึกถึงครั้งที่พวกเราไปเที่ยวเขื่อนกันนะคะพี่ไวน์
แต่ตอนนั้นฝนไม่ตกเนาะ ร้อนเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
phunsud Food Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog