เมื่อสองเดือนก่อน ได้เขียนถึง ไปทำสวน ในป่า อ.แก่งหางแมว |
บางคนถามว่า ชื่ออำเภอพึลิก นี่อยู่ตรงส่วนไหนของไทย |
|
ถ้าใครเคยไป เขาชะเมา เดินขึ้นน้ำตกหลาย ๆ ชั้น เขานี่แหละเป็นเทือกเขาที่ยาว |
กลุ่มใหญ่ ทอดยาวระหว่าง ระยอง จันทบุรี... อ.แก่งหางแมวจะอยู่ด้านหลัง |
ของภูเขาเทือกนั้น แต่ความที่มันมีอาณาบริเวณที่กว้าง มีสัตว์ป่า ช้าง กวาง หมูป่า |
ออกจากป่า ท่องไปหาน้ำ หาอาหารในเขต อ.แก่งหางแมว ดูไกล.. แต่ที่ไกลกว่านั้น คือ ตัวผมเองทำงานในเมือง ผูกไทค์ แล้ว ต้องทำสวน ในป่า มันจะยุ่งยาก หนทางไกล..จากความสำเร็จ มากมาย |
|
ถ้ายัง งง..อยู่ ใครเคยไป อ.สอยดอย นั่นแหละครับ ที่ราบระหว่างเขาสอยดาว |
กับเขาชะเมา คือ อ.แก่งหางแมว |
อำเภอนี้ เป็นป่าเสื่อมโทรม มาหลายสิบปี ตามที่ราชการบันทึกไว้นะครับ แต่ความ |
เป็นจริง ชาวบ้านได้ เอกสาร ส.ท.ก. ปลูกยางพารา กรีดยาง หรือตัดยางมา กว่า 30 ปี |
จนต้องปลูกยางใหม่แทน ต้นเดิมที่อายุเยอะกว่า 25 ปี เรียกว่า แก่ หมดน้ำยา 555 |
เปล่าว่าใครนะเออ.. |
อำเภอนี่แปลกนะครับ ผมเคยไปพบนายอำเภอ เพื่อปรึกษา การรับโอนที่ดิน |
ท่านบอกว่า พี่ไม่ต้องห่วงว่า ตำรวจเขาจะจับ ในข้อหาบุกรุกที่ดิน |
ขนาดที่ดินของ อาคารอำเภอยังไม่มีโฉนดเลยพี่ ส่วนใหญ่ก็ซื้อขาย ที่ดินด้วยการ |
ทำสัญญาซื้อขาย ระหว่างกัน พี่ก็ให้กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านเซ็นเป็นพะยานซิครับ |
|
วันนั้นคุยกับนายอำเภอนาน ท่าน ว.วิทยุ ถึงกำนัน ให้มาพบที่ห้องทำงาน |
แนะนำให้รู้จักผม บอกว่า พี่ไวน์นะ กำนันช่วยแนะนำต่าง ๆ ให้พี่ผมด้วย |
555 ทีนี้ไวน์เลยได้ยืด ไปอีกนาน.. |
|
ที่ดินในอำเภอที่ว่า มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ วัด สำนักงานสงฆ์ |
แถมอีกนิด แหะ ๆ มีเมรุ เผาศพด้วย นะ |
ทุกที่ เป็นพื้นที่ ส.ท.ก. คำเต็มก็ สิทธิที่ทำกิน มีหมายเลขหมุด ที่ดิน แบบ |
โฉนดเป๊ะเลย ราชการออกให้ มีถนนลาดยาง ไฟฟ้าพร้อม |
|
ส่วนของผมเอง ปลูกผลไม้ ขนุน มะม่วง เงาะ สะตอใต้(ดาน) กะจะปลูกขาย |
หาก งานไม่ดี ขุดสระน้ำใหญ่ลึกลูกละ 6 เมตร จำนวน 3 ลูก จ่ายค่าขุดไปเยอะมาก |
เนื้อที่ 30 กว่าไร่ ที่เหลืออยู่สองไร่ได้มั้ง เลยไปหา กิ่งพันธ์น้อยหน่าที่ปากช่องมาลง |
อันนี้ไม่ได้กะขาย เอาไว้กินกับแจกเพื่อน ๆ ผลไม้ชนิดนี้ |
เวลาสุก มันสุกพร้อม ๆ กัน เก็บช้า เละ.. ขายไม่ค่อยทันหรอกครับ ไม่เหมือนชนิดอื่น |
|
หลังจากที่ผม ไปขอเลขบ้าน แล้วต้องถ่ายภาพห้องส้วมให้แพทย์ดู เขาจึงออกหนังสือ |
รับรองให้ เลยได้เลขที่บ้านมาหมายเลข 7 หมู่ 8 ดีจังเลย |
เพื่อน ๆ คิดดูหมู่ 8 มีบ้านน้อยเพราะอยู่ในป่า ของผมหลังที่ 7 เอง น่ากลัวพิลึก |
ตอนกลางคืน กลัว ผ.สระอีนะครับ 555 |
|
แต่ที่ผมกลัว คือ กลัวการขาดน้ำ รดต้นไม้ มากกว่า จึงขุดสระน้ำใหญ่ไว้สำรอง |
2 ลูก ลูกเล็กอีก 1 ลูก ที่นั่น เป็นเนิน แล้วลาดลง เก็บน้ำไม่ค่อยอยู่ |
แต่โชคดี มีลำห้วยหรือลำราง ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ พาดผ่านสวน ยาวมาก ๆ |
|
อย่างว่าน้ำมันไหลจากที่สูง ไปสู่ที่ต่ำกว่า ไม่รักดีเลยเนาะ...เลยดัด นิสัยให้มัน |
ไหลช้าลง ช่วยกับคนสวน ตัดไม้ไผ่รวก ก็ของในสวนนั่นแหละ ไปตอกกั้น ลำห้วยช่วง |
ที่แคบ ในฤดูแล้ง เสี้ยมปลายให้แหลม จิ้มลงพื้นลำห้วย ใช้ค้อนปอนด์ใหญ่ ๆ ตอก |
ฝังลึกไปเกือบครึ่งเมตร เรียกว่าตอกสลับ นำหิน เศษไม้ไปทิ้งให้ทับถม ขุดดินโรย |
อัดให้แน่นด้วยจอบ และเท้ากระทึบ จริงนะครับ กระทึบ ๆ |
นำกระสอบปุ๋ย ใส่ดินมัดแน่น ไปเสริมให้แน่นทั้งตรงกลาง แบบที่เขาทำฝายแม้ว |
|
ทีนี้ก็ต้องรอ ฝน ด้วยความหวัง จะได้ดักแล้วกักน้ำไว้ ที่ดินแถวนั้นหวังว่าดินจะชุ่มชื้น |
เดือน มิถุนายน ฝนตกลงมา เลยขับรถจาก ที่ทำงาน แถวนิคมบางปู ไปดูไปค้างบ้าน |
สวนที่สุดแสนจะกระจอก อย่างที่เคยถ่ายภาพให้เพื่อน ๆ ดู |
|
พอเห็นน้ำขัง เอ่อล้น สมกับความตั้งใจ ยิ้มซิครับ หญ้ากับต้นไม้แถวนั้นเขียวชะอุ่ม |
กบป่า และเขียด กระโดดให้เห็น |
สวนเรามีน้ำในสระน้ำ 3 ลูก แถมน้ำในลำห้วยที่พาดผ่าน สบายแน่แล้ว |
กลับบ้านที่กรุงเทพ ด้วยใบหน้าระรื่น เฮ้อ..สบายใจ |
|
ก่อนหน้านั้น ช่วยกันกับ คนสวน เดินท่อน้ำสีเทา วางระบบน้ำ สปริงเกลอร์ไว้ที่ |
สวนขนุน สวนเงาะ สวนมะม่วง รวม 15 ไร่ หมดเงินไปเยอะ |
เราซื้อท่อเกษตร สีเทาอ่อน ไม่ได้ใช้ท่อสีฟ้านะครับ นั่นมันแพง ติดตัวเหวี่ยงน้ำ |
เมื่อมีแรงน้ำดันจาก เครื่องปั้มน้ำ ตัวเหวี่ยงเราเรียกว่า หูกระต่าย |
|
การติดตั้งไม่ยาก ใช้ท่อทากาว ต่อข้อต่อ พาดไปตามจุดที่กะไว้ หน้าแล้งเมื่อใด |
ก็จะเปิดเครื่องปั้มน้ำที่สูบจากสระน้ำ ไปตามจุดของสวน ไม่ได้เปิดพร้อมกันนะครับ |
กลัวน้ำมันจะหมด.. สระหรือบ่อเก็บน้ำลูกเล็ก อยู่ใกล้ลำห้วยที่สุด เป็นบ่อ น้ำซับ ไม่มีตาน้ำ บ่อนี้แหละ ที่ผมเกรงว่า ช้างป่ามากินน้ำ ตกลงไปขึ้น ไม่ได้เป็นเรื่องแน่ |
|
ส่วนสวนสะตอ 5 ไร่ กับสวนน้อยหน่า ไม่ได้ลงสปริงเกลอร์ ไม่ต้องให้น้ำ.. |
|
ปีต่อมา ก็ผ่านพ้นน้ำแล้งไปด้วยดี เราใช้วิธี ให้น้ำ 4 วันครั้ง ส่วนโคนต้นใช้ |
เตียนโล่ง ใช้ใบยางพารา กับหญ้าแห้ง โปรย กันความชื้นระเหย |
เป็นงานหนัก ที่ต้องไปโกย ใบยางมาโปรย พื้นที่กว้าง... |
|
ส่วนลำห้วยที่กักเก็บน้ำไว้ มีต้นไม้ใหญ่สองฝั่ง เถาวัลย์พันเกี่ยว ให้เลี้ยวลด เราตัด |
หญ้าทิ้งให้เตียน กลัวครับ กลัวงู |
|
สิงหาคม มาถึงพร้อมกับสายฝน ที่ตกหนัก ก็ขับรถพิคอัพ เข้าไปดูสวน ด้วยความ |
ลำบาก ถนนที่เข้าสวนผ่านป่ายาง ถนนเละ ลำบากเป็นหลุมเป็นบ่อ |
|
ไปถึงบ้านเกือบ 4 โมงเย็น นำของเข้าเก็บในตัวบ้าน เสียบตู้เย็น ปัดกวาดห้อง |
ใส่บูท ไปดูสวน หญ้าขึ้นเยอะ ต้นไม้เขียวชะอุ่ม น่าชื่นใจ.. |
|
เลยเดินไปดูลำห้วย อ้าว... น้ำแห้ง..ไง งั้น |
ย่ำเท้าไปดู ฝายแม้ว ตาย ๆๆๆ ... ฝายแม้วพัง กักน้ำไว้ไม่ได้ ไม้ไผ่รวกที่ลำ |
ขนาดข้อมือ ที่เราตอกปักขวางไว้ เอาไม่อยู่ น้ำเลยไหลผ่านไปอย่างน่าเสีย |
ดายสุด ๆ |
อ้าว พี่มาเมื่อไหร่.... คนสวนเดินตามมาพบพอดี |
เพิ่งมา... ไงเป็นงั้นไปละเอม.. |
เจอน้ำป่ามา พังเลย ต้องทำใหม่ พี่อยู่ได้กี่วัน เที่ยวนี้นะ |
อยู่ได้ถึง วันอังคาร |
ดีเลยพี่ ไผ่ของเรายังเล็ก ไปขอซื้อจากบ้าน เฮียตี๋ มาตอกใหม่นะพี่ |
เออ..ดีเหมือนกัน.. |
ต้องกัดฟัน... ทำต่อ... เพราะขนุน กำลังงาม เริ่มให้ผล |
ส่วนเงาะ กับมะม่วง อีกสองปีน่าจะ ออกผลให้แล้ว |
|
แต่ก็อดวิตก ไม่ได้ คนรับซื้อขนุน ที่เคยคุยว่า จะไปรับซื้อถึงที่สวน ก็ยัง ไม่โผล่ให้เห็นหน้า แล้ว เงาะ มะม่วง สงสัยจะต้องขับรถไปขาย ส่งที่ตลาดเขาสุกิม |
คิด ๆ ๆ ครับ |
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ end visit บล๊อก 593,787 st
=
งานเขียนประเภท Diarist
เพื่อน จากเฟซบุค/บล๊อกแกง แวะมาเยือน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้ ที่กล่องความเห็น.. ผมจะได้แวะไปเยือน ตอบแทนครับ ขอบคุณล่วงหน้า |
|
|
|
|
|