No. 438 อาหารป่าเชียงใหม่ ในป่า จันทบุรี
บล๊อกประจำวัน จันทร์ / ศุกร์ บล๊อกท่องเที่ยว เชิง..อะไรดี... น่ากินก็แล้วกันครับ 555
คืนหนึ่ง ขับรถ จาก อ.นายายอาม ไป ต.สามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว ผ่านป่ายาง 25 กม. ไกลเหมือนกัน สองข้างทางมืดสนิท ดีที่เป็นถนนลาดยางแม้จะแคบไปหน่อย แต่ก็โอเค ใกล้จะถึงแล้วถนนเป็นดินแดง ไปหน้ารถสาดไปไกล แต่ก็ไม่อาจจะเห็นอะไรมากนัก เสียงรถพิคอัพคงดังสม่ำเสมอ บางครั้งเห็นแววตาสีแดง สะท้อนแสงแล้วก็ดับหาย ไปคงจะเป็นอีเห็น หรืออะไรสักอย่าง
เกือบครึ่ง ชม.ที่ขับผ่านป่าที่มืด ขึ้นเนินสูงแล้วค่อย ๆ ลาดสู่ถนนเล็กเข้าบ้านพัก เดินเครื่องเปิดไฟใหญ่หน้ารถ แล้วไปไขกุญแจประตูตัวบ้าน เปิดไฟ ในห้องกับหน้าบ้าน ..ขนของอาหารสดใส่ตู้เย็น เสียบปลักตู้เย็น ดูนาฬิกาแล้วเกือบสองทุ่ม อาบน้ำ กินข้าวเหนียวไก่ทอด มุสลิมที่ซื้อจากตลาด อ.แกลง กินน้ำแล้วนอนดูทีวี หลับไปเมื่อใหร่ไม่รู้
ตื่นมาอีกครั้ง ตอนตี 4 กว่า เปิดประตูบ้าน อากาศเย็นลอยเลื่อนเข้าบ้านผ่านหน้าต่าง เย็นค่อนข้างมาก ใช่แล้วครับ ปลายฝนต้นหนาว แต่ที่จันทบุรี ไม่มีหน้าหนาว ข้างนอกมืด เห็นไฟจากหมวกคนตัดยางพาราวับแวม เมื่อ 2 ปีก่อนตื่นขึ้นมาคนเดียว เห็นแสงไฟลอยไปลอยมา กลัวแทบตาย 555 คิดว่าผีกระสือ รีบปิดประตูหน้าต่าง แต่ตอนนี้ไม่แล้วครับ
นั่งฟังวิทยุ AM รายการข่าวเกษตร เพลินดี แปรงฟัน ล้างหน้า หนวดเคราไม่ต้องโกน แหะ ๆ มีน้อยเกินไป 2 วันค่อยโกนก็ได้ อีกอย่างอยู่ในป่า พวกกระต่ายป่า จะได้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกันก็ได้
ฟ้าเริ่มเปิด เห็นต้นยางรำไร ใส่รองเท้าบูทสูงแค่น่อง หยิบมีดหวดยาวเมตรกว่า เดิน ไปสวน ผ่านสวนคนอื่น ก็ถึงสวนของตนเอง ข้างหน้าเป็น สวนเงาะ ขวามือสวนสะตอ ถัดไปสวนมะม่วง เลยไปสุดสวน ต้นขนุน ระยะทางยาวครึ่ง กิโลเมตร แวะดูน้ำในบ่อหรือสระที่ขุด 2 วันสองคืนใหญ่ ลึก น้ำเต็ม หญ้าปกคลุมปากบ่อ
กบป่าตัวสีดำ ได้ยินเสียงย่ำ รีบโดดลงน้ำหลายตัว บุ๋ม...แล้วหายไปพร้อมกับ คลื่นน้ำวงกลม กบป่าแบบนี้กินได้อร่อยครับ
ตัวกบป่านี่แหละ คนสวนแกงให้กิน เขายกมาให้กิน แถมอมยิ้ม
อร่อยนะพี่ กบป่า
ผมก็รับไปเก็บไว้ในตู้เย็นบอกว่า จะเก็บไว้กินตอนเย็น พอเอมคนสวนกลับไปก็ นำมาเขี่ยดูเนื้อกบป่า กลัวกบมะระครับ ก็ตอนที่เขาทำให้กิน ฤดูแล้ง แล้ว จะหา กบได้ที่ไหน 555
เดินดูต้นขนุน กิ่งก้านว่า ได้ถูกตัดแต่งหรือยัง ส่วนหญ้าทำใจ กำลังหาวิธีที่ประหยัด ตังค์ในการกำจัด แวะไปเก็บพริก กับยอดผัก สองอย่าง
ข้างล่าง เป็น ยอดต้นพริก เก็บไปใส่แกงด้วย
แล้วเดินเรียบสวนซีกขวา ไปดูสวนมะม่วงหิมพานต์เพื่อนบ้าน แล้วตรงดิ่งไปสระน้ำ เล็ก แต่ลึกใกล้ ลำห้วยที่ผมทำฝายแม้ว กักน้ำให้ไหลช้าที่มากเกินก็ล้น ไปสู่ สวนคนอื่น
ดูลำห้วย มีน้ำขังใส ปลาตัวเล็กวิ่งไปมา เมื่อได้ยินเสียงผมใช้มีดหวด หญ้าไปมา แหะ ๆ กลัวงูจงอาง ผัวเมีย อยู่แถวนั้นนะครับ จงอางหรือ งูเห่าได้เสียงเสียงสั่นสะเทือนมันจะหยุดดู แล้วค่อย ๆ เลื้อยหนีไป
โชคดีไม่เจอ.. คงจะออกไปหากินที่อื่น ริมน้ำมีต้นหวาย เลื้อยทอดยาว แต่ไม่ค่อยกล่า เข้าใกล้ มีหนามแหลม ละแวกนั้น มีต้นบุก ลาย ๆ ขึ้นเยอะ พอขึ้นเนิน เป็นที่ผมลง น้อยหน่าปากช่องไว้เกือบ 2 ไร่.. หญ้าขึ้นเต็ม เซ็งมาก ๆ
ริมลำห้วยที่มีน้ำขัง ร่มครึ้มของต้นไม้ใหญ่ เถาวัลย์พันไปมา ข้างริมน้ำผมนำกิ่งพันธ์
ผักเซียงดา จาก อ.แม่แตง เชียงใหม่ไว้ หลาย กิ่ง จริงแล้วผักชนิดนี้ต้องการแสงแดดเยอะ แต่ถ้าเจอแดดจันทบุรี กับฤดูแล้งมันจะไม่รอด เลยต้องปลูกไว้ในแดด รำไร
เห็นยอดผักเซียงดา แตกเขียว สวย เลยเก็บไปได้กำมือใหญ่ ยัดใส่ถุงผ้าที่มัดติดกับเอว เดินตัดสวนคนอื่น กลับบ้านตนเอง วางผักต่าง ๆ ที่เก็บมาวางไว้ ในร่มนำน้ำมาพรม ให้ชุ่ม ตัดใบตองกล้วยน้ำว้าหลังบ้าน มาปิดไว้ ให้ระเหยช้า.. จะได้ทำอาหารกินตอนเย็น
ตอนเช้า กินอาหารฝรั่งครับ พวกขนมปัง ทามายองเนส แปะแฮมสไลด์หรือ ไม่ก็ปลาทูน่ากระป๋อง กินง่าย ๆ ทั้งเช้า กลางวัน ตบด้วยกาแฟดำเข้ม แค่นั้นก็สบาย ๆ กลางวันก็ออกเดินไปดูสวนกับคนสวน กลับมานอนดูทีวีไปเรื่อย ๆ
บางทีก็นั่งพิมพ์เรื่องต่าง ๆ เข้าโน๊ตบุคเก็บไว้ เที่ยวนี้เอม คนสวนพาไปดูสวนพริก ไทย กับ สวนสะเดาหวาน... ที่น่าแปลกคือ สวนสะเดา มีพ่อค้าจองดอกไว้ล่วงหน้า เรียกว่า เหมาสวน ปีหนึ่งได้หลายหมื่นบาท ส่วนพริกไทยก็น่าสน ได้ปีเป็นแสนกว่าบาท ผมได้แต่คิด..แต่ทำไม่ได้เพราะ ที่สวนมีน้ำน้อยเกินไป
แดดร่มลมตก เสียงลมพัดไล่ยอดยางพารา ผ่านช่องว่างสู่ตัวบ้านเย็นสบาย ได้เวลาทำอาหารกิน ผมไปสวนมักจะไปคนเดียว 555 หาทางหลอกคนไปด้วยยากมาก ในตอนนั้นนะครับ เพื่อน ๆ เขามีปัญหา ขายของไม่ดี ต้องหาเงินมาจ่าย ให้ลูกน้อง
ทำอาหารกินเอง เป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผม เพราะปกติแล้วอยู่ใน กท.ทำไม่ ค่อยเป็น ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน แม่บ้าน ก็ ภรรยานั่นแหละครับ
จะทำอาหารให้กิน ผมมีหน้าชิม ขาดเหลือ หรืออะไรเค็มไป จืดไปต้องบอกเขา ยังกะ มีลิ้นสำหรับชิมอาหารแบบ แดจังกึม 555
แม่บ้านเขาไม่ค่อยชอบ เข้าป่า เขาว่า เงียบไป น่ากลัว เป็นงั้นไป ผิดกับผมที่ ชอบความสงบ... เพราะชีวิตแต่ละวันระหว่างอยู่ กท. จะอยู่แถวสีลม รถติดวุ่นวาย บางกลางคืน อาทิตย์หนึ่งก็ 4 วันจะไปทำงานในผับในบาร์ ในที่ต่าง ๆ เซ็งครับ เสียงดนตรี หนวกหู 555 เปล่าไปเสิร์ฟน้ำให้ลูกค้านะ เออ..
เย็นนี้เก็บ ขนุนอ่อน ของข้างบ้าน แหะๆ มันใกล้ดีขี้เกียจเก็บของผม มันต้องหิ้วไกล ครึ่ง กม.มันหนัก... พวกเราชาวสวนไม่หวงขนุนอ่อนหรอก เพราะต้องตัดทิ้งบ้าง ไม่ให้มันแย่งอาหารกัน ถ้าไม่ตัดทิ้งลูกขนุนจะลีบเล็ก ยวงจะไม่มี มีแต่ซัง
วันนี้ตัวเอก ต้องยกให้ผัก เซียงดา ... ยอดเขียว สวย น่ากิน แต่มันมีรสขมนิด ๆ เลยต้องผสมผักอย่างอื่นไปด้วย เครื่องปรุงไม่เยอะ มีเพียงพริกชี้ฟ้า หัวหอม 4 หัว กระเทียม 1 หัว กะปิ เท่าหัวแม่มือ
เกลือแกง ปอกหอม ใส่ครก ตำไปพร้อมกับ หัวหอมที่ปอกแล้วนะครับ ตามด้วยกระเทียม เกลือเม็ด โขลกพอแหลก ทำแบบชาวบ้านนะครับ
กลิ่นหอมของหัวหอม พริกคลุ้ง ควักกะปิใส่บี้ ๆ ไป ระหว่างนั้นนำเอาถั่วเน่าแข๊บ
ก็ถั่วเน่าแผ่นที่แห้ง ออกมา 2 แผ่นปิ้งไฟอ่อน ๆ ทั้งสองข้าง จนเหลืองจากที่กลิ่น เหม็นมาก ๆ เหมือนกลิ่นนัตโต๊ะ ของญี่ปุ่นไงงั้น เจอไฟอ่อน ๆ
เริ่มส่งกลิ่นหอม จน อด บิ ชิมไม่ได้ มีรสเค็มนิด หอมครับ โยนถั่วเน่าปิ้งเหลือง หอมใส่ครก โขลกไปมา
ใช้ทัพพีคดจากครก ใส่หม้อที่ร้อน จนน้ำมันพืชยี่ห้อหนึ่งก็แล้วกัน ร้อนเป็นไอ คลุกเคล้าไป น้ำพริกแกงส่งกลิ่นหอมค่อนข้างรุนแรง จนต้องหันหน้าหนี จาม ชิ่ว ๆ
คนด้วยทัพพีหอมได้ที่ ยกชามหมูสามชั้นที่หั่นซอยยาว ๆ ขนาด นิ้วผู้ชาย คลุกเข้ากับน้ำพริก ปิดฝา ให้ความร้อนจากเตาแก๊สทำงานไป เสียงน้ำพริกกับ หมูสามชั้นเดือดฉู่ฉี่ เปิดฝาเทน้ำไป 2 กระบวย
นำขนุนอ่อนที่ปอกเปลือก(ปอกยาก ยางติดมือ 555) นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ โปรย ลงไปพร้อมกับ มะเขือเทศลูกเล็ก พักเดียวก็เปิดฝา ดูแล้วขนุนน่าจะพอสุก นำยอดชะอมที่เด็ดแช่น้ำ ยอดใบพริกอ่อน ใบผักเซียงดา ลงไปคน ๆ แล้วปิดฝา
ไอร้อนดันฝาหม้อมิเนียม ส่งกลิ่นหอม ลองใช้ช้อนตักน้ำแกงมาชิม เผ็ดปานกลาง กลิ่นของหอม ผสมกับถั่วเน่าแผ่นที่โขลก หอมนำหน้ากะปิ รสเค็มอ่อนไปนิด
เหยาะน้ำปลาไปอีก ช้อน ใช้ทัพพีบี้มะเขือเทศลูกเล็ก ให้แตก 4 ลูก ความเปรี้ยวออกมา ทำให้ผักชะอม ยอดผักเซียงดาเขียว ชักกลมกล่อม รอให้ผัก ขนุนเริ่มนิ่ม หมูสามชั้นส่งกลิ่นหอม ปิดฝา ทิ้งไว้บนเตา แล้วปิดเตาแก๊ส
เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ เย็นสบาย คือน้ำค่อนข้างเย็น ออกมาแต่งตัว ก็ง่าย ๆ อีกแหละ ใส่เพียงกางเกงขาสั้น เสื้อกล้าม ตะโกนเรียก เอม คนสวนก็เป็นเพื่อน ๆ กันมากินข้าวด้วยกัน ปกติหมอไม่ค่อยยอมมากิน หากมีเพื่อน ๆ ของไวน์มาด้วย
ภาพแกงข้างล่างเป็นภาพ แทนนะครับ ผมไม่ได้ถ่ายไว้
พี่แกงไร นะ
ไม่รู้ซิ น่าจะเรียกว่า แกงผักเซียงดา ใส่หมู มีชะอม ใบพริกด้วย
เอม..ใช้ช้อนกลางตัก ราดบนข้าว ลองตักกิน
โห..อร่อย แกงทางเหนือเหรอพี่
คงใช่นะ พี่ทำ มีผักไม่ครบ ปกติชาวบ้านเขาใส่ ปลาเนื้ออ่อนย่างรมควัน แต่ไม่มีเลยใช้ สามชั้นหมูแทน เป็นไงบ้าง
ผักเซียงดา ขมนิด ๆ อร่อยดี แล้วน้ำพริกมันหอมอะไรไม่เคยได้กลิ่น
อ๋อ.. ถั่วเน่าปิ้งนะเอม
หา..ถั่วมันเน่า พี่ทำไมไม่ทิ้งละ
555 เมื่อก่อนทางเหนือหากะปิ มันยาก เขาเลยใช้ถั่วเหลืองหมัก จนได้ที่ทำเป็นแผ่น ตากแดด นำมาปิ้งหอม.. ถ้าเอมไปเชียงใหม่ เจอขนมจีนน้ำเงี้ยว นั่นใช่เลย เขาใส่ ถั่วเน่าด้วย..
แกงผักเซียงดา ยอมรับว่า ตนเองทำเพราะไม่มีคนทำให้กิน โยนผักหลาย ๆ อย่าง ใส่ รวมกับน้ำพริกพื้น ๆ กลับอร่อย เวลาเคี้ยวหมูสามชั้น มันช่างหวาน หอมอะไรเช่นนั้น ผักเซียงดาขมนิด ๆ อร่อยสุด ๆ
อ้อ แถมอีกนิดนะครับ ผักเซียงดานี่เขาวิจัยแล้ว เป็นพืชทีมีคุณค่าเยอะ เวลาคนกินเข้าไปแล้ว มันจะไปปิดกั้น มิให้ลำใส้ดูดซึม น้ำตาล ร่างกายก็ขับน้ำตาลทิ้งไป คนเป็นเบาหวานควรจะกิน แต่ไม่ควรกินมากมาย
ทราบข่าวว่า ญี่ปุ่น กับ สหรัฐอเมริกา นำไปวิเคราะห์วิจัย ทำเป็นยา ญี่ปุ่นนำผักเซียงดา จากอินเดียเข้าไปวิจัยแทน ราคาเขาถูกกว่าไทย ส่วนของคนไทย ที่ ตำบลสันมหาพน อ.แม่แตง มีกลุ่มแม่บ้าน นำใบผักนี้ทำความสะอาด ตากแดด อบฆ่าเชื้อ บดละเอียดบรรจุแคบซูล ส่งขายเป็นยา แน่นอนคงเป็นยาแผนโบราณ มีการควบคุมจากรัฐ
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
end 598,332 visit บล๊อก 596,638 st
=1,694
งานเขียนประเภท Diarist
เพื่อน จากเฟซบุค/บล๊อกแกง แวะมาเยือน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้
ที่กล่องความเห็น.. ผมจะได้แวะไปเยือน ตอบแทนครับ
ขอบคุณล่วงหน้า
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2558 |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2564 8:46:43 น. |
|
33 comments
|
Counter : 2281 Pageviews. |
|
|