วัดสุวรรณาราม : จิตกรรมฝาผนังตอนจบ
สีที่ใช้ระบายภาพเตรียมจาก ธาตุ หรือแร่ เช่น สีดำได้จากเขม่า หรือถ่านของไม้ สีเหลือง สีนวล ได้จากดินตามธรรมชาติ สีแดงได้จากดินแดง ก่อนเขียนต้องนำมาบดให้ละเอียดสีจะละลายน้ำได้ง่ายน้ำที่ใช้ผสมกับน้ำกาว เตรียมจากหนังสัตว์ หรือกาวกระถิน โดยผสมในภาชนะเล็กๆ เช่น โกร่งหรือกะลา
เมื่อใช้ไปสีแห้งก็เติมน้ำ ใช้สากบด ฝนให้กลับเป็นน้ำสีใช้งานได้อีก สีแดง เหลือง เขียว คราม ขาว ดำ ใช้เป็นหลักโดยนำมาผสมกันเกิดเป็นสีอื่นๆ ได้อีก นอกจากนี้ยังมีสีทองคือแผ่นทองคำเปลวใช้ปิดส่วนสำคัญที่ต้องการความแวววาว ก่อนปิดทองต้องทากาว เช่น กาวได้จากยางต้นรักหรือจากยางต้นมะเดื่อ
หลังจากปิดทองแล้วจึงตัดเส้นเป็นรายละเอียด การตัดเส้นมักตัดด้วยสีแดง หรือสีดำ เพราะ ๒ สีนี้ช่วยขับสีทองให้เปล่งประกายได้ดีกว่าสีอื่น จิตรกรรมฝาผนังที่เขียนขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว นิยมปิดทองมาก เช่น ภาพพระราชาที่เครื่องแต่งพระองค์ เครื่องสูง ปราสาทราชมณเฑียร ราชรถ ตลอดจนเครื่องประดับฉากอื่นๆ
การตัดเส้นใช้พู่กันขนาดเล็ก เรียกกันว่า พู่กันหนวดหนู ทำจากขนหูวัว มีขนาดใหญ่ขึ้นตามการใช้งาน เช่น ระบายบนพื้นที่ขนาดเล็ก แปรงสำหรับระบายพื้นที่ขนาดใหญ่ทำจากรากต้นลำเจียก หรือจากเปลือกต้นกระดังงาโดยนำมาตัดเป็นท่อนพอเหมาะต่อการใช้
นำไปแช่น้ำแล้วทุบปลายข้างหนึ่งให้แตกเป็นฝอย เพื่อใช้เป็นขนแปรง เพื่อแตะ แต้มหรือที่เรียกว่า กระทุ้ง ให้เกิดเป็นรูปใบไม้เป็นกลุ่มเป็นพุ่ม นิยมทำกันในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แทนการระบายสีและตัดเส้นด้วยพู่กัน ให้เป็นใบไม้ทีละใบแบบที่ทำกันในช่วงเวลาของสมัยกรุงศรีอยุธยา
หากเปิดหนังสือคู่มือแต่ละจังหวัด ที่แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ไม่น้อยกว่า 30% จะกล่าวถึงวัดต่างๆ ที่สำคัญในจังหวัดนั้นๆ และเขียนว่าต้องไปดูภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนได้อย่างดงาม แต่ไม่เคยมีใครสักคนที่จะออดมาบอกว่า แล้วเราจะดูมันอย่างไร
เครื่องมือที่ดีที่สุดของการชม มิใช่กล้องหรือเลนส์ที่มีราคาแพงมากมาย เมื่อเข้าไปในพระอุโบสถ สิ่งแรกที่ควรทำคือชมความงามโดยรวม แต่ละวัดล้วนมีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างกันไป หลังจากนั้นค่อยเพ่งมอง ภาพจิตรกรรมที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังพระประธานอย่างพิจารณา
จากนั้นค่อยพิจารณาภาพเทพชุมนุมที่อยู่ด้านข้างบนสุดทั้งสองด้าน ไล่ไปทีละองค์ๆ เพราะส่วนมากนั้นช่างมักจะไม่เขียนซ้ำแบบกันเลย จากนั้นจึงเริ่มลุกไปเดินหาจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างช่องผนังหน้าต่าง สาวนมากมักจะเริ่มที่ด้านในซ้ายมือของพระประธานเป็นส่วนใหญ่
เรื่องราวถ้าเป็นทศชาติก็ต้องเริ่มจากพระเตมีย์หรือมหาชนก ถ้าเป็นพุทธประวัติก็เริ่มจากพระอินทร์ไปทูลเชิญพระโพธิสัตว์ ให้ลงมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะบนโลกมนุษย์ แต่ถ้าเป็นโบสถ์ต่างจังหวัด ที่มีขนาดเล็กมักจะเขียนแค่พระเวสสันดรชาดกที่ครบทั้ง 13 กัณฑ์
หลังจากนั้นจึงค่อยถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเรียงตามลำดับที่ดูไป เมื่อมาดูทีหลังเราจะได้นึกออกว่าแต่ละภาพนั้นอยู่ตรงไหนของผนัง เพื่อที่เรามีข้อสงสัยเราจะกลับย้อนมาดูได้ นอกจากนี้เราจะได้รายละเอียด เล็กๆ น้อย เช่นวิถีชีวิตชาวบ้าน การแต่งกาย หรือภาพที่ช่างแอบซ่อนไว้
หวังว่านี่จะเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนหันมาสนใจจิตรกรรมฝาผนัง ที่เป็นอีกหนึ่งในความอ่อนช้อย งดงาม ที่คงยากจะหาชนชาติใดมาเทียบได้ ผมเองมิใช่ผู้เชี่ยวชาญอันใด ยังด้อยความรู้อยู่มากโข เป็นเพียงเด็กอนุบาลทางศิลปะ แต่ก็ยังอยากที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ต่างๆ ให้รับฟัง เพราะคงมีคนเขียนถึงวัดโน้นวัดนี้
แต่คงยังไม่มีใครคนใด จะมาเขียนถึงวิธีการดูจิตรกรรมเช่นนี้มาก่อน
Create Date : 08 ตุลาคม 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 8 ตุลาคม 2555 16:33:05 น. |
Counter : 2129 Pageviews. |
|
|