Just Jack คือชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่หน้าตาเป็นชาวเมืองผู้ดีอย่างมาก ชายเห็นหน้าตาเขาครั้งแรก ชายนึกว่าเวนย์ รูนี่ย์ ลดความอ้วน เปลี่ยนอาชีพมาร้องเพลง แต่ก็ไม่ใช่ ซึ่งชายได้ลองเข้าไปหาข้อมูลของนักร้องคนนี้ ก็ทำให้ทราบได้ว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่มีความพยายามเป็นอย่างยิ่งในการก้าวเข้าสู่สายอาชีพทาง ดนตรี แรกเริ่มเดิมที ชายหนุ่มผู้นี้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักเต้นเบรกแดนซ์ เพราะคลุกคลีกับเพลงแนว Dance Hip Hop และ House มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย (ผิดกับชายสั้น ที่ฟังแต่เพลงคลาสสิค เพลงไทยเดิม และเพลงหมอลำ อุ๊ย! ขออภัยครับ เพลง Rap Soul of Thailand เป็นหลัก) เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มเขาก็ได้มีอาชีพเสริมเป็น DJ เพลงแนว Garage และเรียนไปด้วย จนได้ดีกรีปริญญาตรีทางด้านการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ เก่งมากชายสั้นชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ขอปรบมือให้ แปะๆๆๆๆๆๆ
แต่ชายหนุ่มผู้นี้มีความฝัน เขาจึงมุ่งไปทางการเป็นนักดนตรีนักร้อง โดยใช้ประสบการณ์จากการเป็นดีเจ และการเรียนรู้เพิ่มเติม รวมถึงการใช้ศักยภาพของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพราะทุกศักยภาพ...เป็นจริงได้ จึงทำให้ตนเองได้ออกอัลบั้มเป็นของตัวเองกับค่ายดนตรีอิสระ เป็นอัลบั้มแรกในชีวิต คือ The Outer Maker เมื่อปี 2002 กับแนวเพลงที่ชายฟังแล้วปวดตับอย่าง Hip Hop ผสม Trip Hop เพราะมันแรงเกินไปเกินกว่าหูชายรับไหว ซึ่งก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เป็นที่รู้จักและหายไปกับสายลม แต่ความไม่ย่อท้อหาทางไปเรื่อยๆ จนปี 2007 ได้โอกาสให้นำเสนอเพลง Starz in Their Eyes ซึ่งเป็น Single แรกของอัลบั้มที่ 2 คือ Overtones ในรายการโทรทัศน์ของเมืองผู้ดี เลยได้ความนิยมชมชอบจากเหล่าผู้ฟังจนได้อันดับ 2 ของ UK Chart ไปเลยทีเดียว ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดให้โด่งดัง สมกับความพยายามมาตลอดจริงๆ
หลังจากเป็นที่รู้จักของผู้คน แต่ละเพลงที่ชายหนุ่มผู้นี้ปล่อยออกมาก็ได้รับความนิยมในระดับที่กำลังดีมา ตลอด เมื่อได้เวลาเขาจึงกลับมาทำอัลบั้มที่ 3 อย่าง All Night Cinema โดยเปิดตัวกับแนวเพลงในแบบใหม่ๆ ที่ประยุกต์มาจากแนวเดิมจนได้เป็น Pop กลั้วความเป็น Electro ชายถึงกับงงๆ ก่งก๊งไปเลย ว่าทำได้ไง เปลี่ยนจาก Hip Hop House มาเป็น Pop Electro ซึ่งก็ได้มี Single นำร่องออกมาอย่าง Embers มาเปิดตัวจนได้รับความนิยมแล้วส่วนหนึ่ง คราวนี้ได้ฤกษ์งามยามดี กลับมาปล่อย Single ที่ 2 คือ The Day I Died แล้วครับ ซึ่งในวันนี้ชายสั้นจะมาขอนั่งพับเพียบพิงหมอนอิง เลือกดอกมะลิให้หม่อมแม่ร้อยมาลัยพร้อมแนะนำเพลงนี้ไปในบทของ Review นะครับ
Review
The Day I Diedมากับท่วงทำนองแบบ Indie Pop Rock ฟังสบายๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ จังหวะจะโคนกำลังดี มีลูกเล่นของเครื่องดนตรีเสริมอื่นๆ นอกจากตัวหลักอย่างกลอง คือ กีตาร์ และคีย์บอร์ด และฟลุ๊ตมาเสริม ซึ่งเหมาะกับการฟังในผับเคล้าการกินนมสดกับขนมปังสังขยา (ซึ่งชายสั้นไม่เค๊ย ไม่เคยไป ฟังจากเขาเล่ามาทั้งนั้น) หรือฟังสบายๆ ขณะร้อยมาลัย จิบกาแฟเขาทะลุชุมพรยามบ่ายริมท่าน้ำเป็นอย่างยิ่ง พอมาที่เสียงร้องที่คล้ายๆ คุณ Robbie Williams พอประมาณ คู่ไปกับการร้องกึ่งพูด ที่ทำให้เพลงฟังสบาย รื่นหูมากขึ้น และทำให้ชายสั้นเคลิมเคลิ้มเข้าถึงคาหมอนอิงของเด็จย่าอย่างมากเลยทีเดียว ที่สำคัญที่ทำให้ชายสั้นปลื้มมาก ถึงมากที่สุดคือ เนื้อเพลงครับ กับการบอกเล่าถึงชีวิตของคนหนึ่งคนในวันเสียชีวิตของเขา ตั้งแต่เริ่มวันกับครอบครัวที่แสนอบอุ่น ที่ทำงานที่แสนวุ่นวายแต่ยังมีรอยยิ้ม ความอึกทึกของบรรยากาศในยามเย็นหลังเลิกงาน จนถึงเวลาที่เสียชีวิต เพราะดันข้ามถนนแล้วไม่แหกตาดู อุ้ย! ไม่เหลียวมองดูว่ารถแท็กซี่กำลังวิ่งมาพอดี เลยโดนเสยเข้าให้ เอ๊ย! ได้สัมผัสกับรถแท็กซี่เต็มแรง ก่อนเสียชีวิตก็เกิดอารมณ์ปลงและฝากความคิดคำนึงให้ลอยไปบอกคนที่เกี่ยวข้อง กับชีวิตทั้งหลายว่า
ชายสั้นกลับมาแล้ววว......
ขอบคุณนะคะที่หาเพลงดีๆมาให้ฟังกันเสมอ
แถมยังหยอดคำพูดตลกๆให้ได้ขำอยู่บ่อยๆ
.
.
มีความสุขกับชีวิตในเช้าวันฝนพรำนะค้า.....