|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
รี-ไซ-เคิล
เมื่อวานไปเปิดตู้จดหมายหลังจากที่ไม่ได้เปิดมาเกือบอาทิตย์ เมล์เต็มตู้เลย...หอบขึ้นมาบนบ้านมานั่งเปิดดูทีละอัน ปรากฏว่ากว่าครึ่งเป็น junk mail อย่างที่คาดไว้...มีเมล์อันนึงที่เกือบจะถูกโยนเข้ากอง junk mail ไปแล้วแต่เพราะเห็นตัวการ์ตูนบนซองน่ารักดีเลยหยิบมาดู ปรากฏว่าเป็นจดหมายจาก NYC Dept. of Sanitation ส่งมาแนะนำเรื่องการทิ้งขยะ...
อืมม...ขยะ? การทิ้งขยะ? ไม่ใช่หัวข้อสำหรับเราเลยนะ แต่ด้วยเหตุที่เกิดเมื่อสองสามวันก่อนทำให้เราโยนเมล์อันนี้ไปอยู่ในกอง"เก็บไว้อ่าน"ก่อน คือ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...เราโดนเพื่อนบ้านต่อว่าเพราะเค้าเห็นเราตอนกำลังวางถุงพลาสติกไว้ตรงที่ทิ้งขยะรีไซเคิลของตึกพอดี ฟังดูก็ไม่เห็นใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยเนอะ แต่คุณเพื่อนบ้านคนนี้ดูท่าทางเอาจริง เลยเกิดบทสนทนาสั้นๆขึ้น..ประมาณว่า
Neighbour: "You know what, I don't think we like that here...if you want, I can take it outside (to the regular garbage area)."
Me: (งง!) "Oh...this is for recylcing, isn't it?"
Neighbour: "Urr....I don't think so. Does it include plastic bags?"
(ช่วยกันเพ่งดูโปสเตอร์ที่ติดไว้บนกำแพงแต่ไม่เห็นถุงพลาสติกในลิสต์ขยะที่รีไซเคิลได้)
Both: "No."
Neighbour: "That's alright. I can take it outside."
Me: "Oh...I can take it...urrr" (ช้าไปแล้ว)
แง...เกิดมาไม่เคยโดนใครตำหนิเรื่องพรรค์นี้ มันน่าอายจริงๆ เพราะความเข้าใจผิดคิดว่าถุงพลาสติกเป็นขยะรีไซเคิลแท้ๆเชียว...ความรู้เรื่องขยะรีไซเคิลของเราต่ำขนาดเด็กอนุบาลเลยเหรอเนี่ย ไม่ได้แล้ว...พอเห็นเมล์จากหน่วยเทศบาลของนิวยอร์กเลยรีบเปิดอ่าน ตอนนี้ปึ้กแล้ว...ให้ทดสอบยังได้เลย..ฮ่า
ความจริงที่อยากเขียนเรื่องนี้ก็เพราะว่าเรื่องการรีไซเคิลนี่มันน่าจะเป็นเรื่องสำคัญนะ เพราะปริมาณสิ่งที่คนบริโภคเข้าไปทุกวันมันก็เยอะอยู่ และก็น่าจะมีแต่จะเพิ่มขึ้น ถ้าเราไม่รู้จักกำจัดของที่เราไม่ต้องการไปอย่างถูกวิธีแล้วเนี่ย ซักวันนึง(อันใกล้ๆนี้)ขยะมันจะต้องล้นโลกอย่างแน่นอนเลย
ลองเอาเราเป็นตัวอย่าง(ที่ไม่ดี)...เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเราเริ่มจัดห้อง ก็เริ่มเห็นว่าเราซื้อของ(ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม)เข้าบ้านถี่มาก ขนาดตอนที่ตั้งใจไว้แล้วว่า โอเค! ตั้งแต่นี้ไปจะไม่ซื้อของเข้ามาในบ้านเพิ่มอีกแม้แต่ชิ้นเดียว...ก็ยังอดซื้อไม่ได้ (ล่าสุดหนังสือ shopaholic & sister(?!) และแม็กกาซีน nylon)
ฮึ่ม...ดูๆแล้วปัญหามันอยู่ที่เรา"ซื้อโดยไม่ได้คิด"ใช่มั๊ยเนี่ย?...การไม่ได้คิดทำให้มีของใหม่ๆเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านอยู่เรื่อยๆ พอรู้สึกตัวอีกทีบ้านมันก็เริ่มหนักอึ้งแล้ว ทีนี้ความยากลำบากอื่นๆที่คุณพอจะนึกได้ก็จะตามมา...โอววว...ต้องใช้เวลาในการรื้อของจังเลย หรือเศร้า...ตัดใจทิ้งของบางอย่างไม่ได้ทั้งๆก็ไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไหร่ ฯลฯ นี่อาจจะเป็นปัญหาโลกแตกของคนที่ชอบซื้อก็เป็นได้นะ
เคยอ่านเจอบทความเกี่ยวกับคนในแคลิฟอร์เนียกลุ่มนึง...เค้าตั้งใจกันว่าจะดำเนินชีวิตโดยไม่ซื้ออะไรเลยเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อลองหนีจากชีวิตบริโภคนิยมซึ่งเป็นมาตรฐานของสังคมในปัจจุบัน ในระหว่างหนึ่งปีนี้ พวกเค้าก็เจออุปสรรคมากมายอย่างเช่น ตอนมือถือพังทำให้ติดต่อครอบครัวไม่สะดวก หรือจักรยานที่ใช้ขี่ไปทำงานเสีย แต่เค้าก็พยายามหาสิ่งอื่นๆมาทดแทนและก็อยู่ได้โดยไม่ซื้ออะไรเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มๆ ซึ่งพวกเค้าบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ rewarding มากๆและตั้งใจจะทำต่อไป (แต่ก่อนเริ่มปีใหม่ก็แอบขอตุนของจำเป็นบางอย่างไว้ก่อน...เอ๊ะ อย่างงี้เรียกโกงป่าวเนี่ย?)
เราก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นนะ แต่ในเวลาที่โลกกำลังหนักอึ้งขึ้นทุกที(เหมือนห้องเรา) เราก็น่าจะมีส่วนช่วยทำให้โลกสะอาดขึ้นได้บ้างโดยเริ่มจากห้องเราก่อน...ถ้าห้องเราสะอาดมันก็เป็นจุดเริ่มที่ดีแล้วใช่ม๊า...ประมาณว่าช่วยเรา ช่วยโลกไง :)
ปล. ได้ยินมาว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศนึงที่เข้มงวดมากๆเรื่องการแยกขยะ ถังขยะรีไซเคิลที่นู่นจะมีหลายช่องมาก...มีช่องสำหรับขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋องเครื่องดื่ม ขยะที่เผาได้ ขยะที่เผาไม่ได้ ฯ สำหรับคนที่พักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ก็ต้องแยกขยะเป็นประเภท เอาใส่ถุงพลาสติกใสและเขียนชื่อและเบอร์ห้องติดก่อนนำไปทิ้ง ถ้าแยกขยะไม่ถูกประเภทคนเก็บขยะก็จะไม่เก็บไปและก็จะต้องเสียค่าปรับด้วย...(โหดเนอะ..โชคดีนะเนี่ยที่อยู่ประเทศที่ยังล้าหลังเรื่องนี้อยู่ ฮ่าฮ่า:)
Create Date : 13 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 13 มิถุนายน 2550 10:41:19 น. |
|
11 comments
|
Counter : 777 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: MaRiMeKKo วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:10:26:47 น. |
|
|
|
โดย: Bumu_Chan วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:10:38:46 น. |
|
|
|
โดย: B_Freedomlover(ไม่ได้ล็อกอินค่า) IP: 210.1.15.99 วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:10:58:06 น. |
|
|
|
โดย: MoneyPenny วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:4:13:07 น. |
|
|
|
โดย: Bumu_Chan วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:20:28:31 น. |
|
|
|
โดย: fonkoon วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:21:01:01 น. |
|
|
|
โดย: MoneyPenny วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:4:26:31 น. |
|
|
|
โดย: pecochan วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:12:53:09 น. |
|
|
|
โดย: Bumu_Chan วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:20:32:49 น. |
|
|
|
โดย: อกหัก IP: 203.172.210.10 วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:11:15:45 น. |
|
|
|
โดย: หิ่งห้อย IP: 203.172.210.10 วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:11:22:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ปล. รูปกับเรื่องใน nylon น่าสนใจดีนะคะ แต่ไม่ได้อ่านนานมากแล้ว เนื่องจากซื้อมาทีไรอ่านไม่ค่อยจบทู้กที แต่เราว่าปัญหาซื้อไม่หยุดกับทิ้งไม่ลงเนี่ยเป็นปัญหาโลกจริงๆ