人生は 山もあるし、谷もあります ^_^ invisible tracker
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
13 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ชีวิต

 วันนี้ขอเขียนอะไรเพี้ยนๆหน่อยนะ ถ้าอ่านแล้วงงก็ข้ามไปละกัน มันไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่ แต่อยากเขียนไว้เพื่อปล่อยความคิดตัวเองมากกว่า...

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า...พักหลังๆนี้คิดถึงเรื่องชีวิตตัวเองมากเลย เหมือนเป็นช่วงที่สับสนเล็กน้อย จับทางชีวิตตัวเองไม่ถูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกิดคำถาม...เรากำลังทำอะไรอยู่ เราต้องการจะทำอะไรต่อไป และเราอยากมีส่วนประกอบอะไรในชีวิตของเราบ้าง

วันก่อนคุยกับหม่ามี๊ก็เปรยๆให้ฟังว่า เฮ้อ...ชีวิตคนเรานี่มันยากเหมือนกันนะ โดยเฉพาะหลังเรียนจบ เพราะตอนเด็กๆสังคมเค้าตั้งเป้าหมายให้เราไว้เสร็จเรียบร้อย โอเค...เด็กๆทุกคน ต้องตั้งใจเรียนนะจ๊ะ สอบให้ได้คะแนนดีๆนะ เรียนให้จบปริญญาตรีแล้วหางานทำนะ แต่พอเราเรียนจบแล้ว ก็ไม่มีใครคอยบอกแล้วว่าเราจะต้องทำอะไรต่อไป...เราต้องสร้าง เราต้องปั้นชีวิตของเราขึ้นมาเอง

แล้วพอเริ่มทำงานแล้วเนี่ย เวลาของเรามันจะถูกงานแย่งไปซะเยอะ ทำให้เวลาที่เหลือไว้สำหรับคิดเรื่องตัวเองมันมีน้อยลง บางทีกำลังจะจัดระเบียบความคิดอยู่...อ้าว ดึกแล้วต้องไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงาน ไรเงี้ย...แล้วเวลาทำงานก็ต้องมีสมาธิใช่ป่ะ จะมานั่งฝันหวานถึงเรื่องตัวเองก็ไม่ได้ ไอ้เรื่องที่คิดไว้ก็ขาดช่วงไป

ตอนนี้กะลังคิดว่าชีวิตที่ดีคืออะไร คนเรามีกิจกรรมพื้นฐานเหมือนๆกันคือ กิน นอน ทำงาน แต่ถ้าทำแค่นั้นก็จะกลายเป็นคนที่ functional มากๆ เพราะฉะนั้นต้องมีกิจกรรมเสริมอย่างเช่น เพิ่มความสวยงามให้กับตัวเอง ออกกำลังกาย แต่งตัวดีๆ แล้วถ้าจะให้ชีวิตมีคุณภาพกว่านั้นอีกก็ต้องมีงานอดิเรกอย่าง ฟังเพลงที่เราชอบ ดูหนัง อ่านหนังสือดีๆ เล่นดนตรี เรียนภาษาต่างประเทศเพื่อเปิดโลกทัศน์ หรือทำกับข้าว เย็บปักถักร้อย etc.

ลองสังเกตดู ทุกๆคนก็จะมีกิจกรรมวนเวียนอยู่แค่นี้ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้เท่าไหร่ ดูง่ายๆจากหัวข้อกลุ่มบล็อกของคนส่วนใหญ่ ก็จะเห็น music...travel...movies...food...beauty (ของคุณผู้หญิง)

รู้สึกว่าชีวิตของทุกคนมันก็ดำเนินไปในแนวเดียวกันหมด เพียงแต่บางคนอาจเลือกการเอาดีเฉพาะด้าน...เป็น specialist แต่บางคนขอสัมผัสทุกอย่าง...เป็น generalist กลุ่มหลังนี่ ถ้าเป็นพวกสุดโต่งหน่อยๆก็จะคล้ายๆเป็น perfectionist คือพยายามสัมผัสให้ครบทุกด้าน ถ้าชีวิตของคนเรามีปรอทวัดในแต่ละด้าน พวก perfectionist นี่ก็คงเกือบเต็มทุกช่อง

เท่าที่นึกออกตอนนี้ ชีวิตที่ดีน่าจะเป็นชีวิตที่ได้ทำอะไรบางอย่างที่อยากทำอย่างสุดๆไปเลย ไม่ใช่ใช้ชีวิตตามทางเลือกที่สังคมหรือคนรอบข้างเสนอให้กับเรา

ย้อนกลับไปเรื่องตอนเด็ก ที่ว่าสังคมกำหนดเป้าให้เราตอนเด็กๆ อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเป้าที่เค้ากำหนดให้เราเนี่ยมันถูกรึเปล่านะ เพราะว่าแค่ให้เด็กตั้งใจเรียน เข้าสถาบันดี เป็นคนดี นี่มันเป็นอะไรที่ไม่แคบไปหน่อยเหรอ ถ้าทุกคนทำตามนั้นหมด สังคมก็คงจะมีขอบเขตที่เล็กๆมากๆนะ ทำไมสังคมไม่เคยบอกเด็กๆเลยว่า จงทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและไม่เบียดเบียนใคร แค่นั้นก็พอ...

การทำในสิ่งที่เราชอบ มันจะทำให้สังคมมีความหลากหลาย เพราะคนเราย่อมมีความชอบไม่เหมือนกัน แล้วสังคมก็จะมีสีสันมากกว่า อีกอย่าง เวลาคนเราทำอะไรที่ชอบเนี่ย มันจะแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่มากกว่า

อันที่จริงหลายคนคงจะค้นพบเรื่องนี้นานแล้ว และหาเรื่องที่ตัวเองชอบสุดๆและสามารถทำเป็นบ้าเป็นหลังได้นานแล้ว แต่เรายังหาไม่เจอเลย...เศร้าเล็กน้อยเหมือนกัน -_-;

ตอนเด็กๆเราเรียนเก่งมากเลย แต่เราก็ไม่ได้เรียนเป็นบ้าเป็นหลัง มันทำได้ของมันเอง เหมือนคนที่ใช้ทางลัด ทำให้ไม่ต้องผ่านอะไรที่คนที่ใช้ทางปกติเค้าได้ผ่านกันมา แต่ก็สามารถไปถึงจุดหมายเดียวกันได้ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ถ้าคิดก็อาจจะคิดว่าโชคดีจัง ไม่ต้องออกแรงมากเท่าไหรก็ได้ผลเดียวกัน เพราะตอนนั้นแคร์ที่ผล ไม่ใช่ที่ว่าเราทุ่มเทความพยายามไปมากเท่าไหร่

แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าส่วนที่เราควรจะแคร์คือ เราทุ่มเทให้มันเท่าไหร่ ส่วนผลที่ออกมานั้นมันไม่สำคัญเท่า เพราะการที่เราได้ผลดีอาจเป็นเพราะว่าเรามีพรสวรรค์ในเรื่องนั้น แต่การทำอะไรด้วยพรสวรรค์มันก็ยังสู้การทำอะไรด้วยใจรักไม่ได้ เพราะการทำอะไรด้วยใจนั้นมันจะทำให้เราสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาสุดๆ อย่างที่เค้าเรียกว่าทุ่มเททั้งกายและใจ ซึ่งผลที่ออกมามันจะสะท้อนกำลังที่เราทุ่มเทไปทั้งหมดและมันก็จะมีความหมายในตัวมันเองด้วย

ตอนนี้เราคิดว่ายังไม่สายเกินไปที่เราจะหาสิ่งที่เราสนใจทำได้อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เราอยากรู้สึกว่าการทำบางอย่างโดยต้องใช้ความพยายามมากๆมันรู้สึกยังไง ที่เคยได้ยินว่าชีวิตที่มีแก่นสารกับชีวิตที่ว่างเปล่า หรือการเติมชีวิตให้เต็มก็คงเป็นอย่างงี้ละมั๊ง...

นึกถึงคำสอนของคนที่เรารักคนหนึ่งว่า

If you do something really hard, you'll get result. And sometimes it feels good to do something really hard...


Create Date : 13 เมษายน 2550
Last Update : 13 เมษายน 2550 11:07:09 น. 6 comments
Counter : 719 Pageviews.

 
เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน
บางทีถ้าเราหา ก็อาจจะไม่เจอ
หรือเจอ ก็อาจจะไม่ใช่

ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะนะ
ทำอารมณ์ให้ดีดี อย่าอ่อนไหวง่าย
มีความสุขกับสิ่งเล็ก ๆ
จะเป็นไรไปถ้าเรามีสิ่งที่ชอบหลายอย่าง อย่างละนิดอย่างละหน่อย
แต่เรามีความสุขกับทุกสิ่งทุกอย่าง
หรือยอมมีความทุกข์เพื่อให้คนอื่นมีความสุขบ้าง
จะเป็นไรไปนิ

แวะมาเยี่ยมจ้ะ


โดย: จมูกหมู81 วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:12:15:21 น.  

 
เคยมีเพื่อนร่วมงานที่เรียนเก่งมาก จบที่ดี ๆ แล้วไปต่อเมืองนอกอีก จบมาทำงานในที่ที่พ่อแม่ และหลายคนในเมืองไทยคาดหวังจะทำ ทำไปได้สักพักก็รู้ตัวว่าไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองชอบ แต่เป็นสิ่งที่พ่อแม่คาดหวัง ก็เลยลาออกไปทำงานด้านแฟชั่นซึ่งตัวเองไม่ได้เรียนมาเลย แต่มีพรสวรรค์และใจรัก

จูนเองตะหงิด ๆ มากเมื่อเพื่อนลาออก แล้วก็เฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ซาก ๆ ว่ามันอาจจะเป็นกรณีเดียวกัน สุดท้ายก็เจริญรอยตามเพื่อน ออกจากงานที่หลายคนช็อค เมื่อเราเลือกที่จะไปเริ่มต้นเรียนใหม่ด้านแฟชั่นดีไซน์ (แต่สุดท้ายอะไรหลาย ๆ อย่างรอบด้านบีบคั้นทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางอีก)

โดยส่วนตัวมองตัวเองเป็นเป็ด คือชอบทำทุกอย่าง (ทำได้ดีในระดับหนึ่งแทบทุกอย่าง แต่ไม่ถึงกับดีที่สุด - เรียกว่าดีแค่เป็ด คือบินได้แต่ไม่เหมือนนก อิอิ) แต่จะเรียกว่าเป็น generalist ก็ได้ แต่คงไม่ใช่กลุ่มสุดโต่งหรอกนะคะ ทำไปเพราะใจรักทุกด้านจริง ๆ ไม่ว่าจะกีฬา ดนตรี ดีไซน์ อาหารการกิน แล้วก็ศิลปะแขนงอื่น ๆ อย่างพวกการร้องรำทำเพลง วาดภาพ etc

แต่ยังไงถึงตอนนี้วกออกมาจากสิ่งที่รักจะทำมากที่สุดในชีวิต แต่คิดว่าถ้ามีโอกาสยังไง ๆ ก็ไม่ทิ้งความฝันค่ะ ของบางอย่างขอให้มีโอกาสอย่างเดียวก็พอ

Happy Holidays kha!!

อ้อ อัพบล็อกตอน 2 แล้วนะคะ


โดย: MoneyPenny วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:14:11:50 น.  

 
ขอบคุณทั้งสองคนที่มาช่วยกันแนะนำและแชร์ประสบการณ์ของตัวเองนะคะ...

ทำให้รู้ว่าprocessของการมีชีวิตอยู่ในตัวของมันเองนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจแล้ว :)

หวัดดีวันสงกรานต์ค่ะ แล้วจะแวะไปเยี่ยมที่บ้าน ^^


โดย: Bumu_Chan วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:21:20:50 น.  

 
ตอนนี้ผ่านช่วงที่สับสน ช่วงที่ลังเลกับชีวิตมาแล้วค่ะ

เลิกที่จะกดดันตัวเอง เลิกหมกมุ่นกับการต้องค้นหาตัวเอง

เริ่มพยายามรักในสิ่งที่ทำ มันก็รู้สึกดีขึ้นนะคะ เพราะความชอบเราหลากหลายมาก แล้วก็บางทีเวลาผ่านไป ความชอบหรือสิ่งที่สนใจก็เปลี่ยนไปด้วย

ถ้ามันจะเจอ วันนึงมันก็คงจะเจอ
ตอนนี้ยังไม่เจอ ก็ไม่ซีเรียสอะไร
อยู่ๆ วันนึง ตื่นมาตอนอายุ 40 เราอาจจะพึ่งเจอคำตอบก็ได้นะ


โดย: MaRiMeKKo วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:1:01:00 น.  

 
ตอนนี้ยังทำใจให้เลิกกดดันตัวเองอย่างคุณ MaRiMeKKo ไม่ได้เลยค่ะ...

แต่ชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไป สู้สู้!(ให้กำลังใจตัวเอง)


โดย: Bumu_Chan วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:10:06:27 น.  

 
ถ้าคนเราไม่ต้องหาเงิน เราก็คงได้ไปหาอะไรที่ทำให้ชีวิตเราคุ้มค่ามากกว่านี้นะครับ


โดย: pecochan วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:12:30:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bumu_Chan
Location :
* United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"All man's miseries derive from not being able to sit quietly in a room alone."
- Blaise Pascal
Friends' blogs
[Add Bumu_Chan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.