|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Kate T Williamson

+ + +
วันนี้มีสัมภาษณ์ศิลปินสาวเจ้าของหนังสือ A Year in Japan มาฝาก เมื่อหกเดือนก่อนเขียนไปขอสัมภาษณ์ บอกว่าจะเอามาลงบล็อก หกเดือนผ่านไป เพิ่งได้คำตอบส่งกลับมาสดๆร้อนๆ (ท่าทางแกจะยุ่งมากจริงๆ) คิดว่าอาจจะมีคนเคยเห็นหนังสือเล่มนี้มาบ้าง และสนใจอยากรู้จักคนแต่ง เหมือนเรา เลยเอามาลงให้อ่านด้วยกัน
A Year in Japan เป็นหนังสือภาพพร้อมคำบรรยายสั้นๆเกี่ยวกับ สิ่งที่ผู้เขียนพบเห็นระหว่างใช้ชีวิตนักเรียนทุนหนึ่งปีในเกียวโต เป็นหนังสือภาพโดยศิลปินอเมริกันที่สะท้อนอารมณ์ละเมียดละไมแบบญี่ปุ่น ได้ดีที่สุดเล่มหนึ่งเท่าที่เราเห็นมา จนทำให้เราต้องตามไปสัมภาษณ์ สาวผู้อยู่เบื้องหลังภาพเหล่านี้
- - - ข้อมูลเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับคนเขียน
เคท ที วิลเลียมสัน เป็นศิลปิน(สาว)ชาวอเมริกัน เรียนจบปริญญาตรีด้านการทำภาพยนตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หลังเรียนจบได้ทุนไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น(เกียวโต) เป็นเวลาหนึ่งปี หลังกลับจากญี่ปุ่น เขียนหนังสือ A Year in Japan เล่าประสบการณ์หนึ่งปีที่ญี่ปุ่นผ่านภาพวาด และเล่มถัดมา At a Crossroads หนังสือภาพอีกเช่นกันถ่ายทอดช่วงชีวิตที่สับสน ไม่รู้จะเดินไปทางไหนหลังกลับมาจากญี่ปุ่น ทั้งสองเล่มตีพิมพ์โดย Princeton Architectural Press ขณะนี้เคทอาศัยอยู่ที่นครนิวยอร์ก
- - - สัมภาษณ์
:: ถ้าถูกถามว่า Kate Williamson คือใคร? อืมม คงบอกว่า เราเป็นศิลปินและนักเขียนที่ชอบสังเกตโลกรอบตัว และ ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราว
:: ช่วยอธิบายประสบการณ์ชีวิตหนึ่งปีที่ญี่ปุ่น มันเปลี่ยนชีวิตเราไปเลย เรายังรู้สึกถึงแรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตหนึ่งปีที่นั่น ทุนที่เราได้รับค่อนข้างจะไม่ธรรมดา ตรงที่เค้าไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องเสนอผลงาน อะไรเป็นชิ้นเป็นอันตอนจบ เราเลยมีโอกาสได้เข้าไปซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่น อย่างเต็มที่ และกำหนดกิจกรรมของตัวเองในแต่ละวัน ในหนึ่งปีนั้นเราอยู่ที่ เกียวโตเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้ไปอยู่โตเกียวประมาณเดือนเศษ และได้เดินทาง ในเกาะฮอนชูนิดหน่อย ไปโอกินาวาสองครั้ง เราใช้เวลาเกือบทุกวัน ขี่จักรยานที่ยืมมา ไปสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ ศาลเจ้า นั่งวาดรูปและ สังเกตสิ่งรอบตัว เราพักอยู่ใกล้ๆกับที่ตั้งพระราชวัง เลยพยายามสูดกลิ่น ดอกบ๊วยที่กำลังบาน หรือไม่ก็เดินดูต้นซากุระที่นั่นทุกวันช่วงที่มันออกดอก
:: ประทับใจอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นมากที่สุด? เราชอบโทนสีและลวดลายที่ญี่ปุ่น มันเหมือนกับว่า ทุกอย่างที่เราเคยชอบ ทั้งหมดมีอยู่อย่างท่วมท้นในญี่ปุ่น และเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญ --ผ้าลายสก็อต พลีท พระจันทร์ เราชอบวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับ ประสบการณ์ทางสายตาของญี่ปุ่นมากๆ ชอบความละเอียดอ่อนของ ญี่ปุ่นโบราณ ไม้สีเข้มกับลายละเอียดสีทองที่ใดที่หนึ่งในห้อง เราชอบอิทธิพลของธรรมชาติ แล้วคนญี่ปุ่นทุกคนแทบไม่มีข้อยกเว้นเป็น คนอ่อนโยนจิตใจดีมากๆ
:: อะไรทำให้ตัดสินใจเขียนหนังสือ A Year in Japan หลังกลับจากญี่ปุ่น? ตอนที่อยู่ญี่ปุ่น เราเขียนและวาดรูปลงในสมุดจดเล่มเล็กของเราอยู่แล้ว พอผ่านไปได้ครึ่งปี เราก็เริ่มนึกอยากโชว์ภาพที่วาดให้คนอื่นดูโดยไม่ต้อง โชว์สิ่งที่บันทึกไว้ในสมุดทั้งหมด เลยนึกว่า ถ้าดึงเอาภาพที่วาดและ ข้อสังเกตจากสมุดจดมารวมกันก็จะโชว์ให้ครอบครัวและเพื่อนดูได้ หลังจากนั้นตอนที่เรากำลังทำหนังสืออยู่หลังจากกลับมาอเมริกาแล้ว เลยคิดว่าน่าจะลองหาสำนักพิมพ์ดูจะได้แชร์ประสบการณ์ของตัวเองกับ คนอ่านในวงกว้างขึ้นได้
:: คุณวาดรูปให้ นสพ.Japion ในนิวยอร์ก สนใจการวาดรูปมานานแล้วเหรอ? ตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่เราจะดีมากคอยจัดหากระดาษ ดินสอ และสีมาให้ เราวาดรูปตลอดสมัยเรียนมัธยมปลาย และมาหยุดไปสี่ปีช่วงเรียน มหาวิทยาลัย (ช่วงนั้นวาดเฉพาะไอเดียสำหรับสตอรี่บอร์ด) แล้วกลับมาวาดอีกทีตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น (เพราะการวาดรูปมันสะดวกกว่า ไปไหนมาไหนได้ง่ายกว่าเทียบกับการแบกกล้องถ่ายหนังไปด้วย แถมทำได้ทันทีกว่า และเวลาวาดรูป เรามองเห็นสถานที่นั้นจริงๆ ไม่เหมือนเวลามองผ่านเลนส์)
:: ในหนังสือ At a Crossroads คุณวาดภาพ และเขียนถึงช่วงชีวิตที่สับสน และพยายามหาสิ่งที่สิ่งที่ต้องการทำในชีวิต ซึ่งคิดว่าน่าจะมีหลายคนที่ เข้าใจความรู้สึกนี้ ช่วยพูดถึงชีวิตช่วงนั้นให้ฟังหน่อยว่ามันเป็นยังไงสำหรับคุณ ตอนที่เราไปอยู่บ้านของพ่อแม่ที่เพนซิลเวเนียเป็นช่วงที่ลำบากใจนิดหน่อย เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่ ยังไง ตอนแรกเรานึกว่าจะอยู่ที่นั่นแค่ สองสามเดือนระหว่างทำหนังสือ A Year in Japan แต่ปรากฏว่ามันใช้เวลา มากกว่าที่คิด สุดท้ายเราอยู่ที่นั่นเกือบสองปี ระหว่างนั้นก็ทำงานพิเศษไป พลางคิดว่าจะทำอะไรต่อไป ถึงเราจะรู้สึกล่องลอยไร้จุดหมายในช่วงนั้น แต่เราก็มีช่วงเวลาที่ดีมากๆอยู่เหมือนกัน เราไปทำต้นฉบับที่บ้านคุณยาย ซึ่งทำให้เราได้ใช้เวลากับยายเยอะและก็กับพ่อแม่ด้วย นึกไปแล้วมันก็ แปลกดี ตอนนี้เวลาเรามองย้อนกลับไปช่วงนั้นมันเป็นเวลาที่มีความสุขมาก และเราก็ดีใจที่มีเวลานั้น
:: แล้วคิดว่าเจอทางของตัวเองรึยัง? อึมม ที่แน่ๆคือเราหาคำตอบของเรื่องบางเรื่องได้หลังจากผ่านช่วงนั้นมาแล้ว เราคิดได้ว่า การทำงานศิลปะ และการอยู่กับคนที่เรารักเป็นสองสิ่งที่ทำให้ เรามีความสุขมากๆ เราชอบเล่าเรื่อง และคิดว่าการถ่ายทอดโดยผ่านถ้อยคำ และภาพเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเราในขณะนี้ ตั้งแต่หนังสือ At a Crossroads ตีพิมพ์ออกมา เราเริ่มตระหนักว่า ชีวิตคนเราก็เหมือนกันทางแยกที่ไม่รู้จบ (เรารู้สึกเหมือนเราสามารถพูดว่า 'เราอยู่ทางแยก...' ได้ทุกหกเดือน) แต่คิดว่าตอนนี้เรามองเรื่องการเจอทางแยกเป็นเรื่องน่ากลัวน้อยกว่าตอนที่ เราเพิ่งจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ
:: มีคำแนะนำสำหรับคนที่กำลังพยายามหาทางของตัวเองอยู่มั๊ย อย่าหมดหวัง อะไรบางอย่างจะปรากฏให้เห็นอย่างแน่นอน ถ้าคุณเลือกทางนึงแล้วมันไม่เวิร์ค คุณจะเจอทางใหม่ คุณสามารถเปลี่ยน ทิศทางได้เสมอ เราแนะนำให้เขียนบันทึกในสมุดจดหรือสเก็ตช์บุ๊คเป็นประจำ ตอนที่เราอยู่บ้านพ่อแม่ เรามักจะบันทึกอะไรต่อมิอะไรที่มันขำๆ หดหู่ หรือเรื่องเปิ่นๆ พอคิดว่าเราสามารถจะเอามาเล่าเป็นเรื่องราว หรือวาดเป็น ภาพออกมาได้ มันทำให้รู้สึกดีขึ้น และก็แนะนำให้ไปอยู่ที่สูงๆเวลา ใช้ความคิด (เช่นบนยอดเขา เรารู้สึกเหมือนเรามองเห็นอะไรได้ชัดกว่า จากด้านบน)
ป.ล. ความจริงสัมภาษณ์เยอะกว่านี้นิดหน่อย แต่เราดึงเฉพาะบางส่วนมา ใครสนใจอยากอ่านฉบับเต็มเขียนมาบอกได้ จะส่งไปให้
Create Date : 23 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 23 ธันวาคม 2553 9:49:31 น. |
|
4 comments
|
Counter : 716 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: BoOKend วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:23:50:02 น. |
|
|
|
โดย: bumu_chan IP: 68.175.33.66 วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:8:53:36 น. |
|
|
|
โดย: fonkoon วันที่: 1 มกราคม 2554 เวลา:20:20:15 น. |
|
|
|
โดย: mew IP: 210.4.143.66 วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:9:43:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|