人生は 山もあるし、谷もあります ^_^ invisible tracker
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
神様のカルテ



: : :

ดูหนังเรื่องนี้ตอนนั่งเครื่องกลับมาเมืองไทยเมื่อสองสามวันก่อน
แสดงนำโดย Sakurai Shou จากวงอะราชิกับ
สาวน้อย Miyazaki Aoi

เป็นเรื่องของหมอหนุ่มคนนึงชื่อ อิชิโจ ที่เพิ่งจบได้ไม่นาน
มาทำงานในโรงพยาบาลเล็กๆแห่งนึง
หมอเป็นคนซื่อๆรักษาคนไข้อย่างเต็มความสามารถ
จนเป็นที่ฮิตในหมู่คนไข้
เวลาแกเป็นหมอเวรห้องฉุกเฉิน คนไข้จะล้นทะลัก
รักษากันจนเช้า สลบกันไปทั้งหมอ ทั้งพยาบาล
หมอชอบอ่านหนังสือของ นัทซึเมะ โซเซกิ

วันนึงหมอใหญ่ที่โรงพยาบาลสมัครให้แกไปร่วมสัมนา
ที่โรงพยาบาลวิจัยใหญ่ที่เพื่อนหมอใหญ่เป็นหัวหน้าอยู่
บังเอิญรัศมีการเป็นหมอที่ดีของแกก็ไปเตะตาผู้ใหญ่เข้าให้
จนชวนให้มาสัมนาอีกเป็นที่ฮือฮาในหมู่หมอหนุ่มคนอื่นๆ
เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อน (ประมาณว่าแอบอิจฉา)

หมออิชิโจเลยเจอสภาวะที่ต้องเลือก
ระหว่างงานรักษาคนไข้ที่ตัวเองชอบ กับไปสัมนาเพื่ออนาคตของตัวเอง
และของวงการแพทย์
สุดท้ายหมอก็เลือกงานรักษาคนไข้ที่ตัวเองรัก
แต่ก็ไม่วายโดนเพื่อนร่วมงานแขวะเพราะเท่ากับปฏิเสธโอกาสดีๆ
ประมาณว่าทิ้งโอกาสใหญ่ที่จะช่วยวงการแพทย์เพราะห่วงรักษาคนไข้
(อ้าวแต่นั่นคือหน้าที่หมอไม่ใช่เหรอ)
สะท้อนชีวิตจริงที่การตัดสินใจของเราเองบางทีก็ไม่ได้เป็นแค่ของเรา

ชื่อของหมอ อิชิ แปลว่า หนึ่ง
โจ (ตัวคันจิที่เค้าใช้) แปลว่า หยุด
ตัวละครอีกตัวในเรื่องบอกว่า บางทีการหยุดตัดสินใจก็เป็นเรื่องสำคัญ
และเราอาจเผชิญการตัดสินใจที่สำคัญในช่วงแรกๆของชีวิต
แต่บางคนก็ไม่ทันสังเกต ไม่ได้หยุดคิด และผ่านมันไปเลย
รู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ผลของการตัดสินใจแบบที่ไม่รู้ตัวนั้นแล้ว (อันนี้เติมเอง)

ดูแล้วพอจะเข้าใจอารมณ์คนเลือกอาชีพหมอเพราะคิดอยากช่วยคน
แต่พอเข้าไปทำจริงๆ มันก็มีการเมืองมากกว่าที่คิดเยอะ
ไหนจะต้องแข่งกันในโรงพยาบาล
แข่งกันทำวิจัยเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพ
เรียกว่า ถ้ารักจะเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้จริงๆก็ต้องเลิกคิดเรื่องอื่น
เหมือนที่หมอใหญ่บอกอิชิโจว่า ถ้าเลือกทางนี้อีกหน่อยจะเสียใจ
เพราะงานที่หนักจะทำให้ตัวเองล้า แล้วก็หันมาคิดว่าน่าจะเลือกไปทาง
วิจัยเอาความก้าวหน้าทางการงาน
เหมือนหลายๆอย่างในชีวิตที่อุดมคติกับชีวิตจริงมักจะขัดแย้งกัน

ในเรื่องนี้ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่สะท้อนชีวิตคนในหลายแง่มุม
ทั้งศิลปินที่วาดรูปไม่ออกมานานแล้ว จนกระทั่งวาดรูปซากุระส่งเพื่อนกลับบ้าน
เพื่อนร่วมหออีกคนที่โกหกคนอื่นมาตลอดว่าเป็นอาจารย์และอยากเขียน
หนังสือของตัวเอง แต่มาเฉลยเอาวันที่ต้องกลับไปช่วยทำนาที่บ้าน
หมอใหญ่ที่โรงพยาบาลที่ดูเหมือนคนไม่เอาไหน แต่จริงๆแล้ว
แกมีใจรักในการฉุดคนกลับจากความตาย สุดท้ายเลยลงเอยอยู่ที่
โรงพยาบาลเล็กๆนี่ เพื่อความ"สนุก"ในแบบของแก

คนไข้หญิงม่ายคนหนึ่งที่เป็นมะเร็งแต่มีความเข้มแข็งจนเป็นแรงบันดาลใจ
ให้หมอและพยาบาลรอบข้าง
และภรรยาหมอเองที่วันๆแทบไม่ได้เจอหน้าสามีเพราะทำงานหนักมาก
แต่เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในเรื่อง เพราะใจสงบและมีสิ่งที่
ตัวเองรักจะทำคือ การถ่ายรูป
เธอบอกหมอว่า รูปถ่ายของเธอ แม้มันจะไม่ได้ช่วยชีวิตคนทุกวันแบบที่หมอทำ
แต่ในบางโอกาส มันอาจจะมีความหมายยิ่งใหญ่กับคนๆหนึ่งก็ได้
ในแง่นั้น สิ่งที่เธอทำกับงานของหมอก็เหมือนกัน
คนเราไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ก็มีความหมายเหมือนกันถ้าตั้งใจทำ

บรรยากาศของหนังออกแนวกวีหน่อยๆ
และแสดงถึงความขัดแย้งของชีวิตในอุดมคติกับความเป็นจริงได้ดี
เราไม่เคยอ่านหนังสือของนัทสึเมะ โซเซกิ
แต่คิดเอาเองว่าหนังเรื่องนี้คงฟีลคล้ายๆกับหนังสือของเค้า
มีตอนนึงในหนังยกคำพูดจากหนังสือเค้ามาด้วย ลึกมากๆ
จนอยากอ่านหนังสือเค้าไปเลย ตอนนี้กะลังไปตามหามาอ่านอยู่
เจอเล่มที่แปลเป็นไทยเล่มเดียวคือ ต้นส้ม น้ำตา พายุ
(ตอนไปหาที่ร้าน เด็กที่ไปถามฟังเป็น ต้นส้ม น้ำปลา พายุ . . . เอ่อ)

อยากให้มีคนแปลหนังสือของนัทสึเมะ โซเซกิ เล่มอื่นอีกจัง
หนังสืออย่างงี้มันคงขายไม่ดีเท่าแนวอ่านฉาบฉวย
แต่เราว่ามันยังมีคนอยากอ่านอยู่นะ
(นี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความขัดแย้งระหว่างอุดมคติกับความจริง)
ทำหนังสือดี = จน
ลำบากจริงๆ -_-;

ป.ล. ตอนนี้กำลังนั่งตากลม ชมแดด อยู่ที่เมืองไทยอย่างสบายอารมณ์ค่ะ
:)


Create Date : 09 ธันวาคม 2554
Last Update : 9 ธันวาคม 2554 15:34:15 น. 1 comments
Counter : 786 Pageviews.

 
อยากดูเรื่องนี้บ้าง เค้าว่าหนังสือดังมาก แต่ยังไม่เคยอ่านเลย
ถ้าหนังสือนัทซึเมะในไทยมีเล่มอื่นด้วยนะ
แต่ว่าเก่าแล้วน่ะค่ะ ชื่อ "แมวมอง" และก็ "โคะโคะโระ"


โดย: fonkoon วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:17:20:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bumu_Chan
Location :
* United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"All man's miseries derive from not being able to sit quietly in a room alone."
- Blaise Pascal
Friends' blogs
[Add Bumu_Chan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.