|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
神様のカルテ

: : :
ดูหนังเรื่องนี้ตอนนั่งเครื่องกลับมาเมืองไทยเมื่อสองสามวันก่อน แสดงนำโดย Sakurai Shou จากวงอะราชิกับ สาวน้อย Miyazaki Aoi
เป็นเรื่องของหมอหนุ่มคนนึงชื่อ อิชิโจ ที่เพิ่งจบได้ไม่นาน มาทำงานในโรงพยาบาลเล็กๆแห่งนึง หมอเป็นคนซื่อๆรักษาคนไข้อย่างเต็มความสามารถ จนเป็นที่ฮิตในหมู่คนไข้ เวลาแกเป็นหมอเวรห้องฉุกเฉิน คนไข้จะล้นทะลัก รักษากันจนเช้า สลบกันไปทั้งหมอ ทั้งพยาบาล หมอชอบอ่านหนังสือของ นัทซึเมะ โซเซกิ
วันนึงหมอใหญ่ที่โรงพยาบาลสมัครให้แกไปร่วมสัมนา ที่โรงพยาบาลวิจัยใหญ่ที่เพื่อนหมอใหญ่เป็นหัวหน้าอยู่ บังเอิญรัศมีการเป็นหมอที่ดีของแกก็ไปเตะตาผู้ใหญ่เข้าให้ จนชวนให้มาสัมนาอีกเป็นที่ฮือฮาในหมู่หมอหนุ่มคนอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อน (ประมาณว่าแอบอิจฉา)
หมออิชิโจเลยเจอสภาวะที่ต้องเลือก ระหว่างงานรักษาคนไข้ที่ตัวเองชอบ กับไปสัมนาเพื่ออนาคตของตัวเอง และของวงการแพทย์ สุดท้ายหมอก็เลือกงานรักษาคนไข้ที่ตัวเองรัก แต่ก็ไม่วายโดนเพื่อนร่วมงานแขวะเพราะเท่ากับปฏิเสธโอกาสดีๆ ประมาณว่าทิ้งโอกาสใหญ่ที่จะช่วยวงการแพทย์เพราะห่วงรักษาคนไข้ (อ้าวแต่นั่นคือหน้าที่หมอไม่ใช่เหรอ) สะท้อนชีวิตจริงที่การตัดสินใจของเราเองบางทีก็ไม่ได้เป็นแค่ของเรา
ชื่อของหมอ อิชิ แปลว่า หนึ่ง โจ (ตัวคันจิที่เค้าใช้) แปลว่า หยุด ตัวละครอีกตัวในเรื่องบอกว่า บางทีการหยุดตัดสินใจก็เป็นเรื่องสำคัญ และเราอาจเผชิญการตัดสินใจที่สำคัญในช่วงแรกๆของชีวิต แต่บางคนก็ไม่ทันสังเกต ไม่ได้หยุดคิด และผ่านมันไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ผลของการตัดสินใจแบบที่ไม่รู้ตัวนั้นแล้ว (อันนี้เติมเอง)
ดูแล้วพอจะเข้าใจอารมณ์คนเลือกอาชีพหมอเพราะคิดอยากช่วยคน แต่พอเข้าไปทำจริงๆ มันก็มีการเมืองมากกว่าที่คิดเยอะ ไหนจะต้องแข่งกันในโรงพยาบาล แข่งกันทำวิจัยเพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพ เรียกว่า ถ้ารักจะเป็นหมอเพื่อรักษาคนไข้จริงๆก็ต้องเลิกคิดเรื่องอื่น เหมือนที่หมอใหญ่บอกอิชิโจว่า ถ้าเลือกทางนี้อีกหน่อยจะเสียใจ เพราะงานที่หนักจะทำให้ตัวเองล้า แล้วก็หันมาคิดว่าน่าจะเลือกไปทาง วิจัยเอาความก้าวหน้าทางการงาน เหมือนหลายๆอย่างในชีวิตที่อุดมคติกับชีวิตจริงมักจะขัดแย้งกัน
ในเรื่องนี้ยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่สะท้อนชีวิตคนในหลายแง่มุม ทั้งศิลปินที่วาดรูปไม่ออกมานานแล้ว จนกระทั่งวาดรูปซากุระส่งเพื่อนกลับบ้าน เพื่อนร่วมหออีกคนที่โกหกคนอื่นมาตลอดว่าเป็นอาจารย์และอยากเขียน หนังสือของตัวเอง แต่มาเฉลยเอาวันที่ต้องกลับไปช่วยทำนาที่บ้าน หมอใหญ่ที่โรงพยาบาลที่ดูเหมือนคนไม่เอาไหน แต่จริงๆแล้ว แกมีใจรักในการฉุดคนกลับจากความตาย สุดท้ายเลยลงเอยอยู่ที่ โรงพยาบาลเล็กๆนี่ เพื่อความ"สนุก"ในแบบของแก
คนไข้หญิงม่ายคนหนึ่งที่เป็นมะเร็งแต่มีความเข้มแข็งจนเป็นแรงบันดาลใจ ให้หมอและพยาบาลรอบข้าง และภรรยาหมอเองที่วันๆแทบไม่ได้เจอหน้าสามีเพราะทำงานหนักมาก แต่เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในเรื่อง เพราะใจสงบและมีสิ่งที่ ตัวเองรักจะทำคือ การถ่ายรูป เธอบอกหมอว่า รูปถ่ายของเธอ แม้มันจะไม่ได้ช่วยชีวิตคนทุกวันแบบที่หมอทำ แต่ในบางโอกาส มันอาจจะมีความหมายยิ่งใหญ่กับคนๆหนึ่งก็ได้ ในแง่นั้น สิ่งที่เธอทำกับงานของหมอก็เหมือนกัน คนเราไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ก็มีความหมายเหมือนกันถ้าตั้งใจทำ
บรรยากาศของหนังออกแนวกวีหน่อยๆ และแสดงถึงความขัดแย้งของชีวิตในอุดมคติกับความเป็นจริงได้ดี เราไม่เคยอ่านหนังสือของนัทสึเมะ โซเซกิ แต่คิดเอาเองว่าหนังเรื่องนี้คงฟีลคล้ายๆกับหนังสือของเค้า มีตอนนึงในหนังยกคำพูดจากหนังสือเค้ามาด้วย ลึกมากๆ จนอยากอ่านหนังสือเค้าไปเลย ตอนนี้กะลังไปตามหามาอ่านอยู่ เจอเล่มที่แปลเป็นไทยเล่มเดียวคือ ต้นส้ม น้ำตา พายุ (ตอนไปหาที่ร้าน เด็กที่ไปถามฟังเป็น ต้นส้ม น้ำปลา พายุ . . . เอ่อ)
อยากให้มีคนแปลหนังสือของนัทสึเมะ โซเซกิ เล่มอื่นอีกจัง หนังสืออย่างงี้มันคงขายไม่ดีเท่าแนวอ่านฉาบฉวย แต่เราว่ามันยังมีคนอยากอ่านอยู่นะ (นี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความขัดแย้งระหว่างอุดมคติกับความจริง) ทำหนังสือดี = จน ลำบากจริงๆ -_-;
ป.ล. ตอนนี้กำลังนั่งตากลม ชมแดด อยู่ที่เมืองไทยอย่างสบายอารมณ์ค่ะ :)
Create Date : 09 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 9 ธันวาคม 2554 15:34:15 น. |
|
1 comments
|
Counter : 870 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: fonkoon วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:17:20:41 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ถ้าหนังสือนัทซึเมะในไทยมีเล่มอื่นด้วยนะ
แต่ว่าเก่าแล้วน่ะค่ะ ชื่อ "แมวมอง" และก็ "โคะโคะโระ"