ผมเป็นติ่งหงส์
วันนี้อาจจะมาแปลกสักหน่อยครับ โดยเฉพาะชื่อเรื่องที่หลายท่านอ่านแล้วคงงงและไม่เข้าใจว่าความหมายมันคืออะไร? ว่าแล้วผมก็ขออนุญาตแปลความหมายของชื่อเรื่องให้ได้ทราบกันก่อนเลยครับ โดยชื่อเรื่อง ผมเป็นติ่งหงส์ นี้มาจากคำแสลงในอินเตอร์เน็ตที่นิยมใช้กันในสมัยนี้ ผมเลยแอบทันสมัยนิดนุง ... เฮ้ย นิดนึงครับ
คำว่า ติ่ง ณ ปัจจุบันนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในเว็บบอร์ดต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นกันได้อย่างเสรี คำว่า ติ่ง อาจจะเป็นคำที่พวกเกรียนในเว็บบอร์ดได้บัญญัติขึ้นมา ความหมายที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไรผมก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ความหมายที่เข้าใจได้คงหมายถึงอาการของคนที่คลั่งไคล้หรือชื่นชอบบุคคลใดหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษ โดยมีการแสดงออกมาอย่างรุนแรงและชัดเจน หรือคนที่บอกว่าตนเองเป็นแฟนคลับหรือแฟนพันธุ์แท้ของใครหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นเอง อาทิเช่น คนนี้เป็น ติ่งเดอะสตาร์ ก็จะออกอาการเชียร์เวทีเดอะสตาร์ตลอด , คนนี้เป็น ติ่งดารา อ. ซึ่งไม่ถูกกันกับนางเอก ค. ติ่งดารา อ. ก็จะออกมาปกป้องดารา อ. ทุกวิถีทาง รวมทั้งจะคอยทำหน้าที่เป็นปากเสียงตอบโต้แทนดารา อ. ให้โดยตลอด ไม่ว่าจะในเว็บบอร์ดอินเตอร์เน็ตหรือในสถานที่สาธารณะทั่วไปก็ตาม บางคนนั้นอาการ ติ่ง กำเริบรุนแรงถึงขนาดประกาศออกตัวว่า จะยอมพลีชีพเพื่อปกป้องและเทิดทูนดาราคนนั้นหรือสิ่งนั้น ๆ เลยก็มี
ท่านอ่านแล้วพอจะเข้าใจกันบ้างไหมครับ? ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคำว่า ติ่ง นี้มีรากศัพท์มาจากไหน? อาจจะมาจากคำว่า ไส้ติ่ง หรือ สุดติ่ง ก็เป็นได้ครับ สำหรับท่านใดที่พอรู้ก็ช่วยบอกนิยามความหมายที่ชัดเจนไว้ให้ด้วยนะครับ
แต่เท่าที่ผมลองไปสืบหาความหมายจากอินเตอร์เน็ตมาก็พอทราบได้ว่า ที่เรียกว่า ติ่ง นั้นมีที่มาคล้าย ๆ กับคำว่า เกรียน ซึ่งคำว่าเกรียนนั้นเป็นอาการแสดงออกในทางลบแบบสุด ๆ ของพวกเด็กนักเรียนผู้ชายที่ตัดผมสั้นเกรียน ส่วนตำว่า ติ่ง นั้นเป็นอาการคลั่งไคล้ที่แสดงออกว่ารักมากอย่างสุด ๆ ของพวกเด็กนักเรียนหญิงที่ตัดผมสั้นเสมอติ่งหู ดังนั้นจึงเป็นคำที่มีความหมายขัดแย้งตรงข้ามที่จับคู่กันได้อย่างลงตัวพอดิบพอดีเลย โดยคำว่า ติ่ง นั้นน่าจะเริ่มต้นมาจากอาการของเด็กผู้หญิงที่หลงใหลในซีรีย์เกาหลีอย่างหัวปักหัวปรำ จนกลายเป็นที่มาของคำว่า ติ่งเกาหลี ก่อนที่จะแพร่หลายกลายเป็น ติ่งโน้น ติ่งนี้ ติ่งนั้น ติ่งนู้น อีกมากมายเยอะแยะในลำดับต่อมา
กลับมาเข้าสู่เนื้อเรื่องนี้ต่อเลยดีกว่าครับ ส่วนที่บอกว่า ผมเป็นติ่งหงส์ นั้น คำว่า หงส์ ในที่นี้ผมหมายถึง หงส์แดง ซึ่งก็เป็นฉายานามของทีมฟุตบอลสโมสรลิเวอร์พูลนั้นเองครับ ทีมลิเวอร์พูลเป็นทีมฟุตบอลของประเทศอังกฤษที่ผมชื่นชอบและคลั่งไคล้มานานมากแล้วครับ ทีมลิเวอร์พูลมีสัญลักษณ์ประจำทีมเป็นรูปนกลิเวอร์เบิร์ด ซึ่งเป็นนกน้ำชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติในประเทศอังกฤษ แต่ในประเทศไทยไม่มีนกชนิดนี้ ดังนั้นเมื่อเห็นสัญลักษณ์ที่เป็นรูปนกลิเวอร์เบิร์ดกำลังคาบใบไม้อยู่ ก็เลยตีความว่ามันคือ หงส์ที่เป็นนกอันสูงส่ง ส่วนสีประจำสโมสรลิเวอร์พูลก็คือสีแดง ดังนั้นคนไทยจึงใช้คำว่า "หงส์แดง" เป็นเสมือนชื่อเล่นที่ใช้เรียกทีมลิเวอร์พูลมาโดยตลอด
ผมรู้จักทีมลิเวอร์พูลก็ตั้งแต่ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กน้อยอยู่ ตอนนั้นน่าจะเด็กมากประมาณว่าเพิ่งเข้าเรียนอยู่ชั้นประถมเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่ผมจะรู้จักทีมลิเวอร์พูลนั้นผมได้รู้จักกับกีฬาฟุตบอลมาก่อนแล้ว โดยผมจำได้ว่าฟุตบอลนัดแรกสุดที่ผมได้ดูในชีวิตนี้ก็คือ การแข่งขันฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศระหว่างอาร์เจนติน่ากับฮอลแลนด์ ในปี 1978 รู้สึกว่าในนัดนั้นจะมีการถ่ายทอดสดเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วย ผมยังจำภาพที่ มาริโอ แคมเปส (ศูนย์หน้าของอาร์เจนติน่าในเวลานั้น) ยิงประตูชัยให้อาร์เจนติน่าเอาชนะฮอลแลนด์ไปได้ โดยภาพฉลองชัยในทีวีนั้นมีการโปรยแผ่นกระดาษเล็ก ๆ สีฟ้าจากหลังคาอัฒจันทร์ลงมาสู่สนาม ดูแล้วมันเหมือนสายฝนสีฟ้าที่เป็นประกายระยิบระยับล่องลอยอยู่ในสนามเต็มไปหมด มันเป็นภาพที่ประทับใจผมเป็นอย่างมาก ซึ่งกลายเป็นความฝังใจที่ทำให้ผมชอบกีฬาฟุตบอลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี ผมก็ได้ยินชื่อของลิเวอร์พูลจากละคร(จีน/ฮ่องกง)เรื่อง เจ้าพ่อเชียงไฮ้ โดยเนื้อเรื่องนั้นผมจำได้ไม่แน่ชัดเนื่องจากว่าผมยังเด็กมาก แต่ผมพอจำคร่าว ๆ ได้ว่า ทางฮ่องกงได้จ้างทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลมาเตะที่เกาะฮ่องกง แล้วทางเจ้าพ่อเชียงไฮ้ (โจวหวินฟ่ะ) ไปจ้างลิเวอร์พูลล้มบอล แต่สุดท้ายมีการหักหลังกันขึ้น ทีมลิเวอร์พูลพลิกกับมาชนะ เลยทำให้ ติ่งลี่ (หลี่เหลียงเหว่ย) ต้องไปตามแก้แค้นเพื่อฆ่าใครสักคน(จำชื่อไม่ได้) ที่โต๊ะสนุ๊ก โดยวางระเบิดไว้ที่ลูกสนุ๊ก .... เรื่องราวของเจ้าพ่อเชียงไฮ้ในเวลานั้นสนุกสนานเป็นอย่างมาก คนดูติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองคลั่งไคล้ยิ่งกว่า คุณชายต่าง ๆ ในสมัยนี้อีก แต่ชื่อของทีมลิเวอร์พูลที่อยู่ในเรื่องราวของละครนั้นกลับมีผลทำให้ผมเริ่มสนใจและรักทีมลิเวอร์พูลขึ้นมาในทันที
ในสมัยก่อนนั้นการสื่อสารไม่ได้เจริญและทันสมัยเหมือนในช่วงเวลานี้ ข่าวคราวต่าง ๆ ของต่างประเทศกว่าที่จะส่งมาถึงเมืองไทยก็ล่าช้าเป็นสัปดาห์หรืออาจจะช้าเป็นเดือนเลยก็มี รวมทั้งข่าวต่างประเทศที่มาถึงเมืองไทยนั้นต้องเป็นข่าวที่นักข่าวสนใจถึงจะแปลข่าวนั้นออกมาเป็นภาษาไทยลงสู่หนังสือพิมพ์ให้คนไทยได้อ่านกัน ซึ่งโชคดีเป็นอย่างมากที่ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทีมลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ได้เป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 หลายสมัย (ในสมัยนั้นยังไม่มีพรีเมียร์ลีค) รวมทั้งแชมป์ฟุตบอลถ้วย ฟุตบอลยุโรปต่าง ๆ มากมาย ข่าวสารของลิเวอร์พูลจึงมีปรากฏอยู่บนสื่อหนังสือพิมพ์เมืองไทยมากกว่าทีมอื่น ๆ
แล้วช่วงเวลานั้นนิตยสารเกี่ยวกับกีฬามีเพียงนิตยสารสตาร์ซ็อคเกอร์เพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่ดังที่สุด แต่ก็เป็นนิตยสารรายปักษ์ที่ออกทุก 15 วัน (สยามกีฬารายวันยังไม่มี) ทำให้ข่าวหรือผลการแข่งขันของทีมลิเวอร์พูลก็จะมาถึงล่าช้าตามไปด้วย ประมาณว่าผมอยากทราบผลการแข่งขันนัดล่าสุดแต่กว่าที่จะทราบผลได้ก็กินเวลาไปเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ทำให้คนที่คลั่งไคล้ลิเวอร์พูลอย่างผมทนไม่ไหว ผมจึงต้องหาวิธีที่จะทราบผลให้รวดเร็วมากที่สุด ซึ่งในสมัยนั้นมีอยู่หนึ่งช่องทางซึ่งก็คือการฟังวิทยุนั้นเอง โดยผมทราบจากในสตาร์ซ็อคเกอร์ว่า ถ้าอยากจะรู้ผลบอลเร็ว ๆ ก็สามารถฟังเสียงการถ่ายทอดสดได้ทางคลื่นวิทยุ ที่เรียกกันว่าคลื่นสั้น S/W ในสมัยก่อนนั้นบนหน้าปัดวิทยุจะมีช่อง FM ที่เป็นรายการเพลงสากล และช่อง AM ที่เป็นรายการเพลงลูกทุ่ง แต่ตรงกลางระหว่างช่อง FM กับ AM นั้นจะมีช่องที่เป็นคลื่นสั้น S/W ที่เวลาเปิดไปฟังมักจะเป็นเสียงซ่า ๆ โดยตลอด ต้องค่อย ๆ หมุนปุ่มจูนหาช่องไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ จนกระทั่งเจอกับเสียงบรรยายที่เป็นภาษาอังกฤษล้วน ผมจำได้ว่าทุกวันเสาร์เวลาประมาณ 3 ทุ่มจะมีการถ่ายทอดสดเสียงการแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่น 1 ของประเทศอังกฤษ ประมาณว่าถ่ายทอดสดการแข่งขันและสรุปผลการแข่งขัน โดยสัญญาณเสียงที่เมืองไทยรับได้นั้นมาจากสำนักข่าว BBC ที่อยู่ในประเทศอินเดีย ผมจำได้ว่าพอถึงวันเสาร์ตอน 2 ทุ่มผมก็จะรีบเข้าห้องนอน แล้วเอาวิทยุมาเปิดฟังรายการสดที่รายงานผลการแข่งขันตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไป จนถึงเวลา 3 ทุ่มก็เป็นการบรรยายสดการแข่งขันในแมทช์ต่าง ๆ ที่เป็นคู่เอกประจำสัปดาห์นั้น ๆ ซึ่งอาจไม่ได้ถ่ายทอดการแข่งขันคู่ที่ลิเวอร์พูลเตะทุกสัปดาห์ แต่ผมก็ฟังเกือบทุกเสาร์โดยตลอด ถ้าวันเสาร์ไหนโชคดีได้ฟังการพากษ์สดของคู่ลิเวอร์พูลก็จะนอนฟังไปจนถึง 5 ทุ่มเลย แต่ถ้าคู่ไหนไม่ใช่ลิเวอร์พูลลงเตะ ผมฟังสักพักก็ปิดวิทยุเข้านอนแล้ว เพราะว่าผมยังฟังภาษาอังกฤษไม่ออกครับ (สมัยประถมผมเรียนโรงเรียนวัด กว่าจะได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษก็ต้องรอขึ้น ป.5 ก่อนครับ) แต่ผมฟังรู้จักชื่อทีมต่าง ๆ ที่กำลังโด่งดังในสมัยนั้นเช่น ลิเวอร์พูล , อีเวอร์ตัน (สมัยก่อนสื่อในเมืองไทยออกเสียงเป็น อี แต่ช่วงหลังเปลี่ยนมาใช้เป็น แอฟ แทนครับ) สเปอร์ , อาร์เซน่อล , น๊อตติงแฮม ฟอร์เรส , โคเวนตรี้ , วูลฟ์แฮมตัน ซึ่งถือว่าเป็นทีมชั้นนำในเวลานั้นที่ทาง BBC จะเลือกเป็นคู่เอก (ช่วงนั้นแมนฯยู ยังไม่ดัง เพิ่งจะมาดังช่วงหลัง ๆ นี้เอง)
พอผมเริ่มเข้ามัธยมก็เริ่มมีข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอลอังกฤษมากขึ้น ในขณะที่ช่วงนั้นทีมฟุตบอลไทยน่ามีแค่ สโมสรทหารอากาศ สโมสรการท่าเรือ สโมสรฮากก้า สโมสรราชประชา สโมสรราชวิถี ฯลฯ การแข่งขันฟุตบอลในประเทศก็ไม่ได้มีเยอะมากเหมือนในปัจจุบันนี้ (ทัวร์เม้นท์หลัก ๆ ของฟุตบอลสโมสรไทยคือการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานควีนส์คัพ) ช่วงเวลาที่ผมยังเรียนมัธยมต้นอยู่นั้นผมไม่มีเงินพอที่จะซื้อนิตยสารสตาร์ซ็อคเกอร์อ่านเองหรอกครับ แต่อาศัยว่าผมได้ไปอ่านที่ห้องพักครูซึ่งจะมีนิตยสารสตาร์ซ็อคเกอร์และนิตยสารอื่น ๆ ที่คุณครูซื้อมาอ่านแล้วก็นำเอามาให้นักเรียนได้อ่านต่อ โดยนักเรียนที่อยากจะอ่านนิตยสารของคุณครูต้องไปนั่งอ่านในห้องพักครูเท่านั้น ผมเลยต้องไปคนเดียวเพราะไม่มีเพื่อนอยากเข้าไปในห้องพักครูด้วยเลยสักคน จำได้ว่าในช่วงนั้นผมมักจะไปดูตารางอันดับของทีมลิเวอร์พูลเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นทีมลิเวอร์พูลมักจะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงอยู่เสมอ
พอถึงประมาณ ม.3 ผมก็พอจะเริ่มเก็บเงินได้บ้างแล้ว แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กผมเลยได้ไปซื้อนิตยสารกีฬาการ์ตูนมาอ่าน จำได้ว่าเป็นนิตยสารเล่มละ 6 หรือ 7 บาท เป็นนิตยสารการ์ตูนรายเดือนที่ภายในมีการ์ตูนฝรั่งซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกีฬาต่าง ๆ ฟุตบอลก็จะมีเรื่อง ฮามิชตีนระเบิด , รองเท้าของบิลลี่ , ไมตี้เมาส์ นอกนั้นก็มีการ์ตูนกีฬารักบี้ การ์ตูนแข่งรถเรื่อง เจ้าพายุ และการ์ตูนกีฬาชนิดอื่น ๆ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ นิตยสารกีฬาการ์ตูนจะมีภาพโปสการ์ดนักฟุตบอลนักฟุตบอลแถมให้ด้วย โดยโปสการ์ดนักฟุตบอลที่แถมนั้นจะสอดไว้ในหนังสือกลางเล่ม ถ้าเปิดดูแล้วเล่มไหนไม่มีต้องรีบทวงจากคนขายเลย เพราะว่าโปสการ์ดมันอาจจะหล่นออกมา หรือว่าคนขายแอบเก็บเอาไว้เองก็ได้ (เป็นของสะสมที่มีราคา สามารถเก็บเอาไว้ขายต่อได้) รูปโปสการ์ดนักฟุตบอลที่แถมเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นภาพนักเตะลิเวอร์พูลเป็นหลัก อาทิเช่น เควิน คีแกน , แกรม ซูเน่อร์ , มาร์ค ลอร์เลนสัน ฯลฯ ส่วนนักเตะทีมอื่นที่ดัง ๆ ก็มี ออสวัลโด้ อาดิเรส ของสเปอร์ ที่เป็นนักเตะกองกลางชาวอาร์เจนติน่า แต่ใส่เสื้อเบอร์ 1 ตลอด ในช่วงนั้นผมเลยซื้อนิตยสารกีฬาการ์ตูนมาอ่านโดยตลอด
หลังจากนั้นในช่วงปี 1982 ก็มีการแช่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศสเปน โดยในปีนั้นอิตาลีได้เป็นแชมป์โลก ดาวดังจากการแข่งขันคือ เปาโล รอสซี่ ฟุตบอลโลกในครั้งนั้นเริ่มมีการนำภาพการแข่งขันมาฉายทางทีวีมากขึ้น พอถึงปี 1986 เป็นการแข่งฟุตบอลโลกที่ประเทศแม็กซิโก ซึ่งในช่วงนั้นทีวีบ้านเราเริ่มมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการแข่งขันนัดคลาสิคที่เป็นคู่ระหว่างบราซิลกับฝรั่งเศสนั้น ผมจำได้ว่าได้ดูทางทีวีอย่างตื่นเต้นตลอดการแข่งขันเลย พอหลังจากฟุตบอลโลกในครั้งนั้นจบลงทีวีช่องต่าง ๆ ก็เริ่มติดใจที่จะถ่ายทอดสดฟุตบอลมากขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลนัดต่าง ๆ เรื่อยมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟุตบอลอังกฤษคู่ชิงชนะเลิศบอลถ้วยต่าง ๆ รวมทั้งการถ่ายทอดสดการแข่งขันนัดสำคัญต่าง ๆ ด้วย ซึ่งแน่นอนที่สุดทีมฟุตบอลที่ทางทีวีถ่ายทอดสดให้ดูบ่อย ๆ ก็คือ ลิเวอร์พูล ในยุคโด่งดังของ เอียน รัช นั้นเอง ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจของผมที่ทำให้ผมเริ่มเล่นฟุตบอลด้วยครับ โดยทุกครั้งที่ผมเล่นฟุตบอลไม่ว่าจะเล่นบอลรูหนูที่เตะลูกบอลพลาสติกลูกเล็ก ๆ กับเพื่อน หรือว่าการแข่งขันฟุตบอลในโรงเรียนหรือในมหาวิทยาลัยก็ตาม ผมมักจะจินตนาการว่าตัวผมเองคือ เพชฌฆาตหน้าติดหนวด ที่ชื่อว่า เอียน รัช ทุกครั้ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นความสุขเล็ก ๆ ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่รักฟุตบอลและรักลิเวอร์พูลเป็นชีวิตจิตใจเสมอมา
แล้วผมก็เฝ้าติดตามคอยเชียร์ลิเวอร์พูลทีมโปรดของผมตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดสดในครั้งใดก็ตาม ถ้าเป็นนัดที่ลิเวอร์พูลลงสนามแล้วผมจะไม่พลาดจากหน้าจอทีวีแน่ ๆ ครับ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม ผมก็ยังคงให้กำลังใจและยืนอยู่เคียงข้างกับลิเวอร์พูลโดยตลอด ถึงแม้ว่าในการแข่งขันบางนัดผมอาจจะไม่ได้ชมการถ่ายทอดสดก็ตาม แต่ผมก็ยังต้องตามหาผลการแข่งขันทุกครั้ง ผมไม่ยอมที่จะพลาดข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับทีมลิเวอร์พูลเลย
โดยผมอาจจะกล่าวได้ว่า ...
ถึงแม้ว่าผมจะเคยรักกับแฟนมากี่คน หรือจะเคยเลิกรักกับใครมาสักกี่คนก็ตาม แต่ผมไม่เคยเลิกรักลิเวอร์พูลเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะดีหรือจะเลวสักเพียงใด ลิเวอร์พูลก็ยังคงเป็นลิเวอร์พูลที่ผมรักเสมอ แล้วผมก็คงรักลิเวอร์พูลตลอดไป โดยให้ความเป็นลิเวอร์พูลนั้นได้ไหลเวียนประสานอยู่ในตัวของผมตลอดเวลา
จากประโยคข้างต้นนี้ก็น่าจะพอบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูล เป็นแฟนหงส์แดง เป็นเด็กหงส์ จนกระทั่งกลายมาเป็น ติ่งหงส์ จนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร
ณ วันนี้ผมได้ออกตัวอย่างเด่นชัดแล้วว่า ผมเป็นติ่งหงส์ อย่างชัดเจนแล้ว แล้วตัวคุณล่ะ ... ในตอนนี้คุณรู้สึกว่าคุณเป็น ติ่ง ของอะไรบ้างไหมครับ?
อิอิ
Create Date : 30 กรกฎาคม 2556 |
|
48 comments |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2556 20:59:55 น. |
Counter : 4946 Pageviews. |
|
|
|
จะมาโหวตเรื่องกีฬาให้น้องกล่องจ๊ะ
เขียนได้ดีตามเคยจ้า แหล่ม