มีคำเก่าได้ยินมานานแล้วประโยคหนึ่ง
คือที่พูดว่า คนเราเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า
ความเชื่ออย่างนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา
และต้องระวังจะเป็นลัทธินิครนถ์
.
ที่พูดกันมาอย่างนั้น
ความจริงก็คงประสงค์ดี
คือมุ่งว่าถ้าเจอเรื่องร้าย
ก็อย่าไปซัดทอดคนอื่น
และอย่าไปทำอะไรที่ชั่วร้าย
ให้เพิ่มมากขึ้น
ด้วยความโกรธแค้นเป็นต้น
แต่ยังไม่ถูกหลักพระพุทธศาสนา
และจะมีผลเสียมาก
.
ลัทธินิครนถ์
ซึ่งก็มีผู้นับถือในสมัยพุทธกาล
จนกระทั่งในอินเดียทุกวันนี้
เป็นลัทธิกรรมเก่าโดยตรง เขาสอนว่า
คนเราจะได้สุขได้ทุกข์อย่างไร
ก็เป็นเพราะกรรมที่ทำไว้ในชาติปางก่อน
และสอนต่อไปว่า ไม่ให้ทำกรรมใหม่
แต่ต้องทำกรรมเก่าให้หมดสิ้นไป
ด้วยการบำเพ็ญตบะ
จึงจะสิ้นกรรมสิ้นทุกข์
นักบวชลัทธินี้จึงบำเพ็ญตบะ
ทรมานร่างกายด้วยวิธีต่างๆ
.
คนที่พูดว่า เราอยู่ไปเพื่อใช้กรรมเก่านั้น
ก็คล้ายกับพวกนิครนถ์นี่แหละ
คิดว่าเมื่อไม่ทำกรรมใหม่
อยู่ไปๆ กรรมเก่าก็คงจะหมด ต่างแต่ว่า
พวกนิครนถ์ไม่รอให้กรรมเก่าหมดไปเอง
แต่เขาบำเพ็ญตบะ
เพื่อทำกรรมเก่าให้หมดไป
ด้วยความเพียรพยายามของเขาด้วย
.
มีคำถามที่น่าสังเกตว่า
ถ้าไม่ทำกรรมใหม่ อยู่ไปๆ
กรรมเก่าจะหมดไปเองไหม
.
เมื่อไม่ทำกรรมใหม่
อยู่ไป กรรมเก่าก็น่าจะหมดไปเอง
แต่ไม่หมดหรอก ไม่ต้องอยู่เฉยๆ
แม้แต่จะชดใช้กรรมเก่าไปเท่าไรๆ
ก็ไม่มีทางหมดไปได้
.
เหตุผลง่ายๆ คือ
.
๑. คนเรายังมีชีวิต ก็คือเป็นอยู่
ต้องกินอยู่ เคลื่อนไหวอิริยาบถ
ทำโน่นทำนี่ เมื่อยังไม่ตาย ก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ
.
๒. คนเหล่านี้เป็นมนุษย์ปุถุชน
ก็มีโลภ โกรธ หลง
โดยเฉพาะความหลง หรือโมหะนี้
มีอยู่ประจำในใจตลอดเวลา
เพราะยังไม่ได้รู้เข้าใจ
ความจริงถึงสัจธรรม
.
เมื่อรวมทั้งสองข้อนี้ก็คือ
คนที่อยู่เพื่อใช้กรรมนั้น
เขาก็ทำกรรมใหม่อยู่ตลอดเวลา
แม้แต่โดยไม่รู้ตัว
แม้จะไม่เป็นบาปกรรมที่ร้ายแรง
แต่ก็เป็นการกระทำที่ประกอบด้วยโมหะ
เช่นกรรมในรูปต่างๆ ของความประมาท
ปล่อยชีวิตเรื่อยเปื่อย
.
ถ้ามองลึกเข้าไปในใจ โลภะ โทสะ โมหะ
ก็ผุดโผล่ขึ้นมาในใจของเขาอยู่เรื่อยๆ
ในลักษณะต่างๆ เช่น เศร้า ขุ่นมัว กังวล
อยากโน่นอยากนี่ หงุดหงิด เหงา
เบื่อหน่าย กังวล คับข้อง ฯลฯ
นี่ก็คือทำกรรมอยู่ตลอดเวลา
แถมเป็นอกุศลกรรมเสียด้วย
เพราะฉะนั้นอย่างนี้จึงไม่มีทางสิ้นกรรม
ชดใช้ไปเท่าไรก็ไม่รู้จักสิ้นสุด
มีแต่เพิ่มกรรม
.
แล้วทำอย่างไรจะหมดกรรม ?
การที่จะหมดกรรม ก็คือ
ไม่ทำกรรมชั่ว ทำกรรมดี
และทำกรรมที่ดียิ่งขึ้น
คือแม้แต่กรรมดีก็เปลี่ยนให้ดีขึ้น
จากระดับหนึ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
.
พูดเป็นภาษาพระว่า
เปลี่ยนจากทำอกุศลกรรม
เป็นทำกุศลกรรม
และทำกุศลระดับสูงขึ้นไป
จนถึงขั้นเป็นโลกุตตรกุศล
.
ถ้าใช้ภาษาสมัยใหม่ ก็พูดว่า
พัฒนากรรมให้ดียิ่งขึ้น
เราก็จะมีศีล มีจิตใจ มีปัญญา ดีขึ้นๆ
ในที่สุดก็จะพ้นกรรม
.
พูดสั้นๆ ว่า กรรมไม่หมดไป
ด้วยการชดใช้กรรม
แต่หมดกรรมด้วยการพัฒนากรรม
คือปรับปรุงตัวให้ทำกรรมที่ดียิ่งขึ้นๆ
จนพ้นขั้นของกรรมไป
ถึงขั้นทำ แต่ไม่เป็นกรรม
คือทำด้วยปัญญาที่บริสุทธิ์
ไม่ถูกครอบงำหรือชักจูง
ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ
จึงจะเรียกว่า พ้นกรรม
.
พระพรหมคุณาภรณ์
(ป.อ.ปยุตฺโต)
.............................
ขอบคุณที่มา fb. วัดป่า
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ