Group Blog
All Blog
### ความสงบ ###








..

“ความสงบ”

เวลาเรานั่งสมาธินี้ทำใจให้สงบนี้ความอยากหายไป

ความเย็นมา ความเย็นสบายไม่ต้องการอะไร

ไม่ต้องการไปไหน ไม่ต้องการมีอะไร

นี่แหละคือสิ่งที่มนุษย์เราไม่สนใจที่จะผลิตกัน

ก็คือความสงบ ถ้าเปิดโรงเรียนสอนวิธีทำความสงบ

ให้ทุกคนเรียนได้ก็ดี มันง่ายจะตายไป

โรงเรียนพระพุทธศาสนานี้

 ก็คือโรงเรียนสอนให้คนทำใจให้สงบ

ถ้าจับทุกคนมาบวชได้ก็ดี

 ทุกคนมานั่งสมาธิทำใจให้สงบได้ก็สบาย

 ไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องวุ่นวาย

ถ้าจะทำก็ทำในสิ่งที่จำเป็นจริงๆก็พอ

 หาอาหาร หาปัจจัย ๔ แค่นี้ก็พอแล้ว

 ถ้าคนทุกคนมีความสงบไม่มีความอยาก

อุตสาหกรรมต่างๆ ก็จะเหลือแต่อุตสาหกรรมอาหาร

 อุตสาหกรรมเสื้อผ้า อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย

อุตสาหกรรมยารักษาโรคภัยไข้เจ็บ

ก็มี ๔ อุตสาหกรรมนี้ที่จำเป็น นอกนั้นก็ไม่มีความจำเป็น

 อุตสาหกรรมบันเทิงนี้ตัดทิ้งไปได้เลย

ภาพยนต์ ละคร การแสดงต่างๆ นักร้อง นักแสดง

 ของต่างๆเหล่านี้จะไม่มีความจำเป็น ไม่ต้องผลิตขึ้นมา

 ไม่ต้องเดินทางไปไหนอยู่กับที่สบาย

 แล้วก็ไม่ต้องเป็นอุตสาหกรรมใหญ่

อุตสาหกรรมแบบโบราณไม่ต้องใช้อะไร

เครื่องจักรเพราะมันจะต่อเนื่องไป

ใช้เครื่องจักรก็ต้องมีโรงงานผลิตเครื่องจักร

มีน้ำมันมีอะไรต่างๆ ผลิตกันเอาเอง

ทำแบบสมัยโบราณ ทำนาทำไร่ไป เลี้ยงวัวเลี้ยงควายไป

ทำพอกินเท่านั้น ปลูกข้าวปลูกผัก ปลูกผลไม้อยู่ได้แล้ว

 อยู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ต้องใช้ร่างกายก็ได้

 ถ้ามีความสงบแล้วไม่ต้องใช้ร่างกาย

ถ้ายังมีร่างกายอยู่ก็เลี้ยงมันไป

ถ้ามีร่างกายก็อยู่แบบไม่มีร่างกายดีกว่า

จะได้ไม่ต้องหาปัจจัย ๔ มาให้ร่างกาย

ใจถ้าสงบแล้วมันไม่ต้องมีอะไร แม้แต่ร่างกายก็ไม่ต้องมี

ใจของพระพุทธเจ้า ใจของพระอรหันตสาวก

 ตอนนี้ใจของท่านก็ยังมีอยู่

เหมือนใจของพวกเราที่ยังมีอยู่ตอนนี้

 ต่างตรงที่ว่าใจของพวกเราต้องมีร่างกาย

 ต้องมีอะไรร้อยแปดพันประการ เพื่อให้ความสุขกับเรา

แต่ใจของพระพุทธเจ้า ใจของพระอรหันต์นี้

 มีอย่างเดียวคือความสงบ มีความสงบแล้วพอ

 ไม่ต้องมีอะไรอีก อันนี้แหละคือความรู้ความวิเศษ

 ของพระพุทธเจ้ารู้ในสิ่งที่มนุษย์ทั้งหลาย

ที่มีจำนวนอยู่นับไม่ถ้วนไม่รู้กัน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราต้องมี

 มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นก็คือความสงบ

ถ้าเราได้ความสงบแล้วเราไม่ต้องมีอะไร

คำว่าไม่ต้องมีอะไรก็สบาย ไม่ต้องหา

เพราะเราทุกคนเกิดมาก็ไม่มีอะไรมาก็ต้องหากัน

 เวลาหาก็วุ่นวายกัน ทำงานทำการกัน หาอะไรต่างๆ

 ทุกวันนี้มันสนุกที่ไหน สู้อยู่เฉยๆไม่ได้ อยู่เฉยๆ

กลับหาโน่นหานี่อันไหนมันสบายกว่ากัน

ถ้าเราอยู่เฉยๆ ทำใจให้สงบได้ก็ไม่ต้องหาอะไร

ถ้าร่างกายไม่มีอะไรจะกินไม่มีอะไรจะดื่มมันก็แค่ตายเท่านั้น

มีกินมีดื่มมันก็ตายเหมือนกัน

 แต่ใจที่มีความสงบแล้วไม่เดือดร้อน

กับการเป็นการตายของร่างกาย เพราะไม่ต้องใช้ร่างกาย

 ใจที่มีความสงบนี้ไม่ต้องมีอะไร ไม่ต้องมีร่างกาย

เมื่อไม่ต้องมีร่างกายมันก็ตัดเรื่อง

ที่มันเกี่ยวกับร่างกายเป็นขบวนไปหมดเลย

พอมีร่างกายมันก็ต้องมีลาภยศ สรรเสริญ

มีรูปเสียงกลิ่นรสมีอะไรตามมาเป็นขบวน

พอตัดตัวร่างกายไปตัวเดียวเท่านั้นไม่ต้องมีอะไร สบาย

ไม่มีใครฉลาดเท่ากับพระพุทธเจ้า

ทุกคนหาความสุขจากร่างกายหาความสุขจากสิ่งต่างๆ

 ที่ร่างกายสรรหามาให้ แต่หามาได้เท่าไรก็ไม่เจอคำว่าพอ

แล้วเวลาเสียไปก็เสียอกเสียใจ

 เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่หามาได้มันก็อยู่ที่ร่างกาย

 พอร่างกายตายไปทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เสียไปหมดไป

นี่คือสิ่งที่เราควรจะหากันก็คือความสงบ

 ถ้าได้ความสงบแล้วจะไม่ต้องการอะไร ไม่ต้องมีอะไร

 จะไม่เดือดร้อนเวลาเสียอะไรไป สบายตลอดเวลา

ไม่ต้องวุ่นวาย พอมีความอยากแล้ววุ่นวาย

 พอมีความอยากก็ต้องมีสิ่งนั้น

มีสิ่งนั้นก็เพื่อที่จะไปทำสิ่งโน้นต่อ

เพื่อที่จะได้สิ่งที่อยากได้มันก็เป็นลูกโซ่ไป

พระพุทธเจ้า พระอรหันต์นี้ท่านก็ยังอยู่เหมือนพวกเรา

 แต่ท่านอยู่กับความสงบ

ท่านก็เลยไม่ต้องมีร่างกายเหมือนพวกเรา

 พวกเราอยู่กับความอยากก็เลยต้องมีร่างกาย

พอมีร่างกายก็ต้องมีปัจจัย ๔

พอมีความอยากไปไหนมาไหนก็ต้องมีรถยนต์

 มีรถยนต์ก็ต้องมีน้ำมัน มีน้ำมันก็มีรถติด

มีรถชนกันมีอุบัติเหตุ มีอะไรต่างๆ

ที่กำลังมีอยู่ขณะนี้มันเกิดจาก

ความอยากไปไหนมาไหนเท่านั้นเอง

 ถ้ามันไม่อยากไปไหนมาไหน มันก็ไม่ต้องมีรถยนต์

 คนที่ไม่เข้าใจฟังแล้วก็คิดว่า

ถ้าไม่มีความอยากก็โลกนี้ก็ไม่มีอะไร ก็ไม่มีอะไร

 มีไปทำไม มีแล้วมันทุกข์ทั้งนั้น

แต่ก็เขาไม่เห็นความทุกข์จากสิ่งที่มีกัน

กลับไปเห็นว่ามีความสุขกัน มีบ้านก็มีความสุข

 มีรถยนต์ก็มีความสุข มีสามีมีภรรยามีบุตรมีธิดา

มีอะไรต่างๆมีความสุข จะไม่มีไปทำไม

เวลามันมีก็สุข เวลามันไม่มีซิ จะทำอย่างไร

เวลาไม่มีก็กระโดดตึกตาย มันไม่คิดตอนที่มันไม่มี

 เวลามีมันก็มีความสุขกัน แต่เวลามันไม่มีหรือว่ามีแล้ว

มันเบื่อจะทำอย่างไร เบื่อก็ต้องหาสิ่งใหม่

สิ่งนี้เบื่อแล้วก็ต้องไปหาสิ่งใหม่

หามาเท่าไรเดี๋ยวมันก็เบื่ออีก

นี่คือความหลง หลงไปคิดว่าความสุขอยู่ที่การมีสิ่งต่างๆ

 มองไม่เห็นความทุกข์ที่เกิดจากการมีสิ่งต่างๆ

เพราะสิ่งต่างๆมีมาก็ต้องมีไปเป็นธรรมดา

 มีได้ก็ต้องมีเสีย มีเกิดก็ต้องมีดับ

ต้องมีการพลัดพรากจากกัน

มองไม่เห็นความทุกข์มองเห็นแต่ความสุขในสิ่งต่างๆ

มองไม่เห็นความทุกข์ในสิ่งต่างๆ

พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราหัดมองว่าสิ่งต่างๆมันเป็นทุกข์

ทุกข์เพราะว่ามันต้องมีการจากกัน

ทุกข์เพราะว่ามันเบื่อกัน คนถึงมีภรรยามีสามีหลายคน

 ทำไมมีคนเดียวไม่ได้ เวลาอยากจะได้เวลาเจอกัน

ตอนที่ยัง ไม่ได้ก็อยากจะได้กันเหลือเกิน

อยากจะไปอยู่ด้วยกัน อยากจะเป็นของกันและกัน

 พอเป็นแล้วเป็นอย่างไร เบื่อแล้ว เป็นไปไม่นานก็เบื่อแล้ว

 เบื่อขี้หน้ากันแล้ว ของต่างๆ ที่เราคิดว่าจะให้ความสุขกับเรานี้

เดี๋ยวมันก็ทำให้เราเบื่อ เบื่อแล้วก็ต้องทำให้เราไปหาสิ่งใหม่มา

 หาสิ่งใหม่มาเดี๋ยวมันก็เบื่ออีก พออะไรมันจำเจซ้ำซาก

มันดีขนาดไหนก็เบื่อ ไม่เชื่อลองกินอาหารจานโปรดทุกวันดูซิ

กินวันละ ๓ มื้อ กินอาหารจานโปรด ดูซิจะกินได้สักกี่วัน

 นี่คือสิ่งต่างๆ ที่เราคิดว่าจะให้ความสุขกับเรา

มันจะกลายเป็นความทุกข์เวลาที่เบื่อมัน

หรือเวลามันจากเราไป หรือเวลามันเสียไป

มันเสื่อมไปมันเปลี่ยนไป นี่คือธรรมชาติของสิ่งต่างๆ

 ที่มีอยู่ในโลกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงมีการเสื่อมมีการหมด

 ถ้าไม่เสื่อมมันก็เบื่อ

ดังนั้นสรุปก็คือเรากำลังหลงทางกัน

เรากำลังหลงทางไปทางที่ทำให้เราทุกข์กัน

ไม่ใช่ไปในทางที่ทำให้เราสุขกัน

ทางที่จะทำให้เราสุขกันก็คือ ความสงบ

เราต้องดึงใจเข้าข้างใน ดึงออกจากรูปเสียงกลิ่นรส

 ปิดหูปิดตาปิดจมูก ลิ้นกาย คือไม่รับสิ่งต่างๆเข้ามา

 อย่าไปอ้าปาก เวลาอยากกินอย่าไปอ้าปาก

อยากดื่มอย่าไปอ้าปาก อยากดูอย่าไปลืมตาปิดตาเสีย

อยากฟังก็ปิดหู อย่าไปฟังอย่าไปดู

พุทโธๆๆดึงใจเข้ามาข้างใน ใจเข้าข้างในแล้วมีความสุขกว่า.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..............................

สนทนาธรรมบนเขา

 วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 11 สิงหาคม 2559
Last Update : 11 สิงหาคม 2559 9:34:37 น.
Counter : 659 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ