Group Blog
All Blog
### หยุดถาม หยุดสงสัย หยุดคิด ###










“หยุดถาม หยุดสงสัย หยุดคิด”

คำถามนี้มันก็มีทั้งดีและไม่ดี

ถามแล้วมันก็ทำให้เราสงสัย แล้วถ้าหาคำตอบไม่ได้

มันก็ยังทำให้เรากังวลอยู่ แต่ถ้าไม่มีคำถาม

มันก็ไม่มีความสงสัยไม่มีความกังวล

ดังนั้นบางทีถ้าเรามีคำถาม แล้วเราสงสัย

ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ก็ลืมๆมันไปเสียก็ได้

 อย่าไปคิดถึงมัน

เพราะบางทีคำถามบางอย่างก็ไม่สำคัญ

 ไม่จำเป็นจะต้องรู้ทุกอย่าง

ดังนั้นถ้าเรายังมีคำถามแล้วยังหาคำตอบไม่ได้

 ก็ปล่อยวางไปก่อนแล้วต่อไปข้างหน้า

เราอาจจะไปเจอคำตอบขึ้นมาทีหลังก็ได้

สิ่งที่เราควรรู้นี้มีไม่มาก เรารู้กันหมดแล้ว

 เพียงแต่เราทำกันไม่ได้ คือสิ่งที่เราควรรู้ก็คือ

เราควรมีสติกัน มีแค่นี้ให้รู้แค่นี้ก็พอ

ไม่ต้องไปรู้ปัญหาโลกแตกต่างๆ

 ถ้ามีสติตัวเดียว ใจสงบใจสบายแล้ว

 มันก็รู้อะไรก็ได้ ไม่รู้อะไรก็ได้ไม่สำคัญ

 สำคัญที่ใจเราสงบ ใจเราสบาย อันนี้สำคัญกว่า

 ดังนั้นทางพระพุทธศาสนานี้ จึงไม่ต้องรู้มาก

 เพียงแต่ให้รู้วิธีสร้างสติขึ้นมา

ทำอย่างไรทำให้เรามีสติ ทำให้เราหยุดความคิดต่างๆ

 พอคิดมันก็สงสัยไปหมด สงสัยเรื่องนั้นสงสัยเรื่องนี้

 พอหยุดคิด ความสงสัยก็หายไปหมด

งั้นคำตอบของคำถามของเราก็คือ

หยุดถาม หยุดสงสัย หยุดคิด

 ถ้าเราหยุดคิดได้แล้ว

 มันก็ไม่มีอะไรมาให้เราต้องสงสัย

มันไม่ได้เกี่ยวกับเราสักหน่อย

บางคนอยากจะรู้ว่า

ดวงจิตดวงวิญญาณนี้เกิดขึ้นมาจากที่ไหน

 กิเลสมาจากที่ไหน ของพวกนี้หาคำตอบไม่ได้

คำถามบางคำถามมันไม่มีคำตอบ แล้วก็หาไปก็เท่านั้น

 ได้คำตอบก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใจเราสบายแต่อย่างใด

 แต่เราสบายต่อเมื่อเรามีสติ

ถ้าเรามีสติ เราก็หยุดความคิดของเราได้

พอหยุดความคิดได้แล้วใจก็จะสบาย

ความสงบ ความสบายของใจอยู่ที่ความสงบของใจ

 ใจหยุดคิดใจก็จะสงบ หยุดคิดแล้วใจก็จะสบาย

 สบายแล้วก็ไม่สนใจว่า จะมีอะไรที่ไหนอย่างไร

ในโลกนี้จะมีกี่ประเทศจะมีคนกี่คน

 ประเทศไหนมีอะไรบ้าง

 ไม่เห็นจำเป็นต้องไปรู้มันเลย

แต่ถ้าเราคิดในทางโลกเราต้องรู้

เพราะถ้าเรารู้มากเราก็จะสามารถเอาความรู้เหล่านี้

มาหาเงินหาทองหาอะไรต่างๆ ได้

แต่สิ่งต่างๆ ที่เราหาได้ เช่นเงินทองนี้

มันไม่ได้ทำให้ใจเราสงบ ไม่ได้ทำให้ใจเราสุข

 ต่อให้เป็นมหาเศรษฐีลำดับที่ ๑ ของโลกใจก็ยังไม่สงบ

 ใจก็ยังไม่มีความสุข ใจก็ยังหิวยังอยาก

ความอยากทำให้ใจหิว อยากจะรู้มากขึ้น

 เห็นไหมพวกนักวิทยาศาสตร์รู้เรื่องโลกนี้พอแล้ว

 อยากไปรู้เรื่องของดวงดาวกันแล้วซิ

 ส่งจรวดขึ้นไปสำรวจ กับสิ่งต่างๆ ไปตามกำลังของเรา

 ถ้าเราจะทำให้เกิดความอยากเพิ่มมากขึ้น

แล้วจะทำให้เราต้องใช้เงินมากขึ้น

 เมื่อต้องใช้เงินมากขึ้นก็ต้องหาเงินมากขึ้น

 ถ้าหาไม่ได้ก็เครียด

ถ้าไม่ใช้เงินก็ไม่ต้องเครียดกับการหาเงิน

ถ้าเราหาเงินใช้เฉพาะกับสิ่งที่จำเป็น ก็ไม่ต้องหามาก

 สิ่งจำเป็นก็คือปัจจัย ๔ อาหาร ที่อยู่อาศัย

 ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม

 ถ้าเราหามาพอที่อยู่ได้มันก็ไม่ต้องใช้เงินมาก

เมื่อไม่ใช้เงินมากก็ไม่ต้องไปหาเงินมามาก

อันนี้เป็นการทำใจให้สงบในระดับหนึ่ง

ความอยากนี้ทำให้ใจเราไม่สงบกัน

 อยากแล้วอยู่ไม่เป็นสุข

 อยากแล้วต้องไปทำตามความอยาก

 แล้วถ้าไม่ได้ทำก็เครียด

หงุดหงิดรำคาญใจไม่มีความสุข

 ก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้ได้สิ่งที่อยากได้

ให้ทำในสิ่งที่อยากทำ บางทีก็อาจจะต้องไปทำบาป

เพื่อที่จะให้ได้สิ่งที่อยากได้อยากทำ

เช่นไม่มีเงิน ก็อาจจะต้องไปลักไปขโมยไปฉ้อโกง

ไปคอรัปชั่นเพื่อที่จะได้เอาเงินมาทำตามความอยาก

แล้วใช้ไปเท่าไรก็ไม่พอ

ถ้าลองเคยลักขโมยสักครั้งมันก็จะติดเป็นนิสัย

มันก็จะลักขโมยไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกจับ

 พอถูกจับทีนี้ ก็ต้องไปใช้โทษ

ไปติดคุกติดตะรางก็จะไม่สามารถทำอะไร

ตามความอยากได้ ก็จะเครียดอยู่ในคุกในตะราง

 นี่คือการที่เราปล่อยให้ใจทำอะไรตามความอยาก

ด้วยการใช้เงินทอง

พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนว่า

เราต้องหยุดใช้เงินทองตามความอยาก

 ถ้าเรามีมากเกินไป ถ้าเราไม่มีกำลังที่จะฝืน

 การใช้เงินตามความอยากก็อย่าให้มีเงิน

เอาเงินไปทำบุญทำทานแทน

เช่นอยากจะซื้อเสื้อผ้ารองเท้า กระเป๋าชุดใหม่

ทั้งๆที่มีพอใช้อยู่แล้ว ก็เอาเงินที่จะซื้อนี้ไปทำทาน

 ทำบุญเสีย มันจะได้หายอยาก

แล้วต่อไปมันจะไม่อยากจะซื้อของฟุ่มเฟือย

ของไม่จำเป็นต่างๆ เมื่อไม่ใช้ไม่มีความอยาก

 ก็ไม่ต้องไปดิ้นรน หาเงินหาทอง

 อยู่เฉยๆก็ไม่หงุดหงิดไม่รำคาญใจ

 ที่หงิดหงิดรำคาญใจก็เพราะว่าเกิดความอยาก

แล้ว ไม่ได้ทำตามความอยาก

 แต่ถ้าเราฝืนความอยากโดยไม่ใช้เงินทอง

ไปทำตามความอยาก เช่นอยากจะไปเที่ยว

 เอาเงินไปเที่ยวนี้มาอยู่วัดดีกว่า

มาทำบุญจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารอยู่ที่วัด

 ความอยากเที่ยวต่อไปมันก็จะหายไป

 ทุกครั้งอยากจะเที่ยวก็ไปอยู่วัดแทน

เอาเงินที่จะไปเที่ยวนี้ไปใช้จ่ายที่วัดเอาไปทำบุญที่วัด

 แล้วต่อไปความอยากเที่ยวมันก็จะเบาลงไป

แล้วเดี๋ยวมันก็หายไป เพราะการทำบุญ

มันก็ทำให้เราอิ่มใจ สุขใจพอใจ

ทำให้เราไม่ต้องมีความอยากที่จะไปเที่ยว

ที่อยากจะไปซื้อของฟุ่มเฟือยต่างๆ

เมื่อเราไม่มีความอยากที่จะต้องซื้อของฟุ่มเฟือย

 เราก็ไม่ต้องหาเงินให้เหน็ดเหนื่อย

เราก็ไม่ต้องไปเสี่ยง กับการทำบาปทำกรรม

 ถ้าเราหาพอมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องนี้ไม่ต้องหามาก

 เดือนละไม่กี่สตางค์ก็อยู่ได้ วันละ ๓๐๐ นี้ก็พอแล้ว

ค่าแรงขั้นต่ำ พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้สบายแล้ว

 เอาเวลาที่จะไปเที่ยว เอาเวลาที่จะไปหาเงิน หาทอง

ที่จะมาใช้ตามความอยากมาอยู่วัด

มาทำใจให้สงบกันดีกว่า

มานั่งสมาธิกันมารักษาศีลกัน

 นี่คือขั้นตอนของการทำใจของเราให้สงบ

 เราต้องฝืนความอยากกัน

เพราะความอยากนี้จะทำให้ใจเราฟุ้ง

ทำให้เราใจไม่สบาย ถ้าเราฝืนความอยากได้

ความอยากหายไป ใจจะสบาย ใจจะสงบ

 เช่นตอนนี้ เราไม่มีความอยากกัน

 เราเลยนั่งอยู่ตรงนี้ได้

ถ้ามีความอยากเดี๋ยวนั่งไม่ได้ จะต้องลุกไป

ทำอะไรตามที่อยากจะทำ

 อันนี้แหละคือการทำใจให้สงบ

 ในเบื้องต้นหยุดใช้เงินใช้ทอง

ไปทำตามความอยากต่างๆ

 แล้วก็อย่าทำบาปทำกรรม รักษาศีล ๕ ให้ดี

 เพราะถ้าไปทำบาปทำกรรมแล้ว

เดี๋ยวต้องไปรับผลบาปผลกรรม ต้องถูกลงโทษ

 ถูกจับไปติดคุกติดตะราง

อันนี้เป็นการกระทำที่จะช่วยทำให้ใจเราสงบ

พอเราฝืนความอยากที่จะทำบาปได้

ใจเราก็จะเย็นสบาย

 ถ้าเราฝืนไม่ได้ไปทำบาป ใจเราจะไม่สบาย

 ไปลักทรัพย์ไปฉ้อโกง ไปประพฤติผิดประเวณี

 ไปโกหกหลอกลวง ทำไปแล้วจะทำให้ใจเราไม่สบาย

เราต้องฝืนมันอย่าไปทำ

ไม่ทำแล้วใจเราจะเย็นใจเราจะสบาย จะมีความสุข

 ทำทานมีความสุข รักษาศีลก็มีความสุข

 สุขที่ได้จากการทำทานนี้

สู้สุขที่ได้จากการรักษาศีลไม่ได้

 แล้วก็สุขที่ได้จากการรักษาศีลนี้

 สู้สุขที่ได้จากการภาวนาไม่ได้

พอเราได้ความสุขจากการทำทานแล้ว

เราก็จะขยับขึ้นไปสู่การรักษาศีล

 ไปหาความสุขที่ดีกว่าได้ พอเรารักษาศีลได้

เราก็จะขยับขึ้นไปหาความสุขระดับของการภาวนาได้

การภาวนาก็คือการนั่งสมาธิทำใจให้สงบ

 ความสุขที่เราได้จากการทำทาน

มันก็ดีกว่าความสุขที่เราได้ จากการทำอะไร

ตามความอยากต่างๆ การใช้เงินซื้อของต่างๆ

ตามความอยาก หรือใช้เงินไปทำหรือ

ไปเที่ยวตามความอยาก

ความสุขแบบนั้นเป็นความสุขเดี๋ยวเดียว

 สู้ความสุขที่ได้จากการเอาเงินทอง

 มาทำบุญทำทานไม่ได้

 แล้วจะทำให้ความอยากใช้เงินใช้ทองนี้มันหมดไป

 เมื่อไม่ต้องใช้เงินใช้ทอง ก็ไม่ต้องดิ้นรนไปทำงาน

 แล้วก็ไปเสี่ยงกับการทำบาปกัน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

................................

สนทนาธรรมะบนเขา

 วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 20 สิงหาคม 2559
Last Update : 20 สิงหาคม 2559 9:05:51 น.
Counter : 771 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ