Group Blog
All Blog
### สุนัขขี้เรื้อน ###











“สุนัขขี้เรื้อน”

การประพฤติปฏิบัติ

ตามพระธรรมคำสอนเท่านั้น

 ที่จะเป็นเหตุพาให้ผู้ปฏิบัติ

ไปสู่ความสุขความเจริญ

และสิริมงคลทั้งหลาย

 ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติตามแล้ว

 ยากนักที่จะหวังให้สิ่งที่ดีที่งามทั้งหลาย

 ปรากฏขึ้นกับชีวิตของตน

เพราะสิ่งที่ทุกคนปรารถนา

 คือความสุขความเจริญ

ความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตนั้น

 ล้วนเป็นผลที่เกิดจากกระทำของตนเองทั้งสิ้น

 คือการกระทำทางกาย วาจา ใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำทางใจ

ที่เป็นผู้ริเริ่ม เป็นผู้สร้างผลทั้งหลาย

ให้ปรากฏขึ้นมา ถ้าใจเป็นใจที่ฉลาด

 รู้เหตุรู้ผล รู้ความจริง

ของความสุขของความทุกข์

 ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

ย่อมสามารถนำการกระทำ

ทางกายและทางวาจา

ที่จะตามมาต่อไป

ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีที่งามได้

ถ้าใจเป็นใจที่ขาดปัญญามีแต่ความหลง

 มีความไม่รู้จริง คืออวิชชาอยู่ในใจ

เป็นเครื่องผลักดันแล้ว ใจจะไม่รู้จักแยกแยะ

ว่าอะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ

อะไรเป็นเหตุของความสุข

อะไรเป็นเหตุของความทุกข์

มักจะหลงผิด คือจะมองกลับตาลปัตร

 มองตรงกันข้ามกับความเป็นจริง

มักจะเห็นความทุกข์เป็นความสุข

 เห็นความสุขเป็นความทุกข์

คือเห็นว่าการกระทำดีไม่ได้เป็นเหตุ

ที่จะนำความสุขมาให้ แต่กลับเห็นว่า

การกระทำความชั่วเป็นเหตุ

ที่จะนำความสุขมาให้กับตน

ยกตัวอย่างคนที่ไปประพฤติผิดมิชอบ

ทุจริตด้วยวิธีการต่างๆ

 เพื่อจะได้สิ่งที่ตนปรารถนามา

 เช่น ลาภยศถาบรรดาศักดิ์ต่างๆ

 เขามีความเห็นผิด

เพราะไม่รู้ว่าการกระทำทุจริตนี้

ไม่ใช่เป็นเหตุที่จะนำมา

ซึ่งความสุขและความเจริญ

แต่เพราะความหลง ความเห็นผิดเป็นชอบ

 ทำให้เขากลับเห็นว่าทำการทุจริตแล้ว

จะได้สิ่งที่ตนปรารถนามา

 เช่น ได้เงินได้ทอง เมื่อได้เงินได้ทอง

ก็สามารถนำไปซื้อตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์

 ซื้อบริษัทบริวาร ซื้อความสุขต่างๆในโลกนี้ได้

 เขาจึงกล้าที่จะกระทำบาป กระทำผิด

อันเป็นเหตุที่จะนำความเสื่อมเสียมาให้กับตน

 โดยคิดว่าเขาสามารถทำโดยไม่มีใครรู้ได้

 ไม่มีใครสามารถจับเขาเข้าคุกเข้าตะรางได้

 เขาจึงมีความกล้าที่จะกระทำสิ่งเหล่านี้

แต่เขาเห็นโลกนี้เพียงชีวิตนี้เท่านั้น

เขาไม่เห็นถึงโลกในภายภาคหน้า

ที่จะตามมาต่อไป

โลกที่เขาจะต้องไปเกิดต่อไปนั้นว่ามีจริง

 เขาคิดว่าชีวิตนี้ก็มีเพียงโลกนี้เท่านั้น

เมื่อตายไปแล้วทุกอย่างก็จบ

 จะทำบุญทำความดีขนาดไหนก็ไม่มีผลตามมา

 จะทำความชั่วทำบาปทำกรรม

ขนาดไหนก็ไม่มีผลตามมา

จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องทำความดี

ให้เสียเวลาเปล่าๆ

เพราะการทำความดีนั้นมีแต่เสีย

 เสียทั้งเวลา เสียทั้งทรัพย์สินเงินทองต่างๆ

อย่างที่ท่านทั้งหลาย

มากระทำกันเป็นประจำทุกๆวันพระ

 ต้องเสียเวลาทำมาหากิน

เสียเงินทองซื้อข้าวของต่างๆมาถวายพระ

 แต่สิ่งที่ได้นั้นเป็นสิ่งที่คนตาบอด

 คนที่มีโมหะอวิชชา ไม่สามารถเห็นได้

สิ่งนั้นก็คือความเจริญความสุขทางด้านจิตใจ

จิตใจได้รับการพัฒนาให้สูงขึ้น

มีความสุขมากขึ้น เพราะได้รับการขัดเกลา

 ได้รับการชำระสิ่งที่เป็นมลทิน

เครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย

เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง

 ให้เบาบางลงไป นี่แหละคือความเจริญที่แท้จริง

ความเจริญนี้ก็คือจิตที่มีความสะอาด

 ปราศจากมลทินเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย

 เพราะเมื่อไม่มีมลทิน เครื่องเศร้าหมองแล้ว

 ก็ไม่มีอะไรที่จะมารบกวนจิตใจ

ไม่มีอะไรมากระตุ้นให้จิตใจ

ต้องไปกระทำในสิ่งที่เป็นโทษ

เป็นบาป เป็นกรรม

เพราะจิตใจที่ไม่มีความโลภ

 ความโกรธ ความหลง

ย่อมอยู่เย็นเป็นสุขเป็นปกติ

ไม่ต้องมีอะไรมากมายมาทำให้มีความสุข

เพราะมีความสุขอยู่ในตัว ของตนเองอยู่แล้ว

 อยู่ในจิตที่ไม่มีความโลภ

 ความโกรธ ความหลง

 ซึ่งเปรียบเหมือนกับหนามยอกอก

เวลามีหนามอยู่ในอกนี้ จะขยับสักนิดสักหน่อย

ก็จะรู้สึกเจ็บขึ้นมา

ฉันใดเวลามีกิเลสตัณหาอยู่ภายในใจแล้ว

 ถึงแม้จะมีอะไรมากมายก่ายกองเพียงไร

มีทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง

 มียศถาบรรดาศักดิ์อันสูงส่ง

มีบริษัทมีบริวารที่คอยยกย่อง

สรรเสริญเยินยออยู่เสมอ

 แต่ภายในใจก็ยังมีความรู้สึกเจ็บโน่นเจ็บนี่

 คือรู้สึกขาดโน่นขาดนี่

 รู้สึกอยากได้โน่นอยากได้นี่

คืออยู่เฉยๆไม่เป็นสุข

 ต้องหาอะไรมาเพิ่มให้กับชีวิตถึงจะมีความสุข

 เปรียบเหมือนกับสุนัขขี้เรื้อน

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะหาความสุขไม่ได้

 เพราะความสุขไม่ได้อยู่กับสถานที่

 ถึงแม้จะจับสุนัขขี้เรื้อนไปอยู่ในพระราชวัง

 แต่ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาขี้เรื้อนให้หายไป

ก็ยังต้องเกาต้องคันอยู่อย่างนั้น

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ในพระราชวัง

 อยู่ในกระต๊อบ ก็ยังคันอยู่อย่างนั้น

ฉันใดจิตของคนเราก็เป็นอย่างนั้น

ถ้าตราบใดยังมีกิเลสตัณหาความโลภ

 ความโกรธ ความหลง

ความอยากต่างๆอยู่ในใจแล้ว

 ต่อให้มีสมบัติข้าวของเงินทองกองเท่าภูเขา

 มีตำแหน่งสูงๆ เป็นนายกรัฐมนตรี

เป็นประธานาธิบดีหรือพระมหากษัตริย์

ถ้าจิตใจยังไม่ได้รับการปลดเปลื้อง

หรือได้รับการชำระ

ไม่ได้รับการเอาหนามที่อยู่ในอกออกไป

 ก็ยังจะมีแต่ความเจ็บ มีแต่ความทุกข์อยู่เสมอ

 มีแต่ความหิว มีแต่ความอยากอยู่เสมอ

ทั้งๆที่สิ่งต่างๆที่มีอยู่รอบตัวนั้น

ใช้ไปสิบๆชาติก็ใช้ไม่หมด

 แต่ความรู้สึกของใจ

 ก็ยังรู้สึกไม่สบายอกไม่สบายใจ

 ไม่พอใจ ไม่อิ่มใจ

 เพราะนี่คือธรรมชาติของกิเลสตัณหาทั้งหลาย

 เป็นตัวสร้างความรู้สึกหิว

ความรู้สึกอยาก ความรู้สึกไม่พอ

ให้กับใจของสัตว์โลกทั้งหลาย

 ถ้าไม่มีคนอย่างพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้

เห็นถึงปัญหาอันนี้ เห็นถึงโทษของกิเลสตัณหา

 และเห็นวิธีการชำระ ถอดถอนกิเลสต่างๆ

ให้ออกไปจากจิตจากใจได้แล้ว

สัตว์โลกทั้งหลายจะไม่มีโอกาส

ได้พบกับความสุขเลย

 จะเป็นเหมือนกับสุนัขขี้เรื้อน

 ถึงแม้จะร่ำรวย ถึงแม้จะมีตำแหน่งสูงๆ

 แต่ภายในใจก็ยังเป็นเหมือนกับ คนอื่นๆทั่วๆไป

 ยังมีความหิวมีความอยากอยู่

เหมือนกับขอทานข้างถนน

เพราะการมีทรัพย์มากมายเพียงไรก็ตาม

 มีตำแหน่งสูงขนาดไหนก็ตาม

 ไม่ได้เป็นตัวแก้ปัญหา ที่สร้างความหิว

สร้างความอยากอยู่ภายในใจ

สิ่งที่จะแก้ปัญหาของใจได้ ก็คือ

การทำจิตใจให้สะอาดหมดจด

การจะทำให้จิตใจปราศจากความหิว

 ความอยากนั้นต้องใช้ธรรมะ

ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

 เพราะธรรมะนี้แหละเป็นเครื่องซักฟอกจิตใจ

 เป็นเครื่องถอดถอนกิเลสตัณหา

ความอยากทั้งหลาย ให้หมดไปจากจิตจากใจได้

 เพราะพระพุทธเจ้าได้ใช้มาแล้ว

 ได้ประสบความสำเร็จจากการประพฤติปฏิบัติ

ตามธรรมอันประเสริฐแล้ว

ใช้ธรรมะเป็นเครื่องมือต่อสู้

 ถอดถอนกิเลสตัณหาทั้งหลาย

ให้ออกไปจากจิตจากใจได้แล้ว

นอกจากธรรมะอันประเสริฐนี้แล้ว

ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะสามารถถอดถอน

ชำระกิเลสตัณหาที่มีอยู่ภายในใจ

ให้หมดสิ้นไปจากใจได้

 พระพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลแรกในโลก

 ที่ค้นพบพระธรรมอันประเสริฐนี้

 แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติ

ชำระพระทัยของพระองค์จนสะอาดหมดจด

 กลายเป็นจิตที่บริสุทธิ์ เรียกว่าบริสุทธิ์พุทโธ

 พุทโธก็คือผู้รู้ บริสุทธิ์ก็คือความสะอาด

ผู้รู้นี่ก็คือใจ ใจที่สะอาด

ก็หมายถึงใจที่ได้รับการชำระ

ด้วยธรรมะอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าแล้ว.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.......................

กัณฑ์ที่ ๑๘๔ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๖

 (กำลังใจ ๑๓)

“สุนัขขี้เรื้อน”






ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 09 ตุลาคม 2559
Last Update : 9 ตุลาคม 2559 9:18:29 น.
Counter : 655 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ