ชีวิตยังไม่สิ้น
ชีวิตยังไม่สิ้น

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ติชิลา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของความหวังที่เป็นจริง

"เปิ้ล" มาหาดิฉันทำไม? เธอต้องการความช่วยเหลือหรือมาร่ำลากันแน่? ถ้าเป็นอย่างแรก ดิฉันจะช่วยเธอได้ยังไงกัน?

"ปภาดา" คือชื่อจริงของเธอค่ะ แต่ทุกคนในบริษัทเราเรียกเธอว่า "เปิ้ล" ฟังแล้วก็สมชื่อที่สุด เพราะเปิ้ลสดสวย เปล่งปลั่ง สดใส เหมือนแอปเปิ้ลที่เพิ่งถูกเด็ดจากขั้ว...แทบจะส่งกลิ่นหอมละมุนด้วยซ้ำไป

เธอมาปรากฏกายให้ดิฉันเห็นได้ยังไงหนอ ทั้งๆ ที่...

ดิฉันขอเล่าตั้งแต่แรกก็แล้วกันค่ะ!

เราทำงานอยู่บริษัทหลักทรัพย์ด้วยกันแถวย่านดาวน�ทาวน์ของกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะเป็นคนที่ชอบไปถึงที่ทำงานเร็วกว่าเพื่อนกันทั้งคู่ ก่อนแปดโมงเช้ามักจะพบกันที่ลานจอดรถหรือไม่ก็หน้าประตูลิฟต์ นานๆ ถึงจะมีเพื่อนหรือพนักงานจากบริษัทอื่นๆ มาสมทบกันที่นั่น

เปิ้ลสวยเหมือนก้าวออกมาจากหนังสือแฟชั่น ใบหน้าติดยิ้ม เข้าใกล้จะได้กลิ่นหอมกรุ่นจนพวกผู้ชายที่ขึ้นลิฟต์พร้อมกันจะหันมอง บ้างก็ทำเป็นสูดลมหายใจแรงๆ

"ใครหนอ ทั้งสวยทั้งหอมจนไม่อยากให้ลิฟต์ถึงเร็วๆ เลยแฮะ! ชื่นใจ้ชื่นใจ"

เปิ้ลทำหน้าตาย ก่อนจะหันมายิ้มอารมณ์ดีกับดิฉัน...เราไม่ถึงกับสนิทสนมกันหรอกค่ะ เพราะดิฉันต้นสามสิบแล้ว แต่เธอเพิ่งจะเบญจเพส มีเพื่อนสนิทในวัยไล่เลี่ยกันทั้งนั้น

นอกจากสะสวย ดูหวานใสไปทั้งหน้าตาและเนื้อตัว เปิ้ลยังมนุษยสัมพันธ์ดีมาก พูดหวานขานเพราะ มีน้ำจิตน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่ก็เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ใจอ่อนหรืออ่อนแอจนถูกใครชักจูงได้ง่าย รู้จักปฏิเสธอย่างนุ่มนวล แต่ตรงไปตรงมาน่านับถือ

วันหนึ่ง ดิฉันไปถึงลิฟต์ก่อนแปดโมงเกือบ 15 นาที คิดว่าเปิ้ลยังไม่มาเพราะไม่เห็นรถของเธอ แต่ที่ไหนได้ล่ะ เปิ้ลมายืนคอยลิฟต์อยู่ก่อนดิฉันแล้ว...ทักทายกันเสร็จก็พอดีประตูลิฟต์เปิด ออก ดิฉันก้าวเข้าไปก่อนตามความเคยชิน...ประตูลิฟต์ปิดสนิท ดิฉันหันมาหาเธอ แต่เปิ้ลไม่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆ เหมือนเคย!

อะไรกันนี่? จะว่าเปิ้ลเข้าลิฟต์ไม่ทันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะมีเรารอกันอยู่สองคนเท่านั้น! ทำไมเธอไม่ตามเข้ามา...ดิฉันรู้สึกหนาวเยือก ขนลุกซ่าไปทั้งตัว ปากคอแห้งผากบัดดล

คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก คอยชะเง้อมองดูเปิ้ลแต่กลับเห็นแต่คนอื่นๆ เดินเข้ามาในห้องทำงาน...ปรากฏว่าเปิ้ลเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน อาการโคม่าอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อค่ำวาน!

จะว่าผีหลอกก็ไม่ใช่ เพราะเธอยังไม่ตายนี่นา

หรือจะเป็นเจตภูตที่ล่องลอยออกจากร่างมาที่บริษัทเพราะเป็นห่วงงาน?

เพื่อนๆ ของเปิ้ลไปเยี่ยมเธอทุกวัน ดิฉันคอยถามข่าวก็ได้ความว่าเธอยังไม่ได้สติ พ่อแม่แทบจะขาดใจตาย เพื่อนๆ ก็น้ำตาไหลกันทุกคน...เปิ้ลมีทีท่าว่าจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอดกาลค่ะ!

"โธ่! เปิ้ล" ดิฉันสะท้อนใจเมื่อนึกถึงหน้าสวยๆ นัยน์ตากลมโตสุกใส เรือนร่างอรชรคล้ายนางแบบ...ต่อไปนี้จะไม่มีเปิ้ลในบริษัทของเราอีกแล้ว

เวลา ผ่านไปราว 7 วัน...ดิฉันก็เห็นเปิ้ลยืนตัวตรงอยู่หน้าลิฟต์ นัยน์ตาที่มองมาดูเศร้าโศก วิงวอน ดิฉันหลุดปากเรียกชื่อเธอด้วยความดีใจ...หายแล้วหรือเปิ้ล...

ประตูลิฟต์เปิดออก ดิฉันเอื้อมไปจับมือเธอเพื่อก้าวเข้าลิฟต์ด้วยกัน แต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า...ประตูปิด มีดิฉันคนเดียวในลิฟต์อันเวิ้งว้าง และเยือกเย็นสิ้นดี!

ตอนแรกนึกว่าเปิ้ลตายแล้ว แต่เพื่อนที่แวะเยี่ยมตอนเช้ามาเล่าว่าอาการยังทรงอยู่ตามเดิม...ดิฉันไม่ กล้าเล่าให้ใครฟังหรอกค่ะ นอกจากจะรู้สึกสับสนวุ่นวายว่าเปิ้ลมาปรากฏตัวให้เห็นทำไม? เพื่ออะไร? ดิฉันไม่ได้ตาฝาดไปเองแน่นอน

เย็นนั้น ดิฉันตัดสินใจไปเยี่ยมเปิ้ลกับเพื่อนเธออีกสองคน

ภาพ ในห้องไอซียูน่าสลดหดหู่เหลือเกิน เล่นเอาดิฉันตาลายพร่าเมื่อเห็นร่างบอบบางนอนหงายแน่นิ่ง ผิวขาวซีด หลับตาพริ้ม มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ดิฉันแสบร้อนไปทั้งเบ้าตาขณะเอื้อมมือไปกุมมือเย็นซีดของเธอไว้ พลางกระซิบบอกใกล้หู

"อดทนหน่อยนะจ๊ะ เปิ้ลจ๋า ไม่ช้าเธอจะหายดีตามเดิม อย่าสิ้นหวังเป็นอันขาด เธอต้องต่อสู้เข้มแข็งเข้าไว้ ถึงแม้รอบๆ ตัวเธอจะหม่นหมองแค่ไหนก็ตาม...อย่าท้อ! อย่าหมดกำลังใจ วันหนึ่งเธอจะหายดี จะหัวเราะรื่นเริงได้ตามเดิม"

ทำนองนั้นแหละค่ะที่ดิฉันพร่ำบอก รู้สึกมือเธออบอุ่นขึ้นมาด้วยสายเลือด ขยับนิดหน่อย แต่ก็ทำให้ดิฉันขนลุกซู่...เปิ้ลคงรับรู้ และมุ่งมั่นจะยื้อชีวิตของตัวเองกลับคืนมาให้จงได้

ตั้งแต่วัน นั้นดิฉันก็ไม่เห็นเธอที่หน้าลิฟต์อีกเลย! อีกราวสองเดือนเปิ้ลก็ทุเลาจนกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ในที่สุดก็กลับมาเป็นเปิ้ลที่สดสวยและเข้มแข็งในบริษัทของเราตามเดิม!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREk1TVRJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHhNaTB5T1E9PQ==



Create Date : 12 มกราคม 2553
Last Update : 12 มกราคม 2553 0:11:17 น.
Counter : 2471 Pageviews.

0 comment
เสียงร้องจากวิญญาณ
เสียงร้องจากวิญญาณ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"พิมพ์มาดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเตือนใจทาสสุรา

น้อง เพียวเป็นผู้หญิงที่ดิฉันรู้จัก ถึงจะไม่สนิทสนมแต่ก็ทักทายกันทุกวัน เธออยู่ถัดจากบ้านดิฉันไปแค่สองหลัง ตอน เช้าตรู่เวลาออกมาใส่บาตร ก็จะแลเห็นเธอซ้อนรถจักรยานของ พี่สาวไปโรงเรียนด้วยกัน เมื่อเห็นดิฉันเธอก็จะยิ้ม โบกมือหย็อยๆ

ดิฉันเอ็นดูเธอจริงๆ เห็นกันมาตั้งแต่อนุบาล ตอนนี้จวนจบ ป.6 เข้า ม.1 แล้ว ซึ่งก็คงไม่แคล้วโรงเรียนใกล้บ้านนี่ละค่ะ ได้ข่าวว่าเรียนเก่ง ชอบคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ด้วย นับว่าเป็นความหวังของพ่อแม่เชียวละ

ครอบ ครัวเธอหาเช้ากินค่ำ แม่ขายข้าวแกง พ่อเป็นข้า ราชการชั้นผู้น้อย พี่สาววัยรุ่นนั้นถึงจะเรียนไม่เก่งแต่ก็เป็นเด็กดี ช่วยแม่ตัวเป็นเกลียว

ท่าทางครอบครัวนี้คงจะไปได้สวย แต่โชคชะตาก็โหดเหี้ยมกับพวกเขาเหลือเกิน นึกแล้วสงสารจับใจ

เช้า วันหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ย่างเข้าหน้าหนาวแบบนี้ละค่ะ ตอนนั้นดิฉันใส่บาตรเสร็จพอดี ฟ้าสางแล้วล่ะ พระท่านกำลังเดินกลับวัด เกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว พี่พรกับน้องเพียวเพิ่งขี่จักรยานผ่านหน้าไป เรายิ้มทักทายและโบกมือให้กันเหมือนเช่นทุกวัน...

ทันใดนั้น ดิฉันได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์บึ้มมาแต่ไกล และแล้วก็...ปัง! ดังสนั่น

ด้วยความสังหรณ์ใจ ดิฉันรีบวางถาด แล้ววิ่งออกไปชะเง้อ มอง...นั่นไง!

ชาว บ้าน 2-3 คนวิ่งผ่าน รวมทั้งคนขับตุ๊กตุ๊กที่มารับแม่ของน้องเพียวขนของไปขายตลาด เสียงแม่น้องเพียวกรีดร้องไม่เป็นภาษา คนเป็นพ่อหน้าซีดเผือด ตาเบิกโพลง ทั้งคู่วิ่งไปพร้อมๆ กับชาวบ้าน

ตรงโค้งแรกห่างออกไปราว 20 เมตรนั่น...จักรยานล้มคว่ำ มีมอเตอร์ไซค์ล้มกระเด็นไปคนละทาง ร่างของเด็กสองคนถอยอยู่กับพื้นเหมือนตุ๊กตาผ้าที่ใครขว้างทิ้ง

ดิฉัน ไปถึงพอดีกับที่น้องพรยันตัวลุกขึ้นอย่างมึนงง แต่น้องเพียวที่กระเด็นห่างออกไปซิคะ เลือดกำลังไหลจากศีรษะเป็นลิ่มๆ อย่างน่ากลัว มันแดงฉานนองพื้นถนน ใครบางคนจับเธอพลิกหงาย...ดิฉันเห็นใบหน้าที่เคยน่ารักกลับถลอกปอกเปิก เปื้อนฝุ่น สีหน้านั้นเฉยเมยดวงตาลืมโพลงแต่ไร้จุดหมาย ไร้ชีวิต สงบนิ่งโดยไม่มีวี่แววตระหนกตกใจ

เธอตายสนิทในชุดนักเรียนประถมปลาย สะพายเป้อยู่ข้างหลัง!

งานศพน้องเพียวเศร้ามาก แม่เป็นลมแล้วเป็นลมอีก ลูกสาวเธอเสียชีวิตเพราะคนเมาเหล้าที่บึ่งมอเตอร์ไซค์โดยใช้ซอยเราเป็นทางลัด

ดิฉัน ยังจำได้ถึงค่ำคืนที่หนาวเยือก ลมพัดกรูเกรียว ใบไม้แห้งระไปกับพื้นเสียงกรอบกราว...ซอยเราเหงาจับใจ ไฟถนนที่สว่างจ้าไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นเลย ผู้คนหลบเข้าบ้านเงียบกริบตั้งแต่หัวค่ำ เด็กๆ ไม่ขี่จักรยานไปซื้อของกินเหมือนปกติ

พวกเขากลัวผีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ค่ะ!

ใครๆ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ฮือๆ ในยามดึกสงัดกันทั้งนั้น

แม้ แต่ดิฉันเองก็ยอมรับว่ากลัวมาก ไม่กล้าแม้แต่จะเดินออกจากตัวบ้านไปยังสนามหญ้าเช่นเคย ได้แต่อยู่ในบ้านกับลูกๆ เปิดทีวีเสียงดังๆ และเปิดไฟรอบๆ ด้าน เจ้าหมาตัวเล็กก็เห่าบ๊อกๆ แล้วครางโหยหวน มันเห็นสิ่งที่เราไม่เห็นแน่ๆ

ทุก คนพูดกันว่า น้องเพียวมาแต่เข้าบ้านไม่ได้ มีแต่พ่อกับแม่ของเธอเท่านั้นที่ออกมาชะเง้อหาลูกที่เหลือแต่วิญญาณ และพยายามพาลูกเข้าบ้านแต่ไม่สำเร็จ

น้องเพียวร้องไห้ให้ชาวบ้านได้ยินทุกคืน!!

ในที่สุด ซอยเราก็ร่วมใจกันทำบุญครั้งใหญ่ บอกน้องเพียวให้รู้ว่าเธอตายแล้วไปสู่สุคติเถิด ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น

หลังจากคืนนั้น น้องเพียวก็เงียบเสียงไป แต่อีกนานเชียวล่ะกว่าทุกคนจะกล้าออกจากบ้านยามที่ค่ำมืด

ครอบครัวของน้องเพียวนั้นย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วค่ะ บ้านเดิมก็มีคนมาอยู่ใหม่แล้ว ทิ้งไว้แต่ตำนานและเรื่องเล่าขานที่แสนเศร้า เด็กดีคนหนึ่งซึ่งเป็นความหวังของพ่อแม่ ต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของคนขี้เมา

ใกล้ จะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ใครชอบดื่มเบียร์ก็เชิญตามสบายนะคะ ไม่มีใครห้ามหวง ขอร้องแต่อย่าขับรถเท่านั้น! เพราะอุบัติเหตุเกิดจากความมึนเมามากมายเหลือเกิน ถ้าเดือดร้อนเฉพาะตัวเองก็แล้วไป แต่ส่วนใหญ่พลอยทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ได้รับบาดเจ็บจนถึงเสียชีวิต ส่วนหนึ่งกลายเป็นคนพิกลพิการ หมดอนาคตไปชั่วชีวิต

"ดื่มไม่ขับ" เพื่อตัวของคุณเองและคนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกับคุณด้วยนะคะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREk0TVRJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHhNaTB5T0E9PQ==



Create Date : 28 ธันวาคม 2552
Last Update : 28 ธันวาคม 2552 20:48:25 น.
Counter : 860 Pageviews.

1 comment
วิญญาณหลอน
วิญญาณหลอน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ณิษา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคอนโดฯ ผีสิง ดิฉัน ซื้อคอนโดมิเนียมอยู่ที่ลาดพร้าว และเจอเหตุการณ์แปลกประหลาดมาตลอด พอสืบค้นถึงเบื้องลึกเบื้องหลังแล้ว...หนาวเลยค่ะ!

คอนโดฯ แห่งนี้สร้างมาได้ไม่ถึงสองปี ทั้งใหม่และน่าอยู่มาก เจ้าของเดิมของห้องที่ดิฉันซื้อต่อนั่นเป็นครอบ ครัวนักธุรกิจ สามีญี่ปุ่นภรรยาไทย มีลูกสาวเล็กน่ารักสองคน ดูๆ แล้วเป็นห้องที่เรียกได้ว่าใสสะอาด ไม่มีเรื่องผีๆ สางๆ แน่...ดิฉันเป็นคนกลัวผีนะคะ

เราอยู่ที่นี่กันสามคน พ่อ แม่ และลูก กับคุณแม่สามีวัย 70 เศษ สุขภาพแข็งแรง ส่วนลูกสาวเพิ่งจะวัยรุ่นอายุ 13 เรียนโรงเรียนนานาชาติ สามีทำงานบริษัทระดับผู้บริหาร ส่วนดิฉันเป็นแม่บ้านเต็มตัว ทำงานบ้าน ทำกับข้าว รับส่งลูกสาวและคอยบริการคุณแม่สามี...ท่านไม่เคยอยู่เฉยๆ เลยค่ะ ถ้าไม่ไปค้างบ้านเพื่อนก็ไปเที่ยวต่างประเทศกับกรุ๊ปทัวร์

ส่วนใหญ่เวลากลางวันดิฉันจึงมักจะอยู่บ้านตามลำพัง

ห้อง ของเราอยู่ที่ชั้น 21 สูงลิบลิ่ว วิวดี ไม่เหงา แต่ถ้าเปิดประตูออกมาจะรู้สึกเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างพิกล เพราะเหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครสักคน ต่างก็อยู่ในห้องของตัวหรือไม่ก็ทิ้งห้องปิดไว้ไปทำงาน ถ้าอยากเจอมนุษย์มนาก็ต้องไปชั้น 15 ซึ่งจัดเป็นสวน มีต้นไม้ มีซุ้มเก้าอี้ชิงช้า และบริเวณให้ได้เดินเล่นหรือจ๊อกกิ้งก็ได้ หรือไม่ก็โน่น...ลงชั้นล่างเลย เพราะมีซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายของ ร้านทำผม คอฟฟี่ช็อป

พูดถึงเหตุการณ์ที่ดิฉันเจอ ทีแรกก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แต่รู้สึกได้ว่าสิ่งของต่างๆ มันเคลื่อนย้ายได้เอง...แบบที่เขาเรียกว่าโพลเตอร์ไกสต์ไงล่ะคะ!

ปรากฏการณ์แรกสุดที่ดิฉันสัมผัสได้เกิดขึ้นหลังจากเพิ่งเข้าอยู่ได้ 2-3 วัน

วัน นั้นเป็นตอนบ่าย ดิฉันอยู่คนเดียว กำลังปอกขิงอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเพื่อจะทำขิงดอง โต๊ะกินข้าวจัดเป็นโต๊ะยาว หัวโต๊ะสองด้านมีเก้าอี้ด้านละตัว ส่วนด้านข้างจะมีเก้าอี้ด้านละสามตัว ตอนนั้นดิฉันนั่งหัวโต๊ะ เก้าอี้ทุกตัวจัดวางอย่างเข้าที่เรียบร้อย

ดิฉัน ลุกไปปิดเตาแก๊สที่เคี่ยวน้ำตาลกับน้ำส้มสายชูแล้วเดินกลับเข้ามา แต่ก็ต้องงงงันที่เก้าอี้ทุกตัวถูกดึงออกจากที่ของมัน ดูระเกะระกะเหมือนมีใครมานั่งแล้วเพิ่งลุกออกไป! มันน่าขนลุกเอาการ และทำให้ดิฉันรู้สึกว่าเมื่อตะกี้เราคิดไปเองรึเปล่าว่ามันเป็นระเบียบกว่า นี้?

อีกอย่างหนึ่งคือในห้องนอน เตียงที่ดิฉันปัดแล้ว เอาผ้าคลุมแล้วมักถูกเลิกออกจนยุ่งเหยิง หมอนมีรอยบุ๋มเหมือนมีใครมาหนุนนอน!

หนังสือ อ่านเล่นของลูกสาวมักจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย บางทีดิฉันก็ดุว่าแกสะเพร่าไปลืมไว้ที่อื่น หนังสือดีๆ แพงๆ ก็ทำหาย แต่ 2-3 วันต่อมามันกลับมาวางหราอยู่บนเตียงของลูกอย่างน่าอัศจรรย์

แว่นอ่านหนังสือของคุณย่าหายบ่อยที่สุด แล้วจะโผล่กลับคืนมาเอง

ม่านหน้าต่างที่เปิดไว้ชอบรูดปิดได้เองด้วย เมื่อดิฉันเดินออกจากห้อง จนบางทีก็ไม่แน่ใจว่าผีหลอก หรือตัวเองเป็น อัลไซเมอร์

วัน หนึ่งคุณแม่สามีเปรยว่าท่านไม่ชอบอยู่ที่นี่ เพราะตาฝาดเห็นคนเดินแว่บไปแว่บมาในห้องท่านอยู่เป็นประจำ แถมท่านรู้สึกคล้ายถูกแกล้ง เดี๋ยวแว่นหายเดี๋ยวกระเป๋าสตางค์หาย

ดิฉันเองเคยโกรธสามีเพราะได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงจากเขา เหมือนมันติดเสื้อผ้ามายังงั้นแหละ

ตอน ดึกๆ เรามักได้ยินเสียงแมวรึทารกก็ไม่รู้ร้องเบาๆ อย่างน่าสงสาร ออกมาดูก็ไม่เห็นมีอะไร นั่นไม่ร้ายเท่า กับยามดึกสงัดที่เราอยากเข้าห้องน้ำ แต่มันไม่ว่างสักที! ใครบางคนอยู่ในนั้น ทำอะไรกุกๆ กักๆ แต่เมื่อตรวจดูสมาชิกในบ้านก็พบว่ายังนอนหลับปุ๋ยกันทุกคน...แล้วใครล่ะคะ ในห้องน้ำนั่น?!

ในที่สุดคุณแม่สามีก็สืบจากเจ้าของร้านทำผมจนพบ ว่าห้องนี้มีคนอยู่มาสามเจ้าแล้วค่ะ ดิฉันเป็นรายที่สี่ ส่วนสองรายแรกอยู่ได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องเผ่น เพราะอะไรทราบไหมคะ?

เจ้า ของห้องเดิมคือรายแรกสุด มีลูกเล็กๆ สองคน อยู่อนุบาลกับยังแบเบาะ พวกเขาประสบอุบัติเหตุ รอดชีวิตมาคนเดียวคือเด็กผู้หญิงที่อยู่อนุบาล ทุกวันนี้เด็กไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ...นี่เองเป็นคำตอบของสิ่งที่รบกวน ดิฉันอยู่เป็นประจำ คือมักจะหูแว่วได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกหา "น้องแป้ง...น้องแป้งอยู่ไหนลูก..."

เฮ้อ! ตอนนี้พวกเรากำลังบอกขายที่นี่ไปซื้อที่ใหม่แล้วละค่ะ ใหม่จริงๆ เราเป็นเจ้าของรายแรกเลย อีกสองสัปดาห์เราก็จะย้ายไปแล้ว...

ว่า แต่...ในสองสัปดาห์ต่อจากนี้ดิฉันจะเจอกับอะไรก็ไม่รู้ มันหนาวๆ พิกล ได้แต่สวดมนต์และเปิดไฟสว่างจ้ากันทุกคืนเลย...ไม่อยากขนหัวลุกค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3lNREkwTVRJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHhNaTB5TkE9PQ==



Create Date : 28 ธันวาคม 2552
Last Update : 28 ธันวาคม 2552 20:44:08 น.
Counter : 680 Pageviews.

0 comment
วิญญาณที่กลับมา
วิญญาณที่กลับมา

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ปวีร์" เล่าถึงภาพหลอนสุดสยองขวัญ

การเห็นภาพหลอนนี่เป็นประสบการณ์ที่น่าขนหัวลุกจริงๆ นะคะ บางคนจะเห็นสิ่งที่คนอื่นมอง ไม่เห็น เราไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงในอีกมิติหนึ่ง หรือเป็นภาพที่สมองอันผิดปกติของคนคนนั้นสร้างขึ้นมาเอง

จำหนังเรื่อง "อะ บิวตี้ฟูล มายด์" ได้ไหมคะ?

หนัง สร้างจากเรื่องจริงของจอห์น ฟอบส์ แนช (รับบทโดย รัสเซลล์ โครว์) เขาเป็นนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ จากผลงานทฤษฎีเกม เขาเป็นคนเก่งมาก มีความมุ่งมั่น ค้นคว้า แต่ขณะเดียวกันก็มีความผิดปกติของสมอง

เขาเห็นและเป็นเพื่อนกับนัก สืบหน่วยราชการลับ และช่วยงานกันมานาน และยังเห็นเด็กผู้หญิงน่ารักเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ปรากฏว่าทุกคนคือภาพหลอน เขาบอกเด็กผู้หญิงคนนั้นว่าเธอไม่มีตัวตน เพราะเวลาผ่านไปเป็นสิบปีแต่เธอไม่เคยโตขึ้นเลย

แนชไม่ได้รักษาอาการนี้ เพราะมีผลต่อความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเขา และเขาก็ยังเห็นเด็กผู้หญิงแสนเศร้าคนนั้นมาตลอด!

กลับมาเรื่องที่ดิฉันกำลังจะเล่าดีกว่านะคะ เพื่อจะได้ไม่เป็นการเสียเวลา

มัน เป็นประสบการณ์สยองของดิฉันเอง เกิดขึ้นใน รีสอร์ตที่เชียงรายเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว เราจองบ้าน หรือที่จริงคือกระท่อมเล็กๆ น่าอยู่ติดกันสองหลัง ไปกันสามครอบครัว คุณแม่กับครอบครัวน้องชายดิฉันอยู่หลังหนึ่ง ครอบครัวดิฉันกับพี่สาวอยู่อีกหลังหนึ่งซึ่งเล็กกว่าเป็นกระท่อมไม้กรุกระจก โดยรอบทำให้โปร่งตา มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม

เรื่องเกิดขึ้นในเช้าของวันที่เรากำลังจะเดินทางกลับ...

ดิฉัน เก็บข้าวของลงกระเป๋าเดินทางไม่เสร็จสิ้นสักที คนที่มีลูกเล็กๆ ตั้งสามคนก็แบบนี้ล่ะค่ะ วุ่นวายพิลึกละ ดิฉันให้สามีกับลูกไปกินอาหารมื้อเช้ากับคุณแม่และพี่สาวที่หลังโน้น จากนั้นดิฉันก็กลับมาที่บ้านพักตามลำพัง

พอเดินมาถึงดิฉันก็ต้องชะงักและแปลกใจมาก ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในบ้าน เธอมาได้ยังไงไม่รู้ แต่ท่าทางเหมือนอยู่ที่นั่นมานานแล้ว!

ภาพ ของเธอติดตามาจนบัดนี้...เธอเป็นฝรั่งค่ะ ท่าทางเป็นชาวยุโรป อายุราวหกสิบ ตัวเล็ก บอบบาง สวมชุดกระโปรงติดกันสีขาวดอกน้ำเงิน คอเชิ้ตยาวเลยเข่า แขนสามส่วน มีเข็มขัดรอบเอวเล็กๆ นั่น และมีผ้าพันคอเป็นลายตารางสีเขียวแก่สลับขาว ผมเธอเป็นสีขาวดอกเลาทั้งศีรษะ หยิกสลวยขอดกอดกันเป็นกลุ่มก้อนยาวแค่บ่า ใบหน้าเป็นรูปไข่เรียวเล็ก

เธอกำลังทำงานบ้านค่ะ! จะว่าเข้าบ้านผิดน่ะไม่ใช่แน่ ดิฉันถึงว่าเธอมีท่าทางว่าได้อยู่ที่นั่นมานานแล้วไงคะ เธอเดินไปเดินมาอย่างแคล่วคล่องว่องไว และเพิ่งวางมือจากการจัดหนังสือ แล้วเดินไปเช็ดกระจกหน้าต่าง

ดิฉันตกใจจริงๆ ขนลุกด้วย แล้วรีบวิ่งกลับมาที่บ้านพักของพี่สาว บอกให้รีบมาดูอะไรด้วยกันหน่อย พี่กับคุณแม่และน้องชายกับภรรยากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามกันมา...พอมาถึงฉันยัง เห็นแหม่มคนนั้นตั้งหน้าตั้งตาเช็ดกระจกอย่างขยันขันแข็ง แต่คนอื่นๆ ไม่เห็นอะไรเลย

ดิฉันแทบร้องไห้ ความกลัวประดังประเดขึ้นมาอย่างสุดบรรยาย

กลัว ว่าสิ่งที่เห็นคือภาพหลอนอย่างในหนังบิวตี้ฟูล มายด์ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็แปลว่าดิฉันสมองผิดปกติ หรือสมองเสื่อม! กลัวว่าตัวเองเป็นโรคประสาท กลัวว่านั่นคือผี!

เชื่อไหมคะ ดิฉันจะโล่งอกมากถ้านั่นคือผี เพราะแสดงว่าดิฉันปกติดีไงคะ

ทว่า ที่น่าขนลุกที่สุดก็คือ ถ้าเป็นผี เธอผู้นั้นน่าจะหายไปได้แล้ว แต่ดิฉันยังเห็นเธอทำอะไรต่อมิอะไรง่วนอยู่คนเดียว บอกตรงๆ ว่าดิฉันไม่กล้าไปจัดกระเป๋าต่อ มิไยที่แม่จะบอกว่าไม่มีอะไร และจะเข้าไปเป็นเพื่อน ดิฉันไม่ยอมเข้าไปและไม่ยอมให้ใครเข้าไปด้วย...ก็ดิฉันยังเห็นอยู่น่ะซีคะ!

ในที่สุด พวกเขาต้องพาดิฉันมาอยู่กับสามีและลูกๆ แล้วเข้าไปเก็บข้าวของ ขนกระเป๋าออกมาให้เรียบร้อย ดิฉันเสียขวัญมากๆ

เพิ่งมารู้ความจริงเมื่อหลายเดือนก่อน น้องชายไปสืบจากคนที่รู้จักกับเจ้าของรีสอร์ตแห่งนั้น

เรื่อง ของเรื่องคือ บ้านพักของดิฉันเคยมีฝรั่งมาเช่าอยู่กันสองสามีภรรยา เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ รักเมืองไทยมาก เช่าอยู่เป็นปีเลยค่ะ แล้วก็กลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์ โดยเฉพาะภรรยาซึ่งมีลักษณะตรงกับที่ดิฉันเห็นทุกประการ...เธอไม่อยากกลับ เลย!

เป็นไปได้ใช่ไหมคะ ว่าบัดนี้เธอจากโลกนี้แล้ว วิญญาณได้กลับมายังที่ที่เธอรักและอยู่อย่างมีความสุขที่สุด? ถ้าเป็นเช่นนั้น ดิฉันขอทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เธอ และก็จะสบายใจว่าสมองดิฉันปกติดีทุกอย่าง

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl5TVRJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHhNaTB5TWc9PQ==



Create Date : 28 ธันวาคม 2552
Last Update : 28 ธันวาคม 2552 20:43:27 น.
Counter : 758 Pageviews.

0 comment
แรงอาฆาต
แรงอาฆาต

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ป๊อป" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณตามมาล้างแค้น

พ่อ ของผมเป็นทหารชั้นผู้น้อย มีหน้าที่เป็นคนขับรถให้ท่านนายพล นายของพ่อท่านใจดีมากครับ พ่อซึ่งพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัดก็ได้อาศัยอยู่กับท่านมาแต่ไหนแต่ไร จนแต่งงานและมีลูก ซึ่งก็คือผมนี่แหละ...เราอยู่บ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กๆ บริเวณหลังบ้านของท่าน

นอกจากเราแล้วยังมีบริวารคนอื่นๆ อีก เช่น ป้าแม้นคนครัว ลุงจ่อยคนสวนสามีของป้าแม้น กับแป๋วลูกสาวของแกซึ่งแก่กว่าผมหลายปี เรียนจบปริญญาและทำงานบริษัทแล้วด้วย ส่วนผมน่ะเรียนอยู่ ม.4 โดยท่านให้ความอุปการะ

อาจจะเพราะท่านอยากมีลูกชาย แต่มีลูกสาวตั้ง 3 คน แต่งงานหมดแล้วครับ เหลืออยู่แต่คุณกรองซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่กับท่านและคุณหญิง คุณกรองกับสามีมีลูกสาวอายุยังไม่ถึงขวบ ต้องมีคนเลี้ยง...และนี่คือที่มาของเรื่องราวที่น่ากลัวสุดขีด!

พี่ เลี้ยงของคุณหนูลูกแก้วชื่อหวาน เป็นเด็กมาจากศูนย์ มาอยู่กับเราได้เกือบปีแล้ว...คือตั้งแต่คุณหนูเกิด...เธอสวยแบบน้องนางบ้าน นา เป็นดาวยั่วยังไงไม่รู้ ที่สำคัญเธอระริกระรี้กับผู้ชายมากมายหลายคน แถมมาป่วนให้เด็กรับใช้ของคุณหญิงเสียผู้เสียคนไปด้วย มีการติดต่อให้เบอร์โทรศัพท์และนัดกันไปเที่ยวประจำ

บางทีค่ำๆ มืดๆ หวานจะหายออกไปจากบ้าน กลับมาอีกทีตอนเช้ามืด บอกว่าไปค้างบ้านเพื่อนที่อยู่ซอยเดียวกันนี้ แต่เป็นอันรู้กันว่ามันคือผู้ชายนั่นแหละ แล้วยังมีหน้ามาคุยอวดว่าผู้ชายหลงใหลเธอมาก...หลงจนทิ้งแฟนที่รักกันมาตั้ง 7-8 ปี...

ผู้หญิงอกหักและขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งชนต้นไม้ เจ็บสาหัสอยู่หลายวันก็ตายจากไป!

หวาน ใจร้ายและนิสัยไม่ดีมากๆ เธอไม่ได้นึกสลดหรือเห็นเป็นเรื่องผิดบาปเลย เธอคิดว่านี่เป็นเกมบริหารเสน่ห์ และเธอคือผู้ชนะ! เมื่อเธอเบื่อผู้ชายคนนี้แล้วเพราะหมดเรื่องท้าทาย ต้องหารายใหม่มาเพิ่มรสชาติของความตื่นเต้น

ผมอยากให้กรรมสนองเธอจริงๆ แต่นึกไม่ถึงว่ากรรมจะติดจรวดรวดเร็วปานนี้!

วัน นั้นผมจำได้ ท่านอยากรับประทานข้าวต้ม หวานรีบประจบประแจง จัดการตัดหน้าป้าแม้น คว้าหม้อเบอร์ 24 และข้าวหอมมะลิใหม่ไปต้มข้าวที่โรงครัว โดยไม่ลืมตัดใบเตยไปต้มด้วย...ต้องยอมรับว่ากลิ่นข้าวต้มหม้อนี้หอมกรุ่นน่า กินจริงๆ

ตอนนั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็น อากาศปลายเดือนพฤศจิกา ยนปีนี้กำลังสบาย แดดร่มลมตก ใกล้โพล้เพล้ ผมกำลังเร่งตัดแต่งต้นตะโกดัดอยู่ริมสนามหญ้าหน้าบ้าน

ทันใดนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหน้าผมไป ผมเธอยาวเกือบถึงกลางหลัง แต่งตัวแบบสาวโรงงาน ผมเห็นหน้าเธอไม่ชัด แต่ท่าเดินของเธอทำให้ผมขนลุกพิลึก...มันแข็งๆ กระตุกๆ ยังไงชอบกล ผมรีบเรียกถามเธอว่ามาหาใคร เธอก็ไม่ตอบ แต่หายไปทางครัวเหมือนลอยเข้าไปเลยครับ...นาทีต่อมาก็มีเสียงโครม พวกผู้หญิงร้องกันวี้ดว้าย เสียงหวานร้องกรี๊ดๆ ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ผมทิ้งกรรไกรรีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น...

ภาพที่เห็นคือหวาน หงายหลังพิงโต๊ะที่ทำกับข้าว หม้อข้าวต้มกลิ้งโค่โล่ มีข้าวต้มเดือดๆ เป็นไอพลุ่งกองอยู่บนใบหน้าและทรวงอก...รดราดมาถึงท้องน้อยและหน้าตัก เธอนอนกางขา ควันขึ้นอย่างน่าสยดสยอง

ป้าแม้นร้องว่าน้ำๆๆ แกรีบเปิดก๊อกมือไม้สั่นเพื่อเอาน้ำมาราดให้หวาน แต่เหลือเชื่อ...น้ำไม่ไหลจากก๊อกแม้แต่หยดเดียว ก๊อกไหนก็ไม่มีทั้งนั้น!

เป็นไปได้ยังไง ที่อยู่ดีๆ น้ำเกิดไม่ไหลขึ้นมาเฉยๆ

หวาน ดิ้นพราด ร้องโอดโอยโหยหวน ตัวแดงพอง ท่าทางจะสุกเหมือนหมูต้ม ป้ากับสาวใช้คนอื่นพยายามช่วยกันถอดเสื้อถอดกางเกงที่ร้อนจัดออกจากตัวหวาน แต่นั่นทำให้เธอยิ่งกรีดร้องแผดลั่น เพราะเนื้อหนังของเธอถูกลอกติดผ้าออกมาด้วย

พ่อผมรีบเอาตัวเธอขึ้นรถ ไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน ปรากฏว่าอาการของเธอสาหัสมาก ทั้งใบหน้า ทรวงอกและท้องน้อย หว่างขาไปถึงขาอ่อนถูกของร้อนจนเดือดลวกอย่างรุนแรง...เธอต้องนอนโรงพยาบาล นานเลยครับ ใส่ท่อปัสสาวะอย่างทรมานที่สุด และเวลาทำแผลน่ะนรกชัดๆ น่าแปลกใจที่บาดแผลของเธอเหมือนคนถูกน้ำกรดยังไงยังงั้น

เรียกว่าเกมบริหารเสน่ห์ของเธอปิดฉากสนิท เกมโอเวอร์เรียบร้อยไปตลอดกาล!

ผม เล่าถึงผู้หญิงแปลกหน้าที่เข้าไปในบ้านก่อนเกิดอุบัติเหตุ ป้าแม้นก็บอกว่าตอนนั้นกำลังทำปลาช่อนเตรียมจะผัดขึ้นฉ่าย เห็นผู้หญิงลักษณะเดียวกับที่ผมเล่าแว่บหนึ่ง...และทันใดนั้น หวานที่กำลังเอาสองมือจับหูหม้อข้าวต้มทำท่าจะยกก็เกิดลื่นอะไรไม่รู้ หงายหลัง...ข้าวต้มราดลงใบหน้าตลอดถึงขาอ่อนอย่างที่เห็น

เราคิดว่าผู้หญิงลึกลับที่เข้ามาและสลายตัวไปในอากาศดื้อๆ นั้นคือผู้หญิงที่ตายเพราะหวาน...เธอเข้ามาล้างแค้นอย่างสาสมที่สุดเลยครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl4TVRJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHhNaTB5TVE9PQ==



Create Date : 28 ธันวาคม 2552
Last Update : 28 ธันวาคม 2552 20:42:55 น.
Counter : 715 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend