ไปเที่ยวทะเล
ไปเที่ยวทะเล
ขนหัวลุก
ใบหนาด
จอม วศิน เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงแรมชายหาด
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง ผมกับเพื่อนๆ ที่เรียนปีหนึ่งด้วยกันทั้งหญิงและชายรวมเก้าคน เกิดนึกสนุกตีตั๋วรถไฟไปเที่ยวทะเลกัน จุดหมายปลายทางของเราคือหัวหิน เราไปแบบลุยลูกเดียว ไม่ได้จองโรงแรมด้วยซ้ำ
พอไปถึงที่นั่นหลังเที่ยงกว่าๆ ก็นึกสมน้ำหน้าตัวเอง เพราะโรงแรมแต่ละแห่งน่ะสุดหรูและสุดแพง ที่สำคัญคือวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ห้องเต็มหมดเลยครับ
ไหนๆ ก็ลุยมาถึงนี่แล้วจะถอยน่ะไม่มีทาง พวกเราใช้ปากให้เป็นประโยชน์....คือถามเขาดะ! คนที่นี่ก็ใจดี ในที่สุดเราได้คำตอบว่ามีโรงแรมแห่งหนึ่ง ไปทางเขาตะเกียบ ห้องพักใช้ได้และราคาย่อมเยา เราตรงดิ่งไปที่นั่นทันที และก็ไม่ผิดหวัง
ทางโรงแรมยอมให้เราอัดเข้าไปอยู่ในห้องเดียวกันได้ เป็นที่อื่นเขาคงไม่ยอมหรอกครับ นี่เขาคงเห็นว่าเป็นเด็กมาเที่ยวกันสนุกๆ และพักแค่คืนเดียวเท่านั้น
สรุปว่าเราจ่ายแค่คนละร้อยบาท สบายบรื๋อ!
พอเราเข้าไปในห้องผมก็รู้สึกแปลกๆ ห้องนั้นกว้างขวางเอาการ มีเตียงสองเตียงตั้งอยู่คนละฟากห้อง เตียงหนึ่งชิดกำแพงด้านประตูเข้าออก อีกเตียงอยู่ติดผนัง...และแทนที่จะเป็นแนวเดียวกันกลับวางเป็นแนวตั้งฉาก คือสองเตียงนี้ถ้าต่อกันก็จะเป็นรูปตัวแอล(L)
ที่เป็นแบบนี้ เพราะตรงกลางห้องมีเสาขนาดใหญ่ยืนเด่น ดูลักษณะแล้วเหมือนมันมีเสาต้นเก่าอยู่ข้างใน แล้วเขาใช้ไม้อัดตีประกบเป็นเสาสี่เหลี่ยม เสร็จแล้วใช้วอลเปเปอร์ติดเข้าไป มองแล้วแปลกๆ แฮะ...สงสัยว่าแต่ก่อนที่นี่เป็นอาคารอะไรกันนะ? เดิมคงไม่ได้เป็นโรงแรมแน่เลย ท่าทางจะมาดัดแปลงกันทีหลัง
ยังมีอีกอย่างที่ผมกับเพื่อนๆ เห็นแล้วเสียวสันหลัง คือถ้าแหงนขึ้นไปบนเพดานจะพบว่ามีผ้าชิ้นหนึ่งมันหลุดโหว่อยู่เป็นช่องพอดี คนจะลอดขึ้นไปได้ มองดูเป็นช่องมืดน่ากลัว
ไม่เป็นไรน่า! เราอยู่กันตั้งเก้าคน อบอุ่นขนาดนี้ผีจะหลอกก็ให้มันรู้ไป!
ว่าแล้วพวกเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้า วิ่งกรูลงทะเลที่อยู่แค่หน้าโรงแรมนี่เอง
เราเล่นน้ำกันตั้งแต่บ่ายจนมืดค่ำเลยครับ ไม่กลัวแดดเผาหรือปอดบวมทั้งนั้น เราสนุกกันมากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ จากนั้นเราก็นั่งรถสองแถวไปหาของกินกันจนอิ่มแปล้ แถมยังหอบน้ำและเครื่องดื่ม รวมทั้งขนมขบเคี้ยวมากินกันต่อด้วย
เรากลับถึงที่พักเกือบห้าทุ่มแน่ะ! พวกผู้หญิงผลัดกันอาบน้ำ ถ้าใครง่วงก็เชิญนอนตามสบาย แต่เราไม่นอนหรอกครับ นั่งคุยกันมันส์กว่า...เรายกเครื่องดื่มและของกินออกไปนั่งที่ระเบียง
ตีสาม...เราคิดว่านอนดีกว่า ก็เก็บขยะให้เรียบร้อย ปิดประตูระเบียงและนอนเบียดกันเตียงละ 4-5 คน...ตอนนั้นเองมีเสียงเคาะประตู!
เพื่อนผมมองหน้ากันอย่างฉงน เพื่อนผู้ชายสองคนก็ไปเปิดประตู แต่ภายนอกนั้นว่างเปล่าวังเวง ไม่มีใครเลยครับ เพื่อนก็กลับมานอน
ผม ล้มตัวลงนอนเป็นคนสุดท้าย เลยเอื้อมไปปิดไฟหัวเตียง ห้องมืดสนิทลงทันใด และในวินาทีต่อมาก็มีเสียงเคาะที่หัวเตียงผม...ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!!
ยังไม่ทันที่ผมจะเอื้อมมือไปเปิดไฟ เพื่อดูว่าไอ้เจ้าคนไหนมันมาแกล้ง...
ฉับพลันเสียงน้ำหวาน-เพื่อนผู้หญิงที่นอนริมสุดก็กรีดร้องซะลั่น พวกเราลุกขึ้นนั่งทุกคน และเปิดไฟสว่างจ้า...น้ำหวานชี้มือไปที่เตียงซึ่งติดกับประตู ร้องไห้สะอึกสะอื้น เพื่อนมารุมตัวเธอ ถามกันใหญ่ว่าเห็นอะไร? น้ำหวานสั่นหน้าไม่ยอมพูด แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและกุมแขนไว้แน่น
ตอนนี้ผู้หญิงหลายคนขวัญเสีย พร้องจะกลับบ้านท่าเดียว แต่พวกผมปลอบกันไว้ว่ารอถึงเช้าดีกว่า จากนั้นเราก็นอนต่อแต่เปิดไฟไว้อย่างนั้น
แน่ละ! เราแทบไม่ได้หลับกันเลย!!
รุ่งเช้า น้ำหวานยอมพูดว่า ที่ร้องกรี๊ดน่ะเพราะตอนที่ผมกำลังเปิดไฟ เธอหันไปอีกเตียงหนึ่ง เห็นผู้หญิงแต่งชุดนอนสีขาว ผมยาวมากนั่งยิ้มอยู่ พอเพื่อนๆ มารุมล้อมตัวเธอ ผีผู้หญิงนั่นก็ลุกตามมาด้วย แล้วเอาเล็บจิกแขนเธอไว้ไม่ให้พูด ก่อนจะหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
น้ำหวานบอกว่ายังจำหน้าผีได้ชัดมาก และคงจะไม่มีวันลืมแน่ๆ
เราออกจากโรงแรมแต่เช้านั้นเลย และแวะไปที่วัด ทำบุญอุทิศส่วนกุศลก่อนขึ้นรถไฟกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ไม่นึกเลยครับว่าไปเที่ยวสนุกสนานฮาเฮที่สุดคราวนี้ จะได้เรื่องผีที่เจ๋งสุดยอดเป็นของแถมมาด้วย!
//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkzTURjMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdOeTB5Tnc9PQ==
หวัดดีค่ะ แวะมาทักทายกันนะคะ
อ่านไปขนลุกตามไปค่ะ
คุณใบหนาด เคยรวมเล่มขนหัวลุก สงสัยจะมีเรื่องนี้ด้วย
ยังอ่านไม่จบ เลยไม่แน่ใจว่ามีเรื่องนี้หรือเปล่าจ้า