iamZEON Blog : Comics , Anime และอีกสารพัดเรื่อง
|
||||
สามเหลี่ยมแห่งรัก
สามเหลี่ยมแห่งรัก
เก็บเรื่องมาเล่า ชนา ชลาศัย ใครๆ ก็อยากมีความสุขกับความรัก แต่จะสุขได้ก็ต้องเข้าใจองค์ประกอบของความรักด้วย พ.ญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล จิตแพทย์ เขียนในคอลัมน์ "All in Family" นิตยสาร "Health Today" บอกว่า องค์ประกอบของความรักมาจากทฤษฎีความรักที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด คือ "ทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งรัก" ของ Sternberg ที่ว่า ความรักจะมั่นคงต้องประกอบด้วย ความรู้สึกดึงดูดใจ, ความรู้สึกผูกพัน และความรู้สึกยึดมั่น องค์ประกอบ 3 ด้านทำให้เกิดสภาพความรักที่แตกต่างกัน 8 แบบ 1.ไม่รัก ไม่มีความรู้สึกใดเลยทั้ง 3 ด้าน 2.ชอบ มีความพอใจผูกพัน แต่ไม่รู้สึกหลงใหลดึงดูด หรือยึดมั่นที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน 3.รักแบบหวือหวา มีแต่ความดึงดูดใจ แต่ไม่มีความผูกพัน หรือยึดมั่นต่อกัน 4.รักจืดชืด มีแต่ความตั้งใจยึดมั่น แต่ไม่เหลือความดึงดูดใจและความผูกพันอยากใกล้ชิด 5.รักโรแมนติก เป็นความรักด้วยความดึงดูดใจอยากใกล้ชิดผูกพัน แต่ขาดความยึดมั่นต่อกัน 6.อยู่ด้วยกันแบบเพื่อน มีความผูกพัน ยึดมั่นต่อกัน แต่ไม่มีความรู้สึกแบบดูดดื่ม 7.รักลวง มีความรู้สึกดึงดูดใจ มุ่งมั่นต่อกัน แต่ไม่สามารถพัฒนาความผูกพันแบบลึกซึ้ง 8.แบบล้นเหลือ รักที่มีความรู้สึกทั้ง 3 ด้านอย่างมากมาย มากเกินไป คุณหมอบอกว่า ทั้ง 8 แบบเป็นตัวอย่างความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นได้ ทุกคนที่คิดว่ากำลังมีความรัก หรือไม่แน่ใจว่าใช่รักหรือไม่ อาจลองใช้ด้านของสามเหลี่ยมแทนความรู้สึกที่มี 3 ด้าน สร้างสามเหลี่ยมตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น ถ้าไม่สามารถสร้างสามเหลี่ยมได้ น่าจะเป็นแบบที่ 1 คงไม่สามารถเรียกร้องความสัมพันธ์นั้นว่าเป็นความรัก หรือขีดได้ด้านเดียว ไม่เป็นสามเหลี่ยมเพราะไม่มีด้านที่ 2 และ 3 หรือเป็นสามเหลี่ยมด้านไม่เท่าด้านที่ 2 หรือ 3 สั้นกว่ามาก แสดงว่าอาจจะเป็นแบบที่เหลือ "ประมาณจากตนเองว่าน่าจะเป็นรักแบบไหนแล้ว ต้องดูคู่ของเราด้วย เพราะเขาอาจมีสามเหลี่ยมที่ต่างจากตัวเรา ซึ่งการประเมินคู่ของตัวเราเองคงไม่ง่ายเหมือนประเมินตนเอง เพราะต้องทำใจให้ยอมรับสิ่งที่แสดงออกมาให้เห็นและต้องพยายามเข้าใจว่าการ แสดงออกนั้นแสดงความรู้สึกด้านใด ความจริงเรื่องความรักเป็นโจทย์ที่ต้องแก้สมการสองชั้น ทั้งตัวเราและอีกคน ถ้าสองคนใจตรงกันความรักก็ราบรื่น แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รัก หรือไม่มีสามเหลี่ยมสามด้านเท่ากัน คงต้องดูว่าจะพอปรับปรุงความรักในด้านใดให้เพิ่มพูนขึ้นมาได้หรือไม่!" //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hOekF6TURJMU1nPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09TMHdNaTB3TXc9PQ== ‘จูบชุบชีวิต’ คำวิงวอนสุดท้าย สามีปลุกภรรยาหลุดพ้นโคมา
‘จูบชุบชีวิต’ คำวิงวอนสุดท้าย สามีปลุกภรรยาหลุดพ้นโคมา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2552 16:06 น. Free TextEditor เดลิเมล์ – หลังจากนั่งอยู่ข้างเตียงมาสองสัปดาห์ด้วยความหวังว่าภรรยาจะฟื้นจากโคมา ในที่สุด เมื่อความหวังลางเลือนลงทุกที แอนดริว เรย์ พยายามเป็นครั้งสุดท้าย แพทย์บอกว่าเอมมาอาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลังจากหัวใจวายและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย พ่อลูกสองที่สภาพจิตใจแย่เต็มทีเปิดเทปเสียงลูกชายร้องไห้โยเย และเสียงลูกสาวตะโกนว่า ‘แม่จ๋า ตื่นเถอะ!’ ในที่สุด ด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง แอนดริวโน้มตัวลงไปหาภรรยาและกระซิบว่า ‘เอมมา ถ้าคุณได้ยินผม จูบผมสักทีได้ไหม’ “สิ่งที่ตามมาเหมือนฝัน เธอหันหน้ามาทางผม เผยอริมฝีปากและจูบผมเบาๆ “ผมแทบไม่เชื่อ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก” ขณะนั้น มีแพทย์อยู่ในห้องด้วยและตะลึงไม่แพ้กันที่อยู่ๆ คนไข้หญิงวัย 34 ปีก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา เอมมาหัวใจวายหลังคลอดลูกชายเพียงสิบวัน แอนดริวผายปอดหลังจากภรรยาล้มลงตอนที่ออกไปชอปปิ้งด้วยกัน และรีบนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ปั๊มหัวใจเอมมาขึ้นมาได้ แต่เตือนว่าเธออาจฟื้นขึ้นมาในไม่กี่วัน ในหนึ่งเดือน หรืออาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แอนดริวที่ปรึกษาด้านไอทีจากเทลฟอร์ด อังกฤษ พยายามปลุกภรรยาด้วยการเล่นเทปเสียงอเล็กซานเดอร์และเอลลา ลูกชายและลูกสาว “ผมยังเปิดเพลงที่เราเต้นรำด้วยกันในงานแต่งงาน พูดกับเธอเบาๆ จับมือเธอ บอกรักเธอและขอให้เธอลืมตาขึ้นมา ตอนที่ผมขอให้เธอจูบผม ตอนนั้นผมจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างอื่นใดอีกแล้ว” อย่างไรก็ตาม การจูบครั้งนั้นเป็นแค่บทเริ่มต้นของการต่อสู้อันทรมานของเอมมาที่ยังคงหลับ ใหลไม่ได้สติสลับกับรู้สึกตัว จากการที่สมองขาดออกซิเจนตอนที่หัวใจหยุดเต้น นอกจากนั้น เธอยังสูญเสียความทรงจำระยะสั้น เอมมาถูกส่งไปรักษาตัวกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทางสมองที่โรง พยาบาลแห่งหนึ่ง แต่ในที่สุดก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว เธอยังต้องฟื้นฟูสมองที่เสียหายต่อไป แพทย์เชื่อว่าอาการหัวใจวายของเอมมาเกิดจากลิ่มเลือดหลังจากผ่าทำคลอดอเล็กซานเดอร์ ก่อนคลอดหนึ่งคืน เอมมาต้องไปพบแพทย์จากอาการหัวใจหยุดเต้น ใจสั่น แต่แพทย์บอกว่าอาจมีการติดเชื้อที่ไม่อันตรายนัก “ฉันมีความทรงจำเหลืออยู่น้อยมาก ที่อยากที่สุดตอนนี้คือเดินได้โดยไม่ต้องมีใครช่วย และอยากให้ความจำกลับมา “ฉันอยากจำได้ว่าฉันทำอะไรไปบ้างในแต่ละวัน แอนดริวช่วยฉันทุกอย่าง ถ้าไม่มีเขา ฉันไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร” ด้านสามีสุดประเสริฐบอกว่าดีใจที่สุดแล้วที่ภรรยารอดชีวิต “เธอเดินได้ถึงเราจะต้องจูงมือกันไป และอย่างน้อยลูกๆ ของเราก็ยังมีแม่ และผมมีภรรยาที่รัก” ผลวิจัยยันรักแท้ไม่มีวันตาย
ผลวิจัยยันรักแท้ไม่มีวันตาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ธันวาคม 2551 10:20 น. เดลิเมล์ - เพชรไม่ใช่สิ่งเดียวที่ยั่งยืนเป็นอมตะ ผลวิจัยล่าสุดพบรักแท้ยืนยงคงอยู่ตราบนานเช่นกัน การทดลองโดยการสแกนสมองพบว่า ความรักแท้ไม่มีวันตาย คู่รักยังคงหลงใหลได้ปลื้มกันและกันเหมือนเมื่อตอนแรกพบ แม้แต่งงานอยู่กินมากว่าสองทศวรรษ นักวิจัยอเมริกันได้ตรวจสอบความยืนยงคงทนของรักแท้ด้วยการสแกนสมองชาย-หญิง 17 คน ที่บอกว่ายังคงรักคู่ของตนสุดจิตสุดใจภายหลังร่วมชีวิตกันมาเฉลี่ย 21 ปี ระหว่างที่กลุ่มตัวอย่างเหล่านี้ดูภาพคนรัก การสแกนสมองได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับสมองของคนที่เพิ่งตกหลุมรักในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนกลางของสมองที่เรียกว่า ventral tegmental ซึ่งทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนโดพามีน หรือฮอร์โมนแห่งความสุขนั้น จะมีกิจกรรมการทำงานอย่างคึกคักระหว่างที่คนทั้งสองกลุ่มดูรูปคนรัก “ถ้าคุณถามคนทั้งโลกว่าความรักยืนนานหรือไม่ คนส่วนใหญ่คงนิ่งคิดพักหนึ่งก่อนจะตอบว่า ‘อาจจะไม่’ หนังสือส่วนใหญ่ก็ว่าไว้แบบนั้น แต่เราพิสูจน์แล้วว่าความเชื่อนั้นผิด” ดร.เฮเลน ฟิชเชอร์ จากมหาวิทยาลัยรัตเจอร์สในนิวเจอร์ซีย์ กล่าว ดร.อาเธอร์ แอรอน ผู้ร่วมวิจัยสำทับว่า “เราเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง เพราะการสแกนสมองบอกเราแบบนั้น สมองไม่หลอกเราอยู่แล้ว” อย่างไรก็ตาม การสแกนสมองของกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มไม่ได้ได้ผลเหมือนกันทั้งหมด กลุ่มตัวอย่างที่เพิ่งตกหลุมรักแสดงให้เห็นกิจกรรมในสมองส่วนที่เชื่อมโยง กับความหมกมุ่นและความกังวล ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีรักยืนยงใช้สมองส่วนที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกสงบ สุขและระงับความเจ็บปวด “ความแตกต่างก็คือ คู่ที่มีความรักยืนนาน ความหมกมุ่น รุ่มร้อน และความกังวลจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสงบสุขเย็นใจ” ดร.ฟิชเชอร์อธิบาย คู่รักที่อยากให้ความรักยืนยงคงอยู่ไปนานๆ ควรพยายามคิดถึงวิธีการพูดคุยกัน โดยผลการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า คู่ที่รักกันมั่นคงมักรู้สึกว่าสื่อสารกันเข้าใจง่ายดาย การสื่อสารที่ดีต้องอาศัยน้ำเสียงที่นุ่มนวล รอยยิ้ม และเติมเต็มการสนทนาด้วยท่าทางที่แสดงถึงความรักและอารมณ์ขัน ขณะที่สิ่งต้องห้ามมีอาทิ การกลอกตา วิพากษ์วิจารณ์ ความเย็นชา และการเยาะเย้ยถากถาง นักวิจัยเสริมว่า ถ้าเมื่อใดที่อยู่ด้วยกันแล้วมีเรื่องดีๆ น้อยกว่าเรื่องไม่ดีในสัดส่วน 5:1 คู่รักมีแนวโน้มชวนกันไปหย่า ความรักเกิดขึ้นได้ทุกวัน
ความรักเกิดขึ้นได้ทุกวัน
คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา อุษา ลิ่มซิ้ว/กรมสุขภาพจิต ความรักไม่ว่าวันไหนๆ เกิดขึ้นได้ทุกวันเพียงแค่เรารู้จักการให้ความรักนั้นแก่ใครๆ และรับรู้ความรักจากคนอื่นที่เขาก็คอยมอบให้กับเราเพียงแค่นี้ก็จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขและรู้สึกความรักได้วนเวียนอยู่กับเราได้ทุกหนทุกแห่งทุกเวลาไม่ต้องคอยคาดหวัง เฝ้ารอความรัก เมื่อถูกลืมก็จะเกิดอาการฟูมฟายเสียใจที่วันนี้เป็นวันที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้สัมผัสกับความสุข เคยได้เต็มตื้นใจต่อความรักเคยถูกบอกรักและรู้สึกได้ว่ามีความรักจริงๆ ความรักจึงถูกกำหนดและถูกคาดหวังไว้ว่าจะต้องเป็นวันนั้น วันนี้ แต่ทำไมเราไม่ทำให้เกิดขึ้นทุกวัน แล้วเราจะได้มีความสุขและไม่รู้สึกถึงการต้องเฝ้ารอให้เป็นวันนั้น เป็นวันนี้แต่ถ้าเรามีความรักทุกวันความสุขของเราก็มีทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนๆ และคนอื่นๆ หรือจากคนรัก สามีภรรยา ความรักต่อบุคคลเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทุกวัน และความรักก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกฎตายตัวว่าจะเป็นสิ่งของตอบแทนใดๆ อาจเป็นเพียงวาจาคำพูด การกระทำ ความห่วงใย ก็ถือว่าวันนี้เราได้รับความสุข ความรักเกิดขึ้นแล้ว การรู้สึกว่ามีความรักทุกวันจะทำให้คนเราย่อมมีความสุข ในเมื่อเราต้องการมีความสุขที่มาจากความรักเราก็ทำให้ทุกวันมีรักเกิดขึ้น อย่ากำหนดว่าต้องรอวันนั้นวันนี้เสียก่อนจึงค่อยแต่งเติมความรัก เพราะนานวันจะทำให้วันแห่งความรักเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เพราะการกำหนดวันนั้น วันนี้เพียงไม่กี่วันหรือเพียงวันเดียวแต่บังเอิญวันที่กำหนดเกิดไม่ใช่ ติดขัดใดๆ ก็ต้องรอผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ ทั้งที่ความรักเกิดขึ้นได้ทุกวัน ไม่ว่าจะวันไหนๆ จงเชื่อแบบนี้ดีกว่า //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hNREl3TURJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdNaTB5TUE9PQ== 4 ข้อคิดสำหรับคู่ชีวิต
4 ข้อคิดสำหรับคู่ชีวิต
คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา ขจิตรัตน์ ชุนประเสริฐ/กรมสุขภาพจิต สภาพครอบครัวไทยในสังคมทุกวันนี้ เราจะพบหลายๆ ครอบครัวกำลังกลายสภาพเป็นครอบครัวที่ล่มสลาย ปัญหาความขัดแย้งคู่สามีภรรยา ปัญหาการหย่าร้าง และปัญหาความหึงหวง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นชนวนสาเหตุของชีวิตคู่ที่ล่มสลายเสียก่อน โดยเฉพาะหนุ่มสาวหลายคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันก็ต้องมาเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นยังมิทันที่จะได้เริ่มต้นชีวิตคู่แบบครอบครัวที่สมบูรณ์เลย ซึ่งแต่เดิมนั้นเราคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "บ้านคือวิมานของเรา" แต่ถ้าบรรยากาศภายในบ้าน หรือในครอบครัวไม่มีความสุข แล้วสมาชิกในครอบครัวจะอยู่กันอย่างไร...ก็เลยใคร่จะนำเสนอรูปแบบการสร้างสุขในบ้านเพื่อครอบครัวที่สุขสันต์ ดังนี้ 1.สามีภรรยาอยู่ร่วมกันในลักษณะความเป็นเพื่อน มีการสื่อสารทางบวกกันระหว่างสามีภรรยา เช่น พูดจาด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนโยน อย่าตะคอกเสียงดัง หรือโต้เถียงดุด่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคาย 2.สามีและภรรยาต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ไว้วางใจกัน ปรึกษาหารือไม่มีความลับต่อกัน และให้เกียรติซึ่งกันและกัน 3.การให้ความรักความอบอุ่น การเอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกัน รวมทั้งการรู้จักแสดงความห่วงใย ความเอื้ออาทรระหว่างสามีภรรยา 4.รู้จักการให้อภัยแก่กันและกัน ก็คือเราต้องรู้จักคำว่า "ขอโทษ" และ "ขอบคุณ" ถ้าฝ่ายหนึ่งทำผิดอีกฝ่ายหนึ่งต้องตักเตือน และพร้อมที่จะแก้ไขด้วยความเข้าใจกัน //www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hNREU1TURJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdNaTB4T1E9PQ== |
iamZEON
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/ ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
Group Blog
All Blog
Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |