รัก
รัก

คำว่า "รัก" มีอะไรมากมายซุกซ่อนอยู่ในนั้น อาจจะหวานชื่น ขมขื่น
หรืออะไรอื่นอีกหลากหลาย ที่จะทำให้คนรู้จัก "รัก" ได้สัมผัสและรู้สึกถึง….

ความรักเริ่มจากความคิด

เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก บางที..
ความรักอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากเดิม
อาจทำให้คนเราต้องปรับปรุงในสิ่งที่เคยทำ เพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน

ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา

คุณจะไม่สามารถรักใครได้ ถ้าไม่รู้สึกเชื่อมั่นเสียก่อน
และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น ก็คือตัวเอง

ความรักคือการให้ ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรัก

สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการให้ ยิ่งให้.. คุณก็จะยิ่งได้รับ

สูตรลับของความสุขและทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ
อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า

ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่

อยากได้รักแท้ ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้เสียก่อน การจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา
แต่อยู่ที่ว่า.. ต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันหรือเปล่า

หากจะรักใครอย่างจริงใจ คุณควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็น
มิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโตทุก ๆ วันนั่นเอง

การสัมผัส ช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น

เคยรู้สึกดีใช่ไหมเวลาที่มีใครโอบไหล่หรือกอดคุณ? การสัมผัส..
จึงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลัง
และช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วย
น่าแปลกที่การสัมผัสสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์
และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาบางลงได้

อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย

ถ้าคุณรักใคร.. จงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้าง เพราะคุณเองคงรู้สึกอึดอัด
ถ้ามีใครมาล่ามโซ่คุณ ดังนั้น.. จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดี
เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความกลัวภายในใจ เรียนรู้ที่จะยุติธรรม และลดทิฐิ
รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ลงบ้าง


ลองบอกตัวเองว่า.. นับแต่นี้ คุณจะทิ้งความกลัวทั้งหมด
แล้วอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวคุณได้.. นับจากวันนี้ไป
คุณก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที

ชีวิตจะเปลี่ยนไป

เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างและซื่อสัตย์ต่อกัน รวมถึง..
คุยกับคนรักอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะพูดถ้อยคำวิเศษว่า "ฉันรักเธอ"
โดยไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ หลุดลอยไป

คุณควรจะบอกรักก่อนจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางที..
นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะพบกัน!

แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน

ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนหนึ่งจะรู้สึกระแวง กังวล และหวาดหวั่น
ขณะที่อีกคนรู้สึกอึดอัดใจ ที่สำคัญ.. คุณไม่อาจรักใครจริง ๆ ได้
ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาคนนั้นอย่างแท้จริง

fw mail



Create Date : 27 กันยายน 2550
Last Update : 27 กันยายน 2550 20:03:57 น.
Counter : 665 Pageviews.

0 comment
กลัวการถูกรัก
กลัวการถูกรัก
คุณว่า..สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่จะพึงบังเกิดกับมนุษย์ได้คืออะไร
สำหรับฉัน..สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือการถูกรัก
ครั้งหนึ่งฉันเคยรักและเคยถูกรักจากคนๆหนึ่ง
ซึ่งฉันก็คิดว่าเขารักฉันมากเหมือนกับที่ฉันรักเขาเหมือนกัน
แต่วิธีการรักของเราต่างกัน
ฉันรักเขา ทำทุกอย่างให้เขาเพราะอยากให้เขารู้สึกสบายใจ
รู้สึกว่ามีคนอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือเขาให้พร้อมจะเผชิญกับปัญหายุ่งยากข้างนอกได้..
เท่านี้พอแล้วสำหรับความรักของฉัน
สำหรับรักของเขา..มันคล้ายกับเป็นการตั้งความหวัง
หวังให้ฉันเป็นอย่างนั้น ให้ฉันทำอย่างนี้ให้ได
้และสมบูรณ์แบบจนบางครั้งเขาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด กดดัน
จนพาไปถึงภาวะเครียดจนมันกลายเป็นโรคประจำตัวของฉันไป
แล้วและที่ยิ่งแย่คือ ฉันเริ่มรู้สึกกลัวการเป็นที่รักของคนอื่น
ฉันกลัวการคาดหวังของคนเหล่านั้นที่มีต่อฉัน
หากมีใครที่ฉันรู้สึกพิเศษผ่านเข้ามา
ฉันพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาแต่พอถึงจุดๆนึง
ฉันเริ่มกลัว..กลัวจะเป็นเหมือนอย่าที่เคยเจอมาจนไม่กล้าสานสัมพันธ์ต่อ
สุดท้ายมักจะจบลงด้วยมิตรภาพและความห่างเหิน
จนทุกวันนี้ฉันยินดีเป็นฝ่ายมอบความรักให้กับคนรอบข้าง
มากกว่าที่จะร้องขอความรักจากพวกเขา
เพราะฉันเข็ดกับการตกเป็นที่รักของคนอื่นเสียแล้ว
หากคุณรักใครสักคน..
ได้โปรดอย่าสร้างปมในใจให้กับคนที่คุณรักเลยนะ

fw mail



Create Date : 27 กันยายน 2550
Last Update : 27 กันยายน 2550 20:03:29 น.
Counter : 689 Pageviews.

0 comment
เพียงความทรงจำ
เพียงความทรงจำ
บนรถเมล์ : 23-12-99…

ตัวหนังสือสามารถบอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปได้ดีกว่าคำพูดมากมายนัก จึงไม่น่าแปลกที่ฉันจะหลงใหลในเสน่ห์ของตัวอักษรมาหลายปีดีดักแล้ว ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า "คนเขียนหนังสือ" อยู่เสมอ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน คงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า "กวี" ได้ล่ะมั้ง
โลกของตัวอักษรสวยงามนัก แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ

เรื่องราวความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าในสมุดบันทึกประจำวันของฉัน มีชื่อเขาตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว… คงเพราะความบังเอิญ ที่ทำให้เราสองคนมักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ ได้เล่นละครด้วยกัน ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง… แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม…

จนวันหนึ่ง… " มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ" นี่แหล่ะประโยคสำคัญที่ทำให้เราสองคนได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น เขารีบกระวีกระวาดไปหากระดาษกับดินสอมาวางไว้ตรงหน้าฉัน ไม่รู้ว่าวิญญาณครูไปสิงอยู่กับชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาลากเส้นเป็นตัวอย่างแล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ
ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด "ขอโทษนะ" เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาหยิบปอยผมของฉันที่ปลิว เพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม
"ขอบคุณนะเฟิร์ส" ฉันพูดเขินๆ ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร หลังจากทนนั่งดูฉันลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยมาเป็นเวลานาน
เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้ว ส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่
"แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก"
เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น
"ก็คนมันไม่เก่งนี่นา ไม่ต้องสอนก็ได้นะ"
ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ
"เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา"
เขาบอกยิ้มๆ ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขา…หลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก…

เราสนิทกันมากขึ้นทุกที…สนิทท่ามกลางเสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนที่ ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียน "สวีทกันจังเลยคู่นี้" เสียงเพื่อนๆที่ดังมาจากด้านหลังห้องทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ
"เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย"
เฟิร์สแก้ตัวให้ เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉันก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำแล้วเดินหนีไปคุยกันที่อื่นแทน "ช่างเขาเหอะ" ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป
"มีน…เรามีอะไรจะบอก" เขาพูดท่าทางเขินๆ
"อารายเหรออออ" ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว
"เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ" สีหน้าอายๆของเขาทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆว่านี่ คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา
แต่…. "คนนั้นไง"
ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ฉันหันไปยิ้มล้อ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ
"เรากลับแล้วนะ" ฉันบอกเบาๆ
"ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ"
"มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย" เขาพูดติดตลก
"อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ"
"ใครจะไปรู้ล่ะ ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส" ฉันพูดทีเล่นทีจริง แล้วเดินไปปิดกระจก และประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง
"วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย" เขาบอกลาแล้วโบกมือให้ ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป
"กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน" เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา ทำให้ฉันแอบอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขานับตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน ตลอดเส้นทางกลับบ้าน ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดาคนนี้ จะกลายมาเป็นคนสำคัญของหัวใจ ถึงจะรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะฉันก็ยังคงมีความสุขที่จะรักเขา ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว ฉันหยิบภาพเหมือนของฉันที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู
"สุขสันต์วันเกิดนะครับ" ฉันยังจำเสียงใสๆของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน "มีความสุขมากๆนะครับมีน" รอยยิ้มจริงใจของเขาในวันนั้นยังบันทึกอยู่ในความทรงจำ ของฉันเสมอมา….ไม่เคยลบเลือน

"โครมมมมมมม!!!!!!"

เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง บรรดาไทยมุงต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกหามออกมา กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู เห็นหยดเลือดเปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาวที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า "เพียงความทรงจำ…เฟิร์ส" ชายแก่คนนั้นทิ้งภาพไว้ที่เดิมอย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไปบริเวณลำคลองริมถนนและค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น…

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผมได้สมุดเล่มนี้มาจากเพื่อนสนิทของเธอ… ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยมือของผมแทน เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปเรียนพิเศษก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน เพราะปกติเธอไม่ใคร่จะชอบหยุดเรียนนัก ก็บังเอิญผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอเข้าพอดิบพอดี "เฟิร์ส…รู้เรื่องมีนหรือยัง" เขาถามผมทันทีที่พบกัน สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆปรากฏอยู่ ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ
"ยังครับ มีนทำไมเหรอ" ผมถามยิ้มๆ เธอก็คงไม่สบายแต่อาจจะหนักหน่อยถึงยอมขาดเรียนวันนี้…ผมคิด
"มีนรถคว่ำ ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล…………."
เขาบอก ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ พอได้สติอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้อง ICU โรงพยาบาลแห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม เขาจัดการเป็นธุระไถ่ถามพยาบาลถึงเตียงของเธอเพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม
"เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15 นาทีที่แล้วค่ะ"
หูผมอื้อไปหมดจนไม่ได้ยิน เสียงพยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราวต่อจากนั้น ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาท่วมใบหน้าของผมตั้งแต่ได้รับรู้ว่า
"เธอจากไปแล้ว" ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลังจากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว… ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม… แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า "รักกับชอบแตกต่างกัน" มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้
ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ให้เธอดูคือคนที่ผมชอบ
แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ "เธอคนนี้"…
เธอคนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ… เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ
ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้ ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้นที่เคยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้ เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส …ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา… เธอคือรักครั้งแรกของผม

อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการทำใจว่า ต่อจากนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยห่วงใยผมตลอดมา แต่ผมรู้เสมอว่าเธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆ เหมือนอย่างเคย เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมันว่าความสุข และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ตรงดินแดนแห่งความรักที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน… สักวันผมจะไปหาเธอ… หลับให้สบายนะครับ…มีน… หลับตาเถอะนะ…แล้วเราก็จะพบกันอาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ หลับตาเถอะนะ…ถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล หลับตานานนาน…คิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคน…หลับตาเถอะนะเธอ…

fw mail



Create Date : 27 กันยายน 2550
Last Update : 27 กันยายน 2550 20:02:59 น.
Counter : 629 Pageviews.

0 comment
คุณเชื่อไหมความรักฆ่าตัวมันเอง
คุณเชื่อไหมความรักฆ่าตัวมันเอง

คือ...เมื่อคุณรักใครมาก... ..จนตัวเองเริ่มรู้ว่าเรากำลังจะคลั่งตาย เพราะ..ความรัก
คือ...เมื่อคุณรักใครสักคน ...แต่เขารักคุณมากสะจนคุณอึดอัด
คือ...เมื่อคุณรักคนที่มีเจ้าของแล้ว คุณจะเลือกที่จะทำเรื่องที่ผิดให้เป็นเรื่องถูก
คือ...เมื่อคุณรอใครมาแสนนาน ..สุดท้ายความรักก็จะฆ่าตัวมันเอง

ความรักมันมักจะฆ่าตัวตาย เมื่อรู้ว่าความรักกำลังจะทำร้ายใคร
ความรักมักจะฆ่ากันเอง เมื่อมันเริ่มขัดแย้ง
ความรัก...กำลังจะตายลงช้าๆ เพียงเพราะ..รอใครบางคนนานเกิน

fw mail



Create Date : 27 กันยายน 2550
Last Update : 27 กันยายน 2550 20:02:14 น.
Counter : 586 Pageviews.

0 comment
เสียงในสาย

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบและความคิดของผม ผมบิดขี้เกียจหลังจากนั่งทำการบ้านมาสองชั่วโมงเต็ม ผมเกลียดการรับโทรศัพท์จะตาย แต่แม่กับพ่อก็ไปต่างจังหวัด ทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียว
- - ผมเดินไปที่โทรศัพท์แล้วปล่อยให้มันดังอีกสามครั้ง…จึงกรอกเสียงที่แสดงความหงุดหงิดเต็มที่ลงไป
"ฮัลโล!!"
"สวัสดีค่ะ เก๋อยู่มั้ยคะ" เสียงของผู้หญิงตอบมา เสียงของเธอน่าฟังจริง ๆ และจะน่าฟังยิ่งกว่านี้ถ้าผมไม่ได้หงุดหงิดอยู่
"ที่นี่ไม่มีคนชื่อเก๋" ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น
"ขอโทษนะคะ"
แล้วเธอก็วางหูไป ผมมองดูโทรศัพท์อยุ่ครู่นึงจึงวาง ผมลืมเรื่องนี้ไปหลายวัน
เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีโทรศัพท์ต่อผิดเข้ามาอีก จนกระทั่งอีกหลายวันถัดมา

"คุณมีเบอร์อะไรน่ะฮะ" ผมค่อนข้างหงุดหงิดที่เธอต่อสายผิดเป็นครั้งที่สอง แล้วยังมาที่บ้านผมด้วยสิ
เธอบอกเบอร์ที่บ้านผมอย่างชัดเจน แถมท้ายประโยคด้วยเสียงอ่อนหวานว่า "คุณหงุดหงิดพิมพ์หรือคะ"
ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอย่างง่าย ๆ จึงทำให้ผมเสียงอ่อนลง "คุณมาในสถานการณ์ที่ผมหงุดหงิดพอดีน่ะครับ คือผม….คิดเลขไม่ค่อยออก"
เธอหัวเราะด้วยเสียงใส ผมชอบเสียงนี้จริง ๆ "เอามาสิคะ…พิมพ์จะทำให้"
"จะดีหรือฮะ" ผมลังเล
"เอามาสิคะ"
เธอรบเร้าผมซ้ำอีก ผมจึงแกล้งบอกโจทย์ข้อที่คิดว่ายากที่สุดไป เธอเงียบไปแค่ห้าวินาที แล้วก็บอกคำตอบกับผม แล้วก็ค่อย ๆ ย้อนบอกวิธีทำทีละบรรทัด
ผมนึกถึงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายกับการทำเลขข้อที่เหลือ…จึงตัดสินใจให้เธอช่วยทำเลขต่อไปจนเสร็จ
เธอจะต้องเรียนเก่งมาก ๆ ทีเดียว
อะไรสักอย่างในตัวผมที่ทำให้เอ่ยถามเบอร์โทร.ของเธอ ผมรู้ตัวก็เมื่อเห็นเลขเจ็ดตัวอยู่ในกระดาษข้างหน้า
ผมงงกับการกระทำของตัวเอง เลยตอบเสียงอึกอักขอบคุณเธอไป
ก่อนนอนผมเอาแต่คิดถึงหน้าตาของเธอ ผมไม่อยากบอกเลยว่าผมกำลังถูกความรักเข้าครอบงำ ผมต้อง
ปิดบังเจ้าเพื่อนสอดรู้สอดเห็นของผมที่ใส่ใจกับความรักของผมมาแต่ไหนแต่ไร

เพื่อนตัวแสบของผมรวมกันให้ฉายาผมว่า "พ่อหนุ่มเนื้อหอม" ไม่เว้นแม้แต่พ่อของผมเอง แล้วในที่สุด เพื่อนตัวแสบนั้นก็โง่แต่เฉพาะเรื่องเรียน พวกมันลงความเห็นว่าผมกำลังมีสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก"
"หน้าตาเจ้าหล่อนที่ทำให้นายกานต์ พ่อหนุ่มเนื้อหอมของเราลุ่มหลงได้ขนาดนี้จะขนาดไหนวะ" เพื่อนตัวดีตั้งกระทู้ถาม
"ถึงขนาดลุ่มหลงเลยเหรอ" ผมท้วง ท้วงไปอย่างนั้นแหละ ผมรู้ว่ามันไม่ผิดไปจากความเป็นจริงสักเท่าไหร่
"เออสิวะ" เจ้าเพื่อนคนเดิมตอบ…ผมสังเกตว่าตัวผมกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในห้องเสียแล้ว
"เฮ้ยทุกท่าน คุณผู้หญิงทั้งหลาย นายกานต์สุดหล่อกำลังมีความรัก คุณสุภาพสตรีหมดสิทธิ์แล้วนะครับ"
ไอ้เวรตัวเดิมประกาศลั่น
"คือ~งี้ พี่กานต์" มันทำตัวเป็นผู้รู้เต็มที่
"กระผมเห็นว่าพี่กานต์เนี่ยขอบเหม่อลอย เรียกก็ไม่ค่อยได้ยิน… และที่สำคัญโทรไปทีไร พี่กานต์รับสายทุกที
ทั้งที่แต่ก่อนพี่กานต์เกลียดการับโทรศัพท์จะตาย"
"เฮ่ย ไม่มีใครอยู่บ้าน" ผมแก้ตัว
"คร้าบ ครับ ๆ ผมเชื่อ ว่าแต่เธอสวยแค่ไหน"
"ไม่รู้" ผมตอบ ให้ตายสิ ผมบอกความจริงไปทำไมนะ
"พี่ก๊านต์" ไอ้บ้านี่ตะโกน "นี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยเห็นหน้ากันเลยน่ะครับ"
"รู้ขื่อ รู้เบอร์โทร."
"พี่กานต์…ไอ้พี่กานต์ เย็นนี้กลับไป โทร.นัดดูตัวเลยนะครับ…คิดทบทวนดูดี ๆ นะครับ" แล้วมันก็เดินกลับไปที่โต๊ะเพราะสัญญานออดเข้าเรียนดังขึ้น ระหว่างทางจากโต๊ะผมมันประกาศเรื่องราวของผมไปตลอดทาง
เหตุที่เพื่อนฝูงใส่ใจกับความรักของผมคราวนี้มากนักก็เพราะว่าในวันที่สิบสี่กุมภามีดอกไม้มาวางที่โต๊ะ
ผมมากพอดูแต่ผมกลับไม่สนใจเลย
ชั่วโมงเรียนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมไม่สนใจเรื่องเรียนเลยแม้แต่น้อย เอาแต่คิดเรื่องที่เพื่อนของผมพูด
แล้วผมก็เห็นด้วยว่ามันพูดถูก
ผมไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้นเมื่อกลับถึงบ้าน ผมตรงเข้าไปที่โทรศัพท์ สูดลมหายใจลึก ๆ "เอาวะ" ผมนึกในใจ
แล้วกดหมายเลขที่ผมจำได้ดี
"สวัสดีค่ะ" เธอรับสายเอง
"ผมเอง กานต์" ผมรีบแนะนำตัวเอง เธอหัวเราะ หัวเราะแบบที่ผมชอบ
"พิมพ์เพิ่งรู้ชื่อคุณนะเนี่ย มีการบ้านเลขอีกหรือคะ"
ผมหัวเราะ เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่เคยบอกชื่อตัวเองกับเธอเลย ผมเห็นว่าไม่มีอะไรจะแก้ตัวด้วยความอยากได้ยินเสียงเธอไปได้ดีกว่าการให้เธอช่วยทำเลข
เมื่อการบ้านของผมเสร็จ ผมก็ยังไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมที่จะชวนเธอไปเที่ยวได้ ผมจึงอ้อยอิ่งให้เธอชวนผมคุยโดยบอกเหตุผมที่อย่างน้อยก็เป็นความจริงว่าผมคุยไม่เก่ง เธอหัวเราะ และก็เริ่มพูดทันที แล้วผมก็พบว่าเธอสามารถพูดให้ผมฟังอย่างไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว
"คุณรู้มั้ยคะ ว่าใครได้รับรางวัลออสการ์ไปมากที่สุด"
"ไม่รู้ฮะ" ผมชอบดูหนัง แต่ไม่มีความรู้ทางด้านสถิติ
"วอลต์ ดิสนีย์ค่ะ เขาได้ไป 24 ตัวกับรางวัลพิเศษอีก 6 ตัว"
ผมไม่เคยเบื่อคำถามของเธอเลย แบะผมยังต้องการให้เธอถามต่อไปอีก ผมกำลังรวมรวมความกล้าอยู่
"แล้วใครเอ่ยที่ได้รับรางวัลออสการ์ตอนที่มีอายุน้อยที่สุด"
"พิมพ์ฮะ" ผมตั้งใจจะพูดกับเธอ
"พิมพ์ไม่ได้เป็นดาราค่ะ"
ผมรวบรวมความกล้าที่กระจัดกระจายมารวมกัน แล้วก็กรอกเสียงลงไปอีกที…
"เราไปเที่ยวกันมั้ยฮะ" ไปแล้วความพยายามทั้งหมดของผม
"อืม… น่าสนใจนะคะ ขอเวลานอนคิดได้ไหมเอ่ย"
"ดีฮะ…" ผมว่าดีจริง เพราะถ้าเธอรับคำ "ค่ะ" ออกมาง่ายๆ ผมก็คงจะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
"คุณเป็นคนแปลก แปลกอย่างน่ากลัว"
เธอให้สัญญาว่าจะโทร.มาให้คำตอบโดยเร็ว ผมมีความมั่นใจว่าเธอจะต้องไปกับผมแน่ แม้จะบอกผมว่าผมชวนเธอเร็วเกินไป และผมก็ยังมีความมั่นใจลึก ๆ อีกว่าเธอจะต้องสวย เหตุผมอะไรไม่เช้าท่า แต่ผมคิดแบบนี้เพราะเสียงหัวเราะที่กังวานใส

ฝ่ายเจ้าเพื่อนตัวดีของผมก็พูดเป็นเชิงยอมรับเหมือนกันว่า
"นี่ขนาดแกได้ยินแค่เสียง แกยังหลงเธอขนาดนี้ แสดงว่าคุณพิมพ์ของนายนี่แน่ไม่เบา แก่ก็ยังไม่เคยตกหลุมรักใครเลยนี่หว่า ขนาดยัยอร- -ดาวโรงเรียนหรือยัยเขมิกาที่ให้ท่าแกเต็มที่ ยังต้องถอยเลยว่ะ" ผมก็เห็นด้วย
"ว่าแต่นัดพบกันหรือยัง"
"นัดแล้ว" นึกในใจว่าพูดความจริงนะ แต่ยังไม่หมด นัดแล้วแต่เธอยังไม่ตอบรับเท่านั้นเอง "ว่าแต่.. ถ้าเขามีแฟนแล้วหละ" ผมถามไปอย่างนั้นเอง
"นี่พี่กานต์" มันเรียกผมว่าพี่อีก เมื่อต้องการจะสั่งสอนผมเหมือนเด็กสั่งสอนผู้ใหญ่ "พี่กานต์โง่หรือเซ่อครับ…ถ้าเขามีแฟนน่ะเข้าคงไม่ยอมเดทกับพี่กานต์หรอก"
ผมก็เห็นด้วยอีกนั่นแหละ
เมื่อผมกลับถึงบ้าน ผมก็ไม่คิดจะทำอย่างอื่นเลย นอกจากนั่งเฝ้าอยู่หน้าโทรศัพท์ แล้วสิ่งที่ผมรอก็มาถึง
"ตกลงค่ะ" คำสองคำนี้ ทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของผมกลับลอยขึ้นมาได้
"เราคงต้องตกลงแบบของเสื้อผ้าที่จะใส่นะฮะ เพื่อที่จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร" แล้วสมองผมก็นึกถึงเสื้อผ้าในตู้ นึกถึงเสื่อผ้าตัวเก่ง "ผมจะใส่เสื้อเชิ๊ตยีนส์แบบรูดซิป กับกางเกงยีนส์สีน้ำตาลไหม้นะครับ"
"อืม… พิมพ์จะใส่ชุดติดกัน เป็นกางเกงขายาวกับเสื้อแขนกุดสีครีมนะ ว่าแต่เราเจอกันที่ไหนดี"
ผมบอกถึงแหล่งวัยรุ่นใจกลางเมือง เธอตอบรับ
"นัดแรกก็บอดเสียแล้ว" เธอพูดเหมือนบ่น
ผมหัวเราะ หัวเราะแบบที่หวังว่าเธอจะชอบ
"ผมก็เหมือนกันฮะ" ผมตอบ
"ไปเช้าๆ นะคะ พิมพ์จะรอ"
ผมนอนกระสับกระส่ายทั้งคืนด้วยความตื่นเต้นในความคิด ผมคิดถึงหน้าตาของคู่นัดบอดของผม

ผมเร่งรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วขึ้นรถเมล์ไปยังที่นัดหมาย แต่เจ้าอุปสรรคตัวดีก็เกิดขึ้นจนได้ อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการจราจรในกรุงเทพฯมันเอาแน่ไม่ได้ ผมหงุดหงิดกับปัญหานี้ยิ่งกว่าตอนไปโรงเรียนสายเสียอีก
ผมไปถึงที่นัดหมายค่อนข้างช้า แต่ก็ยังไม่เห็นใครใส่ชุดติดกันอย่างที่ว่า ผมเห็นแต่ฝูงชนที่มุงกันอยู่ข้างหน้า จะเป็นไปด้วยแรงบันดาลใจอันใดก็ไม่อาจรู้ได้ ทำให้ผมแหวกฝูงชนไปจนถึงตัวผู้เคราะห์ร้าย
เธอเป็นผู้หญิง เธอใส่ชุดเสื้อแขนกุดกับกางเกงขายาวติดกันเหมือนคนที่ผมรอทุกอย่าง เพียงแต่ว่าชุดนั้นเป็นสีครีม…สีครีมที่เปื้อนเลือด
รถพยาบาลมาถึงแล้ว ผมอ้างว่าเป็นพี่ชายของเธอ แล้วก็กระโจนขึ้นรถฉุกเฉินทันที อะไรบางอย่างทำให้ผมทำอย่างนั้น ผมถือวิสาสะค้นกระเป๋าสตางค์ของเธอ
บ้านเธอก็อยู่ใกล้ๆ บ้านผม เธอมีรูปถ่ายที่เตรียมไว้ให้ผมด้วย
เธอชื่อพิมพ์
เธอมีลมหายใจอ่อน ๆ กลับมาอีกครั้ง หลังจากแพทย์พยายามทำอะไรหลายอย่างที่ผมไม่ใส่ใจ ผมทำอะไรไม่ถูกอีกแล้วนอกจากกุมมือเธอไว้แน่น กระซิบที่ข้างหูเธอว่า "ผมเอง กานต์เองครับ"
ผมเห็นเธอยิ้ม… มันเป็นยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา มันทำให้ผมก้มลงเอาริมฝีปากแตะที่แก้มของเธอเบาๆ เธอหลับตาลง เป็นการหลับชั่วนิรันดร์
เธอจากไปในช่วงเวลาที่เธอมีความสุข หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าเธอมีความสุข เพราะเธอจะยิ้มไปตลอดกาล
ผมให้เบอร์โทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเพื่อติดต่อกับญาติของเธอ
….ทางกลับบ้านนั้นกลายเป็นสีเทาไป โทรศัพท์ที่บ้านไม่มีความหมายอีกต่อไป ถ้าผมพูดโทรศัพท์แล้วปราศจากเสียงหัวเราะใสๆ นั้น ผมจะพูดไปเพื่ออะไร
ผมจ้องมองดูรูปเธอ จ้องดูรอยยิ้มที่เคยบมีเสียงหัวเราะให้แก่ผม
แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาแต่ไกล เสียงหัวเราะใสๆ เสียงที่ผมได้ยินในโทรศัพท์
เสียงในสาย…

fw mail



Create Date : 25 กันยายน 2550
Last Update : 25 กันยายน 2550 0:37:31 น.
Counter : 629 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend