เสียงในสาย

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบและความคิดของผม ผมบิดขี้เกียจหลังจากนั่งทำการบ้านมาสองชั่วโมงเต็ม ผมเกลียดการรับโทรศัพท์จะตาย แต่แม่กับพ่อก็ไปต่างจังหวัด ทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียว
- - ผมเดินไปที่โทรศัพท์แล้วปล่อยให้มันดังอีกสามครั้ง…จึงกรอกเสียงที่แสดงความหงุดหงิดเต็มที่ลงไป
"ฮัลโล!!"
"สวัสดีค่ะ เก๋อยู่มั้ยคะ" เสียงของผู้หญิงตอบมา เสียงของเธอน่าฟังจริง ๆ และจะน่าฟังยิ่งกว่านี้ถ้าผมไม่ได้หงุดหงิดอยู่
"ที่นี่ไม่มีคนชื่อเก๋" ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น
"ขอโทษนะคะ"
แล้วเธอก็วางหูไป ผมมองดูโทรศัพท์อยุ่ครู่นึงจึงวาง ผมลืมเรื่องนี้ไปหลายวัน
เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีโทรศัพท์ต่อผิดเข้ามาอีก จนกระทั่งอีกหลายวันถัดมา

"คุณมีเบอร์อะไรน่ะฮะ" ผมค่อนข้างหงุดหงิดที่เธอต่อสายผิดเป็นครั้งที่สอง แล้วยังมาที่บ้านผมด้วยสิ
เธอบอกเบอร์ที่บ้านผมอย่างชัดเจน แถมท้ายประโยคด้วยเสียงอ่อนหวานว่า "คุณหงุดหงิดพิมพ์หรือคะ"
ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอย่างง่าย ๆ จึงทำให้ผมเสียงอ่อนลง "คุณมาในสถานการณ์ที่ผมหงุดหงิดพอดีน่ะครับ คือผม….คิดเลขไม่ค่อยออก"
เธอหัวเราะด้วยเสียงใส ผมชอบเสียงนี้จริง ๆ "เอามาสิคะ…พิมพ์จะทำให้"
"จะดีหรือฮะ" ผมลังเล
"เอามาสิคะ"
เธอรบเร้าผมซ้ำอีก ผมจึงแกล้งบอกโจทย์ข้อที่คิดว่ายากที่สุดไป เธอเงียบไปแค่ห้าวินาที แล้วก็บอกคำตอบกับผม แล้วก็ค่อย ๆ ย้อนบอกวิธีทำทีละบรรทัด
ผมนึกถึงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายกับการทำเลขข้อที่เหลือ…จึงตัดสินใจให้เธอช่วยทำเลขต่อไปจนเสร็จ
เธอจะต้องเรียนเก่งมาก ๆ ทีเดียว
อะไรสักอย่างในตัวผมที่ทำให้เอ่ยถามเบอร์โทร.ของเธอ ผมรู้ตัวก็เมื่อเห็นเลขเจ็ดตัวอยู่ในกระดาษข้างหน้า
ผมงงกับการกระทำของตัวเอง เลยตอบเสียงอึกอักขอบคุณเธอไป
ก่อนนอนผมเอาแต่คิดถึงหน้าตาของเธอ ผมไม่อยากบอกเลยว่าผมกำลังถูกความรักเข้าครอบงำ ผมต้อง
ปิดบังเจ้าเพื่อนสอดรู้สอดเห็นของผมที่ใส่ใจกับความรักของผมมาแต่ไหนแต่ไร

เพื่อนตัวแสบของผมรวมกันให้ฉายาผมว่า "พ่อหนุ่มเนื้อหอม" ไม่เว้นแม้แต่พ่อของผมเอง แล้วในที่สุด เพื่อนตัวแสบนั้นก็โง่แต่เฉพาะเรื่องเรียน พวกมันลงความเห็นว่าผมกำลังมีสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก"
"หน้าตาเจ้าหล่อนที่ทำให้นายกานต์ พ่อหนุ่มเนื้อหอมของเราลุ่มหลงได้ขนาดนี้จะขนาดไหนวะ" เพื่อนตัวดีตั้งกระทู้ถาม
"ถึงขนาดลุ่มหลงเลยเหรอ" ผมท้วง ท้วงไปอย่างนั้นแหละ ผมรู้ว่ามันไม่ผิดไปจากความเป็นจริงสักเท่าไหร่
"เออสิวะ" เจ้าเพื่อนคนเดิมตอบ…ผมสังเกตว่าตัวผมกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในห้องเสียแล้ว
"เฮ้ยทุกท่าน คุณผู้หญิงทั้งหลาย นายกานต์สุดหล่อกำลังมีความรัก คุณสุภาพสตรีหมดสิทธิ์แล้วนะครับ"
ไอ้เวรตัวเดิมประกาศลั่น
"คือ~งี้ พี่กานต์" มันทำตัวเป็นผู้รู้เต็มที่
"กระผมเห็นว่าพี่กานต์เนี่ยขอบเหม่อลอย เรียกก็ไม่ค่อยได้ยิน… และที่สำคัญโทรไปทีไร พี่กานต์รับสายทุกที
ทั้งที่แต่ก่อนพี่กานต์เกลียดการับโทรศัพท์จะตาย"
"เฮ่ย ไม่มีใครอยู่บ้าน" ผมแก้ตัว
"คร้าบ ครับ ๆ ผมเชื่อ ว่าแต่เธอสวยแค่ไหน"
"ไม่รู้" ผมตอบ ให้ตายสิ ผมบอกความจริงไปทำไมนะ
"พี่ก๊านต์" ไอ้บ้านี่ตะโกน "นี่อย่าบอกนะว่าไม่เคยเห็นหน้ากันเลยน่ะครับ"
"รู้ขื่อ รู้เบอร์โทร."
"พี่กานต์…ไอ้พี่กานต์ เย็นนี้กลับไป โทร.นัดดูตัวเลยนะครับ…คิดทบทวนดูดี ๆ นะครับ" แล้วมันก็เดินกลับไปที่โต๊ะเพราะสัญญานออดเข้าเรียนดังขึ้น ระหว่างทางจากโต๊ะผมมันประกาศเรื่องราวของผมไปตลอดทาง
เหตุที่เพื่อนฝูงใส่ใจกับความรักของผมคราวนี้มากนักก็เพราะว่าในวันที่สิบสี่กุมภามีดอกไม้มาวางที่โต๊ะ
ผมมากพอดูแต่ผมกลับไม่สนใจเลย
ชั่วโมงเรียนผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมไม่สนใจเรื่องเรียนเลยแม้แต่น้อย เอาแต่คิดเรื่องที่เพื่อนของผมพูด
แล้วผมก็เห็นด้วยว่ามันพูดถูก
ผมไม่ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้นเมื่อกลับถึงบ้าน ผมตรงเข้าไปที่โทรศัพท์ สูดลมหายใจลึก ๆ "เอาวะ" ผมนึกในใจ
แล้วกดหมายเลขที่ผมจำได้ดี
"สวัสดีค่ะ" เธอรับสายเอง
"ผมเอง กานต์" ผมรีบแนะนำตัวเอง เธอหัวเราะ หัวเราะแบบที่ผมชอบ
"พิมพ์เพิ่งรู้ชื่อคุณนะเนี่ย มีการบ้านเลขอีกหรือคะ"
ผมหัวเราะ เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่เคยบอกชื่อตัวเองกับเธอเลย ผมเห็นว่าไม่มีอะไรจะแก้ตัวด้วยความอยากได้ยินเสียงเธอไปได้ดีกว่าการให้เธอช่วยทำเลข
เมื่อการบ้านของผมเสร็จ ผมก็ยังไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมที่จะชวนเธอไปเที่ยวได้ ผมจึงอ้อยอิ่งให้เธอชวนผมคุยโดยบอกเหตุผมที่อย่างน้อยก็เป็นความจริงว่าผมคุยไม่เก่ง เธอหัวเราะ และก็เริ่มพูดทันที แล้วผมก็พบว่าเธอสามารถพูดให้ผมฟังอย่างไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว
"คุณรู้มั้ยคะ ว่าใครได้รับรางวัลออสการ์ไปมากที่สุด"
"ไม่รู้ฮะ" ผมชอบดูหนัง แต่ไม่มีความรู้ทางด้านสถิติ
"วอลต์ ดิสนีย์ค่ะ เขาได้ไป 24 ตัวกับรางวัลพิเศษอีก 6 ตัว"
ผมไม่เคยเบื่อคำถามของเธอเลย แบะผมยังต้องการให้เธอถามต่อไปอีก ผมกำลังรวมรวมความกล้าอยู่
"แล้วใครเอ่ยที่ได้รับรางวัลออสการ์ตอนที่มีอายุน้อยที่สุด"
"พิมพ์ฮะ" ผมตั้งใจจะพูดกับเธอ
"พิมพ์ไม่ได้เป็นดาราค่ะ"
ผมรวบรวมความกล้าที่กระจัดกระจายมารวมกัน แล้วก็กรอกเสียงลงไปอีกที…
"เราไปเที่ยวกันมั้ยฮะ" ไปแล้วความพยายามทั้งหมดของผม
"อืม… น่าสนใจนะคะ ขอเวลานอนคิดได้ไหมเอ่ย"
"ดีฮะ…" ผมว่าดีจริง เพราะถ้าเธอรับคำ "ค่ะ" ออกมาง่ายๆ ผมก็คงจะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
"คุณเป็นคนแปลก แปลกอย่างน่ากลัว"
เธอให้สัญญาว่าจะโทร.มาให้คำตอบโดยเร็ว ผมมีความมั่นใจว่าเธอจะต้องไปกับผมแน่ แม้จะบอกผมว่าผมชวนเธอเร็วเกินไป และผมก็ยังมีความมั่นใจลึก ๆ อีกว่าเธอจะต้องสวย เหตุผมอะไรไม่เช้าท่า แต่ผมคิดแบบนี้เพราะเสียงหัวเราะที่กังวานใส

ฝ่ายเจ้าเพื่อนตัวดีของผมก็พูดเป็นเชิงยอมรับเหมือนกันว่า
"นี่ขนาดแกได้ยินแค่เสียง แกยังหลงเธอขนาดนี้ แสดงว่าคุณพิมพ์ของนายนี่แน่ไม่เบา แก่ก็ยังไม่เคยตกหลุมรักใครเลยนี่หว่า ขนาดยัยอร- -ดาวโรงเรียนหรือยัยเขมิกาที่ให้ท่าแกเต็มที่ ยังต้องถอยเลยว่ะ" ผมก็เห็นด้วย
"ว่าแต่นัดพบกันหรือยัง"
"นัดแล้ว" นึกในใจว่าพูดความจริงนะ แต่ยังไม่หมด นัดแล้วแต่เธอยังไม่ตอบรับเท่านั้นเอง "ว่าแต่.. ถ้าเขามีแฟนแล้วหละ" ผมถามไปอย่างนั้นเอง
"นี่พี่กานต์" มันเรียกผมว่าพี่อีก เมื่อต้องการจะสั่งสอนผมเหมือนเด็กสั่งสอนผู้ใหญ่ "พี่กานต์โง่หรือเซ่อครับ…ถ้าเขามีแฟนน่ะเข้าคงไม่ยอมเดทกับพี่กานต์หรอก"
ผมก็เห็นด้วยอีกนั่นแหละ
เมื่อผมกลับถึงบ้าน ผมก็ไม่คิดจะทำอย่างอื่นเลย นอกจากนั่งเฝ้าอยู่หน้าโทรศัพท์ แล้วสิ่งที่ผมรอก็มาถึง
"ตกลงค่ะ" คำสองคำนี้ ทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของผมกลับลอยขึ้นมาได้
"เราคงต้องตกลงแบบของเสื้อผ้าที่จะใส่นะฮะ เพื่อที่จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร" แล้วสมองผมก็นึกถึงเสื้อผ้าในตู้ นึกถึงเสื่อผ้าตัวเก่ง "ผมจะใส่เสื้อเชิ๊ตยีนส์แบบรูดซิป กับกางเกงยีนส์สีน้ำตาลไหม้นะครับ"
"อืม… พิมพ์จะใส่ชุดติดกัน เป็นกางเกงขายาวกับเสื้อแขนกุดสีครีมนะ ว่าแต่เราเจอกันที่ไหนดี"
ผมบอกถึงแหล่งวัยรุ่นใจกลางเมือง เธอตอบรับ
"นัดแรกก็บอดเสียแล้ว" เธอพูดเหมือนบ่น
ผมหัวเราะ หัวเราะแบบที่หวังว่าเธอจะชอบ
"ผมก็เหมือนกันฮะ" ผมตอบ
"ไปเช้าๆ นะคะ พิมพ์จะรอ"
ผมนอนกระสับกระส่ายทั้งคืนด้วยความตื่นเต้นในความคิด ผมคิดถึงหน้าตาของคู่นัดบอดของผม

ผมเร่งรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วขึ้นรถเมล์ไปยังที่นัดหมาย แต่เจ้าอุปสรรคตัวดีก็เกิดขึ้นจนได้ อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการจราจรในกรุงเทพฯมันเอาแน่ไม่ได้ ผมหงุดหงิดกับปัญหานี้ยิ่งกว่าตอนไปโรงเรียนสายเสียอีก
ผมไปถึงที่นัดหมายค่อนข้างช้า แต่ก็ยังไม่เห็นใครใส่ชุดติดกันอย่างที่ว่า ผมเห็นแต่ฝูงชนที่มุงกันอยู่ข้างหน้า จะเป็นไปด้วยแรงบันดาลใจอันใดก็ไม่อาจรู้ได้ ทำให้ผมแหวกฝูงชนไปจนถึงตัวผู้เคราะห์ร้าย
เธอเป็นผู้หญิง เธอใส่ชุดเสื้อแขนกุดกับกางเกงขายาวติดกันเหมือนคนที่ผมรอทุกอย่าง เพียงแต่ว่าชุดนั้นเป็นสีครีม…สีครีมที่เปื้อนเลือด
รถพยาบาลมาถึงแล้ว ผมอ้างว่าเป็นพี่ชายของเธอ แล้วก็กระโจนขึ้นรถฉุกเฉินทันที อะไรบางอย่างทำให้ผมทำอย่างนั้น ผมถือวิสาสะค้นกระเป๋าสตางค์ของเธอ
บ้านเธอก็อยู่ใกล้ๆ บ้านผม เธอมีรูปถ่ายที่เตรียมไว้ให้ผมด้วย
เธอชื่อพิมพ์
เธอมีลมหายใจอ่อน ๆ กลับมาอีกครั้ง หลังจากแพทย์พยายามทำอะไรหลายอย่างที่ผมไม่ใส่ใจ ผมทำอะไรไม่ถูกอีกแล้วนอกจากกุมมือเธอไว้แน่น กระซิบที่ข้างหูเธอว่า "ผมเอง กานต์เองครับ"
ผมเห็นเธอยิ้ม… มันเป็นยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา มันทำให้ผมก้มลงเอาริมฝีปากแตะที่แก้มของเธอเบาๆ เธอหลับตาลง เป็นการหลับชั่วนิรันดร์
เธอจากไปในช่วงเวลาที่เธอมีความสุข หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าเธอมีความสุข เพราะเธอจะยิ้มไปตลอดกาล
ผมให้เบอร์โทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเพื่อติดต่อกับญาติของเธอ
….ทางกลับบ้านนั้นกลายเป็นสีเทาไป โทรศัพท์ที่บ้านไม่มีความหมายอีกต่อไป ถ้าผมพูดโทรศัพท์แล้วปราศจากเสียงหัวเราะใสๆ นั้น ผมจะพูดไปเพื่ออะไร
ผมจ้องมองดูรูปเธอ จ้องดูรอยยิ้มที่เคยบมีเสียงหัวเราะให้แก่ผม
แล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาแต่ไกล เสียงหัวเราะใสๆ เสียงที่ผมได้ยินในโทรศัพท์
เสียงในสาย…

fw mail



Create Date : 25 กันยายน 2550
Last Update : 25 กันยายน 2550 0:37:31 น.
Counter : 630 Pageviews.

1 comments
  
T_Tเรื่องเศร้าจัง
โดย: klinkeawnarong วันที่: 26 กันยายน 2550 เวลา:22:40:46 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend